DND.735 – ล่าจักรพรรดิโลหิต
ฝูงมัจฉากระโดดออกจากวารีไส้เดือนคลานขึ้นมาบนพื้น เหล่ามดแมลงแก่งแย่งกันเพื่อที่จะได้เข้าไปในหมอกโลหิต เลือดของสัตว์อสูรที่มีปัญญาเดือดพล่านและเสนอพลังให้กับหมอกโลหิต
ครั้งนี้ทั้งโลกเฉินหลงจมอยู่ในความเงียบกริบจนน่ากลัว ไม่มีพลังของสิ่งใดหลงเหลืออยู่ เพราะพลังทั้งหมดได้หลอมรวมเข้ากับหมอกโลหิตไปแล้ว
เซี่ยจิงหยูยืนข้างซือหยูและมองหน้าของเขานางหัวเราะคิกคัก
“พี่ซือหยูเราทุกคนเชื่อในตัวพี่นะ”
นางพูดและเดินเข้าไปในหมอกโลหิตมันคือเวลาเดียวกับที่ฝ่ามือทำลายล้างโลกได้มาถึง
ซือหยูลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกถึงพลังอันยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนพลังทั้งหมดหลอมรวมไปในทุกประสาทสัมผัส หมอกโลหิตที่เขาปล่อยออกไปนั้นมีพลังของทุกสิ่งในเฉินหลงรวมเข้าด้วยกัน ตั้งแต่ผู้อ่อนแอที่สุดไปถึงผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ทุกสิ่งได้มอบพลังให้กับซือหยู!
พลังของซือหยูในตอนนี้มากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเขารู้สึกว่าตัวเองฉีกโลกทั้งใบได้ง่ายๆ จักรพรรดิโลหิตในตอนนี้ราวกับคนธรรมดาในสายตาของเขา ฝ่ามือทำลายล้างโลกที่พุ่งเข้ามาเองก็ดูไร้พิษภัย
“ข้าก็ใช้ฝ่ามือเทพดับสวรรค์ได้เหมือนกัน!”
ซือหยูเงยหน้าดันฝ่ามือสวนกลับไป
หมอกโลหิตที่กระจายทั่วโลกเฉินหลงได้มารวมตัวกันอย่างรวดเร็วจากนั้นมันได้กลายเป็นฝ่ามือขนาดยักษ์ที่ใหญ่เท่ากับฝ่ามือทำลายโลกของจักรพรรดิโลหิต
ทุกคนในเฉินหลงอยู่ภายในพลังนี้พวกเขาร่วมมือกันรวมพลังในฝ่ามือและเผชิญหน้ากับฝ่ามือของจักรพรรดิโลหิต!
เสียงสั่นสะเทือนดังก้องโลกเมื่อฝ่ามือทำลายล้างปะทะกับฝ่ามือหมอกโลหิต ฝ่ามือนั้นก็แหลกสลายไปในทันที! ฝ่ามือหมอกโลหิตยังคงพุ่งทะยานต่อไป
ความหวาดกลัวปรากฏบนใบหน้าจักรพรรดิโลหิตขณะที่เขารีบถอยด้วยหัวใจที่เต้นระรัวเขาตะโกนเสียงดัง
“พวกเจ้ามันก็แค่มดปลวก!”
เขาปล่อยฝ่ามือออกมาอีกครั้ง
“ฝ่ามือมังกรแปดทิศ!”
ซือหยูส่ายหน้า
“เพลิงประจุเดียวยังไหม้ได้ทั้งผืนทุ่งแม้แต่มดก็ทำลายกายาสวรรค์ได้หากร่วมมือกัน”
ปั้ง!
ฝ่ามือหมอกโลหิตปะทะกับจักรพรรดิโลหิตด้วยพลังที่มิอาจต้านทาน
กร๊อบ!
แขนของจักรพรรดิโลหิตแหลกละเอียดเขากระเด็นไปกระแทกกับอุกกาบาตหลายดวง
“ข้าจะแพ้มดปลวกไม่ได้!”
จักรพรรดิโลหิตมิอาจเชื่อว่าอสูรเนรมิตรผู้ยิ่งใหญ่อย่างงเขาจะอ่อนแอกว่ากลุ่มคนอ่อนแอ
“แน่จริงก็มาอีกสิ!”
เขาตะโกนเสียงดังพลังอสูรเนรมิตรเอ่อล้นออกมาอย่างบ้าคลั่ง เขาเผชิญหน้ากับฝ่ามือหมอกโลหิตอีกครั้ง
ฉั่วะ!
