ตอนที่ 1173 ซูหลีสอดแนม
ซูหลีคิดถึงคำพูดเหล่านั้นที่ฉินเย่หานกล่าวในยามอู่
เขากล่าวว่าให้นางเชื่อใจเขา คำพูดนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องเท็จ อย่างน้อยเขาก็ใช้ท่าทีของตนแสดงถึงความไว้เนื้อเชื่อใจนาง
ซูหลีทราบว่า หากไม่ใช่เพราะมีคำสั่งของเขา นางอยากเข้ามาหอเก็บตำราแห่งนี้ คงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
นางถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง จากนั้นนำร่างของตนเดินไปที่หน้าต่าง
ฉินเย่หานอนุญาตให้นางมาที่นี่ นางกลับไม่ได้เปิดดูสาส์นกราบทูลบนโต๊ะตามอำเภอใจ
มีสิ่งของบางสิ่ง ยามที่นางควรได้รับรู้ก็จะรู้รับเอง อีกทั้งซูหลีไม่เคยรู้สึกมาตั้งแต่แรกว่าการรับรู้เรื่องจำนวนมากเกินไปจะเป็นเรื่องดี
นางค่อยๆ เดินเตร่ไปที่ข้างหน้าต่าง ยื่นมือดันหน้าต่างเปิดออก
“เอ๋” ซูหลีถือโอกาสมองไปโดยรอบ หน้าต่างบานนี้อยู่ตรงข้ามกับหอเก็บตำราด้านหลังพอดี
ด้านหลังนี้เป็นทะเลสาบสีมรกต เพียงแต่บัดนี้เป็นเหมันตฤดู ทำให้โดยรอบทรุดโทรมไปบ้าง ไม่มีชีวิตชีวาเหมือนกับในวสันตฤดู
รอบทะเลสาบยังปลูกต้นหลิ่วหลายต้น ทว่าวันในเหมันตฤดูไม่อาจเห็นใบของต้นหลิ่วได้ มีเพียงแค่กิ่งก้านของต้นหลิ่วเท่านั้น
ซูหลีเห็นว่าไม่มีอะไรน่าสนใจจึงยื่นมือเพื่อจะปิดหน้าต่าง ไปที่ชั้นหนังสือนั่นเพื่อหาหนังสือสัก 2-3 เล่มมาอ่าน
ฉินเย่หานถูกไทเฮาเรียกไปอย่างกะทันหัน ไม่รู้ไทเฮาจะทรงกระทำสิ่งใดอีก ซูหลียกมุมปากขึ้น อารมณ์บนใบหน้ามีความเยียบเย็นอย่างบอกไม่ถูก
ไทเฮาท่านนี้อาศัยว่าตนเป็นมารดาของฉินเย่หาน ความประพฤติไม่เคยมีแบบแผน ช่างทำให้คนรู้สึกรังเกียจโดยแท้
ดูเหมือนว่าฉินเย่หานจะไม่มีความรู้สึกอันใดต่อพระองค์ อีกทั้งไม่รู้ว่าหากพระองค์ทรงกระทำเช่นนี้ต่อไป ฉินเย่หานจะไว้หน้าพระองค์กี่ส่วนกัน
“คุณชาย!” ขณะที่ซูหลีกำลังครุ่นคิดและยื่นมือออกไปแล้ว ทว่าพลันได้ยินเสียงเช่นนี้ดังขึ้น
นางหรี่ตาเล็กน้อย มองไปตามทางต้นตอของเสียงปราดหนึ่ง ก็เห็นเงาร่างของคนสองคนที่ยืนหันหลังให้กับนาง
คนหนึ่งแต่งตัวเหมือนข้ารับใช้ ซูหลีเห็นใบหน้าไม่ชัดเจน ส่วนอีกคน…สวมชุดอาภรณ์ผ้าไหมลายเมฆ รูปร่างสูงโปร่ง คือจี้เหิงหรานที่ซูหลีเจอที่ห้องว่าราชการก่อนหน้านี้
ดวงตาของซูหลีวูบไหวเล็กน้อย จี้เหิงหรานก็ออกมาหรือ
ทั้งยังมายังสถานที่เช่นนี้ หรือนี่จะพูดเรื่องที่ไม่ต้องการให้คนรับรู้?
ในดวงตาของนางมีประกายความลุ่มลึกพาดผ่าน จากนั้นถึงปล่อยมือลงในทันทีและเดินเข้าไปยืนข้างหน้าต่าง เพื่อให้ตนได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคนชัดเจนขึ้น
“มีเรื่องอะไร ที่นี่คือสถานที่ใด ใช่สถานที่ที่เจ้าจะถลาเข้ามาตามอำเภอใจได้หรือ” สีหน้าของจี้เหิงหรานเต็มไปด้วยความรำคาญ พูดกับข้ารับใช้คนหนึ่งด้วยสายตาเย็นชา
“คุณชาย” ข้ารับใช้คล้ายกำลังร้อนใจ ไม่สนใจเรื่องเหล่านี้และเอ่ยว่า “ข้าน้อยเพิ่งจะได้รับข่าวจากในเมืองหลวงว่า ฮูหยินเล็กจัดเตรียมสัมภาระเรียบร้อย พร้อมทั้งกำลังนำคนมายังพระราชวังแห่งนี้ขอรับ!”
