ตอนที่ 177 ไยคืนนี้ท่านจึงงดงามขนาดนี้?

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ตู๋กูซิงหลัน “? “ 

 

 

” เกรงว่าเจ้าเมาแล้วจะทำตัวเละเทะเหลวไหล จึงได้นำน้ำแกง 

 

 

สร่างเมามาให้เจ้าโดยเฉพาะ ” จีเฉวียนตรัสพลาง 

 

 

ก็ล้วงเอาเข็มเงินขึ้นจากที่ใดก็ไม่รู้ แกว่งลงไปในน้ำแกงรอบหนึ่ง เข็มเงินไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย ก็ทรงตรัสซ้ำว่า ” ตรวจสอบดูแล้ว ไม่มีพิษ เจ้าสามารถดื่มได้อย่างวางใจแล้ว “ 

 

 

ตู๋กูซิงหลัน “??? ” ทำไมนางถึงรู็สึกว่า เป็นเขาที่ดื่มมากเกินไปแล้วต่างหาก? “ 

 

 

ยามนี้พลุยังถูกจุดมิได้หยุด ผู้คนทั้งหลายต่างยังคงจดจ่อกับการชมพลุ จึงแทบไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นเลยว่าฝ่าบาททรงนำน้ำแกงสร่างเมามาให้ไทเฮาด้วยพระองค์เอง 

 

 

” ดื่มตอนร้อนๆ หืม? ” จีเฉวียนจับจ้องนาง ทั้งยังสำทับอีกว่า ” เย็นแล้วจะไม่ดีกับกระเพาะ” 

 

 

หยวนเฟยก็เสด็จเข้ามาชมความครึกครื้น นางมองไปยังจีเฉวียน ” ฝ่าบาท หม่อมฉันเองก็ดื่มเยอะเกินไป ทรงแบ่งให้หม่อมฉันบ้างได้ไหมเพคะ? “ 

 

 

นางคิดจะเอาไปให้ตู๋กูจุนบ้าง ตลอดงานเลี้ยงเขาเอาแต่จ้องมององค์หญิงใหญ่ ดื่มไปก็ไม่น้อย ฟังมาว่าในกองทัพตระกูลตู๋กูมีข้อห้ามดื่มสุรา เขาเองก็เป็นคนที่เคารพกฎระเบียบมาโดยตลอด 

 

 

นี่น่าจะเป็นเพราะองค์หญิงใหญ่…… 

 

 

จีเฉวียนกลับปฎิเสธนางไปตรงๆ ” ไม่ได้” 

 

 

หยวนเฟย “…….” ดุจริง! ช่างเถอะ อีกสักครู่นางไปต้มเองชามหนึ่งก็ได้ ใครเขาอยากได้กัน 

 

 

ภายใต้แสงพลุบนท้องฟ้า จีเฉวียนคล้ายกับมีรัศมีระยิบระยับรายล้อมอยู่ชั้นหนึ่ง เมื่อตกอยู่ใต้บรรยายกาศเช่นนี้ ตู๋กูซิงหลันก็รู้สึกว่าเขายิ่งงดงามน่าดูกว่าเดิม 

 

 

แต่ไหนแต่ไรมานางก็ดื่มสุราไม่เก่ง ตอนนี้พอโดนลมเย็นเข้าไปหน่อย ในกระเพาะก็ชักจะปั่นป่วนราวท้องทะเลพลิกกลับขึ้นมา 

 

 

จีเฉวียนส่งน้ำแกงสร่างเมาให้นางต่อหน้าผู้คนมากมาย คิดๆ ดูแล้วคงจะไม่ได้มีลูกไม้อะไรหรอกกระมั้ง 

 

 

ตู๋กูซิงหลันฝืนใจรับมา ริมฝีปากแดงแตะลงไปบนชามหยกใบนั้น จิบเบาๆ อึกหนึ่ง 

 

 

อันหร่วนและอันหว่านจือต่างหน้าเปลี่ยนสีไปตามๆ กัน 

 

 