ฝ่ามือหมอกโลหิตทำให้จักรพรรดิโลหิตกระเด็นไปอีกครั้งนี้ร่างของเขาแทบจะแหลกสลาย เขาเกือบจะแหลกเป็นชิ้นๆ!
ซือหยูไม่ได้พูดผิดแม้จะเป็นมด แต่มดจำนวนมากก็กัดช้างจนตายได้ และจักรพรรดิโลหิตหาได้กำลังสู้กับมดแค่รังเดียว แต่เป็นทุกคนในโลกเฉินหลง!
“พวกข้าจะไม่เอาชนะเจ้าเท่านั้น…เราจะฆ่าเจ้าด้วย!”
ซือหยูตะโกนและพุ่งทะยานในอวกาศไปหมื่นลี้เพียงการเคลื่อนไหวเดียว
ในตอนนั้นมงกุฎสุริยันจันทราได้ปรากฏเหนือศีรษะซือหยูอย่างคาดไม่ถึงเมื่อฐานพลังของเขาเพิ่มขึ้นถึงระดับอสูรเนรมิตรหลังจากที่รวบรวมพลังของทุกคนในโลก
“มุกบาดาล!”
ซือหยูเรียกมุกบาดาลเข้าหาตัวมันข้ามระยะพันล้านลี้มาที่ฝ่ามือของซือหยูจากโลกเฉินหลง
เขากว้างมันออกไปอย่างแรงดวงดาวมากมายตามเส้นทางแหลกสลายเป็นฝุ่นผง
เป็นไปไม่ได้เลยที่ร่างที่เกือบแตกสลายของจักรพรรดิโลหิตจะรับพลังนี้ได้ตัวเขากลายเป็นหมอกโลหิตไม่เหลือแม้แต่กระดูก แต่เสียงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดของเขาก็ดังลั่นไปทั่วดินแดนส่งมาถึงหมอกโลหิต
“กายาเงินอมตะ!”
หมอกโลหิตได้หลอมรวมเป็นเศษเนื้อและก่อร่างเป็นจักรพรรดิโลหิตใหม่อีกครั้ง!จักรพรรดิโลหิตตกตะลึงอย่างมาก เขาได้แต่ยอมรับว่าเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเอาชนะ และเขาก็คงจะตายไปแล้วถ้าหากไม่มีกายาเงินอมตะ!
“ซือหยูเจ้ากับฝูงมดของเจ้า จงฟังข้า…ถ้าข้าอยากให้พวกเจ้ารอด สวรรค์ก็เอาพวกเจ้าไปได้ไม่ได้ และถ้าข้าอยากให้พวกเจ้าตาย แม้แต่สวรรค์ก็ยื้อชีวิตพวกเจ้าไม่อยู่! โชคชะตาเข้าข้างเจ้าในวันนี้ แต่ครั้งหน้าข้าจะจัดการพวกเจ้าทั้งหมด”
จักรพรรดิโลหิตเรียกหอคอยจักรพรรดิออกมาด้วยความชิงชังและเศร้าหมอง
เขาตัดสินใจจะถอยกลับชั่วคราวและรอให้หมอกโลหิตที่รวมพลังคนทั้งโลกของซือหยูหายไปพอถึงตอนนั้นเขาจะกลับมาคิดบัญชีกับโลกเฉินหลงอีก!
“เปิดซะ!”
จักรพรรดิโลหิตใช้หอคอยจักรพรรดิเขาตั้งใจจะใช้มันกลับจิวโจว
แต่เมื่อจักรพรรดิโลหิตใช้หอคอยซือหยูก็ได้ไล่ตามมาถึงแล้ว
“บอกแล้วไงว่าข้าจะลบเจ้าให้หายจากโลกไปตลอดกาล!”
ปั้ง!
เมื่อเขาพูดเขาผลักฝ่ามือไปที่จักรพรรดิโลหิต ฝ่ามือที่มีพลังทั้งเฉินหลงระเบิดร่างของจักรพรรดิโลหิตอีกครั้ง
“อ๊ากก!ซือหยู ฝากไว้ก่อนเถอะ”
จักรพรรดิโลหิตตะโกนใส่ซือหยูอย่างโกรธแค้นเขารวบรวมร่างที่แตกสลายและหนีไปยังประตูมิติของหอคอยจักรพรรดิ เขากลับจิวโจวแล้ว
หอคอยจักรพรรดิหายไปพร้อมกับเขาเหลือเพียงแต่คลื่นพลังมิติที่ค่อยๆสลายไปซือหยูรู้ว่าถ้าหากปล่อยจักรพรรดิโลหิตในครั้งนี้ พวกเขาก็จะไม่มีโอกาสได้สังหารเขาอีกแล้ว
ซือหยูมองกลับไปยังดวงดาวสีครามที่เป็นบ้านของพวกเขาทุกคน
“สรรพสิ่งแห่งเฉินหลงเรากลับบ้านไม่ได้ถ้าหากยังไม่กำจัดศัตรู โปรดตามข้าไปที่จิวโจว ไปพลิกแผ่นดินฆ่ามันกับข้า!”
