บทที่ 1025 พี่เลี้ยงรุ่นต้าไป๋ / บทที่ 1026 ไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1025 พี่เลี้ยงรุ่นต้าไป๋

ในเมื่อแม้แต่เจ้าตัวก็ยังเต็มใจ สุดท้ายเรื่องนี้จึงคลี่คลายลงแบบนี้

“คุณหนูเยี่ยฝีมือดีขนาดนี้ ถึงต้องลงสนามก็คงไม่มีปัญหาอะไร!” ฉินรั่วซีพูดด้วยรอยยิ้มสุขุมสง่างาม “ในเมื่อทุกคนไม่มีปัญหา งั้นฉันจะไปติดต่อคุณลุงซุนเลยนะคะ!”

มู่สุยเฟิงบอกว่า “ดี! ถ้างั้นผมจะรอฟังข่าวจากคุณหนูฉินนะ!”

หลังจากงานเลี้ยงจบ ระหว่างทางขับรถกลับบ้าน

เยี่ยหวันหวั่นกลัวซือเยี่ยหานกลับคำ จึงรีบพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ “ที่รัก ตัวแทนรับผิดชอบแค่นำทีมกับให้คำแนะนำ ไม่ต้องชกต่อยเองสักหน่อย! ฉันแค่ไปดู ไปเปิดหูเปิดตาเท่านั้น! ฉันสัญญา!”

แค่ราชาหมาป่ากับตระกูลซุนก็ทำให้เธอตื่นเต้นมากแล้ว

ได้ยินมาว่าคุณหนูซุนเสวี่ยเจินของตระกูลซุนก็ฝีมือร้ายกาจมาก อยากเจอตัวจริงจริงๆ…

ซือเยี่ยหานเหลือบมองหญิงสาวข้างกายแวบหนึ่ง ได้ยินเธอรับปากอย่างนั้นก็มีท่าทีเหมือนปล่อยไปตามชะตากรรม ฟังไว้ก็พอแล้ว

“พวกสืออีกับเฟิงเสวียนอี้มีภารกิจ ไม่อยู่ในประเทศ ฉันจะให้สวี่อี้ช่วยเธอเลือกคนอื่นมา” ซือเยี่ยหานกล่าว

สวี่อี้ที่ขับรถอยู่ข้างหน้ารีบรับคำ “ไม่กี่วันมานี้เพิ่งรับคนมากลุ่มใหม่ ฝีมือไม่เลวกันทั้งนั้น พรุ่งนี้ผมจะไปคัดเลือกมาสักสองสามคนครับ”

เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย “งั้นก็รบกวนพ่อบ้านสวี่ด้วย!”

ซือเยี่ยหานมองหญิงสาวอย่างไม่วางใจ “จะชนะหรือแพ้ไม่สำคัญ เธออย่าก่อเรื่องก็พอ”

งานชุมนุมประลองฝีมือครั้งนี้แค่ให้เยี่ยหวันหวั่นไปดูเอาสนุก และถือโอกาสเอาใจมู่สุยเฟิงก็เท่านั้น

เยี่ยหวันหวั่นเบะปากแล้วพึมพำ “รู้แล้วน่าๆ! คุณเก้า ฉันคิดว่าคุณเข้าใจอะไรฉันผิดไปมากนะคะ แบบนี้ไม่ดีเลย ทั้งที่ฉันออกจะเป็นเด็กดีขนาดนี้ อีกอย่างฉันก็กลัวมากเหมือนกัน ไม่เสนอหน้าส่งเดชหรอกค่ะ…”

ซือเยี่ยหานนิ่งเงียบ

สวี่อี้พูดไม่ออก

ไม่มีใครเข้าใจเธอผิดเข้าใจไหม?

กลัว…คุณหนูก็กลัวเป็นแค่เวลาอยู่ต่อหน้าคนคนเดียวเท่านั้นแหละ…

คฤหาสน์กุหลาบ

“ถังถังลูกรัก แม่กลับมาแล้วน้า!”

เยี่ยหวันหวั่นถอดรองเท้าส้นสูงแล้วรีบพุ่งตัวไปที่ห้องรับแขก

เพิ่งจะเข้ามาก็เห็นร่างขนปุยขนาดใหญ่นอนอยู่บนพรมด้านหน้าโซฟา เด็กน้อยที่มีใบหน้าเหมือนหยกสลักนอนขดตัวอยู่บนเสือขาวตัวใหญ่ กำลังหลับฝันหวาน

หางของต้าไป๋ส่ายไปส่ายมาเป็นครั้งคราว ตบร่างของเด็กน้อยเบาๆ เหมือนกำลังกล่อมเขานอน…

พอเห็นภาพนี้ เยี่ยหวันหวั่นรีบเงียบเสียงทันที เดินย่องเข้าไปอย่างเบาเท้า “ต้าไป๋ ขอบคุณที่ช่วยดูแลถังถังนะ! รักแกที่สุดเลย!”

