บทที่ 4 บทที่ 31 ตระกูลผู้ดีตกอับ

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

บทที่ 31 ตระกูลผู้ดีตกอับ โดย Ink Stone_Fantasy

 

เวร่าออกไปตอนบ่าย แต่เธอก็กลับมาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ช่วงรอกินข้าวเย็น

วิคก้าที่คุ้นเคยกับเธอย่อมรู้ว่าเป็นเพราะว่าเวร่าไม่ได้อะไรกลับมาเลย

“ในบ้านยาคอฟไม่มีอะไรเลย ภรรยาเป็นแม่บ้านตามแบบฉบับ ห้องนอนลูกชายซ่อนกัญชาเอาไว้ ลูกสาวเป็นคนชอบออกงานปาร์ตี้ แต่รูปร่างอ้วนฉุจนกู่ไม่กลับเลย” เวร่าถอนหายใจแล้วพูดว่า “เป็นครอบครัวชนชั้นกลางตามแบบฉบับมากๆ”

“จริงเหรอ? แต่ว่าทางผมกลับได้ข้อมูลมาแล้ว” วิคก้ายักไหล่พูด

เวร่านั่งลงสบายๆ เธอกระดกขาขึ้น มือทั้งสองยกขึ้นพาดพนักพิงโซฟา ด้วยท่าทางที่กำลังรอฟังข่าวดีจากอีกฝ่าย

วิคก้าที่เห็นภาพนี้จนชินตาก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า “หรือจะพูดให้ถูก น่าจะได้ความคืบหน้าจากฝั่งคุณมากกว่า”

“พูดให้ตรงประเด็นหน่อยได้ไหม?” เวร่าพูดอย่างรำคาญนิดหน่อย

วิคก้าทำได้แค่พูดว่า “มีจดหมายเชิญส่งไปที่อีเมลส่วนตัวของคุณ เวลาและสถานที่ระบุไว้แน่ชัด…อีกสามวัน จะมีงานประมูลภาพ ‘สุภาพสตรีนิรนาม’ ครับ”

“อีเมลส่วนตัวของฉัน? เมล์ไหน?” เวร่าขมวดคิ้วถาม

วิคก้ายักไหล่แล้วตอบว่า “ยังจะมีเมลไหนล่ะ? ก็ต้องเป็น ‘เวร่า ท็อคทาโคนอฟ’ ไงล่ะ”

เวร่าเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดขึ้นทันที “ชื่อคนที่ส่งจดหมายเชิญเป็นใคร?”

วิคก้าพูดสีหน้าจริงจังว่า “F&C”

แต่เวร่ากลับพูดอย่างเฉยเมยว่า “ฉันจำไม่เห็นได้ว่าแจกอีเมลส่วนตัวให้คนอื่นด้วย?”

วิคก้าได้แต่พูดติดตลกว่า “องค์หญิงเวร่าที่รักพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ลืมไปหรือเปล่าว่าทำไมตัวเองถึงออกจากบ้านมา? ถึงแม้ว่าพระองค์ยังไม่ได้รับมอบหมายให้ไปปฏิบัติหน้าที่…แต่ว่าพวกผู้มีอิทธิพลหลายคนเป็นห่วงชีวิตในอนาคตของพระองค์มากๆ! พระองค์ไม่รู้หรือว่าทุกวันอีเมลส่วนตัวของพระองค์มีจดหมายรักส่งมาจากทั่วโลกตั้งเท่าไร? พวกนี้ผมล้วนแต่…”

วิคก้าชี้ที่ตัวเองแล้วพูดว่า “หาเวลามาตอบให้คุณทุกวัน”

เวร่าหรี่ตายิ้มแล้วพูดขึ้นในทันทีว่า “คนที่ส่งจดหมายรักพวกนั้นหล่อไหม?”

วิคก้าพยักหน้าต่อเนื่องแล้วพูดว่า “ก็ใช้ได้ มีหลายคนที่เรียกได้ว่าเพอร์เฟกต์เลย”

เวร่าหรี่ตาเดินไปทางวิคก้าด้วยรอยยิ้มสวยงามบนใบหน้า แต่ในความเห็นของวิคก้าแล้วกลับเหมือนแม่เสือดาว เขาได้แต่กลืนน้ำลายแล้วพูดว่า “ผมไม่เคยทำอะไรทั้งนั้นแหละ…จริงๆ…อย่างมากก็ขอรูปเพิ่มนิดหน่อย…”

นิ้วของเวร่าวาดเป็นวงกลมบอกให้เขาหันมาทางเธอ

วิคก้าอึ้งชะงักไป และลางสังหรณ์บอกเขาว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น…แต่ประสบการณ์บอกเขาว่าถ้าหากไม่ทำตามก็จะมีเรื่องไม่ดียิ่งกว่ารอเขาอยู่ เขาเลยทำได้แค่หันตัวไป

เวร่ายิ้มเยาะ มือหนึ่งหยิบรีโมตทีวีข้างๆ ขึ้นมา แล้วยัดเข้าไปใน…ของวิคก้าอย่างแรง

“โอ้!! เบาหน่อย…โอ้!!”

