เมล็ดฤทัยปีศาจ

 

เวลาล่วงเลยไป

ภายในหุบเหวเหลยหมัวที่เต็มไปด้วยเสียงฟ้าคำรามเกรี้ยวกราด

ครืน!

ที่ด้านในหุบเหว เสียงคำรามของฟ้าร้องโหมกระหน่ำแทบไม่เคยหยุดหย่อน ร่างคนพันคนกำลังนั่งอยู่กลางอากาศพร้อมกับอสรพิษสายฟ้าสีดำเลื้อยพัวพันไปมา

เงาเหล่านั้นราวกับก้อนศิลานิ่งไม่ไหวติง ปล่อยให้สายฟ้าโลกปีศาจซัดร่าง

ทุกคนวาดกระบวนท่าเดียวกัน ใยสายฟ้าสีดำก็แทรกเข้าไปในร่างผ่านรูขุมขนอย่างเงียบๆ ชำระเนื้อและกระดูก

ห่างจากพวกเขาออกไปหลายร้อยเมตร มู่เฉินก็นั่งนิ่งอยู่กลางอากาศ ทว่าขณะนี้ดวงตาเขาได้ปิดสนิทพลางยื่นมือออกไป ป้ายหินแตกร้าวที่มีขนาดเล็กลงวางอยู่บนฝ่ามือเขาเงียบๆ

แพขนตาของเขาขยับไหวในตอนนี้ จากนั้นก็ค่อยๆ ลืมตาที่ปิดสนิทขึ้น เขาสับสนไปเล็กน้อยขณะจ้องมองป้ายหินบนฝ่ามือ ดวงตาเต็มไปด้วยความอัศจรรย์ใจ

ในช่วงเวลาที่เขาช่วยชำระร่างให้กับนักรบวิหคโลกันตร์ เขาก็ใช้เวลาที่เหลือกับคัมภีร์หวูซั่งซินหมัวที่บันทึกไว้บนป้ายหินแตกร้าว

หลังจากผ่านไปหลายวัน เขาก็มีความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับคัมภีร์หวูซั่งซินหมัว อย่างที่จิ่วโยวบอกไว้ คัมภีร์หวูซั่งซินหมัวที่จารึกอยู่บนป้ายหินนี้ไม่ได้อยู่ในสภาพสมบูรณ์

นอกจากนี้สภาวะฤทัยปีศาจที่จิ่วโยวกล่าวไว้ก็มีอยู่จริง แต่สภาวะนี้แยกออกเป็นสามระยะคือ ต้น-ปลาย-เต็ม

ตามที่จิ่วโยวบอกไว้ ประมุขตำหนักเทพสายฟ้าคงฝึกฝนสภาวะฤทัยปีศาจในคัมภีร์หวูซั่งซินหมัวจนถึงสภาวะฤทัยปีศาจขั้นเต็มแล้ว ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่สามารถต่อกรกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนตัวจริงด้วยขุมพลังเกือบจะบรรลุระดับเทียนจื้อจุนได้หรอก

แต่ตอนนี้คัมภีร์หวูซั่งซินหมัวชำรุดเสียหาย ดังนั้นแม้ว่ามู่เฉินจะสามารถฝึกได้ถึงขีดสุด ก็คงอยู่ในขั้นสภาวะฤทัยปีศาจขั้นปลายเท่านั้น หากเขาต้องการฝึกจนถึงขั้นเต็ม ก็คงต้องมีคัมภีร์หวูซั่งซินหมัวสภาพสมบูรณ์แบบ

แต่ด้วยขุมพลังปัจจุบัน ต่อให้เขาได้คัมภีร์หวูซั่งซินหมัวสมบูรณ์แบบมา ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะฝึกสำเร็จ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เศร้าเสียใจอะไร

เพราะแค่สองขั้นนี้ก็ทำให้เขาต้องขบฟันฝึกฝนอย่างขมขื่นแล้ว

“ช่างเป็นวิชาที่นอกรีตมาก…”

มู่เฉินกำลังทำความเข้าใจกับข้อมูลเบื้องต้นในใจ สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจยาวพร้อมกับสีหน้าที่ดูพิลึกกึกกือไป เนื่องจากตามสิ่งที่เขาเข้าใจ เขารู้ว่าวิธีการฝึกสภาวะฤทัยปีศาจมันโหดเหี้ยมเพียงใด

