ภาคที่ 26 ศาสตร์ลับประจำวัง ตอนที่ 23 พลิกอ่าน

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ตอนที่ 23 พลิกอ่าน โดย Ink Stone_Fantasy

 

“เป็นข้าเอง ไม่ทราบว่าศิษย์น้องของข้าคนนี้ขวางข้าตงป๋อเสวี่ยอิงเอาไว้ด้วยเรื่องอันใดกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม

บุรุษอาภรณ์สีม่วงพูดยิ้มๆ ว่า “ข้ามีนามว่าหมิงอวี้ เพิ่งได้ยินว่ามีศิษย์พี่อาภรณ์ทองคนใหม่คนหนึ่งมา ดังนั้นจึงตั้งใจมาเยี่ยมโดยเฉพาะ ศิษย์พี่สูงส่งเป็นถึงศิษย์อาภรณ์ทอง ไยจึงไม่ให้อาภรณ์ทองปรากฏออกมาเสียหน่อยเล่า ภายในวังทวีสูญ ศิษย์อาภรณ์ทองและศิษย์อาภรณ์ม่วงไปจนถึงผู้อาวุโสตำหนักในทั้งหลายล้วนแต่เผยสีของอาภรณ์ออกมาทั้งสิ้น”

“อ้อ ก็ถูกของเจ้า ข้าเพิ่งมาถึงวังทวีสูญจึงมิทันได้สังเกต” ตงป๋อเสวี่ยอิงรับคำ อาภรณ์สีขาวเหนือผิวกายพลันเปลี่ยนสีสันไป อาภรณ์สีทองเผยโฉมที่แท้จริงออกมา

ก่อนหน้านี้เขาแค่ถ่อมตนเท่านั้น

เขาไม่อยากเผยสถานะศิษย์อาภรณ์ทองออกมาดึงดุดความสนใจมากเกินไป ทว่าในเมื่อถูกถามขึ้นมาเองแล้ว เช่นนั้นเปิดเผยออกมาเลยก็ดีเหมือนกัน

ศิษย์อาภรณ์ม่วงมองอาภรณ์สีทองอร่ามทั่วร่างตงป๋อเสวี่ยอิงแล้วก็เผยสีหน้าอิจฉาออกมา “ศิษย์น้องเช่นข้าผ่านการท้าทายของศิษย์เทพแท้มาหลายครั้ง แต่กลับพลังสู้ไม่ได้ ไม่มีวาสนาได้เป็นสิบอันดับแรก ได้ยินมาว่าศิษย์พี่ตงป๋อเสวี่ยอิง ประมุขวังลงทัณฑ์รวมทั้งจอมกระบี่ล้วนมาจากจักรวาลเดียวกัน และยังเป็นศิษย์อาภรณ์ทองอีกด้วย เกรงว่าพลังตงจะไม่ธรรมดา ไม่ทราบว่าศิษย์พี่ตงป๋อเสวี่ยอิงจะลองประมือกับข้าดูสักยกหนึ่งได้หรือไม่”

“ลองประมือดูหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยรอยยิ้มออกมา “แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ตอนนี้เลยหรือ”

ศิษย์น้องผู้นี้ยังนับว่าเกรงอกเกรงใจอยู่บ้าง จะประลองไปก็ไม่เป็นไร ก็นับว่าได้เปิดหูเปิดตารู้จักระดับของศิษย์เทพแท้แห่งวังทวีสูญบ้างก็แล้วกัน

ศิษย์อาภรณ์ม่วงพูดขึ้นอีกว่า “ภายในวังทวีสูญของเรา โดยทั่วไปจะขึ้นเวทีประลองก็ต้องมีเดิมพัน ข้าขอวางศิลาปฐมโลกาสิบก้อนเป็นเดิมพัน”