จี้เหิงหรานได้ยินสีหน้าของเขาพลันชะงักไปทันที
“ไยนางถึงมาที่นี่”
ข้ารับใช้ชำเลืองเห็นสีหน้าที่ย่ำแย่ของเขา ทั้งร่างแผ่ซ่านไอเย็นยะเยือกออกมา เขาจึงเอ่ยว่า “คนภายในจวนกล่าวว่า หลังจากที่คุณชายออกจากเมืองหลวง ฮูหยินเล็กก็ทุกข์ตรมใจมาโดยตลอด ทั้งยังส่งคนไปสืบข่าวที่จวนซู เป็นเพราะ…”
“พูด!” จี้เหิงหรานเห็นท่าทีที่เต็มไปด้วยกังวลใจของเขาแล้ว จึงพูดจังหวะเขาทันที
“…เป็นเพราะแม่นางเย่ว์ลั่ว หลังจากทราบว่าใต้เท้าซูพาแม่นางเย่ว์ลั่วมาพระราชวังด้วย ฮูหยินเล็กจึงไม่พอใจ แม้กระทั่งก่อความวุ่นวายในจวนอยู่หลายวัน ฮูหยินอาวุโสจึงไม่มีวิธีอื่นจริงๆ จึงให้ทหารในจวนคุ้มครองฮูหยินน้อยมาที่นี่!”
จี้เหิงหรานได้ยิน สีหน้าจึงปรากฏความเย็นยะเยือกออกมา
โจวซื่อผู้นี้ หาเรื่องไม่หยุดหย่อนโดยแท้!
ตอนที่ 1174 เผชิญหน้ากัน
ซูหลีที่กำลังแอบฟังนายกับบ่าวทั้งสองคุยกัน ได้ยินดังนั้นอดไม่ได้ที่จะแค่นยิ้มเย็นออกมา
นางเกือบลืมไปแล้วว่าจี้เหิงหรานตรงหน้านี้แต่งภรรยาเข้าบ้านแล้ว ทว่ายังคงโหยหาเย่ว์ลั่วอยู่ตลอด
คอยหาโอกาสอยากจะพูดคุยกับเย่ว์ลั่ว
ซูหลีหัวเราะเยาะ นี่คือกินอยู่ในชาม ตายังจะอยากกินในหม้องั้นหรือ[1]
เขาดูเหมือนจะฝันหวานไปแล้วจริงๆ !
“ฮูหยินอาวุโสจึงให้คนส่งข่าวมาบอกโดยเฉพาะ เพื่อให้คุณชายดูแลฮูหยินเล็กด้วย ทางพระราชวังนี้ล้วนมีแต่คนสูงศักดิ์ หากฮูหยินเล็กก่อความวุ่นวายอะไรขึ้นจะได้…”
ฮูหยินอาวุโสที่ข้ารับใช้ผู้นี้พูดถึงนั้น คืออาสะใภ้ของจี้เหิงหราน ซึ่งก็คือมารดาของจี้ฉิน
สำหรับเรื่องของจี้เหิงหราน นางไม่อาจแทรกแซงเข้าไปได้ง่ายๆ
โดยเฉพาะเรื่องที่แม้จี้เหิงหรานจะแต่งงานแล้ว ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยานั้นไม่ดีมาโดยตลอด หลังจากที่โจวซื่อผู้นั้นรู้ถึงการดำรงอยู่ของเย่ว์ลั่ว ก็เหมือนก้างปลาติดคอ[2]มาโดยตลอด
จึงเปลี่ยนมาก่อความวุ่นวายให้กับเย่ว์ลั่วแทน
ดีที่เย่ว์ลั่วไม่ใช่ข้ารับใช้ของสกุลจี้แล้ว ที่จริงแล้วคนที่อยู่ข้างกายจี้เหิงหรานล้วนสนิทชิดเชื้อกับเย่ว์ลั่วเป็นอย่างมาก และทราบถึงความจนปัญญาของเย่ว์ลั่วในเรื่องนี้ดี
จะพูดอย่างไรเย่ว์ลั่วก็เป็นเพียงข้ารับใช้คนหนึ่งเท่านั้น จี้เหิงหรานต้องการนาง นางจะสามารถมีวิธีอะไรขัดขืนได้หรือ
โชคดีที่เย่ว์ลั่วไปอยู่ข้างกายซูหลี จึงเกินขอบเขตอำนาจของโจวซื่อผู้นั้น มิเช่นนั้นหากเย่ว์ลั่วยังอยู่ภายในจวนจี้ ไม่รู้ว่าจะเกิดความวุ่นวายอะไรขึ้นบ้าง!
