บทที่ 219 โรงงาน
“งั้น สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน คุณมีแผนดำเนินการที่ดีกว่านี้หรือเปล่า?!” มู่หรงเสวี่ยไม่ได้โทษผู้จัดการ ในความคิดของเธอ ผู้จัดการปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม
ผู้จัดการปรับท่าทางแล้วเริ่มที่จะพูดถึงเรื่องแผนที่เขาเคยคิดไว้ก่อนหน้านี้ “เพราะคนในเมืองเล็กๆนี้มีไม่มากเท่าไร ผมคิดว่าเราน่าจะรับสมัครคนมาจากจังหวัดAนะครับ ยังไงซะบริษัทของเราก็มีอาหารและที่พักพร้อมอยู่แล้ว จะได้ไม่ต้องเดินทางไกล น่าจะมีคนมากมายที่พร้อมจะมาที่นี่นะครับ อีกอย่างเราสร้างบริษัทมาพร้อมกับชื่อเสียงที่ดีไปพร้อมๆกันอยู่แล้ว…”
มู่หรงเสวี่ยก้มหัวและเริ่มที่จะคิดเรื่องแผนที่ผู้จัดการเสนอมา มันเป็นเรื่องที่ทำจริงไม่ได้ ตลาดในเมืองเริ่มอิ่มตัวแล้ว เหตุผลที่ทุกคนอยู่ในเมืองก็เพราะไม่มีสถานประกอบการที่ดีในเมืองเล็ก ๆ บางทีเรื่องนี้อาจจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาของเมืองเล็กๆได้ด้วย
ตอนนี้เธอให้ความสนใจอย่างมาก ที่นี่มีบริษัทที่มีชื่อเสียงเพียงไม่กี่แห่ง อันที่จริงก็เป็นแค่สาขาเล็กๆเท่านั้น ดูเหมือนว่าที่นี่จะล้าหลังมากกว่าที่เธอคิดไว้มาก
“แผนของคุณเป็นไปได้นะ เขียนรายงานมาแล้วส่งไปที่สำนักงานใหญ่!” มู่หรงเสวี่ยพูดกับผู้จัดการเพราะงานแบบนี้มีเพียงคนจากสำนักงานใหญ่เท่านั้นที่จะทำได้
“ได้เลยครับท่านประธาน! ผมจะรีบเตรียมให้พร้อมทันทีเลยครับ” ผู้จัดการยังรู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อยแต่ท่านประธานก็เห็นด้วยในทันที
มู่หรงเสวี่ยเผยรอยยิ้มจางๆ “ไม่ต้องห่วงนะ ก่อนอื่นพาฉันไปดูที่โรงงานแล้วก็ที่ฐานการเกษตรก่อน แล้วพอกลับมาคุณค่อยเตรียมรายงาน!” เธอหวังว่าที่โรงงานจะไม่หละหลวมเหมือนกับที่บริษัทหรอกนะ
“โรงงานเหรอครับ?!! คือที่ฝั่งโรงงานค่อนข้างที่จะ…”
มู่หรงขมวดคิ้ว ที่โรงงานไม่น่าที่จะมีปัญหาอะไรสิ! “ที่โรงงานมีปัญหาอะไร?”
“ไม่มีครับ! เพียงแค่ว่าพวกคนที่โรงงานก็เป็นแค่ชาวนาชาวไร่ธรรมดาๆ บางทีพวกเขาอาจจะไม่ได้สุภาพเหมือนกับพวกคนในเมืองนะครับ ผมกลัวว่าท่านประธานจะไม่คุ้นกับเรื่องพวกนี้…” แม้แต่เขาเองตอนที่มาถึงแรกๆยังไม่เคยชินกับเรื่องพวกนี้เลยด้วยซ้ำ พอเวลาผ่านไปสักพักเขาก็เริ่มที่จะเข้าใจว่าชาวไร่ชาวนาพวกนี้ก็เป็นคนแบบนี้ปกติอยู่แล้ว แต่ก็มีจิตใจที่ดีมากๆและในเวลาปกติก็เป็นคนที่อบอุ่นอย่างมาก แม้แต่เวลาที่พวกเขาต้องทำงานล่วงเวลา พวกเขาก็ไม่บ่นอะไรเลย ขนาดเขาที่ทำงานอย่างตั้งใจในทุกๆวันแต่ก็ยังทำไม่ทันจนต้องเอากลับมาทำด้วยตลอด
มู่หรงเสวี่ยลุกขึ้นและพูดออกมาว่า “คุณพูดแบบนี้หมายความว่าไง? คุณคิดว่าฉันเป็นลูกคุณหนูที่อยู่แต่ในบ้านหรือไง?”