“ศิลาปฐมโลกาสิบก้อนหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลของอีกฝ่าย เทพอากาศทั่วไปล้วนไม่มีสมบัติมากมายเช่นนี้ แม้ศิษย์น้องตรงหน้าผู้นี้จะเป็นผู้ปกครองเทพแท้ แต่กลับมือหนักกว่าเทพอากาศเสียอีก ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดขึ้นทันทีว่า “ศิษย์น้องช่างมือหนักจริงๆ น่าเสียดายที่ข้าไม่มีศิลาปฐมโลกามากมายถึงเพียงนี้”

“ฮ่าฮ่า ในฐานะที่ศิษย์พี่เป็นศิษย์อาภรณ์ทอง แล้วจะมีสมบัติล้ำค่าไม่พอได้อย่างไรกันเล่า” ศิษย์อาภรณ์ม่วงหมิงอวี้พูดยิ้มๆ “ศิษย์พี่จะต้องมีอาวุธเทพอากาศสักชิ่นหนึ่งอย่างแน่นอน มูลค่าย่อมเพียงพอแน่”

“เจ้าให้ข้าวางอาวุธเทพอากาศเป็นเดิมพันรึ” เสียงตงป๋อเสวี่ยอิงราบเรียบนัก “อาวุธเทพอากาศของข้าเช่นนี้มิใช่แค่ศิลาปฐมโลกาสิบก้อนน่ะสิ”

ศิษย์อาภรณ์ม่วงพูดยิ้มๆ ว่า “ข้ารู้ อาวุธเทพอากาศที่ศิษย์อาภรณ์ทองได้มานั้นมีมูลค่าถึงศิลาปฐมโลกายี่สิบสามสิบก้อน แม้จะสูงกว่าเดิมพันของข้าอยู่บ้าง ทว่าภายในวังทวีสูญของเรา…หากผู้ที่มีพลังสูงกับผู้ที่มีพลังอ่อนแอประลองกัน โดยทั่วไปผู้ที่มีพลังสูงกว่าก็จะวางเดิมพันมากกว่า ผู้ที่มีพลังอ่อนแอกว่าก็จะวางเดิมพันน้อยกว่าบ้าง! เพราะถึงอย่างไรการประลองเช่นนี้ โอกาสที่ข้าจะแพ้ก็มีมากกว่านี่นา”

“ทำไมหรือ ศิษย์พี่กับจอมมารและจอมกระบี่ล้วนมาจากจักรวาลเดียวกัน ศิษย์น้องอย่าข้าก็ยังกล้าพอที่จะมาเดิมพัน หรือศิษย์พี่ไม่มีความกล้าแม้แต่เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้” ศิษย์อาภรณ์ม่วงพูดต่อไป

ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูศิษย์น้องตรงหน้าคนนี้

ในฐานะศิษย์อาภรณ์ทองที่มาจากจักรวาลบ้านเกิด นอกจากสมบัติพิทักษ์วิถีน้ำเต้าสีดำแล้ว ในบรรดาสมบัติล้ำค่าทั่วไปทั้งหมด ป้ายอักขระรักษาชีวิตนั้นมิอาจขายได้ สิ่งเดียวที่สามารถแลกเปลี่ยนได้ทั้งยังมีมูลค่าสูงยิ่งนักก็มีแต่อาวุธเทพอากาศเท่านั้น หอกยาวเล่มนั้นของตนเป็นถึงอาวุธเทพอากาศชั้นบน ซึ่งมีมูลค่าเกือบสามสิบศิลาปฐมโลกาแล้ว

นี่ก็นับว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่สูงค่าที่สุดของตนแล้ว! คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะมาถึง ก็ถูกจับตามองเสียแล้ว

“ศิษย์น้องหมิงอวี้” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองเขา “เท่าที่ข้ารู้ ในการท้ายทายระหว่างศิษย์เทพแท้ครั้งก่อน เจ้าจัดเป็นอันดับที่ยี่สิบหก”