เจ้าเสือขาวตัวใหญ่ได้ยินเสียงฝีเท้า จึงเหลือบตาขึ้นมองอย่างเกียจคร้าน ไม่นานก็หลับตาอีกครั้ง

ในดวงตาสีฟ้าอ่อนมีแววดูแคลนสะท้อนอยู่อย่างชัดเจน ราวกับกำลังบอกว่า ออกไปเตร็ดเตร่ข้างนอกเพิ่งจะกลับมาเอาป่านนี้ แล้วดันให้มันที่เป็นเสือมาช่วยเลี้ยงเด็กแทน!

เจ้านายประสาอะไรกัน?

ซือเยี่ยหานสาวเท้าเข้ามา เห็นเด็กน้อยนอนอยู่บนตัวเสือขาวตัวใหญ่ สีหน้าก็พลันอ่อนลงหลายส่วนด้วย

เยี่ยหวันหวั่นเดินไปหาถังถังอย่างระมัดระวัง จากนั้นอุ้มเขาขึ้นมา จูบแก้มเขาเบาๆ “ลูกรัก พวกเราไปนอนบนเตียงกัน!”

เด็กน้อยลืมตาครึ่งหนึ่งอย่างสะลึมสะลือ ในดวงตาพร่ามัวที่เหมือนดวงดาราสะท้อนภาพใบหน้าอันอ่อนโยนของเยี่ยหวันหวั่น…

“แม่ครับ…”

“จ้ะ แม่กลับมาแล้ว!” เยี่ยหวันหวั่นพูดเสียงอ่อนโยน

เด็กน้อยแหงนหน้ามองเยี่ยหวันหวั่นอย่างง่วงงุน พึมพำว่า “คุณแม่…สวยจัง…”

เยี่ยหวันหวั่นถูกโจมตีโดยพลัน เธอยกมือทาบอก “โอ๊ย! ทำยังไงดี! ลูกชายฉันตอนละเมอยังน่ารักขนาดนี้เลย!”

ซือเยี่ยหานที่ยืนอยู่ด้านข้างพูดไม่ออก

ลูกชายฉัน…?

ยิ่งอยู่ก็ยิ่งพูดได้ลื่นปากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว…

————————————————————————————-

บทที่ 1026 ไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย

เช้าตรู่ ภายในป่า

วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ เยี่ยหวันหวั่นยังคงเหมือนเดิม วิ่งเหยาะและฝึกฝนร่างกายตอนเช้าเหมือนที่ทำเป็นประจำ

ตั้งแต่ที่ซือเยี่ยหานให้เธอเริ่มออกกำลังกาย เธอจะออกกำลังกายวันละสองชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ ตอนแรกรู้สึกว่ายากมากจริงๆ แต่ไม่นานก็กลายเป็นความเคยชิน วันไหนไม่ได้ออกกำลังกายจะรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว

เมื่อนานวันเข้า อาการเมื่อยล้าที่เกิดจากการไม่ได้ออกกำลังกายมานานคล้ายจะลดลงไม่น้อย

ในป่าผืนเล็กที่อยู่ไม่ไกล กลุ่มทหารรับจ้างห้าคนกำลังกระซิบกระซาบกัน

ไฮดี้ทำหน้าเสียดาย “เฮ้อ ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว เจ้านายก็ยังเอาแต่ฝึกร่างกายขั้นพื้นฐานทุกวัน ไม่เห็นจะฝึกกระบวนท่าอะไรเลย ฉันกะจะแอบฝึกตามสักหน่อย!”

ถังปินทำหน้าเลื่อมใส “เจ้านายก็คือเจ้านาย ไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย!”

เจียวเจียวพูดอย่างตื่นเต้น “พวกนายว่า ฝีมือการต่อสู้ของเจ้านายอยู่ที่ระดับไหนกันแน่?”

ซ่งเฉียงลูบคาง “อืม เรื่องนี้คาดเดาได้ยากมาก แต่ยังไงก็ต้องร้ายกาจมากแน่นอน!”

เหล่าเจียงพูดอย่างครุ่นคิด “สถานการณ์ของเจ้านาย…แปลกมาก…ถ้าเป็นคนที่ฝึกฝนอยู่เป็นประจำ อากัปกิริยาของเขาจะมองความแตกต่างออกได้ง่ายมาก เพราะนิสัยเป็นสิ่งที่เปลี่ยนไม่ได้ แต่เจ้านายกลับไม่มีอะไรแบบนั้นเลย เหมือนกับเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง…”

พอจ๊อกกิ้งเสร็จ เยี่ยหวันหวั่นเห็นทั้งห้าคนรวมหัวกันอยู่ไกลๆ จึงมองไปด้วยความสงสัย “พวกนายนั่งทำอะไรอยู่ตรงนั้น?”

