กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 923

“พี่หญิง ท่านต้องการทำให้น้ำแข็งที่น่ารังเกียจเหล่านั้นละลายอย่างนั้นหรือ?”

กู้ชูหน่วนฝืนพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อพยักหน้าตอบ

จอมมารถอนหายใจและกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “พี่หญิงพูดให้เร็วกว่านี้สิ การทำให้น้ำแข็งเหล่านั้นละลายเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว”

เขายื่นมือออกไปถอดรองเท้าและถุงเท้าของนาง จากนั้นให้นางขี่หลังเดินไปริมแม่น้ำที่อยู่ไม่ไกลออกไป และตักน้ำในแม่น้ำขึ้นมา แล้วพรมที่ฝ่าเท้าของนางอย่างต่อเนื่อง

กู้ชูหน่วนกลอกตาขาวใส่

คิดว่าเขาจะมีวิธีการที่ดีอะไร

นางรู้สึกหนาวเหน็บเย็นยะเยือกจากภายในสู่ภายนอก แม้แต่เลือดและไขกระดูกก็แทบจับตัวเป็นน้ำแข็ง

เพียงแค่ตักน้ำในแม่น้ำเพียงเล็กน้อยเพื่อรดฝ่าเท้าของนางจะมีประโยชน์อะไร?

พาตัวของนางลงไปในแม่น้ำยังจะดีเสียกว่า อาจจะสามารถบรรเทาได้บ้าง

“พี่หญิง ท่านลองขยับเท้าดูสิ”

กู้ชูหน่วนลองแล้ว แต่ไม่สามารถขยับได้เลยแม้แต่นิดเดียว

“ขยับไม่ได้ก็ถูกแล้ว ท่านอดทนไว้นะ เจ็บเล็กน้อย”

จอมมารมองไปรอบๆ สุดท้ายก็หาก้อนหินก้อนใหญ่มาได้หนึ่งก้อน จากนั้นวัดขนาดกับฝ่าเท้าของนางอยู่ครู่หนึ่ง

นางแทบอยากจะเป็นลมหมดสติไปเสียตอนนี้เลย

เจ้าหมาน้อยตัวนี้ ในหัวของเขากำลังคิดอะไรอยู่นะ?

นางหนาวเหน็บ

เขาถือก้อนหินมาโยนใส่นางเพื่ออะไร?

ประเดี๋ยวนางคงไม่ได้หนาวตาย แต่คงถูกเขาทับจนตายเสียก่อน

กู้ชูหน่วนคิดอยากจะห้ามเขา แต่กลับพูดไม่ออก และทำได้เพียงมองดูเขาเคลื่อนย้ายก้อนหินก้อนใหญ่อย่างลำบาก จากนั้นทุบก้อนหินก้อนใหญ่นั้นไปที่ฝ่าเท้าของนางอย่างแรง

ซี๊ด……

เจ็บ……

กู้ชูหน่วนกระโดดขึ้นทันที จากนั้นกุมฝ่าเท้าของตัวเองและกระโดดไปมาไม่หยุด

“เจ้าหมาน้อย เจ้าคิดอยากฆ่าข้าให้ตายอย่างนั้นหรือ?”

จอมมารยิ้มหัวเราะอย่างโง่เขลา “พี่หญิง น้ำแข็งบนร่างกายของท่านกำลังละลายแล้ว……”

จากนั้นกู้ชูหน่วนจึงรับรู้ได้ว่า ร่างกายของตัวเองไม่รู้สึกแข็งทื่ออีกต่อไป และร่างกายก็ไม่รู้สึกว่าเจ็บปวดเช่นนั้นแล้ว

นี่……?

“อันที่จริงกรีดเลือดที่ฝ่าเท้าของท่านก็ได้แล้ว แต่อาม่อกลัวว่าที่หญิงจะเสียเลือด ฉะนั้นอาม่อจึงใช้วิธีทุบ”

“กรีดเลือดออกมาก็ได้แล้วหรือ?”

