ฝึกกองทัพวิหคโลกันตร์

เพลิงสีม่วงกับสายฟ้าไร้รูปร่างพวยพุ่งบนมือแต่ละข้างของมู่เฉิน

รูม่านตาสีดำของเขาก็สะท้อนสองสีที่ต่างกัน ลึกลงไปในนัยน์ตามีแววปีติที่ไม่สามารถปกปิดได้

เขาสามารถหลอมรวมเข้ากับสายฟ้าฤทัยปีศาจดำได้แล้ว!

จิ่วโยวก็อุทานด้วยความชื่นชมกับภาพตรงหน้าพลางส่งยิ้มให้มู่เฉิน “ยินดีด้วย ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะทำสำเร็จจริงๆ”

ตอนแรกนางคิดแค่ว่าลองทำดูสักนิดก่อน เนื่องจากนางรู้ดีว่านี่เป็นงานยากลำบากเพียงใดในการที่คลื่นหลิงแตกต่างกันสองชนิดจะอยู่ร่วมกันในจุดจื้อจุนไห่ แต่ผลลัพธ์สุดท้ายกลับเป็นที่น่าพอใจจนไม่คิดฝัน นับตั้งแต่นางรู้จักชายหนุ่มคนนี้ เขาก็ประสบความสำเร็จหลายๆ อย่างที่ทำให้คนอื่นต้องเปลี่ยนมุมมองในตัวเขา

“โชคดีน่ะ” มู่เฉินยิ้มไม่ได้โกหก ถ้าไม่ใช่เพราะเจดีย์เก้าชั้น เขาก็ไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานเท่าใดถึงจะสามารถสยบคลื่นหลิงรุนแรงทั้งสองกลุ่มได้สำเร็จ

“แต่ตอนนี้เจ้าก็ยังไม่สามารถรวมพลังทั้งสองเข้าด้วยกันได้อย่างแท้จริงสินะ” สายตาของจิ่วโยวแหลมคมมากกว่ามู่เฉิน เพียงเหลือบมองวูบเดียวนางก็รู้ว่าคลื่นหลิงทั้งสองกลุ่มยังไม่ลงรอยกัน เนื่องจากพวกมันยังไม่ได้หลอมรวมถึงระดับสมบูรณ์แบบ

มู่เฉินพยักหน้าอย่างจนใจ เขารู้อยู่แล้วว่าถ้าคลื่นหลิงทั้งสองสายสามารถรวมตัวกันอย่างสมบูรณ์แบบ พลังย่อมขึ้นไปถึงระดับใหม่ทั้งหมด แต่เป็นเรื่องยากเกินไปสำหรับขุมพลังของเขาในตอนนี้

“ไม่ต้องไปกังวล นี่ก็ดีถมถืดสำหรับเจ้าแล้ว” จิ่วโยวยิ้มบาง

เหตุผลที่เฉินอยากหลอมรวมสายฟ้าฤทัยปีศาจดำก็เพื่อการฝึกฝนวิชาเก้ามังกรคชสารให้อยู่ในระดับสมบูรณ์แบบ ตอนนี้เขามีพลังสองชนิดที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันแล้ว เขาจะสามารถดึงวิทยายุทธระดับเสินซู่ขั้นเกือบเต็มนี้ออกมาได้ในอนาคต

มู่เฉินพยักหน้าเมื่อได้ยินคำพูดของนาง ที่จิ่วโยวพูดมาไม่ผิดเลย นี่เป็นโชคดีสำหรับเขาที่หลอมรวมเข้ากับสายฟ้าฤทัยปีศาจดำได้ ไม่จำเป็นที่เขาต้องละโมบมากเกินไป เขาเชื่อว่าเมื่อขุมพลังของเขาเติบโตขึ้น ก็ต้องมีสักวันที่เขาสามารถรวมคลื่นหลิงทั้งสองสายได้อย่างง่ายดาย

“แต่ตอนนี้เจ้ามีคุณสมบัติที่จะฝึกมันแล้ว” นิ้วเรียวของจิ่วโยวชี้ไปที่ป้ายหินแตกร้าวที่ลอยอยู่ด้วยแววตาอิจฉาวูบไหว

นางเคยได้ยินชื่ออันยิ่งใหญ่ของคัมภีร์หวูซั่งซินหมัวมานานแล้ว เมื่อนางได้เห็นกับตาก็เป็นเรื่องยากที่จะไม่ถูกล่อใจ ทว่าแม้จะล่อใจ นางก็รู้ตัวว่าไม่เข้ากันกับมัน เพราะนางกับมู่เฉินไม่เหมือนกัน เพลิงอมตะเกิดจากสายเลือดของนาง ถ้านางหลอมรวมกับสายฟ้าฤทัยปีศาจดำเหมือนกับที่มู่เฉินทำละก็ ผลลัพธ์คือร่างนางจะระเบิดออกแน่นอน