เสียงสะท้อนดังมาจากหมอกโลหิต…
“ฆ่ามัน!”
“ไปจิวโจวด้วยกันเลย!”
“พวกเราลั่นวาจาแล้วว่าจะติดตามเจ้าพันธมิตรซือไปฆ่าศัตรูของพวกเรา”
ซือหยูพุ่งไปยังวายุพลังมิติก่อนที่มันจะหายไปจักรวาลกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง ดวงดาวแผ่นดินเฉินหลงเงียบกริบราวกับป่าช้า
…
ซือหยูไม่รู้ว่าเดินทางข้ามมากี่มิติหลังจากเข้ามาในวายุมิติแต่เขารู้ว่าเขาได้เดินทางมาเกินกว่าล้านล้านลี้! ซือหยูรู้สึกราวกับเขาข้ามเวลามาหลายร้อยปีในการเดินทางไกลนี้
การเดินทางดำเนินต่อไปจนถึงเวลาที่พลังวิญญาณมหาศาลพัดตีหน้าของเขาเขาได้เห็นโลกที่งดงามเป็นอย่างมากปรากฏตรงหน้า
สมุนไพรวิญญาณหลากหลายชนิดที่พวกเขาไม่เคยเห็นเติบโตอยู่เต็มไปหมดแต่ละอย่างนับได้ว่าเป็นของล้ำค่าในโลกเฉินหลง มีวิหคหลายพันธุ์และสัตว์ป่าที่บินลอยอยู่บนฟ้า ฐานพลังของเหล่าสัตว์ป่าที่อ่อนแอที่สุดคือขอบเขตกึ่งเทพ! มีวิหคกึ่งภูติบินอยู่เต็มไปหมด!
มีหนอนรูปร่างพิลึกคลานไปมาบนภูเขาฐานพลังของหนอนเหล่านั้นก็อยู่ในระดับราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ และยังมีตัวหนึ่งที่อยู่ในขอบเขตมังกร!
สัตว์ประหลาดทั้งหลายเหล่านี้คงจะเป็นผู้ปกครองแผ่นดินถ้าหากอยู่ในโลกเฉินหลงแต่ที่นี่ พวกมันเป็นแค่แมลงที่ต่ำต้อยที่คนเดินถนนมองข้าม
ทุกคนในหมอกโลหิตตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็นพวกเขามองดินแดนใหม่ด้วยสายตาว่างเปล่า ทุกสิ่งที่เห็นทำให้พวกเขาตัวแข็งทื่อ
พวกเขารู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่คนบ้านนอกที่มาเสาะแสวงหาบางอย่างในเมืองใหญ่เฉินหลงที่คุ้นเคยกับโลกที่พวกเขาเห็นนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!
“นี่คือดินแดนใหญ่อีกดินแดนรึ?หรือบางที…มันคือบ้านเกิดของพวกต่างโลกรึ?”
ในที่สุดก็มีคนถามออกมาอย่างแผ่วเบา
ความตื่นเต้นปรากฏในสายตาจิวหยวนโจวเขาถอนหายใจ
“จิวโจว…ข้าไม่ได้เห็นเจ้ามาหลายยุคสมัยในที่สุดข้าก็ได้กลับมา”
พวกเขามาถึงจิวโจวแล้ว!ซือหยูตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่เขาก็ไม่ลืมว่าศัตรูของเขายังลอยนวล เขาต้องฆ่ามันให้ได้!
เขามองพื้นที่โดยรอบและเห็นเหมืองที่ใหญ่โตมโหราฬที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตาแม้ว่าซือหยูจะมองได้ไกลเป็นหมื่นลี้ เขาก็ไม่เห็นขอบแดนของเมือง มันกว้างใหญ่ยิ่งกว่าเฉินหลงทั้งทวีปเสียอีก!
เขานึกถึงตอนที่วู่เหิงบอกว่าอาณาเขตของโลกเฉินหลงมีขนาดแค่เพียงเมืองใหญ่ของจิวโจวซือหยูไม่เชื่อสิ่งที่วู่เหิงบอกตอนนั้น แต่ตอนนี้เขาตกใจอย่างมากเมื่อรู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง!