อันหว่านจือยังคิดจะออกไปขวางไว้ แต่กลับถูกอันหร่วนลากกลับมา อันหร่วนส่ายหน้าให้กับนาง ทำกิริยาให้นางอย่าได้ส่งเสียง 

 

 

เรื่องที่ผิดที่ผิดทางเช่นนี้ หากว่าอันหว่านจือออกไปละก็อาจจะเป็นการเปิดเผยการกระทำของตนเองเข้าได้ 

 

 

สีหน้าของอันหว่านจือเต็มไปด้วยความร้อนรุ่มใจ แต่กลับถูกอันหร่วนจับเอาไว้อย่างเหนียวแน่น นางจึงไม่กล้าเคลื่อนไหว 

 

 

น่าตายนัก แผนการดีๆ กลับถูกตู๋กูซิงหลันทำเสียเรื่องจนวุ่นวายไปหมด 

 

 

วันนี้ในตำหนักจิ่นซิ่วนังคนนั้นโดดเด่นจนเงยหน้าขึ้นได้ พอตอนนี้แม้แต่เรื่องดีๆ ของนางก็ยังจะมาช่วงชิงไปอีก! 

 

 

ดวงตาของอันหว่านจือเปี่ยมไปด้วยเพลิงโทสะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ให้นางตายๆ ไปเสียเถอะ 

 

 

ยาเสน่ห์ไร้สีไร้กลิ่น แม้แต่พวกหมอก็ยังตรวจสอบไม่ออก เสี่ยวไทเฮาผู้นี้อีกประเดี๋ยวเดียวก็จะได้ทำเรื่องขายขี้หน้าต่อผู้คนทั้งหมดแน่! 

 

 

……………………………………. 

 

 

อีกด้านหนึ่ง ตู๋กูซิงหลันที่ดื่มไปคำเล็กๆ แต่จีเฉวียนกลับยังไม่พอพระทัย ต้องให้นางดื่มไปถึงครึ่งชามถึงได้ยอมเลิกรา 

 

 

น้ำแกงสร่างเมานั้นรสเปรี้ยวๆ หวานๆ ดื่มแล้วก็เหมือนกับดื่มน้ำผลไม้ 

 

 

ตู๋กูซิงหลันดื่มไปกว่าครึ่งชาม เขาจึงยอมปล่อยนาง 

 

 

จีเฉวียนพอถูกลมโชยหนักเข้า ก็ชัดจะออกพระอาการเมาขึ้นมาบ้าง พอเห็นสองแก้มที่แดงซ่านของตู๋กูซิงหลันก็รู้สึกว่านางสดใสน่าประทับใจเสียยิ่งกว่าพลุในคืนนี้อีก ดวงพักตร์ที่ไม่เคยสบอารมณ์กับผู้ใดเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นมา ” ดอกไม้ไฟใกล้จะหมด นี่ก็ดึกมากแล้ว เราส่งเจ้ากลับตำหนักเฟิ่งหมิงดีกว่า “ 

 

 

ริมฝีปากของนางยังมีน้ำแกงแวววาวเกาะอยู่สองหยด จีเฉวียนอยากจะช่วยปาดเช็ดให้นาง 

 

 

พอพระหัตถ์ยื่นออกไป ก็ทรงชะงักอยู่กับที่ 

 

 

นี่มันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่แม้แต่ร่างกายของพระองค์ก็ควบคุมไม่อยู่แล้ว? 

 

 

ตู๋กูซิงหลันพึ่งดื่มน้ำแกงสร่างเมาลงไป รู้สึกว่าร่างกายอบอุ่นสบายนัก นางเงยหน้าขึ้นมองดูจีเฉวียน 

 

 

เมื่อมีดอกไม้ไฟที่แสนงดงามเป็นฉากหลังให้กับเขา เขาก็ยิ่งดูโดดเด่นขึ้นมาราวกับศูนย์กลางภาพวาดและโดดเด่นอยู่ในสายตาของนาง ราวกับว่ามีแสงทองส่องประกายฉาบล้อม 

 

 