สีหน้าของจี้เหิงหรานดูไม่น่าดูเป็นอย่างมาก เขานั้นรอโอกาสที่จะพูดคุยกับเย่ว์ลั่วมาโดยตลอด ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะออกมาจากเมืองหลวง ไม่มีสภาพแวดล้อมเหมือนในอดีต เขาอยากสามารถใกล้ชิดกับเย่ว์ลั่วบ้าง
ใครจะรู้ว่าทีหลังก็มีตัวปัญหาอย่างซูหลีแล้วหนึ่งคน บัดนี้ยังมีโจวซื่อผู้นี้อีก
เขาครุ่นคิดอยู่ในใจก็พอจะจินตนาการภาพสถานการณ์ออก!
“เรื่องนี้อย่าได้แพร่งพรายออกไป เจ้าจับตามองไว้ให้ดี โจวซื่อมาถึงเมื่อไร ต้องรายงานข้าเป็นคนแรก!” อารมณ์ของเขาย่ำแย่มาก ทว่าเรื่องนี้อย่างไรก็ต้องจัดการ จี้เหิงหรานหน้าดำคล้ำเครียด ผ่านไปพักใหญ่ถึงเอ่ยประโยคนี้ออกมา
“ขอรับ!” ข้ารับใช้ผู้นั้นก็คาดเดาไม่ได้เหมือนกันว่าเขาหมายความว่าอย่างไร จึงได้แต่ขานรับคำสั่ง
“จำไว้ว่าอย่างแพร่งพรายเรื่องนี้ให้ซูหลีและคนข้างกายของซูหลีรับรู้อย่างเด็ดขาด เข้าใจแล้วหรือไม่!?” จี้เหิงหรานชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดประโยคนี้เสริม
ในใจของข้ารับใช้ผู้นั้นเข้าใจดีว่า ที่เขากล่าวห้ามให้คนข้างกายของซูหลีรับรู้ ที่จริงแล้วก็คืออย่าให้เรื่องนี้ถึงหูเย่ว์ลั่วก็เท่านั้น
ไม่รู้ว่าคุณชายท่านนี้ของเขามีใจให้กับเย่ว์ลั่วหรือไม่
เรื่องเหล่านี้เขาซึ่งเป็นเพียงข้ารับใช้คงจัดการอะไรไม่ได้ ขณะที่ครุ่นคิดก็ผงกศีรษะตอบรับไปด้วย ทว่าพลันได้ยินเสียงอ่อนหวานแต่กลับแฝงด้วยความเย็นชาดังขึ้น
“โอ๊ะ ฟังคำพูดที่ใต้เท้าจี้พูดสิ! คงเป็นเรื่องที่ไม่ดีที่ไม่อยากให้ผู้อื่นรับรู้ จึงให้ต้องการพยายามปิดบังข้างั้นหรือ”
จี้เหิงหรานได้ยินจึงหันไปเห็นหน้าต่างหอเก็บตำราที่เปิดกว้างอยู่…อีกทั้งคนที่ยืนอยู่ภายในหอเก็บตำรานั้น ก็คือซูหลีที่กำลังใช้สายตาเยียบเย็นมองเขาอยู่!
สีหน้าของจี้เหิงหรานพลันแข็งทื่อในชั่วพริบตา!
ไยซูหลีถึงปรากฏตัวที่ไหน!?
นี่โชคไม่ดีโดยแท้ เมื่อครู่เขาเพิ่งจะกำชับกับข้ารับใช้ว่า อย่าให้ซูหลีทราบเรื่องนี้ ทว่าดูจากท่าทางของซูหลีแล้ว ไม่รู้ว่านางยืนอยู่ตรงนี้นานเท่าไร ได้ยินคำพูดของเขาไปมากน้อยแค่ไหนแล้ว
ซูหลีกับเขาไม่ค่อยจะลงรอยกันมาโดยตลอด โดยเฉพาะหลายวันมานี้นางมักชอบเป็นปฏิปักษ์กับเขา เรื่องนี้หากนางทราบแล้วละก็ ไม่รู้ว่านางจะก่อความวุ่นวายอะไรขึ้นมา!
จี้เหิงหรานคิดถึงตรงนี้ สีหน้าพลันอึมครึมขึ้นในทันที
“ไยใต้เท้าซูถึงมาอยู่ที่นี่”
ซูหลีได้ยินดังนั้นจึงเลิกคิ้วแล้วเอ่ยว่า “ไยใต้เท้าจี้ถึงมาอยู่ที่นี่เล่า”
——
[1] กินอยู่ในชาม ตายังจะอยากกินในหม้อ เป็นสำนวน หมายถึงไม่รู้จักพอ
[2] ก้างปลาติดคอ เป็นสำนวน หมายถึงมีความในใจมากมาย ทว่าพูดออกมาไม่ได้ ไม่สบายใจเป็นอย่างมาก