“ใช่สิ”

แม้ว่ากู้ชูหน่วนจะเชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคมากเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเหตุใดการปล่อยเลือดที่ฝ่าเท้าออกมา จะทำให้โรคเยือกแข็งของนางสามารถบรรเทาลงได้รวดเร็วเช่นนี้

เป็นเพราะฝ่าเท้าเชื่อมต่อกับหัวใจ?

ไม่ง่ายดายเช่นนั้นหรอกกระมัง

“เจ็บปวดจนเท้าของข้าแทบพิการแล้ว เจ้ากรีดเลือดที่ฝ่าเท้าของข้ายังจะดีเสียกว่า”

นางลองรวบรวมกำลังภายใน แต่กลับไม่สามารถใช้พละกำลังภายในร่างกายของนางได้เลยสักนิด

แต่กลับค่อยๆ เริ่มรู้สึกหนาวเหน็บขึ้นอีกครั้ง

เพราะเยี่ยจิ่งหานสอนไม่ถูก หรือว่านางเรียนไม่ถูกต้อง?

“อาม่อ มีวิธีการกำจัดโรคเยือกแข็งในร่างกายของข้าออกไปอย่างหมดสิ้นหรือไม่?”

“มีสิ”

“วิธีการเช่นใดหรือ”

“ทำลายวรยุทธ์ของตัวเองก็ได้แล้ว”

“……”

“การฝืนบังคับเพิ่มพละกำลังของวรยุทธ์ เบาหน่อยก็เพียงแค่พิการ หนักหน่อยก็ทำให้ตายได้ แต่พละกำลังวรยุทธ์ของพี่หญิงที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ น่าจะระเบิดร่างกายจนตายไปนานแล้ว”

“……”

“ที่พี่หญิงยังมีชีวิตอยู่นี้ คาดว่าคนมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำแน่ๆ”

ใครบอกว่าอาม่อโง่เขลา?

เขาฉลาดหลักแหลมกว่าใครๆ เสียอีก

คนโง่เขลาคนหนึ่งรู้เรื่องค่ายกล?

เข้าใจศิลปะการต่อสู้?

สามารถมองออกมากเช่นนี้?

“พี่หญิงจะรีบร้อนใจเช่นนี้ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นต่อให้เก่งกาจมากเพียงใด จะต้องมีผลเสียกลับมาแน่ๆ”

“มันกำลังแว้งกลับมาหาข้าแล้วไม่ใช่หรือ? ข้ารู้สึกว่าร่างกายยิ่งหนาวเหน็บขึ้นอีกแล้ว เจ้ารีบกรีดเลือดที่ฝ่าเท้าของข้าเดี๋ยวนี้ เราหลบเลี่ยงพวกเขาก่อน จากนั้นข้าค่อยรักษาร่างกายของตัวเอง”

“เจ้าลองตรงนี้สิ”

จอมมารชี้ไปที่จุดฝังเข็มบนเรือนร่างของนางหลายจุด

เขาไม่รู้จักชื่อของจุดฝังเข็มเหล่านั้น แต่จุดฝังเข็มทุกจุดนั้นล้วนแม่นยำไร้ข้อผิดพลาด

ผ่านมาแล้วหลายครั้ง กู้ชูหน่วนเชื่อใจเขาและทำการรวบรวมกำลังภายในทันทีโดยไม่คิดอะไร ทำให้โรคเยือกแข็งในร่างกายถูกกำจัดไปมาก

“พี่หญิงพยายามปรับการหายใจหนึ่งเดือน จากนั้นจะทำให้เส้นลมปราณที่ย้อนกลับค่อยๆ ดีขึ้น และจะมีประโยชน์ต่อการเพิ่มระดับขึ้นของท่านในอนาคตได้อย่างแน่นอน”

เมื่อสามารถควบคุมลมหายใจได้แล้ว

กู้ชูหน่วนก็รู้สึกดีขึ้นมาก

ร่างกายรู้สึกโล่งและเบากว่าเมื่อก่อนมาก และมีความรู้สึกว่ายังพอสามารถเพิ่มระดับขั้นของวรยุทธ์ได้อีก

นางดีใจอย่างมาก

จอมมารกลับกล่าวว่า “รวบรวมกำลังก่อน ไม่สามารถเพิ่มไปกว่านี้ได้อีกแล้ว ไม่เช่นนั้นผลเสียที่ย้อนกลับจะยิ่งรุนแรงกว่าวันนี้”

“ในอดีตเจ้าเคยเรียนศิลปะการต่อสู้หรือ?”