ยามปกติเขาก็น่าดูอย่างยิ่งอยู่แล้ว แต่ว่ายามนี้เขาในสายตาของตู๋กูซิงหลัน ยิ่งงดงามเหนือโลกขึ้นไปอีก 

 

 

ราวกับว่ามีพลังทางอารมณ์บางอย่างทำให้นางอยากเข้าใกล้เขาโดยไม่รู้ตัว อยากจะบีบรัดและนวดเฟ้นสักรอบ 

 

 

นางพยายามฝืนความรู้สึกนี้เอาไว้ แต่ว่ายิ่งพยายามกดมันไว้ก็ยิ่งรู้สึกว่าจีเฉวียนช่างน่าหลงใหลแทบตาย ทั่วทั้งร่ายกายของนางถูกความคิดนี้ควบคุมเอาไว้จนหมดสิ้น 

 

 

นางยิ้มบางๆ ก็คว้าหัตถ์ของเขาขึ้นมากลางอากาศ ” ลูกชาย….ไยคืนนี้เจ้าจึงงดงามขนาดนี้? “ 

 

 

จีเฉวียนถูกนางจับเอาไว้ ก็ทรงรู้สึกถึงความอบอุ่นจากใจกลางมือของนางที่ถ่ายทอดมายังหลังพระหัตถ์ ท่ามกลางอากาศในฤดูหนาว กระแสอบอุ่นระลอกแล้วระลอกเล่าซึมเข้าสู่หัวใจของเขา 

 

 

” เจ้าเมามายไม่น้อยเลย ” พระองค์ตรัส แต่ก็มิได้ทรงผลักไสนางออกไป ทำไมพอดื่มน้ำแกงสร่างเมาแล้ว นางถึงได้ดูเมามายกว่าเดิมเสียอีก? 

 

 

” ข้าไม่มาววว ข้าไม่เมาซักหน่อย ” ตู๋กูซิงหลันทำแก้มพองพลางส่ายศีรษะ 

 

 

ว่าแล้ว นางก็พุ่งเข้าใส่เขาทั้งตัว เขย่งเท้าขึ้นเงยหน้ามองลึกเข้าไปในดวงตาทั้งสองของเขา ” เอ๋ ในดวงตาของท่านมีดวงดาวอยู่ด้วยหรือ? 

 

 

พูดจบ นางก็ยื่นปลายนิ้วออกไปอย่างกล้าตาย ลูบไล้ขนตาของเขาเบาๆ ขนตาของเขายาวมากเวลาลูบแล้วยิ่งเป็นแพหนา ให้ความรู้สึกที่ดีเหลือเกิน 

 

 

ครู่ต่อมาตู๋กูซิงหลันก็หัวเราะฮิฮะออกมา ” ว้าว ข้าก็อยู่ในดวงตาของท่านด้วย “ 

 

 

พุ่งเข้ามาใกล้จนถึงเพียงนี้ นางย่อมสามารถมองเห็นตนเองในดวงเนตรของจีเฉวียนได้อย่างชัดเจน 

 

 

‘วิ้งงงง’ จีเฉวียนทรงรู้สึกว่าบางสิ่งในสมองของพระองค์ระเบิดวูบ 

 

 

ตู๋กูซิงหลันแทบจะยืนอยู่ในอ้อมพระกรของเขา นางทั้งหอมและนุ่มเหลือเกิน มงกุฎหงส์ของนางและสายไข่มุกบนพระมาลาของเขาพันกันอยู่ จนเกิดเสียงกระทบกันเบาๆ อยู่ใต้เสียงสนั่นที่ปิดทับของดอกไม้ไฟ 

 

 

ตู๋กูซิงหลันไม่ยินยอม นางกระเง้ากระงอดกับอกเสื้อของเขา ” จีเฉวียน ท่านยิ้มสิ ท่านยิ้มแล้วน่าดูที่สุดเลย “ 

 

 

จีเฉวียนรู้สึกว่านี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ทรงถูกยั่วเย้า 

 

 

