บทที่ 673 วิญญาณจุติดวงดารา!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

*วิญญาณจุติในตำนานบ้าบออะไรกัน เลือกวิญญาณจุตินี่ก็เท่ากับฆ่าตัวตายชัดๆ!*หวังเป่าเล่อกัดฟันแน่นขณะโอดครวญในใจ ข้อมูลมากมายเกี่ยวกับวิญญาณจุติดาราอัดแน่นอยู่ในหัว ทำให้เขาเริ่มเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องดาวพระเคราะห์มากขึ้น

จากที่หวังเป่าเล่อได้ศึกษาบันทึกของสำนักแห่งความมืด เขาพบว่าระดับดาวพระเคราะห์เป็น ระดับการฝึกตนสูงสุดระดับแรกที่ผู้ฝึกตนสามารถบรรลุได้ ถัดจากขั้นจุติวิญญาณ ขั้นเชื่อมวิญญาณ และขั้นจิตวิญญาณอมตะ

ผู้ฝึกตนในระดับนี้มีวิญญาณและกายเนื้ออันทรงพลัง หลังจากใคร่ครวญข้อมูลที่ได้รับตอนอยู่ในสำนักแห่งความมืดและที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิญญาณจุติดวงดารา หวังเป่าเล่อก็เริ่มเห็นภาพรวมของระดับดาวพระเคราะห์มากขึ้น

ที่ระดับดาวพระเคราะห์ได้ชื่อเช่นนี้ เป็นเพราะผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะที่หวังจะบรรลุขึ้นมาถึงระดับนี้ต้องหลอมตนเองเข้ากับดาวเคราะห์จริงๆ ในห้วงอวกาศ!

อาจเรียกว่าเป็นการกลืนกินดาวเคราะห์ก็ได้ ผู้ฝึกตนต้องแปลงดาวเคราะห์มาเป็นส่วนหนึ่งของตนเอง จากนั้นดาวเคราะห์ก็จะเข้ามาอยู่ในร่างและกลายเป็นรากฐานแห่งเต๋าที่จะช่วยส่งผู้ฝึกตนขึ้นไปอยู่ท่ามกลางหมู่ดวงดารา ตำนานกล่าวขานไว้ว่าหลายอารยธรรมเรียกขั้นตอนนี้ว่าการจุติ!

เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผู้ฝึกตนขั้นดาวพระเคราะห์จึงเทียบได้ว่าเป็นดาวเคราะห์จริงๆ!

ขั้นตอนการกลืนกินและหลอมรวมกับดวงดาวนั้นท้าทายมาก หากผิดพลาดจะต้องพบกับความตาย ถือเป็นช่องว่างที่ผู้ฝึกตนจะต้องข้ามผ่านไปให้ได้ในเส้นทางการฝึกตน!

นอกจากนี้…ขนาดของดาวเคราะห์ เส้นผ่านศูนย์กลาง และคุณสมบัติอื่นๆ รวมถึงพลังงานที่เก็บซ่อนอยู่ จะเป็นตัวกำหนดว่าผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์จะแข็งแกร่งเพียงใด ผู้ฝึกตนขั้นดาวพระเคราะห์ที่แข็งแกร่งจะมีหน้ามีตาในจักรวาล สามารถท้าสู้กับผู้ฝึกตนระดับดารานิรันดร์ได้และถึงแพ้มาก็ไม่เสียเกียรติ ส่วนผู้ฝึกตนขั้นดาวพระเคราะห์ที่อ่อนแอนั้นทำได้แค่รังแกผู้ฝึกตนที่มีระดับการฝึกตนด้อยกว่า เพราะผู้ฝึกตนในระดับเดียวกันถือเป็นคู่ต่อสู้ที่รับมือได้ยาก

หวังเป่าเล่ออยากจะร้องไห้ออกมาเมื่อคิดได้เช่นนั้น เขารู้ว่าไม่สามารถโทษใครได้เลยที่ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์นี้ ความสามารถและความฉลาดได้นำพาตนเองมาพบปัญหาเสียแล้ว ทั้งสองสิ่งนี้ทำให้วังศิษย์แห่งเต๋านึกอิจฉาจนส่งผลให้ความยากในการบรรลุไปยังขั้นจุติวิญญาณของเขาทวีคูณสูงขึ้น

 ความเสียใจก่อตัวขึ้นภายใน แต่ก็ไม่สามารถอะไรได้เลยในตอนนี้ เขาสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังวิญญาณที่ไหลเวียนรอบตัวในห้วงความว่างเปล่ากว้างไกลไร้ดวงดาวแห่งนี้ พลังทำลายล้างแกร่งกล้าที่สามารถบดขยี้ทุกสิ่งและทำให้ชายหนุ่มขนหัวลุกตัวสั่นเทิ้มพุ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว หวังเป่าเล่อหายใจถี่รัว เส้นเลือดปูดโปนขึ้นในตา ใบหน้าบิดเบี้ยวจนดูไม่ได้

“ตื่นเถิด!” ชายหนุ่มเอ่ยคาถาขึ้น ก่อนจะต้องนิ่งอึ้งไปในเวลาต่อมา ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด คาถาที่คอยช่วยชีวิตมานักต่อนักกลับใช้การไม่ได้!