“เจ้านาย!” ทั้งห้าคนทักทายอย่างพร้อมเพรียง

เจ้าอ้วนยิ้มร่าพลางถูมือไปมา “เจ้านาย…ความจริงแล้ว…พวกผมอยากแอบเรียนวิชาน่ะครับ!”

“แอบเรียนวิชา?” เยี่ยหวันหวั่นเลิกคิ้ว

เจ้าอ้วนทำหน้าเอาใจ “ใช่ครับ…ฝีมือวิชาต่อสู้ของเจ้านายต้องยอดเยี่ยมมากแน่เลยใช่ไหมครับ! ถ้าได้เรียนสักสามสี่กระบวนท่า จะต้องเป็นประโยชน์กับพวกเรามากแน่ๆ!”

เยี่ยหวันหวั่นได้ยินก็สะอึกทันที ไม่รู้ควรจะตอบอย่างไรดี

ก่อนหน้านี้ที่เธอสอนพวกสืออีกับเฟิงเสวียนอีได้ เป็นเพราะเธอถนัดแกะกระบวนท่าและจับจุดอ่อนของคนอื่น ส่วนตัวเธอไม่ได้มีอุบายหรือกระบวนท่าอะไรเลย และไม่เคยเรียนสุดยอดวิชาอย่างเป็นระบบด้วย

โค้ชที่พ่อหาให้เธอก่อนหน้านี้สอนวิชาซ่านโฉ่วกับเทควันโด้

ซ่านโฉ่วเป็นเทคนิคการต่อสู้อย่างหนึ่งที่แพร่หลายที่สุดในประเทศจีน ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ส่วนเทควันโด้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เอาไว้หลอกพวกที่ไม่ผู้เชี่ยวชาญยังพอไหว แต่ในโลกแห่งศิลปะการต่อสู้ เทควันโด้เป็นที่รู้กันว่ากระบวนท่าสวยงาม แต่ว่าไร้ประโยชน์

เทคนิคการต่อสู้สองประเภทนี้ดูไม่เข้ากับภาพลักษณ์ลึกลับและร้ายกาจอย่างหญิงหม้ายชุดดำของเธอเลย…

ทำยังไงดี เธอไม่รู้เรื่องเทคนิคการต่อสู้อย่างอื่นเลย จะสร้างสำนักหรือกระบวนท่าขึ้นมามั่วๆ ก็ไม่ได้ด้วย!

เยี่ยหวันหวั่นกลอกลูกตาไปมา พยายามเค้นสมองคิด สุดท้ายก็กระแอมเบาๆ แล้วพูดด้วยความจริงจังว่า “กระบวนท่าอะไร อุบายอะไร ธรรมดาเกินไปแล้ว!

ศิลปะการต่อสู้ที่ดีที่สุดควรละทิ้งศิลปะการต่อสู้แบบดั้งเดิมที่มีรูปแบบตายตัว เพราะท้ายที่สุดแล้วอะไรก็เกิดขึ้นได้ในระหว่างการต่อสู้จริง ไม่ใช่ว่าจะรับมือได้ด้วยอุบายที่ตายตัวเสมอไป

ในโลกใบนี้ไม่มีศิลปะการต่อสู้ที่ไร้เทียมทาน มีเพียงคนเท่านั้นที่ไร้เทียมทาน ไร้แบบไร้แผน ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ ทำสิ่งที่ไร้ขีดจำกัดให้มีขีดจำกัด นะ นี่ก็คือเทคนิคฝึกการต่อสู้ของฉัน!”

ทั้งห้าคนฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ พวกเขาพยักหน้ารัวๆ เรียกได้ว่าอึ้งทึ่งชื่นชม

“ขอบคุณหัวหน้าที่ชี้แนะ!”

“หัวหน้าพูดได้ดีมากจริงๆ!”

“ฟังคำผู้รู้ประโยคเดียว มีค่ากว่าอ่านตำราเองสิบปี!”

“สมแล้วที่เป็นหัวหน้า หัวหน้าเยี่ยมยอดที่สุด!”

……

พอเห็นทั้งห้าคนทำหน้าเลื่อมใส เยี่ยหวันหวั่นมุมปากกระตุก

เธอรู้สึกว่าความสามารถในการพูดแถของตัวเองร้ายกาจขึ้นทุกวันๆ แล้ว…

………………………….