นางแค่รู้สึกอิจฉาแต่ไม่ได้กระหายอยาก เพราะนางรู้ว่าหากสามารถฝึกฝนเพลิงอมตะจนถึงขีดสุดได้แล้ว พลังอำนาจก็จะไม่ด้อยไปกว่าคัมภีร์หวูซั่งซินหมัวเลย

สายตาของมู่เฉินเลื่อนไปยังป้ายหินแตกร้าว ประกายแสงวูบไหวในดวงตา เห็นชัดว่าเขาสนใจอย่างมาก แต่ก็ยังไม่ได้รีบทำความเข้าใจ กลับเขาหันไปหาจิ่วโยวถามว่า “ข้าฝึกไปนานเท่าไรเหรอ?”

“น่าจะประมาณครึ่งเดือนตั้งแต่เราลงมาที่นี่แล้ว” จิ่วโยวบอกหลังจากลองคำนวณเวลา

“เราไม่โผล่ออกไปตั้งครึ่งเดือน จะไม่มีปัญหาอะไรระหว่างสงครามสำนักงั้นหรือ?” มู่เฉินเอ่ยถาม

“วางใจเถอะ อย่าดูถูกอาณาเขตกงเวทสวรรค์ไป แม้แดนร้อยสงครามจะแข็งแกร่ง แต่ก็อ่อนแอกว่าสำนักเราอยู่ส่วนหนึ่ง นอกจากนี้เราก็ยึดสำนักสายฟ้าปีศาจได้ นับเป็นความสำเร็จอย่างหนึ่ง ดังนั้นการพักผ่อนชั่วคราวจึงเป็นเรื่องปกติ” จิ่วโยวเอ่ย

มู่เฉินพยักหน้าเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เขาสะบัดแขนเสื้อเก็บป้ายหินแตกร้าวไว้ “ไปกันเถอะ ออกจากที่นี่ไปตรวจการฝึกของหน่วยรบกัน”

ครึ่งเดือนก่อนเขามอบวิชากายาเทพสายฟ้าให้กับหน่วยรบวิหคโลกันตร์ ไม่รู้ว่าตอนนี้จะมีนักรบกี่คนที่สามารถฝึกฝนได้ในสถานที่ที่เหมาะสมแห่งนี้

เมื่อพูดจบ ร่างเขาก็เคลื่อนเปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งผ่านสายฟ้าดำมืดออกไป

จ้องมองร่างของเขา จิ่วโยวก็ยิ้มออกมา แต่ขณะที่กำลังจะตามไป นางก็ขมวดคิ้วหันหน้ามามองห้วงลึกของทะเลสายฟ้าดำมืดด้วยริ้วความสงสัยในดวงตา ก่อนหน้านางเหมือนจะรู้สึกถึงคลื่นพลังประหลาดแผ่วๆ ไหลออกมาจากจุดนั้น

แต่ความผันผวนนั้นเล็กน้อยมาก จนถึงจุดที่ว่าแม้แต่จิ่วโยวก็สัมผัสได้เลือนรางเต็มทน เมื่อนางพยายามสัมผัสอีกครั้ง ก็มีแต่ความเงียบงัน นางจึงทำได้เพียงส่ายหน้าอย่างสงสัยและตามมู่เฉินไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อทั้งสองจากไป ห้วงลึกทะเลสสายฟ้าก็ปกคลุมด้วยความมืดมิดอีกครั้ง เว้นแต่ว่าในห้วงลึกนั้นเหมือนจะมีความผันผวนบางอย่างอยู่

 

มู่เฉินและจิ่วโยวเร่งความเร็วจนถึงขีดสุด

หลังจากนั้นครึ่งวัน ทะเลสายฟ้าในจุดลึกของหุบเหวเหลยหมัวก็ฉีกออก ร่างแสงของทั้งสองพุ่งขึ้นไป ราวกับลำแสงออกจากหุบเหวเหลยหมัว

ครืน!