“พอใจไหม?” เวร่ากระซิบข้างหูวิคก้าเบาๆ

ตอนนี้วิคก้าหนีบขาทั้งสองข้างเอาไว้ด้วยสีหน้าไม่สู้ดี พลางพูดอมทุกข์ว่า “ไม่ได้ใช้มานานมากแล้ว…โอ้ เบาๆ หน่อย…”

“พรุ่งนี้ไปเตรียมชุดราตรีมาให้ฉัน ฉันจะไปร่วมงานประมูลนี้” เวร่าคลายมือออก จากนั้นก็หมุนตัววิคก้า แล้วกดร่างของวิคก้าแนบเก้าอี้ไปสุดแรง

เธอพูดพร้อมๆ กับเสียงร้องเจ็บปวดของวิคก้าว่า “เข้าใจแล้วใช่ไหม?”

“เข้า…เข้าใจแล้ว…”

เวร่าตบๆ มือ แล้วก็กลับเข้ามาในห้องอย่างสง่าผ่าเผย วิคก้าจับเก้าอี้พยุงตัวลุกขึ้นมา เขาค่อยๆ ดึงรีโมตออกมาด้วยสีหน้าประหลาดๆ สุดท้ายก็แสดงสีหน้าพอใจสุดๆ

เขาถอนหายใจ รู้สึก…รู้สึกว่าก็ไม่แย่เกินไป

ดังนั้นเขาจึงจ้องรีโมตที่ตกอยู่บนพื้นเหมือนกำลังคิดบางอย่าง…

อายุหกสิบปีโดยประมาณ แต่งตัวดี ทุกอากัปกิริยาก็ได้มาตรฐานตามแบบฉบับหนังสือเรียน

ถุงมือสีขาว นาฬิกาพ็อกเก็ตที่โผล่ออกมาจากในกระเป๋าเสื้อ

ตอนที่ยูริตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็มองเห็นคนแก่ผมขาวทั่วหัวคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆ เขา แต่เห็นได้ชัดว่ายังกระปรี้กระเปร่าอยู่

นี่เป็นห้องที่หรูหรากว่าห้องชุดในโรงแรมที่เขาฟื้นขึ้นมาครั้งที่แล้วหลายสิบเท่า

“ผม…ผมควรจะอยู่ที่สถานีรถไฟใต้ดินนี่” ยูริลังเล เขานั่งลง พยายามทำความเข้าใจสถานการณ์ของตัวเอง

เขาเผลอคลำที่ท้องของตัวเองเล็กน้อย เขาพบว่าบนร่างกายของเขาไม่มีรอยแผลอะไรเลย แม้กระทั่งตรงขาที่บาดเจ็บไปก่อนหน้านี้ ก็เห็นชัดๆ ว่าไม่ได้เป็นอะไร

“ผมเตรียมน้ำร้อนไว้ให้ท่านยูริเรียบร้อยแล้วครับ” ชายชราพูดพร้อมรอยยิ้ม

“ผม…ผมไม่ได้ฝันไป?” ยูริอ้าปากค้าง เขาจำไม่ได้ว่าตัวเองทำตัวให้คนแก่แบบนี้เคารพได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ “ที่นี่…ที่นี่ที่ไหน? แล้วคุณเป็นใคร?”

“เอดการ์ โปรดเรียกผมว่าเอดการ์” บนใบหน้าของชายชรามีรอยยิ้มสุขุม “ที่นี่คือคฤหาสน์คาเชีย เป็นคฤหาสน์ของท่าน ท่านครับ รีบอาบน้ำเถอะครับ เพราะถ้าให้แขกรอท่าน สำหรับชนชั้นสูงแล้วคงไม่ค่อยสุภาพนัก”

“คฤ…คฤหาสน์ของผม? ชน…ชนชั้นสูง?”

ห้องน้ำกว้างขวาง ขนาดเท่ากับห้องรับแขกขนาดแปดสิบตารางเมตรห้องหนึ่งเลยทีเดียว แล้วยังเชื่อมต่อกับห้องแต่งตัวที่มีชุดสวยหรูและราคาแพงมากกว่ายี่สิบชุด

เนกไทแต่ละเส้น นาฬิกาข้อมือแต่ละเรือน เข็มขัดหนัง หมวก…รองเท้า

ยูริล้างหน้าบ้วนปากออกมาแบบงงๆ แล้วก็มีผู้หญิงหน้าตาสวยคนหนึ่งโกนหนวดให้เขา

ยูริรู้สึกเหมือนกับตัวเองกำลังมัวเมาอยู่ในห้วงความฝัน มองออกไปจากหน้าต่างห้องน้ำเห็นแค่เพียงสนามหญ้าที่สร้างไว้อย่างเรียบง่ายตรงมุมเล็กๆ ของคฤหาสน์นี้!