จักรพรรดิโลหิตจะต้องอยู่ในเมือง!ซือหยูคิด
“ตามข้าไปฆ่าจักรพรรดิโลหิตกันเถอะ”
ซือหยูตะโกนเสียงดังและนำหมอกโลหิตที่ปกคลุมทั้งม่านฟ้าไปยังตะวันตก
ถ้าหากมองไกลๆจะพบชายหนุ่มผมขาวที่มีดวงตาสีเลือดบินข้ามฟ้าตามด้วยทะเลโลหิต!ซือหยูถูกโอบล้อมไปด้วยพลังปีศาจมหาศาล เขาไม่ต่างจากราชาปีศาจไร้เทียมทาน ทุกสิ่งมีชีวิตในจิวโจวรีบหลีกทางให้กับเขาและถอยห่างเมื่อพบเห็น
พลังของเขาส่งไปถึงเมืองอันไร้ขอบแดนเสียงเอะอะดังขึ้นในเมือง ทุกคนเริ่มตะโกนด้วยความแตกตื่นและบินหนี…
“เกิดอะไรขึ้น?พลังของอสูรเนรมิตรรึ? แล้วยังมีพลังปีศาจอีก?”
“แย่แล้ว!เขาอาจจะเป็นปีศาจอสูรเนรมิตร! เขาจะต้องมาจับคนไปบ่มเพาะพลังแน่ เราต้องหนีแล้ว!”
ภาพเมืองระยะไกลที่ได้เห็นนั้นไม่ต่างจากผึ้งแตกรังคนจำนวนมากหนีด้วยความกลัว พวกเขาบินไปยังทุกทิศทาง!
ซือหยูไม่สนใจคนเหล่านั้นเขามองไปยังมุมหนึ่งของเมือง
“จักรพรรดิโลหิต!คิดว่าเจ้าหนีพ้นแล้วเรอะ?”
จักรพรรดิที่หน้าซีดตกตะลึงทั้งร่างของเขาในตอนนี้ชุ่มโชกไปด้วยเลือด เขามาซ่อนตัวอยู่ที่ถนนเส้นหนึ่ง
จักรพรรดิโลหิตถามด้วยความตกใจ
“นี่เจ้าตามข้ามาจนถึงที่นี่เลยเรอะ?”
ใบหน้าของเขาทั้งตกใจและโกรธแค้นเขาไม่เคยคิดว่าซือหยูจะกล้าไล่ล่าเขามาถึงที่นี่!
“ซือหยูเจ้าจะมากไปแล้ว..”
จักรพรรดิโลหิตตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวและทะยานขึ้นฟ้าแต่เมื่อเขาลอยขึ้นมาก็มีมุกสีครามอำพันปรากฏจากความว่างเปล่า!
“อ๊ากก!”
เสียงกรีดร้องด้วยความทรมานดังไปทั่วเมื่อจักรพรรดิโลหิตกลายเป็นก้อนเนื้อบดอีกครั้ง
“กายาเงินอมตะ!”
จักรพรรดิโลหิตคำรามด้วยความแค้น
เขาใช้วิชาก่อร่างตัวเองขึ้นใหม่อีกครั้งเขาหนีไปทางตะวันตกด้วยความเร็วสูงสุด
ซือหยูถอนหายใจแรงเมื่อเห็นเขาหนีไปอย่างคนขี้ขลาดก่อนจะไล่ตามไปผู้คนในเมืองกลับมาส่งเสียงเอะอะอีกครั้งหลังจากที่อสูรเนรมิตรของคนออกจากเมือง ทุกคนตื่นตกใจและตะโกนเป็นเสียงเดียวกัน…
“จักรพรรดิโลหิตกำลังถูกคนตามล่า!”
“เป็นไปไม่ได้!ข้าหูฝาดไปรึ? จักรพรรดิโลหิตเป็นอสูรเนรมิตรตั้งแต่ร้อยปีก่อน พลังของเขาเทียบได้กับราชาทุกเขต! มีแต่เขาที่เป็นฝ่ายฆ่าคน ไม่มีใครเคยคิดพยายามจะฆ่าเขา!”
“ใช่แล้ว!ใครกันที่กล้ามาตามล่าจักรพรรดิโลหิตในเขตกลาง?”
“…แต่ข้าก็ยืนยันได้…ฝ่ายหนีคือจักรพรรดิโลหิต!”
“แต่…อสูรเนรมิตรคนไหนเล่าที่ไล่ล่าเขา?ทำไมข้าไม่เคยเจอมาก่อนเลย?”
