บทที่ 1951+1952

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1951 ร่วมมือกันสู้ 3

แสงเจ็ดสีผลิบานจากฝ่ามือนาง กระแสฝ่ามือที่เกรียงไกรปานมังกรฟาดเข้าที่นัยน์ตาของมังกรดำ!

เสียงแตกเพล้งดังก้องขึ้น ราวกับกระเบื้องเคลือบระเบิดออกกลางอากาศ!

ดวงตาที่ยังไม่ทันปิดสนิทของมังการตัวนั้นแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ…

เศษซากมากมายปลิวว่อน ปานฝนกรวดที่โปรยปรายอยู่กลางอากาศ

หินวิญญาณสีแดงฉานก้อนนั้นรวมถึงเศียรมังกรใหญ่โตแตกกระจายออกพร้อมกัน! พังทลายแล้ว!

หลังจากเจ้าวังน้อยทึ่มทื่อไปครู่หนึ่ง สีหน้าก็แปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวง!

กลไกหินผลึกนี้เป็นผลงานชิ้นเอกของผู้ที่นางเคารพนับถือที่สุด ทำลายทิ้งไม่ได้ง่ายๆ นอกจากจะเป็นผู้ที่มีวรยุทธ์ขั้นซ่างเซียนขึ้นไป ยามที่คนผู้นั้นติดตั้งกลไกนี้ยังถึงขั้นที่คุยโวเอาไว้ด้วย บอกว่าใต้หล้านี้ผู้ที่สามารถทำลายกลไกนี้ได้มีอยู่ไม่ถึงสิบคน

แต่ยามนี้มันกลับถูกนังเด็กน้อยที่อายุยังไม่เต็มสิบสี่ปีดีทำลายลงได้ นังเด็กนี่เป็นใครกัน?!

“เจ้าคือผู้ใด?!” เจ้าวังน้อยตะโกนถาม “จอมมารหนิงเสวี่ยโม่รึ?”

กล่าวกันว่าจอมมารหนิงเสวี่ยโม่ผู้นั้นเคยเป็นแม่นางน้อยที่ไม่เติบใหญ่ขึ้นตามวัย (แค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น)

หากว่านางมาแล้ว เช่นนั้นเสินจิ่วหลี่สามีที่ตามติดเป็นเงาตามตัวของนางตลอดก็คงมาด้วยใช่หรือไม่?!

เจ้าวังน้อยหันไปมองคุณชายฝูอีที่ถูกมนุษย์ครึ่งสัตว์แปดคนนั้นรุมล้อมอยู่ทันที…

คุณชายฝูอีผู้นั้นต่อสู้กับมนุษย์ครึ่งสัตว์ที่โจมตีไปพลาง มองกู้ซีจิ่วไปพลาง แววตาซับซ้อนเล็กน้อย…

ยามนี้อารมณ์ของกู้ซีจิ่วชื่นมื่นเหลือเกิน!

รับบทเป็นเด็กน้อยมานานถึงเพียงนี้ ในที่สุดก็ได้เวลาเอาคืนแล้ว!

พลังวิญญาณของเธอฟื้นฟูกลับมาแล้ว ยังจะต้องกลัวอันใดอีก?!

เปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ได้แล้ว!

ร่างเธอพลันพุ่งทะยานปานโบยบิน เตะเศียรมังกรที่กุดแล้วลงไป “ข้าคือผู้ที่จะเอาชีวิตเจ้า! ถ้าบอกมาตามตรงว่าใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเจ้า บางทีข้าอาจจะเหลือซากศพเจ้าในสภาพสมบูรณ์ให้…”

เจ้าวังน้อยหน้าเปลี่ยนสีแล้ว…

….

หลังจากต่อสู้โรมรันปานพายุโหมถล่มทุ่งหญ้า เจ้าวังน้อยที่จ่ายค่าตอบแทนด้วยชีวิตลูกน้องหลายสิบคน ในที่สุดก็หนีออกมาได้!