เขาพยายามฝืนเอาไว้ทั้งตัว เพราะตอนนี้เริ่มมีผู้คนไม่น้อยสังเกตเห็นพวกเขาบ้างแล้ว แม้ว่าจะยังมีพลุอยู่ แต่ก็มีคนสังเกตเห็นว่าไทเฮากำลังเมามาย ยิ่งทีหลายคนก็ยิ่งมองมามากขึ้น 

 

 

” ไทเฮาทรงเป็นอะไรไป? “ 

 

 

” เมาอาละวาดละมั้ง? “ 

 

 

” เมาอาละวาดที่ไหน จะต้องเป็นเพราะว่าช่วงนี้ฝ่าบาททรงโปรดปรานแต่ซูกุ้ยเฟยเพียงผู้เดียว ในใจของนางจึงริษยาอย่างหนัก พอคราวนี้เลยออกลายขึ้นมา” 

 

 

” นี้มันจะกล้ามากเกินไปแล้ว คนมากมายมองดูอยู่แท้ๆ! “ 

 

 

” นางก็กล้ามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว มีหรือครั้งนี้จะยอมพลาดกัน? “ 

 

 

ผู้คนทั้งหลายตอนแรกก็ตื่นตระหนกไป แต่ครู่ต่อมาก็เริ่มส่งเสียงนินทา 

 

 

ซูเม่ยเองก็มองไปเช่นกัน แต่เขาเห็นเพียงว่าตู๋กูซิงหลันสองแก้มแดงระเรื่อ แย้มยิ้มอย่างโง่งม 

 

 

ท่าทางเช่นนี้ดูก็รู้ว่าไม่ปกติแล้ว 

 

 

เขาเดินเข้าไปหา ส่งเสียงเรียกนางคำหนึ่ง ” อาหลัน เจ้าดื่มมากไปหรือเปล่า? “ 

 

 

แต่ว่าตู๋กูซิงหลันกลับคล้ายไม่ได้ยินเสียงของเขาเลยแม้แต่น้อย นางยังคงเอาแต่จับจ้องจีเฉวียน เขย่าฉลองพระองค์ของเขาอย่างแง่งอน ” จีเฉวียน ท่านรีบยิ้มเร็วๆ เข้าสิ อย่าได้เอาแต่ทำหน้านิ่ง ข้ากลัวนะ “ 

 

 

เป็นเพราะฤทธิ์ของยาเสน่ห์ สายตาของตู๋กูซิงหลันในยามนี้จึงมีแต่จีเฉวียนเพียงผู้เดียว ผู้คนหรือเสียงอื่นใดล้วนไม่อยู่ในความสนใจของนาง 

 

 

ในดวงตาของนางเห็นแต่จีเฉวียนที่งดงามน่าหลงใหล ยิ่งน่าหลงใหลกว่าเดิม น่าหลงใหลที่สุด น่าหลงใหลจนแทบตายแล้ว 

 

 

ประหลาดจริงๆ ทำไมก่อนหน้านี้นางถึงได้ไม่เคยรู้สึกมาก่อนว่าเขาถูกตาต้องใจนางขนาดนี้? 

 

 

น้ำเสียงของนางอ่อนหวาน น้ำเสียงที่เว้าวอนของสาวน้อยอ่อนไปไปจนถึงกระดูก สองมือที่เรียวงามคอยดึงรั้งพระหัตถ์ของเขาอยู่ตลอด นางแทบจะซุกไซร้ฉลองพระองค์ของเขาอย่างสุดชีวิต 

 

 

ต่อให้จีเฉวียนทรงเป็นดั่งต้นสาคูโบราณอายุพันปีหมื่นปี ยามนี้ก็ยังต้องทรงรู้สึกอ่อนไปทั้งพระองค์จนจะผลิดอกได้แล้ว 

 

 

” อย่าได้วุ่นวาย ” เขาจับมือเล็กของนางเอาไว้ ” เจ้าเมามากแล้ว เราจะส่งเจ้ากลับไปเดี๋ยวนี้ “ 

 

 

” ไม่อาวง่ะ หากท่านไม่ยิ้มข้าก็จะไม่ไป ” ตู๋กูซิงหลันทำแก้มพองกระทืบเท้าราวกับเป็นเด็กๆ