“ผมขาวตาสีเลือดทั้งยังมีพลังปีศาจที่แข็งแกร่งจนทำลายได้ทั้งโลก! เขามาจากสำนักอสูรงั้นรึ?”
“ต้องรายงานให้ดินแดนพรสวรรค์เดี๋ยวนี้!”
มีจ้าวเทวะระดับสูงคนหนึ่งรีบกลับไปรายงานด้วยความตกตะลึง
คนอื่นในเมืองก็ออกจากเมืองกลับไปยังสำนักของตนและกระจายข่าวอันเหลือเชื่อนี่จะต้องเป็นเรื่องใหญ่ในเขตทั้งเก้า เพราะจักรพรรดิโลหิตคือผู้อยู่จุดสูงสุดในบรรดาอสูรเนรมิตรด้วยกัน ดังนั้นคนที่กล้าจะตามล่าเขาจะต้องเป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจยิ่งกว่าแน่นอน!
DND.736 – ลบล้างจากกาลเวลา
ซือหยูไล่ล่าจักรพรรดิโลหิตผ่านขุนเขานับไม่ถ้วนขณะที่ระเบิดร่างของเขาจนเป็นก้อนเนื้อมาหลายต่อหลายครั้งพวกเขาข้ามเมืองหลายสิบเมืองมาตลอดทางจนจิวโจวปั่นป่วนไปหมด!
ข่าวเรื่องจักรพรรดิโลหิตถูกไล่ล่าโดยผู้บ่มเพาะอสูรดุร้ายกระจายไปทั่วทั้งเขตกลางซือหยูไล่ล่าเขามาสามวันสามคืน ร่างของจักรพรรดิโลหิตแหลกเหลวมานับครั้งไม่ถ้วน แต่เขาก็ก่อร่างได้ใหม่โดยใช้กายาเงินอมตะ
เมื่อสามวันผ่านไปพวกเขามาถึงทุ่งหิมะแห่งหนึ่ง
“เจ้าหนูมันยังไม่พออีกเรอะ?”
จักรพรรดิโลหิตอยู่ในสภาพสิ้นหวังโลหิตและพลังของเขารวยริน เขาเสียฐานพลังไปมากกว่าหนึ่งในสาม
สิ่งที่กายาเงินอมตะต้องการก็คือการลดฐานพลังมันยากอย่างไม่น่าเชื่ออยู่แล้วในการที่ฐานพลังของใครจะเพิ่มขึ้นเพียงน้อยนิดหลังจากที่มาถึงขอบเขตอสูรเนรมิตร และเขาก็ลงเอยด้วยการเสียฐานพลังไปหนึ่งในสาม! เขาสูญเสียไปอย่างมหาศาล!
ซือหยูไม่สนใจและขว้างมุกบาดาลใส่เขามุกบาดาลเป็นอาวุธร้ายแรงที่จักรพรรดิโลหิตมิอาจต่อกรได้ มันบดขยี้จักรพรรดิโลหิตในหลายวันที่ผ่านมา
จักรพรรดิโลหิตไม่พอใจอย่างมากแต่เขาก็ยังพยายามจะหลบเลี่ยงการโจมตี เขากลืนความโกรธแค้นเข้าไป
“เจ้าหนูไม่รู้เรอะว่าเจ้าอยู่ที่ไหน ที่นี่ใกล้ดินแดนของเขตกลางที่มียอดฝีมือนับไม่ถ้วน เจ้าต้องตายถ้ากล้าไล่ข้าต่อไปถึงที่นั่น ส่วนข้า ข้าก็แค่ใช้กายาเงินอมตะที่จะลดฐานพลังข้าต่อไปแต่ไม่ตาย เจ้าจะแลกชีวิตกับข้าเรอะ?”
ซือหยูสีหน้าเศร้าหมองเขาไม่รู้ตัวเลยว่าเกือบจะถึงเขตกลางแล้ว! เขาหันไปมองหมอกโลหิตรอบข้างและเห็นว่าคนภายในทั้งเหนื่อยล้าและอ่อนพลัง
ซือหยูจ้องมองแต่ละคนเขากังวลว่าถ้าหากเจอการลอบโจมตีในส่วนลึกที่สุดของเขตกลบาง พวกเขาจะเหนื่อยเกินไปที่จะหนี แต่เขาปล่อยจักรพรรดิโลหิตให้หนีไปไม่ได้เหมือนกัน
เพราะถ้าหากจักรพรรดิโลหิตหนีไปได้ราชาเขตกลางก็คงจะยอมแลกกับทุกอย่างเพื่อกำจัดพวกเขา! เพราะนี่คือจิวโจว เหล่าราชาจากทุกเขตแดนจะต้องมีอำนาจและพลังที่แข็งแกร่งมากอย่างแน่นอน
การมีอยู่ของคนเฉินหลงจะต้องไม่ถูกพบโดยราชาเขตกลางและจักรพรรดิโลหิตต้องตายเท่านั้น มิเช่นนั้นทุกคนจากเฉินหลงจะต้องถูกไล่ล่าไปจนตาย!