นางติดตั้งกลไกไว้ในวังพฤกษาแห่งนี้ไม่น้อยเลย ในบรรดานั้นมีเส้นทางหลบหนีอยู่เส้นหนึ่ง หลังจากประมือกับกู้ซีจิ่วกว่าสิบกระบวนท่าก็ทราบแล้วว่าคนมิใช่คู่ต่อสู้ของคนผู้นี้แน่ สู้ไปก็มีแต่จะเสียเปรียบ มิสู้รักษาชีวิตน้อยๆ เอาไว้จะดีกว่า!

ประกอบกับนางแคลงใจยิ่งนักว่าอีกฝ่ายจะเป็นจอมมารหนิงเสวี่ยโม่ มิเช่นนั้นแล้วเด็กสาวคนใดกันเล่าจะมีวรยุทธ์เช่นนี้ได้?!

ถ้าหนิงเสวี่ยโม่อยู่ที่นี่ เช่นนั้นเสินจิ่วหลี่สามีของนางจะอยู่ไกลออกไปได้อย่างไรเล่า?!

หากว่าสองบุคคลนี้ปะปนเข้ามาในวังพฤกษาของนาง จะต้องทำให้ที่นี่เละเทะเป็นซากตะกรันได้แน่!

ดังนั้นนางจึงเลือกหนีเอาชีวิตรอดก่อน ใช้วิชาลับเรียกมนุษย์ครึ่งสัตว์กลุ่มใหญ่มาอีก ให้พัวพันกู้ซีจิ่วกับคุณชายฝูอี ส่วนนางก็ฉวยโอกาสเปิดใช้ทางลับที่อยู่ในละแวกนั้นหลบหนีไปเสีย…

แน่นอนว่าตอนที่นางหลบหนีเป็นการหนีอย่างจนตรอกยิ่งนัก แขนขาดครึ่งไปข้างหนึ่ง อาภรณ์ฉีกขาด แทบจะล่อนจ้อนต่อหน้าลูกน้องหลายสิบชีวิต หนังศีรษะเหวอะไปครึ่งหนึ่ง ทั้งตัวคนราวกับถูกพายุสลาตันพัดถล่มมาหลายสิบรอบ ไม่มีสีหน้าผยองจองหองอีกแล้ว…

เส้นทางลับนั้นไขรหัสได้ยากยิ่งนัก เมื่อพวกกู้ซีจิ่วทั้งสองกำจัดมนุษย์ครึ่งสัตว์ทั้งหมดที่ปิดกั้นเส้นทางได้ ยามที่กำลังวุ่นวายกับทางลับนั้นต่อ เจ้าวังน้อยผู้นั้นก็หลบหนีไปที่ใดไม่รู้ตั้งนานแล้ว!

ขณะที่กู้ซีจิ่วกำลังจะกระโจนเข้าไปค้นหาในเส้นทางลับ ด้านนอกก็มีเสียงต่อสู้แว่วเข้ามา…

ผ่านไปครู่หนึ่ง มีคนกว่าสิบคนพุ่งเข้ามา ไม่น่าเชื่อว่าผู้ที่นำขบวนก็คือพวกซือชิงศิษย์พี่ศิษย์น้อง

ชิงหลัวผู้นั้นอยู่ด้านหน้าสุด เมื่อมองเห็นคุณชายฝูอีนัยน์ตาก็ทอประกาย “ศิษย์พี่ใหญ่!”

เขาโผเข้ามาทันที คล้ายต้องการจะโผเข้าใส่อ้อมแขนของคุณชายฝูอี แต่ทันทีที่เห็นดวงตาที่ฉายแววยิ้มมิเชิงยิ้มคู่นั้นของคุณชายฝูอี ฝีเท้านางก็ชะงักไปอีกครั้ง “ขอบคุณฟ้าดิน โชคดีที่ท่านปลอดภัยไร้เคราะห์!”