เขาถึงกับมองไม่เห็นรั้วล้อมรอบ

เขาไม่อยากเชื่อว่าคนที่อยู่ในกระจกก็คือตัวเอง

หลังหนวดเครารกรุงรังถูกโกนออกแล้ว ผมเผ้ายุ่งเหยิงก็ถูกจัดระเบียบจนเรียบเงา หลังจากจับแมตช์กับชุดหรูแล้ว เขาก็ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย

ที่ปลายระเบียงทางเดิน เอดการ์ยืนรออยู่ที่หน้าประตูห้องห้องหนึ่งแล้ว เมื่อยูริที่ยังคงทำหน้าสับสนเดินมาถึง เอดการ์จึงเปิดประตูให้เขา

เสี้ยววินาทีที่เปิดประตู ยูริก็ร้องตกใจจนเสียงหลง “พวกคุณนั่นเอง!”

“นั่งสิครับ”

ลั่วชิวดื่มชาแดงพร้อมเหลือบมองยูริที่กำลังเดินมาแวบหนึ่ง ก่อนยิ้มแล้ววางแก้วชาในมือลง จากนั้นคุณสาวใช้ก็เทชาแดงลงไปในแก้วชาทันที

แม้ว่าคนรับใช้ที่อยู่ในคฤหาสน์นี้จะมีเพียงพอ แต่คุณสาวใช้ก็ยังคงยืนกรานจะดูแลเจ้านายของเธอด้วยตัวเอง

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”

ยูริขมวดคิ้วแล้วนั่งลง เขาพบว่าเอดการ์ไม่ได้ตามเข้ามาด้วย แต่กลับปิดประตูเรียบร้อยหลังจากเขาเดินเข้ามาแล้ว

“คุณยูริลืมไปแล้วเหรอ?” ลั่วชิวถามขึ้นทันที “สิ่งที่คุณต้องการจากพวกเรา”

ยูริอึ้งไป ความปวดแสบปวดร้อนปรากฏขึ้นมาในสมองของเขาทันที ทำให้เขาจำต้องกำผมโดยอัตโนมัติ ฉับพลันนั้นสีหน้าของเขาก็เหมือนจะซีดไปเล็กน้อย

ตอนที่ความสงสัยในแววตาของเขาหายไปแล้ว เขาถึงเริ่มนึกอะไรออก แล้วมองวัยรุ่นชาวตะวันออกคนนี้อย่างตกตะลึง

ไม่…จะพูดให้ถูกคือวัยรุ่นที่ลึกลับคนนี้ต่างหาก!

“ผม…คาดไม่ถึงว่าผมจะพูดแบบนั้นออกมา…”

เขานึกคำพูดที่ตัวเองเคยพูดไว้ออกแล้ว แต่เขากลับไม่ได้พูดมันออกมาอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเรื่องเหลือเชื่อจะกลายเป็นความจริงแล้ว

ยูริจำต้องเชื่อทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้

สิ่งยืนยันที่สังเกตได้โดยตรงอีกทั้งน่าเชื่อถือมากที่สุด ไม่ใช่ทุกสิ่งที่เขาพบเห็นในคฤหาสน์นี้ แต่เป็นเรื่องที่เขาควรตายไปแล้ว แต่กลับยังมีชีวิตอยู่ดี

ลั่วชิวพูดขึ้นทันที “พวกเราเชื่อว่าคำพูดก่อนตายของคนหนึ่งจะเป็นความจริงเสียส่วนใหญ่ คุณยูริ เราทำสัญญาสำเร็จแล้ว ภายในหนึ่งเดือนข้างหน้า คุณจะไม่ใช่แค่ผู้ครอบครองคฤหาสน์หลังนี้ แต่ยังเป็นผู้สืบทอดของตระกูลดีคาปี้ สถานะคือ…”

เจ้าของร้านลั่วยิ้มเล็กน้อย “ดีคาปี้ ตระกูลสูงศักดิ์ของพระเจ้าซาร์ที่ลี้ภัยไปต่างประเทศตอนการปฏิวัติเดือนตุลาคม* ยูริผู้ที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในโมรอคโคตอนนี้?”

ลั่วชิวมองสีหน้าคาดไม่ถึงของยูริ ก่อนดีดนิ้วหนึ่งที

คุณสาวใช้จึงหยิบของออกมาจากในกล่องใบหนึ่ง วางเอาไว้บนโต๊ะแล้วดันมาไว้ด้านหน้ายูริ “คุณยูริ นี่คือตราประทับและตราแสดงยศของตระกูลดีคาปี้…นี่คือสิ่งของที่แสดงฐานะของคุณได้”

“ผม…ผมเป็นเชื้อสายของตระกูลสูงศักดิ์…ตระกูลสูงศักดิ์…”

ยูริคิดว่าตัวเองเริ่มมึนงงไปหมดแล้ว

*การปฏิวัติเดือนตุลาคม หรือชื่ออย่างเป็นทางการในเอกสารสมัยโซเวียตว่า การปฏิวัติสังคมนิยมแห่งเดือนตุลาคมอันยิ่งใหญ่ และเรียกโดยทั่วไปว่า ตุลาคมแดง, การลุกฮือเดือนตุลาคม หรือ การปฏิวัติบอลเชวิก เป็นการยึดอำนาจรัฐ ซึ่งมีความสำคัญส่วนหนึ่งของการปฏิวัติรัสเซีย ค.ศ. 1917