แต่เป็นการยากเหลือเกินที่ซือหยูจะสังหารจักรพรรดิโลหิตที่มีร่างอมตะและด้วยเวลาที่เหลือเพียงน้อยนิด…มีทางเดียวเท่านั้น!
ซือหยูแววตาเด็ดเดี่ยวเขากลืนโอสถหลากสีเข้าไป เซี่ยจิงหยูตกใจมาก
“โอสถฟื้นชะตา!แต่พลังโอสถส่วนมากเสียไปแล้ว”
พลังโอสถฟื้นชะตาที่เปล่งแสงหลากสีนั้นหลงเหลือเพียงสี่ในเก้าส่วนนั่นก็เพราะซือหยูใช้พลังของมันในการหมุนห้วงเวลาและมิติย้อนกลับ เขาใช้ชีวิตของตัวเองเข้าแลกกับมันและชดเชยกลับมาด้วยพลังของโอสถ
ถ้าหากไม่มีโอสถก็เป็นไปไม่ได้เลยที่ซือหยูจะหมุนห้วงมิติเวลาและโอสถนี้เหลือพลังไม่ถึงครึ่งเท่านั้น
ซือหยูหากใจเข้าลึกแสงสีแดงในดวงตาหายไปแทนที่ด้วยแสงสีม่วงที่แผ่ขยายไปหลายล้านลี้
“เวลาไหลย้อน!”
ซือหยูตะโกนเวลาของทุกแห่งที่ถูกแสงสีม่วงแผ่ขยายได้ไหลย้อนกลับ
นี่มิใช่พลังเดียวกับมิติเวลาไหลย้อนเพราะครั้งนี้คือการไหลแค่ห้วงเวลาเท่านั้น เขามิได้ใช้พลังมิติใดเลย มิติรอบข้างไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปด้วย มีเพียงเวลาที่หมุนย้อนกลับ
เหล่าต้นไม้มากมายลดขนาดลงจนเหลือเพียงยอดอ่อนก่อนจะกลายเป็นเมล็ดเล็กๆและไม่นานมันก็ถูกลบหายไปจากโลก
เวลาไหลย้อนกลับไปเกินกว่าเวลาที่มันปรากฏบนโลกพริบตาเดียว เวลาได้ไหลย้อนกลับไปหลายร้อยปี! สิ่งที่ซือหยูต้องเสียไปคือพลังทั้งหมดของโอสถฟื้นชะตา
ส่วนจักรพรรดิโลหิตเขาได้เปลี่ยนจากชายวัยกลางคนมาเป็นเด็ก! การได้ความหนุ่มแน่นกลับมาควรจะทำให้จักรพรรดิโลหิตตื่นเต้น แต่ตอนนี้เขาขนลุกไปทั้งตัว
“นี่เจ้า!เจ้าจะย้อนกลับไปถึงเวลาที่ข้ายังไม่เกิดเรอะ?”
จักรพรรดิโลหิตตะโกนใส่ซือหยู
ซือหยูพยักหน้า
“แน่ล่ะมันคือทางเดียวที่ร่างอมตะของเจ้าจะไร้ความหมาย!”
ครั้งนี้จักรพรรดิโลหิตได้เขาถึงความหวาดกลัวของจริง เขาพยายามยักย้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่งเพื่อให้พ้นระยะของการย้อนเวลา เขาวิงวอนต่อซือหยู
“เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะข้าไม่ได้คิดอ่านให้ดีข้ายอมรับความผิดแล้ว เจ้าจะไม่หยุดแค่นี้รึ?”
ดูเหมือนว่าเขาจะตระหนักถึงเหตุผลที่ซือหยูต้องการสังหารเขาแล้วเขารีบพูด
“ข้าจะไม่บอกใครเรื่องคนเฉินหลงที่นี่ข้าจะไม่ก่อเรื่องอีกแล้ว! เจ้าจะว่าอย่างไรล่ะ?”