นางมองเห็นเพียงศิษย์พี่ใหญ่ของนาง ในสายตามองไม่เห็นผู้อื่นอีกเลย

—————————————————————————

บทที่ 1952 เขาเป็นใคร?

ส่วนคนอื่นๆ ก็มองเห็นกู้ซีจิ่วที่ยังปลอมตัวเป็นมนุษย์ครึ่งสัตว์อยู่ โห่ร้องตะโกนเสียงดัง เข้ามาล้อมกู้ซีจิ่วไว้ตรงกลางพร้อมกัน

ซือชิงตะโกน

“จับเป็น!”

แล้วหันหลังกลับไปมองคุณชายฝูอีอย่างเปี่ยมความหวัง

“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านเจอเริ่นจ้งเซิงแล้วใช่ไหม? นางเข้ามาอีกครั้ง แต่ข้าตามหาที่นี่จนทั่วแล้วก็หาไม่พบ”

คุณชายฝูอีไม่ตอบ มองกู้ซีจิ่วที่กำลังถูกตีวงล้อม

“ยามนี้เจ้าควรจะคืนร่างเดิมได้แล้วกระมัง?”

ดังนั้น สายตามากมายนับไม่ถ้วนจึงจดจ้องไปยังกู้ซีจิ่ว

สายตาทั้งคู่ของชิงหลัวยิ่งจ้องเขม็งไปบนร่างกู้ซีจิ่วด้วยความฉงนสงสัย และด้วยความอิจฉาอยู่บ้าง

เมื่อวานตอนเช้ามืดนางตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงรีบกลับเขาไปรายงานอาจารย์

อาจารย์ของพวกเขาย่อมร้อนใจ ขณะที่กำลังเรียกลูกศิษย์ชั้นหัวกะทิมารวมตัว พวกซือชิงก็กลับไปได้ทันกาล

พวกเขารายงานสถานการณ์ภายในวังพฤกษาให้อาจารย์ฟัง อาจารย์ของพวกเขาย่อมไม่ชักช้าแม้เพียงหนึ่งเค่อ จัดแจงคนรีบรุดมาที่นี่ทันที

ระหว่างทางพวกซือชิงชื่นชมรูปลักษณ์และความสามารถของเริ่นจ้งเซิงไม่ขาดปาก แทบจะสรรเสริญนางว่าเลิศล้ำ ชั้นฟ้าหาได้ยาก ใต้หล้าหาไม่มี ทำให้ชิงหลัวรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก ต้องการจะเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นเทพมาจากที่ใดทำให้ศิษย์พี่ทั้งสองที่ทะนงตนมาตลอดชื่นชมนางได้ถึงขนาดนี้!

นางไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะงดงามยิ่งกว่าตนเอง!

เป็นที่รู้กันว่านางเป็นถึงบุปผาแรกแย้มของอาจารย์!

การปลอมตัวเป็นมนุษย์ครึ่งสัตว์อีกต่อไปย่อมไม่มีอะไรน่าสนุกแล้ว อีกอย่างเธอติดขนเหล่านี้ไว้บนหน้าตลอดเวลาก็รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก

ครั้งนี้สิ่งที่กู้ซีจิ่วใช้แปลงโฉมไม่ยากเลย และเธอก็ฟื้นฟูพลังวิญญาณแล้วด้วย ดังนั้นเธอใช้วิชาชำระล้างเพียงครั้งเดียวก็ชำระล้างสิ่งของในการแปลงโฉมออกได้หมดแล้ว คืนรูปลักษณ์ของเริ่นจ้งเซิงดังเดิม

เธอยืนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าพริ้มเพราเปี่ยมชีวิตชีวา สีหน้าสุขุมเยือกเย็น มีท่าทางที่มิอาจบรรยายออกมาได้

คนเหล่านี้ที่กรูกันเข้ามาแทบจะตกตะลึงกันหมด!