จอมมารส่ายหน้า และกล่าวตะกุกตะกัก “ไม่รู้”

“เช่นนั้นเหตุใดเจ้าถึงรู้มากมายเช่นนี้?”

“ไม่รู้”

ถึงแม้ว่าจอมมารจะไม่รู้อะไรเลย แต่กู้ชูหน่วนก็เชื่อมั่นอย่างแน่นอนว่า แม้ว่าเขาจะไม่รู้ศิลปะการต่อสู้ เช่นนั้นแล้วพละกำลังที่แท้จริงของเขาจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

ไม่เช่นนั้น เรื่องที่นางและเยี่ยจิ่งหานไม่รู้อะไรเลย เขาจะรู้ดีมากเช่นนั้นได้อย่างไร?

“ชิ้วๆๆ……”

ลูกศรเย็นเฉียบเต็มท้องฟ้าและปกคลุมสายฝนถูกยิงออกมา กู้ชูหน่วนจับจอมมารไว้และจากนั้นใช้มือขวาดึงเสื้อคลุมตัวนอกออก จากนั้นรวบรวมกำลังภายในออกมาปกคลุม เพื่อป้องกันและหยุดฝนธนูจำนวนมากเหล่านั้น

“นางปีศาจ เจ้าปีศาจร้าย พวกเจ้ายังคิดจะหนีไปที่ไหนอีก”

เมื่อฝนธนูหยุดลง กู้ชูหน่วนและจอมมารถูกปิดล้อม

กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้นมอง และไม่แปลกใจเลยว่ากลุ่มคนที่เข้ามาปิดล้อมพวกนางนั้น เป็นคนของสำนักใหญ่อีกแล้ว

เพียงแต่ครั้งนี้ยังมีผู้นำและผู้อาวุโสทั้งหลายของตระกูลใหญ่ทั้งสี่ สถานการณ์ตอนนี้นั้นเหมือนกับในพิธีสังเวยยังไงยังงั้น

คนเหล่านี้อีกแล้ว

คนพวกนี้ช่างตามรังควานไม่ลดละ ไม่ว่าไปที่ใดก็ติดตามไม่เลิก

ท่านผู้เฒ่าหนิงกล่าวเกลี้ยกล่อมออกมาด้วยความลำบากใจ “คนที่มีดวงตาหลากสี เป็นเรื่องต้องห้ามของดินแดงวิญญาณเยือกแข็งนี้ ถือเป็นปีศาจร้าย หากมีคนที่มีดวงตาหลากสี กำจัดต้องกำจัดทิ้งเท่านั้น แม่สาวน้อย เหตุใดเจ้าถึงต้องเข้าไปข้องเกี่ยวกับคนที่สมควรตาย เพื่อให้ตัวเองต้องลำบากไปด้วย”

“พูดกับนางไปมากมายเช่นนั้นเพื่ออะไร นางฆ่าคนของตระกูลไป๋หลี่ของข้าไปเป็นจำนวนมาก วันนี้ใครขอร้องแทนนาง ตระกูลไป๋หลี่ของพวกข้าก็จะฆ่าเขาไปด้วยไม่ให้เหลือ”

ผู้นำของตระกูลไป๋หลี่กล่าวขึ้นมาด้วยตัวเอง ใครจะกล้าช่วยนาง?

อีกทั้งทุกคนในที่นี้ก็ไม่มีใครคิดจะปล่อยกู้ชูหน่วนไป

อาการเส้นลมปราณย้อนกลับของกู้ชูหน่วนยังรักษาไม่หายดี เพียงแค่รวบรวมกำลังภายในก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก และหนาวเหน็บแทบทนไม่ได้

อีกทั้งยังต้องเผชิญหน้ากับสำนักและตระกูลใหญ่เหล่านี้

กู้ชูหน่วนกุมมือของจอมมารเอาไว้แน่น และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาม่อ คาดว่าวันนี้เราคงต้องลงมือต่อสู้กันเสียหน่อยแล้ว เจ้ากลัวหรือไม่?”