หากต้องการฝึกฝนสภาวะฤทัยปีศาจ อันดับแรกจะต้องสร้างเมล็ดฤทัยปีศาจขึ้นก่อน ส่วนเมล็ดฤทัยปีศาจนี้ก็ต้องให้สายฟ้าฤทัยปีศาจดำกระหน่ำหัวใจหลายครั้งเพื่อปล่อยให้พลังของสายฟ้าฤทัยปีศาจดำซึมเข้าไปในหัวใจ จนสุดท้ายก่อตัวขึ้นทีละน้อยจนกลายเป็นเมล็ดฤทัยปีศาจในส่วนลึกของหัวใจ

ในสายตาของผู้คนใหญ่ การฝึกแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย เพราะไม่ว่าจะฝึกฝนมาอย่างดีขนาดไหน หัวใจก็เป็นอวัยวะที่เปราะบางที่สุดในร่างกายมนุษย์ อาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยจะส่งผลให้กลายเป็นอาการบาดเจ็บสาหัส หรือแม้กระทั่งจบชีวิตลง ดังนั้นใครจะกล้าใช้สิ่งทรงพลังอย่างสายฟ้าฤทัยปีศาจดำซัดที่หัวใจของตัวเองกันเล่า?

ถ้าเกิดความผิดพลาดขึ้นมา หัวใจอาจระเบิดจากเสียงสายฟ้าคำรามเพียงครั้งเดียวก็ได้

วิธีการฝึกฝนเช่นนี้ ต่อให้คนอื่นๆ ได้คัมภีร์หวูซั่งซินหมัวนี้ไป ก็คงไม่กล้าฝึกฝนกันง่ายๆ หรอก

มู่เฉินกำป้ายหินอดเบะปากไม่ได้ แววลังเลวูบไหวในดวงตาเช่นกัน แต่ก็คงอยู่ครู่เดียวก่อนที่จะหายวับไปด้วยความตั้งใจอันแน่วแน่

เขาสัญญากับหญิงสาวคนรักไว้แล้วว่าเขาจะเป็นยอดยุทธ์ให้จงได้ ในโลกนี้มีอัจฉริยชนมากมายเหลือคณนา เขาเองก็รู้ว่าไม่สามารถไปถึงจุดนั้นได้ หากพึ่งพาแต่สิ่งที่เรียกว่าพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว

ยอดยุทธ์ที่แท้จริงจะต้องไร้ความขลาดกลัว

ดังนั้นเขาต้องไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น!

รอยยิ้มกระจ่างใสเผยบนใบหน้าของมู่เฉิน จากนั้นดวงตาก็ฉายแววคมกริบขณะที่หลับตาลงทีละน้อย เมื่อจิตสั่งการ คลื่นหลิงที่รวมอยู่กับสายฟ้าฤทัยปีศาจดำก็เริ่มหมุนวน กลายเป็นกระแสธารพุ่งออกมา ซัดเข้าที่หัวใจอย่างรวดเร็ว

เปรี้ยง!

เสียงคำรามแหลมราวกับเสียงร้องโหยหวนของภูตผีดังจากในหัวใจอย่างรวดเร็ว เสียงดังสะท้อนก้องในร่าง ทำให้องคาพยพทั้งห้าอวัยวะทั้งหกถึงกับโยกคลอน แม้แต่การไหลเวียนของกระแสโลหิตยังถูกขัดขวาง

อ็อก!

เลือดคำหนึ่งพุ่งออกจากปากของมู่เฉินพร้อมกับใบหน้าที่ซีดขาวลงในทันที เส้นเลือดเต้นยุบยับบนใบหน้า ทำให้เขาดูพิลึกกึกกือไปนัก เขาสูดหายใจลึกสุดปอดสองครั้ง กุมหน้าอกอดทนต่อความเจ็บปวดเสียดแทงหัวใจ

เสียงฟ้าคำรามนั่นเหมือนต้องการจะฉีกหัวใจของเขาออกจากกันเลย

“นรกโปรด” ความเจ็บปวดสาหัสทำให้มู่เฉินอดสบถออกมาไม่ได้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีคำว่าปีศาจอยู่ในคัมภีร์หวูซั่งซินหมัว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอวิธีการฝึกที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายและต้องทำร้ายตัวเองเช่นนี้