ศิษย์อาภรณ์ม่วงสะดุ้งเล็กน้อยจากนั้นก็พยักหน้า “ใช่แล้ว ยังห่างจากสิบอันดับแรกไกลลิบทีเดียว”

“ข้าบังเอิญโชคดีได้เป็นศิษย์อาภรณ์ทองจากในจักรวาลบ้านเกิด หากประลองกับศิษย์น้องจริงๆ แล้ว เกรงว่าอาจจะพ่ายแพ้ให้แก่ศิษย์น้องอยู่ดี” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายศีรษะพลางทอดถอนใจ “เรื่องการประลองนี่ขอให้แล้วกันไปเถิด”

“ศิษย์พี่ ท่านเป็นถึงศิษย์อาภรณ์ทองทั้งยังมาจากจักรวาลเดียวกับจอมมารและจอมกระบี่ ย่อมต้องเก่งกาจมากอย่างแน่นอน ความมั่นใจเพียงเท่านี้ก็ยังไม่มีหรือนี่” ศิษย์อาภรณ์ม่วงพูด “หากเป็นเช่นนั้น ก็ช่างทำให้ข้าและศิษย์ทั้งหลายดูแคลนเสียจริง”

สีหน้าของตงป๋อเสวี่ยอิงเยียบเย็นลง

“ดูแคลนหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองเขา นัยน์ตาทั้งคู่เยียบเย็นดุจน้ำแข็ง “แค่ศิลาปฐมโลกาเพียงสิบก้อนของเจ้าก็จะเอามาวาวเดิมพันกับอาวุธเทพอากาศชั้นบนของข้า ข้าว่าเจ้าน่ะฝันไปเถิด! จะพนันกับข้าก็ได้ เจ้าเตรียมศิลาปฐมโลกายี่สิบห้าก้อนมาให้ดีก็แล้วกัน! เมื่อศึกการท้าทายภายในของศิษย์เทพแท้มาถึง พวกเราก็ถือโอกาสประลองด้วยเลยก็แล้วกัน ผู้ใดชนะ เดิมพันก็จะตกเป็นของผู้นี้น”

“หากยากจนเกินไป จนนำศิลาปฐมโลกายี่สิบห้าก้อนมาไม่ได้ ก็รีบหลบไปให้ไกลหน่อยก็แล้วกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงหัวเราะเย็นชาคราหนึ่ง จากนั้นก็แปรเป็นลำแสงบินออกไปไกลลิบโดยไม่มองศิษย์อาภรณ์ม่วงหมิงอวี้ผู้นั้นอีกเลยแม้แต่แวบเดียว

บุรุษอาภรณ์ม่วงผู้หล่อเหลามองตงป๋อเสวี่ยอิงจากไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“ฮ่าฮ่าฮ่า พี่หมิงอวี้ เห็นทีตงป๋อเสวี่ยอิงคนนี้คงจะมิได้หลอกง่ายถึงเพียงนั้น” ศิษย์อาภรณ์ม่วงคนอื่นๆ ก็บินเข้ามาจากที่ไกลๆ

“ยังคิดว่าจะมั่นใจในตนเองและหยิ่งผยองอย่างยิ่งจนกล้าประลองกับข้าเสียอีก” หมิงอวี้ส่ายศีรษะเบาๆ “เห็นทีคงจะระมัดระวังมากทีเดียว”

“ศิษย์พี่ตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นี้มิได้ลั่นวาจาออกมาแล้วหรือว่า ให้นำศิลาปฐมโลกายี่สิบห้าก้อนมาประลองกับเขา ทำไมรึ ศิษย์พี่หมิงอวี้ไม่มั่นใจหรือว่าจะเอาชนะเขาได้น่ะ”

“หรือว่าศิษย์พี่หมิงอวี้หาศิลาปฐมโลกายี่สิบห้าก้อนมิได้ ขาดเท่าไหร่หรือ ข้าให้ยืมได้นะ ทว่าจะต้องมีของจำนำเอาไว้ด้วย”