“เปล่าครับ ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะครับท่านประธาน…” ผู้จัดการกังวลมากจนหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง อย่างไรก็ตามเขาก็รู้สึกจริงๆว่าท่านประธานคือลูกคุณหนู แต่แน่นอนเขาก็ไม่กล้าที่จะพูดเรื่องพวกนี้ออกไป
“ไม่เอาน่า ฉันล้อเล่น ไปกันเถอะ!” มู่หรงเสวี่ยเดินนำออกไปก่อน
“หลงอี้ อยากไปที่อื่นก่อนไหม? ยังไงซะที่โรงงานก็คงจะน่าเบื่อแล้วในเมืองเล็กๆแบบนี้ก็คงไม่มีอันตรายอะไรด้วย…” มู่หรงเสวี่ยพูดกับหลงอี้ ตั้งแต่ที่เธอกลับมาที่จังหวัดA หลงอี้ก็คอยตามคุ้มครองเธอตลอด
“ไม่ครับ พวกเราต้องอยู่กับคุณมู่หรงตลอดเวลา คุณลืมไปแล้วหรือไงว่าครั้งที่แล้วเกิดอะไรขึ้น?” ล้อกันเล่นหรือไง ถ้าเขาไม่อยู่ ดราก้อนมาสเตอร์จะต้องฆ่าเขาแน่ๆ…ถึงแม้เขาจะออกคำสั่งของดราก้อนพาวิลเลี่ยนให้ออกคำเตือนไปแล้ว แต่ก็ไม่มีใครรับประกันพวกนอกกฎหมายที่มักจะทำอะไรเพื่อเงินไม่ได้
“ถ้าเป็นอย่างงั้นก็ไปกันเถอะ” มู่หรงเสวี่ยไม่ได้ถามอะไรต่อ อันที่จริงเธอเองก็รู้ดีอยู่แล้วว่าหลงอี้และคนอื่นๆจะไม่ยอมไปไหน เธอเพียงแค่รู้สึกขอโทษอยู่นิดหน่อยและอยากที่จะให้พวกเขาได้พักกันบ้าง สุดท้ายแล้วแม้จะถึงประธานของบริษัทแต่ก็ไม่มีสิทธิที่จะจัดการกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
ผู้จัดการขับรถของบริษัทไป ในขณะที่มู่หรงเสวี่ยแน่นอนว่ายังนั่งรถกันกระสุนที่สั่งทำมาพิเศษเหมือนเดิม ผู้จัดการขับรถนำหน้าพวกเขาไปในระหว่างที่หลงอี้และลูกน้องขับรถตามไปอยู่ข้างหลัง
ถนนไปโรงงานแย่ยิ่งกว่าถนนในเมืองมาก ตลอดทางมีแต่ถนนที่เป็นหลุม เป็นบ่อและบางครั้งก็เป็นถนนที่มีโคลนด้วย โรงงานถูกสร้างอยู่ในพื้นที่ห่างไกลซึ่งบอกได้ว่าอยู่ในชนบทและนอกชานเมือง
เมื่อลงมาจากรถ รถทั้งสองก็แทบจะไม่เหลือเค้าเดิมเลย ฝุ่นดินสีแดงคลุมรถจนหนาเตอะ มู่หรงเสวี่ยบังเอิญเหยียบลงไปที่แอ่งโคลนจนน้ำโคลนกระเซ็นขึ้นมาทันที
“อ่า” มู่หรงเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะร้องออกมาทันทีและเกือบที่จะล้ม
หลงอี้จับคว้ามือมู่หรงไว้ทันที “คุณมู่หรงเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” บ้าจริง นี่มันอะไรกันว่ะเนี่ย? ถนนก็ไม่ได้ซ้อมด้วยซ้ำ คืนนี้ตอนที่รายงานดราก้อนลอร์ดเขาจะต้องเดือดร้อนแน่ๆ
มู่หรงจับมือหลงอี้ไว้เพื่อที่จะทรงตัว หลังจากนั้นสักพักเธอก็ปล่อยมือหลงอี้ ส่ายหัวเล็กน้อยและพูดออกไปว่า “ไม่เป็นไร!”