เกิดอะไรขึ้นกันหวังเป่าเล่อเบิกตากว้างด้วยความงุนงง หรืออาจต้องท่องในหัวถึงจะสำเร็จ เขาท่องคาถาในหัวอย่างรวดเร็ว ร่ายคาถาต่อเนื่องไปอีกหลายคำ แต่พลังอันคุ้นเคยที่เคยส่งตนมาจากส่วนลึกสุดของห้วงอวกาศกลับไม่ปรากฏขึ้นแต่อย่างใด

เมินข้าอย่างนั้นหรือ

ไม่มีเวลาพอให้เขาได้คิดอะไรมาก หวังเป่าเล่อตัวสั่นเทิ้มเมื่อคลื่นพลังวิญญาณรอบตัวเริ่มทรงพลังขึ้นทันทีที่พลังทำลายล้างพุ่งตรงเข้ามา ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่างเมื่อดวงแสงส่องสว่างปรากฏขึ้นห่างไกลออกไปในฟากฟ้ามืดมิดเบื้องหน้า!

มันเริ่มขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ครู่ต่อมา ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงดังสนั่น เหมือนว่าดวงดาราได้ทลายลง

หากมีใครมองลงมาจากด้านบน จะเห็นว่ามีลูกไฟขนาดมหึมากำลังพุ่งตรงมาทางหวังเป่าเล่อ!

สิ่งนั้นไม่ใช่ลูกไฟธรรมดา…แต่เป็นดาวเคราะห์ ขนาดไม่ได้ใหญ่มากเมื่อเทียบกับดวงอื่นๆ แต่ก็ยังถือว่าใหญ่อยู่ดี ดาวเคราะห์ดวงนี้มีขนาดประมาณดวงจันทร์ เมื่อเทียบกันดูแล้ว หวังเป่าเล่อก็เป็นเหมือนฝุ่นผงเท่านั้น!

แม้จะยังอยู่ห่างไกลออกไป แต่คลื่นพลังวิญญาณรอบตัวชายหนุ่มกลับสั่นไหวรุนแรง หวังเป่าเล่อตัวสั่นเทิ้ม สัมผัสได้ถึงสัญญาณอันตรายและความตายที่ถาโถมไปทั่วร่างราวกับเป็นคลื่นยักษ์

*ไม่เห็นจะเหมือนเป็นการทดสอบเลย!*หวังเป่าเล่อตื่นตระหนก ดวงตาแดงก่ำ ไม่มีเวลามัวคิดอะไรไปมากกว่านี้ จากข้อมูลที่ได้ศึกษามาทำให้เขารู้ว่าตนมีเพียงโอกาสเดียว ถ้าไม่ได้บรรลุขั้นการฝึกตนก็…ต้องพบกับความตาย

ไม่มีทางใดให้หนี มีเพียงต้องเดินหน้าต่อไป!

“ดาวเฮงซวยอะไรกัน! รู้ไหมว่าในร่างกายข้ามีสิ่งแปลกประหลาดอะไรอยู่ภายในบ้าง คิดว่าข้าจะกลัวเจ้าอย่างนั้นหรือ” หวังเป่าเล่อตะโกนลั่น เขายกมือขวาตบเข้าที่อกเสียงดัง เมล็ดดูดกลืนตื่นขึ้น ดอกบัวสีเขียวภายในเมล็ดดูดกลืนสั่นไหวไปมา สายฟ้ามากมายฟาดผ่าไปมาขณะที่แก่นในอัสนีโผล่พ้นออกจากปากของชายหนุ่ม!

อัสนีเปล่งประกายฟาดผ่าไปทั่วพื้นที่ราวกับเป็นฝูงสัตว์เลื้อยคลานสีเงิน แก่นในอัสนีปลดปล่อยพลังเต็มขั้น พยายามต้านทานแรงกดดันของดาวเคราะห์ที่พุ่งตรงเข้ามา เป็นดังตั๊กแตนที่พยายามจะหยุดเกวียนเทียมม้า แก่นในอัสนีไม่สามารถต้านทานพลังของดาวเคราะห์ได้แม้แต่น้อยและเริ่มส่งสัญญาณแตกหักเมื่อดาวเคราะห์เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้

หวังเป่าเล่อเจ็บระบมไปทั่วร่าง เขายกมือขวาขึ้นตบอกอีกครั้งอย่างไม่ลังเลใจด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นพร้อมพลังอันแกร่งกล้ายิ่งกว่าแก่นในอัสนีปะทุออกมาจากร่างชายหนุ่ม ความเย็นยะเยือกเข้าปกคลุมพื้นที่ เปลวไฟสีดำลุกโชนขึ้นรอบตัวหวังเป่าเล่อ!