ฮา

เขาอ้าปากหายใจอยู่นาน ในที่สุดร่างกายก็ค่อยๆ สงบลง จากนั้นเขาก็ขบฟันควบคุมสายฟ้าฤทัยปีศาจดำให้ซัดหัวใจตนเองอีกรอบ

อ็อก…

อ็อก…

ภายในหุบเหวเหลยหมัวมืดมิด ร่างของชายหนุ่มกระอักเลือดออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่เขากลับดูเหมือนจะมีความสุขไปด้วย ภาพประหลาดนี้ทำให้นักรบวิหคโลกันตร์ที่เหลือบมาเห็นต้องเบิกตากว้างอ้าปากค้างเลยทีเดียว ทว่าพวกเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา รีบหลับตาลงฝึกฝนต่อ

ครึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ภายใต้เสียงฟ้าคำรามและเลือดสดที่พ่นออกมาจากปากคำแล้วคำเล่า

โดยไม่รู้ตัวหนึ่งเดือนก็ผ่านไปนับตั้งแต่ที่มู่เฉินกับหน่วยรบวิหคโลกันตร์ฝึกวรยุทธอยู่ในหุบเหวเหลยหมัว ในช่วงเดือนนี้สงครามสำนักที่อาณาเขตกงเวทสวรรค์เป็นฝ่ายเปิดศึกก็เข้มข้นมากขึ้น

อาณาเขตกงเวทสวรรค์เป็นขั้วอำนาจชั้นยอดในทวีปเทียนหลัวภูมิภาคทางเหนือ เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะแข็งแกร่งกว่าแดนร้อยสงคราม ดังนั้นเมื่อสงครามเริ่มต้น แดนร้อยสงครามจึงตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ทีละส่วน…ละส่วนอย่างที่คิดไว้ แม้พวกเขาจะโต้กลับเป็นครั้งคราว แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะพลิกสถานการณ์ได้

ทว่าแดนร้อยสงครามก็ไม่ได้อ่อนแอ ขณะที่พวกเขาถอยร่นอย่างต่อเนื่อง กองทัพที่มารวมตัวกันก็แข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นการโจมตีจากอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็เริ่มชะลอความเร็วลง ไม่อาจบดขยี้แดนร้อยสงครามได้เหมือนในช่วงเริ่มต้นของสงคราม

เผชิญหน้ากับสถานการณ์นี้ อาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็เริ่มเรียกรวมกำลังพล ไม่แยกกันโจมตีอีก เพราะบรรดาจอมยุทธ์ชั้นสูงแห่งอาณาเขตกงเวทสวรรค์เข้าใจดีว่ากองทัพหลักของแดนร้อยสงครามก็คือหุบเขาหมื่นศาสตรา สำนักศพปีศาจและพิลาลสสวรรค์

นับตั้งแต่สงครามเริ่มต้น สามกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดของแดนร้อยสงครามกลับยังไม่ได้ลงมือโจมตีแต่อย่างใด มีแต่ต้องเอาชนะพวกเขาให้ได้เท่านั้น แดนร้อยสงครามถึงจะพ่ายแพ้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

ดังนั้นอาณาเขตกงเวทสวรรค์จึงเริ่มรวมกองกำลังพลทั้งหมด เพื่อเตรียมโจมตีกองทัพทั้งสามและจบสงครามนี้ ประกาศชื่อเสียงให้เลื่องลื่อไปไกลมากกว่าเดิม

เผชิญกับการรุกรานเต็มรูปแบบจากอาณาเขตกงเวทสวรรค์ หุบเขาหมื่นศาสตรา สำนักศพปีศาจและ พิลาลสสวรรค์ก็รวมกำลังพลเตรียมพร้อมโจมตีอาณาเขตกงเวทสวรรค์แบบแตกหักกันเลยทีเดียว

สายตานับไม่ถ้วนพุ่งตรงมาที่ภูมิภาคทางหนือ เพราะทั้งอาณาเขตกงเวทสวรรค์และแดนร้อยสงครามนับว่าเป็นยักษ์ใหญ่ของภูมิภาคแห่งนี้ ดังนั้นผลลัพธ์ของสงครามครั้งนี้จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยต่อภูมิภาคทางเหนืออย่างแน่นอน

ดังนั้นก่อนที่สงครามจะเริ่มเต็มรูปแบบ ก็ได้สร้างความปั่นป่วนและดึงดูดสายตาผู้คนมากมายแล้ว