ซือหยูตอบอย่างเยือกเย็น
“พูดอะไรของเจ้าข้าขอเชื่อคนตายจะดีกว่า”
ขณะที่ซือหยูพูดเวลาได้ไหลย้อนกลับไปอีกหลายร้อยปีจนชุดของจักรพรรดิโลหิตหลวมโครก ตอนนี้เขาได้กลายเป็นเด็กแรกรุ่น
จักรพรรดิโลหิตทั้งตกตะลึงและโกรธเกรี้ยวเมื่อวิกฤติเข้าใกล้ตัวไม่หยุด
“ซือหยูเจ้าตั้งใจจะฆ่าข้าจริงๆเรอะ?”
จักรพรรดิโลหิตยักย้ายตัวเองต่อไปแต่ซือหยูที่มีพลังอสูรเนรมิตรในตอนนี้ก็ไล่ตามเขาไปติดๆ ซือหยูบังคับให้จักรพรรดิโลหิตอยู่ในระยะของการย้อนเวลาเสมอ
“ตอนที่เจ้าจะทำลายโลกเฉินหลงเจ้าเคยคิดว่าจะไว้ชีวิตเราหรือไม่? ไม่เลย! แต่พอเจ้าจะตาย เจ้ากลับอ้อนวอนให้ข้าอภัยให้เจ้าเรอะ? ต่อให้เจ้าขอโทษตอนนี้มันก็สายไปแล้ว เพื่อเฉินหลง เพื่อจักรพรรดิจิวโจวและวีรบุรุษทุกคนที่ตายในอดีต…เจ้า! ต้อง! ตาย!”
จักรพรรดิโลหิตเริ่มโศกเศร้ากับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปและตระหนักได้ว่าสิ่งที่อ้อนวอนนั้นไม่ต่างกับการพูดกับคนหูหนวกความคิดมากมายพรั่งพรูในสมอง…
ทำไมข้าไม่หนีออกจากเฉินหลงในตอนที่ข้ารู้สึกไม่ดีในตอนนั้นเล่า?ถ้าข้าไว้ชีวิตพวกเฉินหลงจนไม่บังคับให้ซือหยูเป็นแบบนี้ เขาก็คงจะไม่ไล่ล่าข้ามาจนถึงที่นี่!
แต่ทั้งความโศกเศร้าและการคิดหนีได้เปล่าประโยชน์ในตอนนี้จักรพรรดิโลหิตในตอนนี้ได้กลายเป็นเด็กแล้ว!
“ซือหยูถ้าอยากฆ่าข้าก็เอาเลย!”
จักรพรรดิโลหิตที่ขนาดตัวเท่าเด็กเล็กในตอนนี้ถูกชุดเกราะตัวเองทับเอาไว้
ใบหน้าที่ยังไม่ทันเจริญวัยของเขาเต็มไปด้วยความชิงชังเขาอ้าปากคายตราสีดำออกมา มันมีดวงตะวันและดวงจันทร์กับข้อความที่เขียนว่าเขตกลางเอาไว้ แม้ซือหยูจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ถ้าหากจักรพรรดิโลหิตใช้มันก่อนตาย ซือหยูก็รู้ตัวว่ามันเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างมาก
ซือหยูรีบถอยกลับอย่างรวดเร็วขณะที่ทำให้แน่ใจว่าจักรพรรดิโลหิตยังอยู่ในระยะของการย้อนเวลาร่างของจักรพรรดิโลหิตหดเล็กลงเรื่อยๆ เขาได้เปลี่ยนจากเด็กเล็กมาเป็นทารกแล้ว! ในตอนนี้ ยากมากที่จักรพรรดิโลหิตจะถือตราสีดำเอาไว้
“มันสายไปแล้ว”
จักรพรรดิโลหิตส่งเสียงร้องของทารกออกมาซือหยูเบิกตากว้าง
“หายไปจากโลกนี้ซะ!”
ซือหยูตะโกน
แสงสีม่วงเปล่งประกายจักรพรรดิโลหิตกลายเป็นเด็กอายุหนึ่งสัปดาห์! เขามีรูปลักษณ์ของคนเกิดใหม่! แต่แม้ว่าจะเป็นแค่ทารก ดวงตานั้นก็มีความชังชิงเก็บเอาไว้มหาศาล
“พวกเจ้าทุกคนต้องตาย!”
นี่คือคำพูดสุดท้ายที่จักรพรรดิโลหิตพูดก่อนจะหายไปเวลายังคงไหลย้อนกลับไปอีก
ทุกคนที่อยู่ในหมอกโลหิตถอนหายใจยาวและโล่งอกขึ้นมาแล้วซือหยูไล่ล่าจักรพรรดิโลหิตตั้งแต่เฉินหลงมาถึงจิวโจว ฆ่าเขานับไม่ถ้วนครับจนใช้พลังเวลาลบเขาให้หายจากโลกไปตลอดกาล!