ไม่นานหลังจากที่พวกเขาออกจากทะเลสายฟ้า เสียงสายฟ้าดังกึกก้องก็ได้ยินไม่ไกลจากจุดเหนือพวกเขา บนผนังหุบเหวสายฟ้าโลกปีศาจที่ราวกับอสรพิษกำลังระเบิดออกมาอย่างต่อเนื่อง

บริเวณที่สายฟ้าโลกปีศาจโจมตีอย่างบ้าคลั่ง มีร่างนักรบพันคนนั่งอยู่เงียบๆ พวกเขาดูราวกับศิลาปล่อยให้สายฟ้าโลกปีศาจซัดใส่ร่าง แม้ว่าบางคนจะมีผิวไหม้ดำเนื่องจากการกระทำนี้ แต่พวกเขาก็กัดฟันแน่นพยายามอดทนอย่างที่สุดต่อการกัดกร่อนของสายฟ้าโลกปีศาจ

พวกเขาก็คือหน่วยรบวิหคโลกันตร์ที่กำลังฝึกวิชากายาเทพสายฟ้าอยู่

มู่เฉินกับจิ่วโยวยืนบนอากาศมองภาพน่าตื่นตา ความพึงพอใจฉายในดวงตาทั้งสอง ด้วยสายตาของพวกเขา ก็บอกได้ว่าเกือบครึ่งหนึ่งของกองทัพวิหคโลกันตร์ประสบความสำเร็จในการฝึกวิชากายาเทพสายฟ้าแล้ว

แน่นอนว่าที่เรียกว่าฝึกสำเร็จก็คือการที่พวกเขาประสบความสำเร็จในการสร้างกายาสายฟ้าหนึ่งโคจร มิหนำซ้ำจอมยุทธ์ส่วนน้อยอย่างพวกชิวซันที่มีขุมพลังจื้อจุนก็ประสบความสำเร็จรวดเร็วมาก ลวดลายสายฟ้าบนหน้าอกถึงระดับสามโคจรแล้ว

เมื่อจิ่วโยวกับมู่เฉินปรากฏตัว คนที่มีพลังแข็งแกร่งขึ้นอย่างพวกชิวซันก็รับรู้ถึงการมาถึง พวกเขาเบิกตาโพลง จากนั้นก็เตรียมยืนขึ้นทำความเคารพ แต่จิ่วโยวโบกมือห้ามไว้ก่อน

“พวกเจ้าฝึกกันไปได้ถึงไหนแล้ว?” มู่เฉินถาม

“เรียนท่านแม่ทัพ ห้าร้อยสิบสามคนมีลวดลายสายฟ้าหนึ่งโคจร เก้าสิบแปดคนมีลวดลายสายฟ้าสองโคจร ส่วนคนที่ได้ลวดลายสายฟ้าสามโคจรก็มีพวกข้าสามคนขอรับ” ชิวซันรายงานทันที

มู่เฉินพยักหน้าเบาๆ เขารู้สึกพอใจกับความเร็วเท่านี้ ตอนนี้พลังของกองทัพวิหคโลกันตร์แข็งแกร่งกว่าตอนที่มู่เฉินเริ่มฝึกวิชากายาเทพสายฟ้า บวกกับการช่วยเหลือของสายฟ้าโลกปีศาจ ความเร็วนี้นับว่าอยู่ในความคาดหมายของมู่เฉิน

ด้วยความเร็วระดับนี้ คงใช้เวลาไม่ถึงปีสำหรับนักรบวิหคโลกันตร์ที่จะสร้างลวดลายสายฟ้าเก้าโคจร ถึงตอนนี้พลังการต่อสู้ของพวกเขาจะต้องสร้างความประหลาดใจให้กับผู้อื่นแน่นอน

แต่สงครามสำนักยังไม่สิ้นสุด มู่เฉินรู้สึกได้ว่าจะมีการต่อสู้ดุเดือดเกิดขึ้นอีก ดังนั้นเขาต้องการให้นักรบวิหคโลกันตร์ทุกคนสร้างลวดลายสายฟ้าหนึ่งโคจรให้ได้ในที่แห่งนี้

“เรายังพักได้อีกครึ่งเดือน” เมื่อเห็นสีหน้าครุ่นคิดของมู่เฉิน จิ่วโยวก็รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ จึงเอ่ยขึ้น

“ข้าจะอยู่ที่นี่ทั้งครึ่งเดือน” มู่เฉินตัดสินใจรวดเร็ว

“อืม งั้นข้าจะไปอยู่ที่สำนักสายฟ้าปีศาจ กลัวว่าจะมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นถ้าพวกเราไม่อยู่นาน” จิ่วโยวยิ้มบาง ทรัพยากรของสำนักสายฟ้าปีศาจนับว่ามั่งคั่ง จึงดึงดูดความสนใจของคนอื่นได้ง่าย แค่ถังปิงคนเดียวคงเอาไม่อยู่ ดังนั้นนางไม่สามารถปลีกตัวได้ตลอดเวลา