“ไม่กลัว”

“ดี เช่นนั้นก็มาสู้กันเถอะ ข้าสัญญา ขอเพียงข้ายังมีลมหายใจอยู่ ข้าไม่มีทางให้เจ้าต้องตายไปต่อหน้าของข้าอย่างแน่นอน”

“อืม”

จอมมารยิ้มอย่างอ่อนหวาน เขาชอบที่กู้ชูหน่วนใช้สายตาแห่งความรักโปรดปราน และน้ำเสียงเช่นนี้กับเขา

“ไม่รู้ที่เป็นที่ตายเอาเสียเลย”

ผู้นำตระกูลไป๋หลี่ถอนหายใจออกมาอย่างเยือกเย็น เมื่อเขาโบกมือ ใยแมงมุมก็พันกันเป็นใยแมงมุมขนาดใหญ่ที่ปกคลุมกู้ชูหน่วน

ดวงตาของท่านผู้เฒ่าหนิงแข็งทื่อเล็กน้อย

“เส้นใยแมงมุมพิษ”

นี่ถือเป็นศิลปะการต่อสู้ที่เป็นเอกลักษณ์ของไป๋หลี่ป้า

ความร้ายแรงนั้นทรงพลังอย่างมาก

หากถูกเส้นใยแมงมุมเข้า ร่างกายจะสึกกร่อนและสุดท้ายจะไม่เหลือแม้แต่กระดูกแม้แต่ชิ้นเดียว

กู้ชูหน่วนปล่อยมือของจอมมาร จากนั้นหยิบดาบอ่อนที่เหน็บที่เอวออกมา และชี้ดาบขึ้นไปบนท้องฟ้า เพื่อให้เกิดฟ้าร้องและให้ฟ้าผ่าลงมาที่เส้นใยแมงมุม

“ครื้น……”

พื้นดินสั่นสะเทือนครั้งแล้วครั้งเล่า

คนจำนวนไม่น้อยแทบยืนไม่อยู่กับที่

กำลังของปราณดาบและใยแมงมุมปะทะเข้าหากัน ถึงแม้ว่าเส้นใยแมงมุมจะขาด แต่กลับไร้ประโยชน์ มันกลับกลายร่างเป็นเป็นเส้นใยแมงมุมที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

เส้นใยแมงมุมพันกันไปมา แต่ละเส้นนั้นราวกับมีดวงตาซึ่งเต็มไปด้วยรัศมีแห่งการฆ่ายังไงยังงั้น

กู้ชูหน่วนยกดาบขึ้นเพื่อทำการตัดเส้นใยแมงมุม

แต่เส้นใยแมงมุมนั้นมีจำนวนมากนับพันนับหมื่นเส้น

แต่ละเส้นนั้นสามารถฆ่าคนได้เลยทีเดียว

ไม่ว่าปราณดาบของกู้ชูหน่วนจะทรงพลังและอำมหิตมากเพียงใด ก็ไม่สามารถทำลายเส้นใยแมงมุมทั้งหมดลงได้

อย่างไรก็ตามเส้นใยแมงมุมเหล่านั้นกลับคิดต้องการทำลายเกราะกำบังปราณดาบของกู้ชูหน่วนลง เพื่อต้องการทะลุเข้าไปยังร่างกายของนาง

จอมมารตะโกนออกมาอีกฝั่ง “พี่หญิง ใยแมงมุมเหล่านี้ล้วนมีพิษ ห้ามโดนตัวโดยเด็ดขาด”

“รู้แล้ว”

ชิ้วๆๆ……

จู่ๆ บนพื้นก็ปรากฏใยแมงมุมโปร่งแสงขึ้นจำนวนมาก และเจาะทะลุไปยังฝ่าเท้าของกู้ชูหน่วน

หากกู้ชูหน่วนไม่ทันระวังตั้งตัว เช่นนั้นคงเกรงว่าจะต้องตายลงด้วยเงื้อมมือของไป๋หลี่ป้าอย่างแน่นอน