ศิษย์อาภรณ์ม่วงเหล่านั้นเอ่ย

“อ้อ คิดว่าหากพวกเจ้าไปท้าทาย ตงป๋อเสวี่ยอิงก็คงจะรับศึกเช่นเดียวกัน” หมิงอวี้พูดเสียงเรียบ “พวกเจ้าสามารถเตรียมศิลาปฐมโลกายี่สิบห้าก้อนเอาไว้ได้เลย เมื่อการต่อสู้จัดอันดับมาถึง ก็สามารถท้าทายตงป๋อเสวี่ยอิงได้ ส่วนข้าน่ะ ไม่จำเป็นแล้วล่ะ”

สวบ หมิงอวี้พูดจบก็บินออกไป

ศิษย์อาภรณ์ม่วงอีกกลุ่มหนึ่งเห็นเข้าก็ยิ้มเยาะ

“คิดจะหลอกศิษย์อาภรณ์ทองที่มาจากจักรวาลคนนี้ น่าเสียดายที่ไม่สำเร็จ”

“หมิงอวี้ผู้นี้อันตรายถึงเพียงนี้เชียว”

ศิษย์อาภรณ์ม่วงเหล่านี้พูดไปตามใจปาก

“ทุกท่าน มีผู้ใดกล้าท้าทายบ้าง”

“เขามาจากจักรวาลเดียวกับจอมมารและจอมกระบี่ หากประลองทันทีในตอนนี้ ข้าอาจจะมั่นใจอยู่หลายส่วน แต่เขากลับอยากถ่วงเวลาออกไปให้ถึงตอนต่อสู้จัดอันดับ…ต้องรู้ไว้ว่าทั้งจอมกระบี่และจอมมาร หลังจากพลิกอ่านคัมภีร์จำนวนนับไม่ถ้วนภายในตำหนักหมื่นรูปและเสริมความรู้ที่บกพร่องไปแล้ว พลังก็ก้าวหน้าขึ้นเป็นอย่างมาก หลังจากจอมกระบี่เก็บตัวบำเพ็ญแล้วก็บรรลุถึงขี้นสุดของการบำเพ็ญ แม้ตงป๋อเสวี่ยอิงคนนี้จะพบเห็นความเร้นลับของกฎเกณฑ์มาน้อย แต่ขอเพียงได้อ่านคัมภีร์จำนวนนับไม่ถ้วนภายในตำหนักหมื่นรูป ก็จะสามารถเสริมข้อบกพร่องได้อย่างรวดเร็ว ในการต่อสู้จัดอันดับ พลังจะต้องก้าวหน้าไปอย่างมากแน่นอน! ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถเข้าไปอยู่ในยี่สิบอันดับแรกก็เป็นได้! ยอดฝีมือพรรค์นี้ ข้าก็ไม่มั่นใจนักหรอก”

“อืม เกรงว่าอาจจะก้าวหน้าเป็นอย่างมากทีเดียว”

ศิษย์อาภรณ์ม่วงเหล่านี้มีภูมิหลังแตกต่างกันไป

บ้างก็เป็นผู้ที่เกาะปฐมบรรพชนและแดนทิพย์เหยากวงส่งมา บ้างก็ผ่านการคัดเลือกมากมายในโลกทิพย์มาจนได้เข้ามาอยู่ในวังทวีสูญ การช่วงชิงภายในวังทวีสูญนั้นดุเดือดเป็นพิเศษ เพราะสิ่งที่วังทวีสูญยึดมั่นก็คือผู้มีความสามารถและกลยุทธ์โดยไม่สนใจจำนวน แต่ให้ความสำคัญกับคุณภาพมากกว่า

เพราะถึงอย่างไรหากส่งประมุขวังไปสักคนหนึ่ง หรือเป็นแค่เพียงร่างแปรก็ตาม ก็สามารถเข่นฆ่าเทพอากาศจำนวนมากได้แล้ว

ดังนั้นสามารถผู้ที่สามารถสำเร็จเป็นศิษย์อาภรณ์ม่วงที่นี่ได้ แต่ละคนก็ล้วนแต่ไม่ธรรมดาเป็นอันมาก และล้วนแต่ชาญฉลาดเจ้าเล่ห์แสนกล

แม้ด้วยชาติกำเนิด จะทำให้พวกเขาดูแคลนพวกคนที่โผล่ออกมาจากจักรวาลมาก แต่นี่ก็เนื่องจากดินแดนที่ถือกำเนิดเป็นเหตุ อย่างจอมมารนั้น เพราะเขามาจากจักรวาลเดียวกับตงป๋อเสวี่ยอิง จึงรักและปกป้องคนร่วมบ้านเกิดเดียวกันมากกว่าอยู่บ้าง! บรรดาศิษย์อาภรณ์ม่วงเหล่านี้ก็ไม่กล้าดูถูกความสามารถที่ซ่อนอยู่ของตงป๋อเสวี่ยอิงคนนี้เลยแม้แต่น้อย

หากประลองในตอนนี้

ก็มีศิษย์อาภรณ์ม่วงจำนวนไม่น้อยที่กล้า!

แต่หากถ่วงเวลาไปจนถึงการต่อสู้จัดอันดับของศิษย์เทพแท้ พวกเขาก็ไม่มั่นใจพอแล้ว เพราะ ‘จอมมาร’ และ ‘จอมกระบี่’ ก็เป็นตัวอย่างให้เห็นก่อนแล้ว บวกกับที่ตงป๋อเสวี่ยอิงผ่านการทดสอบของศิษย์อาภรณ์ทองในจักรวาลมาด้วย ถึงอย่างไรความสามารถที่ซ่อนอยู่ก็ต้องสูงเป็นอย่างยิ่ง หากเสริมข้อบกพร่องในความรู้ของเขา ก็ต้องก้าวหน้าไปมากอย่างแน่นอน

……

สวบ

ตงป๋อเสวี่ยอิงบินตรงไปทางแผ่นดินที่ลอยคว้างอยู่ตรงกลางสุด มุ่งหน้าไปทาง ‘ตำหนักหมื่นรูป’

“เอ๊ะ” สายตาของตงป๋อเสวี่ยอิงถูกเจดีย์สูงซึ่งอยู่ไกลออกไปด้านหลังของตำหนักหมื่นรูปดึงดูด เจดีย์แห่งนี้ตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น มันใหญ่โตมโหฬาร ความสูงของมันแทบจะสามารถเทียบกับตำหนักทวีสูญได้เลยทีเดียว

“เจดีย์ดาว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ

เจดีย์ดาว

สิ่งที่บันทึกเอาไว้ในรายงานที่วังทวีสูญมอบให้ตนนั้นค่อนข้างเรียบง่าย ส่วนในข้อมูลที่ท่านอาจารย์ผู้ท่องอากาศกู่ฉีมอบให้ตนนั้นกลับมีคำแนะนำที่ละเอียดกว่า

เจดีย์ดาวมีทั้งหมดหกแห่งด้วยกัน

ซึ่งได้แก่วังทวีสูญ เกาะปฐมบรรพชน แดนทิพย์เหยากวง ตำหนักเทพอากาศ ‘เมืองราชันย์มีด’ ของราชันย์มีดและ ‘เมืองดาราราย’ ของเจ้าเมืองหลัว

ซึ่งก็คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สามแห่งของโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สามแห่งของโลกทิพย์กิเลนบูรพา

เจดีย์ดาวหกแห่งนี้ ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าเมืองหลัวหลอมขึ้นด้วยตนเองแล้วมอบให้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกแห่ง จะเห็นได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างโลกทิพย์กิเลนบูรพาและโลกทิพย์ทะเลสัตตดารานั้นยังถือว่าดีมากทีเดียว

“ไปตำหนักหมื่นรูป” ตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้คิดมากอีกต่อไป เขาบินไปทางตำหนักหมื่นรูป