แต่พวกเขาก็ยังเบาใจไม่ได้ทั้งหมดเพราะตราสีดำที่จักรพรรดิโลหิตทิ้งเอาไว้ทำให้พวกเขาไม่สบายใจเล ซือหยูมองตราสีดำครู่หนึ่งก่อนจะสั่งทุกคนให้หนีไป
“รีบหนีเร็ว!”
จากนั้นซือหยูก็มีพลังอสูรเนรมิตรก็ได้เดินทางข้ามระยะมาหลายล้านลี้แต่ตราสีดำก็ติดตามพวกเขามาตลอดทาง! ราวกับว่ามันได้ตามพวกเขามาด้วย!
ซือหยูสีหน้าหม่นหมองแม้ว่าเขาจะหนีมาพันล้านลี้ ตรานี้ก็ยังไล่ตามหลังมา ซือหยูหยุดอยู่กับที่และยกมือเรียกหมอกโลหิตกลับสู่ร่าง
“พี่ซือหยูเราหนีจากมันไม่ได้รึ?”
เซี่ยจิงหยูบินมาที่ข้างซือหยูนางมองตราสีดำอย่างละเอียด มันทำให้นางรู้สึกไม่ดีเลย
ซือหยูส่ายหน้าจากนั้นจึงพยักหน้า
“จริงๆแล้วข้าเป็นคนเดียวที่หนีจากมันไม่ได้ตรานี้จับแต่พลังของข้าเท่านั้น”
เซี่ยจิงหยูรู้สิ่งที่ซือหยูต้องการจะสื่อทันที
“พี่ซือหยูให้พวกเขาหนีไป ข้าจะอยู่กับพี่”
ทุกคนรู้ความตั้งใจของซือหยูว่าเขาอยากจะให้ทุกคนหนีไปขณะที่เขาอยู่ที่นี่เพียงลำพังเพื่อรับมือกับตราสีดำนี้เซี่ยจิงหยูจึงบอกว่าจะอยู่ช่วยเขา
แต่ซือหยูปฏิเสธนาง
“ไม่ได้พวกเจ้าทุกคนต้องหนี พวกเจ้าทุกคนควรจะอยู่ด้วยกัน! โลกจิวโจวกว้างใหญ่และเต็มไปด้วยอันตราย! พวกเจ้าต้องอยู่ด้วยกันและหาที่ลงหลักปักฐาน”
ซือหยูหันไปมองแต่ละคนก่อนจะพูดต่อ
“พวกเราพิเศษอย่าบอกใครว่าพวกเรามาจากเฉินหลง จากนี้ไปจงลืมเรื่องราวในอดีต จงแทรกตัวเป็นคนเฉินหลงให้ได้”
ทุกคนเงียบลงและฟังแผนการของซือหยูพวกเขารู้ว่านี่อาจจะเป็นคำพูดสุดท้ายของเขา
ซือหยูบอกแผนต่อไป
“ตามที่ข้าเดินทางมามีเมืองกับหมู่บ้านมากมายที่นี่ วิชาบ่มเพาะพลังมิได้ต่างกันนัก พวกเจ้าแค่ต้องแสร้งว่าอพยบมาจากเขตอื่นเท่านั้น”
“หลังจากลงหลักปักฐานแล้วจงเลือกหนุ่มสาวที่ยอดเยี่ยมส่งไปยังสำนักในจิวโจวเราจะได้แอบสะสมพลังเพื่อวันหนึ่งจะได้กลับไปยังเฉินหลงเพื่อปกป้องโลกของเราให้ดี…”
“…นี่คือคำสั่งสุดท้ายของข้าในฐานะเจ้าพันธมิตร”
ผู้เฒ่าเฉินหันไปมองคนแสนคนข้างหลังเขาและตะโกนเสียงดัง
“พวกเจ้าได้ยินท่านเจ้าพันธมิตรหรือไม่?”
ทุกคนมองซือหยูด้วยความเคารพนับถือ
“ถ้าหากได้ยินแล้วก็จงไปซะส่วนข้าจะอยู่ที่…”
ผู้เฒ่าเฉินอยากจะอยู่เพราะไม่อยากให้ซือหยูเจอกับอันตรายแต่เพียงลำพัง
แต่ซือหยูก็พูดแทรกขึ้นมา
“ไม่พวกเจ้าทุกคนต้องหนีไป ข้าไม่อยากจะให้ใครสักคนอยู่ที่นี่!”
คำสั่งอันเด็ดเดี่ยวและหนักแน่นของเขาทำให้ทุกคนเบิกตากว้าง