ขณะที่โลกภายนอกปั่นป่วนในสงครามใหญ่ที่กำลังจะเริ่มขึ้น มู่เฉินยังคงนั่งเงียบๆ อยู่ในหุบเหวเหลยหมัว ร่างกายของเขาจะสั่นระริกเป็นครั้งคราวพร้อมกับใบหน้าหล่อเหลากระตุก

นี่เป็นเพราะสายฟ้าฤทัยปีศาจดำกำลังซัดหัวใจของเขาอยู่

แต่ตอนนี้ชัดว่าสถานการณ์ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนที่เขากระอักออกมาทุกครั้งที่โดนโจมตี ดูท่าเขาจะค่อยๆ คุ้นชินไปกับมันแล้ว

ร่างมู่เฉินสั่นไหวครู่หนึ่งก่อนที่จะค่อยๆ เปิดตาขึ้น เขาระบายลมหายใจเบาบางออกจากปากพลางนวดหน้าผากอย่างอ่อนแรง

ช่วงนี้เขาทนทุกข์ทรมานหนักเลยทีเดียว

คัมภีร์หวูซั่งซินหมัวบ้าบอไม่ใช่สิ่งที่สร้างมาเพื่อมนุษย์จริงๆ

แต่โชคดีที่มีผลลัพธ์บางอย่างจากการทนทรมานยากเย็นทั้งหมดนี้ แม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถสร้างเมล็ดฤทัยปีศาจได้ แต่เขาก็รู้สึกได้ว่ามีพลังงานของสายฟ้าฤทัยปีศาจดำรวมตัวกันอยู่ในหัวใจแล้ว ตราบใดที่เขาฝึกแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็น่าจะสร้างเมล็ดฤทัยปีศาจขึ้นมาได้

มู่เฉินลูบหน้าอกเบาๆ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองหน่วยรบวิหคโลกันตร์ที่อยู่ไม่ไกลไปนัก เขาเลิกคิ้วขึ้นทันที เนื่องจากพบว่ามีลวดลายสายฟ้าจางๆ บนหน้าอกของนักรบวิหคโลกันตร์ทุกคน

บางคนมีมากบางคนมีน้อย ส่วนกลุ่มชิวซันที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพก็มีสัญญาณว่าลวดลายสายฟ้าสี่โคจรกำลังก่อตัว รวดเร็วดีจริงๆ

แต่มู่เฉินก็รู้ว่าความเร็วในการฝึกวิชากายาเทพสายฟ้าของกลุ่มชิวซันต่อไปจะเริ่มชะลอลง หากต้องการฝึกให้ถึงสายฟ้าเก้าโคจร พวกเขาคงยังมีเส้นทางเดินอีกไกล

แต่ตอนนี้ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

มู่เฉินยืนขึ้นพลางสะบัดแขนเสื้อ สายฟ้าโลกปีศาจที่ซัดร่างนักรบวิหคโลกันตร์ก็กระจายหายกลับเข้าไปในผนังหินอย่างรวดเร็ว

นักรบวิหคโลกันตร์ลืมตาขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่มีสายฟ้าสีดำวูบไหวอยู่ในดวงตาแต่ละคน

“ยินดีด้วย” มู่เฉินยิ้มบาง “พวกเจ้าฝึกวิชากายาเทพสายฟ้าสำเร็จแล้ว”

วาบ!

นักรบวิหคโลกันตร์ทุกคนคุกเข่าข้างหนึ่งลงให้มู่เฉิน เสียงตอบรับพร้อมเพรียงกันทำให้แม้กระทั่งเสียงฟ้าร้องที่ดังสะท้อนในหุบเหวเหลยหมัวยังชะงักไป

“ขอบพระขอบคุณท่านแม่ทัพ!”

มู่เฉินโบกมือ เขารู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในรัศมีโดยรวมของหน่วยรบวิหคโลกันตร์ เขาภูมิใจมากที่ความพยายามของเขาไม่สูญเปล่า

“ถึงเวลาที่พวกเราต้องออกไปแล้ว” มู่เฉินพึมพำและเงยหน้าขึ้น

ทันทีที่สิ้นเสียงพึมพำนั้นเอง เสียงของจิ่วโยวก็ดังก้องในโสตประสาทของพวกเขา

“เตรียมเคลื่อนพล สงครามครั้งสุดท้ายระหว่างอาณาเขตกงเวทสวรรค์กับแดนร้อยสงครามกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว”