บทที่ 1949+1950

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1949 ร่วมมือกันสู้

เห็นได้ชัดว่าเจ้าวังน้อยผู้นั้นต้องการจับเป็นกู้ซีจิ่ว จากนั้นก็จะทรมานเคี่ยวกรำ ดังนั้นนางจึงไม่ได้สำแดงกระบวนท่าพิฆาตออกมา คิดจะบีบคั้นอยู่เบื้องหน้ากู้ซีจิ่วเหมือนแมวแหย่หนู นางชมชอบเห็นท่าทางที่ผู้อื่นค่อยๆ อับจนหนทางจนสุดท้ายก็สิ้นหวังเป็นที่สุด!

กู้ซีจิ่วย่อมทราบถึงความคิดนาง แต่ภายใต้การไล่ล่าของของเหลวสีเขียวที่มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรงเช่นนั้น เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว!

เมื่อเจ้าวังน้อยเห็นนางใกล้เข้ามาเรื่อยๆ มือก็กำแน่น นัยน์ตามีแววกระหายเลือดวาบผ่าน!

นางงอปลายนิ้วนิดๆ รอคอยให้กู้ซีจิ่วเข้ามาติดร่างแหด้วยตัวเอง…

เกิดเสียงดัง ‘ฟุ่บ’ ลำแสงสีรุ้งสายหนึ่งพุ่งผ่านมาจากด้านหลังของเจ้าวังน้อย!

องศาของลำแสงสีรุ้งสับปลับยิ่งนัก พุ่งฝ่ามาอย่างเจตนา เจ้าวังน้อยผู้นั้นไม่ทันตั้งตัว หวิดจะถูกแสงนั้นซัดใส่แล้ว!

ร่างนางพลันวูบไหว เบื้องหน้าพร่าเลือน เงาร่างสีม่วงสายหนึ่งโผตรงเข้ามา ขวางอยู่เบื้องหน้าเจ้าวังน้อย ถือโอกาสต้านรับกระบวนท่าพิฆาตของเจ้าวังน้อยไว้ด้วย

“เป็นท่าน! คุณชายฝูอี ท่านกำลังทำอะไร?!” เจ้าวังน้อยตะโกนด้วยความโกรธ

ผู้ที่มาก็คือคุณชายฝูอีผู้นั้น

เขาส่งสัญญาณให้กู้ซีจิ่วดำเนินการต่อไป จากนั้นก็ยิ้มอย่างไม่ร้อนใจ “นี่ยังต้องถามอีกหรือ? ข้าก็เป็นพวกเดียวกับนางไง!”

เจ้าวังน้อยผงะไป สีหน้านางเขียวคล้ำ ร้องเหอะคราหนึ่ง “เช่นนั้นก็ดี! เจ้าวังอย่างข้าจะเอาพวกเจ้าทั้งสองมาหลอมโอสถด้วยกันเสีย!”

ริมฝีปากบางของคุณชายฝูอีหยักยิ้มน้อยๆ “ก็รอดูกันไป เกรงว่าเจ้าจะไม่มีความสามารถขนาดนั้นน่ะสิ แต่ถึงอย่างไรเจ้าก็เรียกลูกน้องทั้งหลายของเจ้าเข้ามาช่วยได้นะ”

เจ้าวังน้อยผยองจองหองนัก พลังวิญญาณของคุณชายฝูอีอย่างมากก็ขั้นจินเซียน ส่วนเริ่นจ้งเซิงก็เป็นเพียงเด็กน้อยอายุสิบสามสิบสี่ ตามที่ลูกน้องมนุษย์ครึ่งสัตว์ของนางรายงานมา นังเด็กนั่นเพิ่งจะขั้นหยวนจวินเท่านั้น

สองคนที่อยู่เบื้องหน้านี้ร่วมมือก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของนางเลย นางย่อมไม่คิดจะเรียกลูกน้องเข้ามาช่วย…

ดังนั้นนางจึงหัวเราะหยันคราหนึ่ง “จับพวกเจ้าสองคนไหนเลยจะต้องพึ่งคนอื่น? เจ้าวังอย่างข้าผู้เดียวก็พอแล้ว!”

“ฮ่าๆ เด็ดเดี่ยวดีนี่! จำคำพูดของเจ้าเอาไว้!” คุณชายฝูอีหัวเราะเบาๆ จากนั้นเข้าต่อสู้กับนาง

ยามนี้บนหลัง ‘มังกรดำ’ ตัวนั้นล้วนปกคลุมไปด้วยของเหลวสีเขียวที่มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง ไม่เหลือพื้นที่ให้วางเท้าแล้ว

มีเพียงละแวกเศียรมังกรเท่านั้นที่ยังไม่มีของเหลวนั้น แต่ก็ห่างกับกู้ซีจิ่วไกลเกินไป เธอไม่มีวิชาเคลื่อนย้ายจึงไม่อาจไปถึงที่นั่นโดยตรงได้

เจ้าวังน้อยทราบจุดนี้ดี ดังนั้นนางจึงไม่ได้สนใจกู้ซีจิ่ว หันเหมาที่การต่อสู้กับคุณชายฝูอีแทน

วรยุทธ์ของนางสูงส่งกว่าคุณชายฝูอีมาก ถึงอย่างไรนางก็บำเพ็ญมาหลายพันปีแล้ว ส่วนคุณชายฝูอีต่อให้เป็นยอดอัจฉริยะ แต่คำนวณเต็มที่แล้วเขาก็บำเพ็ญเพียรมาแค่หกปีเท่านั้น…

นางรุกไล่เข้าหาคุณชายฝูอีอย่างไม่ลดละจนเขาถอยร่นไปเรื่อยๆ…

แน่นอนว่าระหว่างที่ต่อสู้โรมรันอยู่ก็มองไปที่กู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง เห็นว่านางยังวนเวียนอยู่ที่ส่วนหางของมังกรดำอย่างจนตรอก…

ชัดเจนยิ่งนัก นางหาวิธีขึ้นไปไม่ได้!

นี่ยิ่งทำให้เจ้าวังน้อยวางใจขึ้นกว่าเดิม! เตรียมจดจ่อกับคุณชายฝูอีก่อน แล้วค่อยไปจัดการนังเด็กคนนั้น!

ทั้งสองโรมรันวนเวียนปานโคมม้าวิ่ง ไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวเจ้าวังน้อยก็ถูกคุณชายฝูอีหลอกล่อออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ…

ถึงแม้พลังวิญญาณของคุณชายฝูอีจะสู้นางไม่ได้ แต่ทักษะของเขากลับพิสดารนัก แต่ละกระบวนท่าทำให้นางจับเบาะแสร่องรอยไม่ได้เลย

เดิมทีนางนึกว่าจะสามารถสยบอีกฝ่ายไว้ได้อยู่หมัด จบการต่อสู้ได้ภายในหนึ่งเค่อ กลับคาดไม่ถึงเลยว่าผ่านไปหนึ่งเค่อแล้ว นางเพิ่งจะได้เปรียบแค่เล็กน้อยเท่านั้น

นี่ยังไม่ได้เอ่ยถึงเมื่ออีกฝ่ายลงมือขึ้นมาก็ปานพายุฝนโหมกระหน่ำ หลังจากต่อสู้กันไป ถึงแม้นางจะได้เปรียบ แต่ก็ไม่กล้าเสียสมาธิเลยเช่นกัน!

ต่อสู้กันอยู่อีกประมาณสี่สิบนาที ในที่สุดนางก็ทราบความสามารถของอีกฝ่ายชัดเจนแล้ว และเริ่มโต้กลับขนานใหญ่!

ในที่สุดคุณชายฝูอีก็ถูกบีบให้เข้าตาจน ฉายแววว่าจะพ่ายแพ้!

————————————————————————————-

บทที่ 1950 ร่วมมือกันสู้ 2

เจ้าวังน้อยแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม “ครั้งนี้ข้าจะให้เจ้าจ่ายค่าตอบแทนอย่างสาสม!”

ขณะที่กำลังจะสำแดงท่าไม้ตาย พลันได้ยินเสียงดังคลิก คล้ายเสียงกลไกถูกเปิดใช้งาน

เสียงนี้สำหรับเจ้าวังน้อยแล้วไม่แปลกหูเลย เป็นเสียงปิดกลไกหินผลึก!

นางตกตะลึงยิ่ง รีบหันไปมองทันที สีหน้าแปรเปลี่ยนทันใด!

ยามนี้เริ่นจ้งเซิงยืนอยู่ที่ยอดศีรษะของมังกรดำกดแผ่นเกล็ดปิดกลไกแล้ว!

ดวงตาของมังกรดำค่อยๆ ปิดลง รอบกายกู้ซีจิ่วที่ยืนอยู่บนยอดศีรษะกลับคล้ายมีรัศมีแสงเลือนรางแผ่ออกมา!

หลังจากตกใจแล้วก็กลายเป็นเดือดดาล!

นางไม่นึกเลยว่ากู้ซีจิ่วจะสามารถขึ้นไปได้! ที่นึกไม่ถึงยิ่งกว่าคือนางกลับกดแผ่นเกล็ดปิดกลไกได้รวดเร็วขนาดนี้!

ถึงอย่างไรกลไกบนเศียรมังกรก็ซับซ้อนมาก ต่อให้เป็นตัวนางเองที่ขึ้นไปก็ต้องระมัดระวังยิ่งนักเช่นกัน!

และแม้แต่มนุษย์ครึ่งสัตว์ระดับสูงผู้อารักขาที่นี่ซึ่งช่ำชองการเปิดปิดสิ่งนี้ ตอนจะขึ้นไปปิดก็ยังต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งเค่อ ถึงอย่างไรกลไกนั้นก็ซับซ้อนยิ่งนัก คนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวต่อให้ขึ้นไปได้ คลำหาอยู่สองวันก็ยังไม่แน่ว่าจะสามารถปิดกลไกนั้นได้

ไม่น่าเชื่อว่ากู้ซีจิ่วจะทำได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ เช่นนี้ หากลไกพบแล้วปิดกลไกนั้นได้ นางทำได้อย่างไรกัน?!

เวลานี้นางไม่สนใจคุณชายฝูอีแล้ว ร่างพลันเหินขึ้นหมายจะทะยานไปจับกู้ซีจิ่วงลงมาจากยอดเศียรมังกรดำ

กลับคาดไม่ถึงว่าคุณชายฝูอีจะตั้งท่าอยู่นานแล้ว

เขาตวัดแขนเสื้อขึ้นมา ขวางกั้นทางไปของนาง “ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ จะจากไปได้อย่างไร?”

เจ้าวังน้อยสลัดเขาไม่หลุดในตอนนี้

แววเคร่งเครียดพาดผ่านนัยน์ตา ทันใดนั้นนางพลันผิวปากจนเกิดเสียงก้องกังวาน!

เสียงผิวปากแหลมเสียดหู แทบจะบาดหูคนได้เลย!

นี่คือการผิวปากเรียกสมุนของนาง ทุกคนที่ได้ยินล้วนต้องรีบมาตามคำสั่ง

นางเข้มงวดกับลูกน้องยิ่ง ตอนที่ไม่มีสัญญาณเรียก ลูกน้องของนางไม่อาจเข้ามาที่นี่ได้โดยเด็ดขาด

เพียงแต่ตอนที่นางมาได้พาคนสนิทสี่คนมาด้วย ขอเพียงนางเรียกหา พวกเขาก็จะเข้ามาในชั่วอึดใจ

แต่สิ่งที่ทำให้นางคิดไม่ถึงคือ ผ่านไปสองสามอึดใจแล้ว ยังไม่เห็นคนสนิทสี่คนนั้นเข้ามาเลย

ในใจนางรู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา มองไปที่คุณชายฝูอีด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว

เขาหยักมุมปากขึ้นน้อยๆ ยิ้มอย่างลุแก่โทษ “เจ้าจะผิวปากให้ดังกว่านี้ก็ได้นะ คอยดูเถิดว่าวิญญาณของพวกเขาจะถูกเรียกมาหรือไม่”

“เจ้าสังหารพวกเขาทิ้งก่อนแล้ว!” ดวงหน้าเจ้าวังน้อยแดงฉานด้วยโทสะ

“พวกเขากระจอกเกินไปเอง” ตี้ฝูอียิ้มสง่างาม

เจ้าวังน้อยกำหมัด จู่ๆ สุ้มเสียงที่ราวกับพยัคฆ์คำรามก็แว่วออกมาจากปาก

เสียงนี้ประหนึ่งแว่วออกมาจากลำโพงเสียงสูงที่ทำจากโลหะ ผืนดินใต้ฝ่าเท้าสั่นสะเทือนเลือนลั่น

เสียงคำรามนี้แว่วขึ้นไม่นาน ก็มีมนุษย์ครึ่งสัตว์แปดคนพุ่งมาแต่ไกล คนเหล่านี้แตกต่างจากมนุษย์ครึ่งสัตว์คนอื่นๆ เรือนกายสูงใหญ่ยิ่งนัก แต่ละคนปานหอคอยเหล็ก ยังวิ่งมาไม่ถึงด้วยซ้ำ แต่มีสายลมกรรโชกปะทะหน้าแล้ว ไอพิฆาตที่บ้าคลั่งตลบอบอวล…

เมื่อคุณชายฝูอีมองเห็นคนเหล่านั้น หัวใจพลันเต้นตึกตัก!

นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าวังน้อยผู้นี้จะมีลูกน้องที่ฝึกฝนถึงขั้นจินเซียนแล้วมากปานนี้!

ที่สำคัญกว่านั้นคือ เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ไม่มีสตินึกคิดอีก เสมือนเครื่องจักรสังหารที่รู้จักเพียงการเข่นฆ่า เหินทะยานเข้ามาปานพายุสลาตัน!

สุ้มเสียงที่คล้ายพยัคฆ์คำรามจากปากของเจ้าวังน้อยอยู่ไม่ขาด ชี้นำให้พวกมันเข้าโอบล้อมคุณชายฝูอี

ร่างนางพลันเหินขึ้นมา พุ่งทะยานไปหากู้ซีจิ่ว นางต้องเปิดกลไกนั้นอีกครั้ง! จากนั้นค่อยเชือดนังเด็กช่างสร้างปัญหาทั้งเป็นเสีย!

คุณชายฝูอีไม่คิดทำศึกพัวพันต่อไป เขาจึงรีบตะโกนออกไปว่า “วายุโหม รามือ!”

นี่คือสัญญาณลับที่เขากับกู้ซีจิ่วกำหนดขึ้นยามอยู่ในห้อง ความหมายคือ อันตราย รีบหนีไป!

กลับนึกไม่ถึงว่ากู้ซีจิ่วจะยกยิ้มแวบหนึ่ง ก่อนฟาดฝ่ามือใส่เนตรมังกรนี้เสีย!

———————————-