ตำหนักหมื่นรูปทำขึ้นจากไม้ มีพื้นที่กว้างขวางมาก แต่กลับไม่สูงสักเท่าใดนัก เพียงแค่ราวสองเท่าของเจดีย์ดาวและตำหนักทวีสูญเท่านั้น

ตรงประตูตำหนักหมื่นรูปมีแมวสีดำตัวหนึ่งนอนหลับอยู่ตรงนั้น

“แมวดำหรือ ตามข้อมูลที่ได้มา นี่เป็นถึงสิ่งมีชีวิตหุ่นเชิดขั้นอลวนเลยทีเดียว มันไม่ด้อยไปกว่าสุนัขป่าสีดำภายในบ้านเกิดของตนเลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ สามารถทำให้สิ่งมีชีวิตหุ่นเชิดมีพลังขั้นอลวนได้ พลังในการหลอมของบรรพชนเทียนอวี๋ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก สิ่งมีชีวิตหุ่นเชิดระดับนี้มีมูลค่าสูงเสียยิ่งกว่าสูง เหนือกว่าน้ำเต้าสีดำและเหนือกว่าจักรวาลแห่งหนึ่งไปมากโข

ดังนั้นบรรพชนเทียนอวี๋สามารถทิ้งสุนัขสีดำเอาไว้ในจักรวาลบ้านเกิดได้ ก็ช่างร้ายกาจอย่างแท้จริง ในตอนนั้นกู่กานหลัวก็งุนงงไปหมด

“เมี้ยว…” แมวดำเงยหน้ามองตงป๋อเสวี่ยอิงแวบหนึ่ง มันพูดด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวลว่า “เจ้าหนุ่ม อย่าขึ้นไปชั้นที่สี่ล่ะ เจ้าสามารถพลิกดูในสามชั้นแรกได้ตามอำเภอใจ”

“ขอรับ ท่านผู้อาวุโส” ตงป๋อเสวี่ยอิงรับคำยิ้มๆ

จากนั้นแมวดำก็มุดหัวลงไปนอนต่ออย่างเกียจคร้าน ส่วนตงป๋อเสวี่ยอิงก็ก้าวเข้าไปในตำหนักหมื่นรูป

ตำหนักหมื่นรูปนั้นกว้างใหญ่ไพศาล

คัมภีร์จำนวนนับไม่ถ้วนเรียงรายกันอยู่ คัมภีร์ล้ำค่าที่นี่มากกว่าภายในจักรวาลคีรีมารตั้งไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า! เพราะถึงอย่างไรก็เป็นศูนย์กลางของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ คัมภีร์ที่วังทวีสูญเก็บรวบรวมมาตลอดวันคืนอันยาวนานนั้นล้วนแต่วางอยู่ที่นี่ทั้งสิ้น

ตงป๋อเสวี่ยอิงเต็มไปด้วยความปรารถนา เขาเข้าใจว่าอาจารย์ที่ดีที่สุดภายในวังทวีสูญก็คือคัมภีร์จำนวนนับไม่ถ้วน ภายใน ‘ตำหนักหมื่นรูป’ คัมภีร์มากมายล้วนมีราคาสูงลิ่ว บางเล่มถึงขั้นมีเพียงเล่มเดียว! เช่นหลังจากบรรพชนแห่งความเร้นลับของกฎเกณฑ์ในตำนานตกอับแล้ว คัมภีร์ทั้งหลายที่เขาทิ้งเอาไว้ก็เหลือเพียงเล่มเดียว

ตงป๋อเสวี่ยอิงสงบจิตใจแล้วรวบรวมสมาธิ ไม่นานนักก็หาคัมภีร์ที่อธิบายเกี่ยวกับพวกโลกเทียมเล่มหนึ่งพบ เขาจึงหยิบขึ้นมาแล้วเริ่มพลิกอ่านทันที…

………………………….