เด็กหญิงคนนี้ ช่างงดงามเหลือเกิน!

ดวงหน้าน้อยๆ ของชิงหลัวซีดขาว ใบหน้าเปี่ยมความไม่พอใจทว่ากลับไม่มีเรี่ยวแรง นางอดไม่ได้ที่จะเล่นงานกู้ซีจิ่ว

 “ที่แท้ก็เป็นเจ้าที่ลอบทำร้ายข้า!”

“ชิงหลัว เริ่นจ้งเซิงท่านนี้ช่วยชีวิตเจ้าไว้! นี่เจ้าพูดจาอะไรของเจ้า?”

ซือชิงต่อว่านางอย่างอดไม่ได้

ชิงหลัวยิ่งอึดอัดใจเมื่อเห็นศิษย์พี่ที่คอยปกป้องตัวเองมาตลอดจู่ๆ ก็ออกมาปกป้องผู้อื่น!

“นางช่วยข้าไว้ก็จริง แต่นางก็ถือโอกาสลอบทำร้ายข้าตอนที่ข้าไม่ทันได้ตั้งตัว! หรือว่าข้าเอ่ยถามสักคำก็ไม่ได้? อันที่จริงนางไม่จำเป็นต้องลอบทำร้ายข้า บอกข้าตรงๆ สักคำข้าก็อาจร่วมมือกับนางก็ได้…”

ชิงหลัวยกเหตุผลขึ้นกล่าวอ้าง

“ชิงหลัว คนมุทะลุเลือดร้อนอย่างเจ้าหากเริ่นจ้งเซิงบอกเจ้าล่วงหน้า เจ้าต้องถามหาเหตุผลต่างๆ นานาอย่างแน่นอน ถ้าเป็นเช่นนั้นโจรลักพาตัวทั้งสองคนจะไหวตัวได้ทัน ทำให้เสียแผน พวกเราทั้งสามคนต่างรักชีวิตตัวเอง…ตอนนี้เจ้าควรขอบคุณแม่นางเริ่นถึงจะถูก มิใช่มากล่าวโทษนาง!”

ซือชิงอบรมนางต่อ

ชิงหลัวเบะปากจิ้มลิ้ม

“ไม่ว่าอย่างไรนางลอบทำร้ายข้าก็ถือว่านางผิด อีกอย่างนางก็ไม่ใช่ศิษย์ปิดสำนักของจื่อฉุนซ่างเหรินสักหน่อย! ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้วนางเป็นใครกันแน่ ไม่แน่อาจจะเป็นพวกเดียวกับเจ้าคนสารเลวที่นี่ก็ได้!”

“เหลวไหล!”

จู่ๆ ก็มีเสียงแว่วดังขึ้นจากสถานที่ไม่ไกล

“ชิงหลัว ขออภัยแม่นางท่านนี้เสีย! หากไม่ใช่เพราะนาง ครั้งนี้พวกเจ้าทั้งสามคนจะต้องเกิดเรื่องแน่ๆ!”

บุรุษรูปงามหน่วยก้านดีเดินเข้ามาหลังจากเสียงพูด

“อาจารย์!”

พวกซือชิงกล่าวขึ้นและโค้งคำนับพร้อมกัน

กู้ซีจิ่วจำได้ ท่านนี้ก็คืออาจารย์ของพวกซือชิงอวี่หังเจินเหริน

คุณชายฝูอีก็โค้งคำนับเล็กน้อย

“อาจารย์”

อวี่หังเจินเหรินปลาบปลื้มใจ

“เนี่ยนโม่ ครั้งนี้เจ้าทำได้ยอดเยี่ยมมาก!”

“แกร๊ง!”

อัญมณีที่กู้ซีจิ่วถือไว้ในมือร่วงหล่นลงพื้น!

——————————-