อย่างไรก็ตามเสื้อผ้าของเธอก็เลอะโคลนไปด้วยซึ่งทำให้มู่หรงเสวี่ยที่รักความสะอาดอยู่เสมอรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเท่าไร เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอกำลังคิดว่าในอนาคตการแบ่งแย่งคงจะต้องได้รับการพัฒนาอีกนาน ถนนพวกนี้จะต้องได้รับการซ่อมแซม ไม่งั้นการขนสั่งของบริษัทเจวี๋ยลี่กรุ๊ปจะต้องกลายเป็นปัญหาใหญ่
แต่ผู้จัดการเข้าใจผิดและคิดว่าท่านประธานไม่พอใจ เขารีบวิ่งเข้ามา ถอดเสื้อสูทและอยากที่จะปูลงไปที่พื้น มู่หรงเสวี่ยห้ามเขาและถามออกไป “ผู้จัดการ คุณจะทำอะไร?!!”
ผู้จัดการหยุดไปชั่วขณะแล้วจึงพูดออกมา “ปูเสื้อที่พื้นครับ โคลนจะได้ไม่กระเด็นง่ายๆ…”
สีหน้าของมู่หรงเสวี่ยสะดุ้งไปนิดหน่อย “ไม่ต้อง ฉันไม่ได้บอบบางขนาดนั้นนะ!” แล้วเธอก็ยกเท้าและเดินไปอีกด้านต่อ แน่นอนว่าท่าทางที่อ่อนเยาว์ของเธอทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเธอมีเสน่ห์
หลงอี้ตบไปที่ไหล่ของผู้จัดการและเดินตามเธอไป
ท่านประธานเป็นคนที่เข้ากับคนได้ง่ายอย่างคาดไม่ถึง ในตอนนี้ความคิดนี้แวบเข้ามาในความคิดของผู้จัดการ
หลังจากเดินไปได้ไม่ไกลก็ถึงประตูหลังของโรงงาน มู่หรงเสวี่ยมองไปที่การติดตั้งจากโรงงานด้วยความพึงพอใจเล็กน้อย นี่ไม่ได้แย่ไปกว่าที่จังหวัดAเลย บริเวณข้างในก็สะอาดอย่างมาก เสียงเครื่องจักรก็ดังเข้ามาบ้างเป็นครั้งคราว โรงงานกำลังทำงานอยู่และด้านนอกก็มีการ์ดคอยเฝ้าเพียงแค่สองคน นอกจากเสียงของเครื่องจักรแล้ว นอกนั้นก็เงียบมาก
ผู้จัดการคอยสังเกตอาการของมู่หรงเสวี่ยแล้วเขาก็รู้สึกโล่งอกเล็กน้อย เมื่อเข้าไปในห้องเครื่องจักร คนงานทุกคนต่างก็กำลังทำงานกันอย่างต่อเนื่อง มีชาวนา ชาวไร่หลายคนที่โป๊เพราะความร้อน
หลงอี้แทบจะรีบเข้ามาบังมู่หรงเสวี่ยไว้ข้างหลังทันที เพื่อที่จะปิดสายตาของเธอไว้ มันจบแล้ว ถ้าคุณมู่หรงได้เห็นเนื้อหนังของผู้ชายคนนี้ ต้องไม่โอเคแน่ๆ
มู่หรงมองไปที่ร่างสูงของหลงอี้ที่จู่ๆก็เข้ามาขวางเธอด้วยท่าทางกังวลและพูดไม่ออก “หลงอี้ นายทำอะไรเนี่ย?!!”
หลงอี้กางแขน หันหัวมาเล็กน้อยและตอบกลับมา “คุณมู่หรง ข้างหน้าคุณมีสิ่งไม่น่ามองเท่าไร ผมเลยมาช่วยบังไว้ให้ครับ…”
มู่หรงเสวี่ยนวดที่ขมับเล็กน้อยแล้วจึงพูดออกมา “ถ้านายไม่ให้ฉันดู แล้วฉันจะตรวจงานของตัวเองได้ยังไงล่ะ?”
“ทุกคนสวมเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้” หลงอี้ตะโกนออกไป!!! เขาจะทำให้คุณมู่หรงต้องมาเห็นเรื่องแบบนี้ได้ยังไง!
มู่หรงเสวี่ยแทบอยากที่จะเตะหลงอี้ที่อยู่หน้าเธอ คิดว่าคนที่นี่จะรู้สึกยังไง
ต้องบอกเลยว่าเสียงของหลงอี้ที่พูดออกไปมันดังมากและคนงานทุกคนที่กำลังทำงานต่างก็หันหัวมา แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้ลืมหน้าที่ของตัวเอง
“ผู้จัดการมาแล้ว…”
“ฮ่าฮ่าฮ่า แล้วก็พาแขกมาด้วย เป็นใครกันเนี่ย?” เสียงของคนงานเริ่มที่จะตะโกนออกมา
“ผู้จัดการ น้องสาวสวยมากเลยนะ วันหลังแนะนำให้รู้จักบ้างนะ” หนึ่งในคนงานทำท่าทางลามกขึ้นมาทันที
“…”
ในจุดนี้ทำให้ผู้จัดการรู้สึกอายอย่างมาก พยายามส่งสัญญาณให้พวกคนงานเงียบปากไปแต่ท่านประธานกำลังยืนอยู่ข้างๆเขา!!! ถ้าเป็นแบบนี้ถ้าเขาไม่ได้ชินกันคนงานพวกนี้มานานแล้ว พวกเขาก็คงจะเข้ามาตรวจงานไม่ได้แน่ๆ
ผู้จัดการมองไปที่มู่หรงเสวี่ยที่อยู่ข้างหลังหลงอี้อย่างระวัง และพบว่าสีหน้าของท่านประธานเริ่มที่จะเคร่งขึ้นมา แล้วเขาก็มองไปที่ท่าทางของหลงอี้ที่กั้นสายตาของท่านประธานไว้อย่างสิ้นเชิง ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจและตะโกนออกไป “โอเค เอาเสื้อผ้ากลับมาสวมก่อนเลย!”
มู่หรงเสวี่ยยิ้มอย่างไม่พอใจแต่ก็ยังไม่ได้พูดอะไรมากเพราะยังไงทุกคนก็พูดไปหมดแล้ว แล้วเธอจะพูดออกไปอีกทำไม?!!! อีกอย่างมีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าหลงอี้เห็นอะไร เวลาไปที่ชายหาด พวกผู้ชายก็ยังใส่แค่กางเกงขาสั้นเลย ในเมื่ออากาศร้อนขนาดนี้ก็เป็นเรื่องปกตินิ
ในตอนแรกพวกคนงานต่างก็ตกใจเล็กน้อย แต่ก่อนผู้จัดการยังไม่เห็นเคยพูดอะไรแบบนี้เลยแต่จู่ๆก็มาบอกให้พวกเขาสวมเสื้อผ้าซะ อย่างไรก็ตามพวกเขาก็เริ่มที่จะสังเกตได้ว่าคนที่มากับผู้จัดการอาจจะเป็นคนสำคัญ ดังนั้นพวกเขาจึงรีบสวมเสื้อผ้า คิดว่าพวกเขาไม่อยากที่จะสร้างปัญหาให้ผู้จัดการ
หลงอี้รอจนทุกคนสวมเสื้อผ้าเสร็จจึงเคลื่อนตัวออก
มู่หรงเสวี่ยจ้องไปที่หลงอี้ แล้วจึงก้าวเดินไปที่เครื่องจักร เหล่าพนักงานเห็นร่างของมู่หรงเสวี่ย เหล่าคนงานที่อยากจะพูดจาตลกก็รีบหยุดในทันที บางทีอาจจะเพราะกลัวว่าจะทำให้เด็กสาวที่น่ารักแบบนี้เกิดกลัวขึ้นมา เพราะด้วยอายุของมู่หรงเสวี่ย จึงไม่มีใครคิดว่ามู่หรงเสวี่ยจะเป็นหัวหน้าที่แท้จริง