มู่เฉินพยักหน้า เห็นการตอบสนองนี้ จิ่วโยวก็ไม่อ้อยอิ่ง ร่างเปลี่ยนเป็นลำแสงทะยานออกจากหุบเหวเหลยหมัวไป

พอเห็นจิ่วโยวไปแล้ว มู่เฉินก็หันหน้ามาพลางนั่งลงบนอากาศ สายตาของเขากวาดมองขณะที่เสียงลึกต่ำดังก้องในโสตประสาทของนักรบวิหคโลกันตร์ทุกคน “ไม่มีทางลัดใดในการชำระร่างกาย ถ้าพวกเจ้าต้องการที่จะแข็งแกร่งมากขึ้น ก็ต้องยอมทนรับความลำบาก ข้าจะเร้าสายฟ้าโลกปีศาจมาโจมตี พวกเจ้าจะทนกันไหวไหม?”

“ไหว!” เสียงตะโกนดังขึ้นจากนักรบวิหคโลกันตร์ทุกคน สีหน้าแต่ละคนฉายแววมุ่งมั่น

มู่เฉินรู้สึกปลื้มใจพลางยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำตอบ จากนั้นใบหน้าเขาก็เปลี่ยนเป็นจริงจังพลางกำหมัด คลื่นหลิงที่รวมเข้ากับสายฟ้าฤทัยปีศาจดำไหลออกมา เมื่อเขาสะบัดแขนเสื้อ คลื่นหลิงก็ระเบิดออกจากทุกทิศทางและปกคลุมทั่วบริเวณนี้

ครืน!

คลื่นหลิงไร้รูปร่างกวาดออก สายฟ้าโลกปีศาจที่ซ่อนอยู่ในผนังก็ถูกไล่ออกมา สายฟ้าที่รุนแรงในตอนแรกกลับสั่นสะไหวไปหมดในตอนนี้ พวกมันไม่กล้าสัมผัสกับคลื่นหลิงของมู่เฉินเลย

สายฟ้าฤทัยปีศาจดำเป็นสายฟ้าชั้นสูงกว่าสายฟ้าโลกปีศาจ ดังนั้นจึงทำให้เกิดความหวาดกลัวขึ้นเป็นปกติ

ครืน!

นักรบวิหคโลกันตร์ดวงตาถึงกับฉายแววตกตะลึงเมื่อเห็นภาพนี้ สายฟ้าโลกปีศาจที่ดูราวกับพยัคฆ์ร้ายสำหรับพวกเขากลับมีท่าทางราวกับลูกหมูลูกแกะในมือของมู่เฉิน ปล่อยให้มู่เฉินชักนำพวกมันได้ตามใจปรารถนา

ทว่าหลังจากที่พวกเขาอยู่ในอาการตกตะลึงได้ไม่นาน ใบหน้าก็เริ่มบิดเบี้ยว สายฟ้าสีดำกวาดออกมาอย่างรุนแรงจากทุกทิศทาง เกือบบดบังทัศนีย์ภาพทั้งหมด ไหลบ่าลงมาราวกับกระแสน้ำ พุ่งตรงมาหาพวกเขาโดยไม่หยุดยั้งแม้แต่น้อย

สายฟ้าสีดำแผ่ออกปกคลุมหน่วยรบวิหคโลกันตร์จนมิด

มู่เฉินยิ้มบางกับภาพนี้ ในการชำระกายไม่มีทางลัดใดๆ มีเพียงหนทางเดียวคือขมขื่นและเจ็บปวด เขาเคยผ่านมาแล้ว ดังนั้นนี่จึงเป็นวิธีเดียวที่หน่วยรบวิหคโลกันตร์จะได้รับ

อีกครึ่งเดือนต่อจากนี้ เขาต้องการให้นักรบวิหคโลกันตร์ฝึกวิชากายาเทพสายฟ้าสำเร็จทุกคน มีเพียงวิธีนี้ถึงจะทำให้รัศมีจั้นยี่แข็งแกร่งขึ้น

มู่เฉินระบายลมหายใจขาวขุ่นออกมาขณะจ้องมองสายฟ้าป่าเถื่อน เขาครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วสะบัดแขนเสื้อ เรียกป้ายหินแตกร้าวออกมาตรงหน้า ช่วงเวลาที่กองทัพวิหคโลกันตร์กำลังฝึกฝนวิชากายาเทพสายฟ้า เขาก็จะพยายามทำความเข้าใจเพื่อดูว่าคัมภีร์หวูซั่งซินหมัวจะทรงพลังมากแค่ไหน…