เปลวไฟสีดำนั่นเอง!

หวังเป่าเล่อถ่มแก่นในชิ้นที่สองซึ่งก็คือ…แก่นในแห่งความมืดออกมา!

คลื่นพลังวิญญาณพวยพุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้าขณะที่แก่นในแห่งความมืดและแก่นในอัสนีพยายามต้านทานพลังดาวเคราะห์ แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ทำได้แค่ชะลอดาวเคราะห์ลงไปเล็กน้อยเท่านั้น!

การชะลอความเร็วของดาวเคราะห์ลงไม่ได้ช่วยอะไรแม้แต่น้อย ห้วงอวกาศเบื้องหน้าหวังเป่าเล่อถูกปกคลุมไปด้วยแสงจากดาวเคราะห์ลุกโชติช่วงที่กำลังพุ่งตรงเข้ามา ชายหนุ่มไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้อีก เบื้องหน้ามีเพียงดาวเคราะห์ที่กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้และทะเลเพลิงที่คืบคลานมาจากที่ไกลโพ้น!

พลังที่พุ่งตรงเข้ามาหาหวังเป่าเล่อนั้นแกร่งกล้าน่าพรั่นพรึง แก่นในอัสนีเริ่มแตกร้าว แก่นในแห่งความมืดเริ่มละลาย แม้แต่แก่นในหัวใจยังถูกกลืนกินไปในทันที เหมือนว่านี่จะเป็นจุดสิ้นสุดของชายหนุ่ม เขากำลังจะหมดสติไป ดวงชีวิตกำลังจะถูกดาวเคราะห์ลุกโชติช่วงกลืนกิน ทันใดนั้น หวังเป่าเล่อก็ยกมือขวาขึ้นตบอกเสียงดังอีกครั้ง

“ถ้าพวกเจ้าไม่ออกมา เราได้ตายกันหมดแน่!” ชายหนุ่มร้องคำราม รู้สึกได้ว่าพลังชีวิตเริ่มจางหายไป เมล็ดดูดกลืนในกายเป็นสิ่งแรกที่ไม่สามารถทานทนพลังของดาวเคราะห์ได้ไหว มันปรากฏตัวขึ้นพร้อมปลดปล่อยพลังแกร่งกล้าและแปรเปลี่ยนร่างเป็นวังวนพยายามหยุดยั้งดาวเคราะห์ที่กำลังพุ่งตรงมา ดาวเคราะห์ชะลอความเร็วลงอีกครั้ง

ดอกบัวสีเขียวก่อตัวขึ้น ปล่อยพลังชีวิตไม่รู้สิ้นกลางอากาศ มันรวมพลังช่วยวังวนต้านดาวเคราะห์เอาไว้!

ยังไม่จบเพียงเท่านั้น ในช่วงเวลาคับขันนั้นเอง ฝักกระบี่ภายในกายของหวังเป่าเล่อก็ปรากฏขึ้นเหมือนเป็นเชลยที่ถูกลากตัวออกมาอย่างไม่เต็มใจ คมคำสาปมากมายพุ่งตรงไปทางดาวเคราะห์!

ดาวเคราะห์ชะลอลงเป็นอย่างมาก ทั้งสองฝ่ายเหมือนจะต้านพลังกันได้อย่างเท่าเทียม ทุกวินาทีที่ผ่านไปช่างเนิ่นนานสำหรับหวังเป่าเล่อ

พลังกดดันจากดาวเคราะห์ทำให้ร่างของชายหนุ่มสั่นเทิ้ม แก่นในอัสนีปริแตกมากขึ้น ส่วนแก่นในแห่งความมืดก็ยังละลายอย่างต่อเนื่อง ร่างกายที่เริ่มสลายตัวสร้างความเจ็บปวดรุนแรงทรมานไปถึงจิตใจ ขณะที่แรงกดดันถาโถมเข้าใส่ พลังงานแห่งการเกิดใหม่ก็เริ่มไหลเวียนออกมาจากแก่นในที่กำลังสลายตัว เข้าโอบล้อมรอบตัวชายหนุ่มไว้!

พลังงานดังกล่าวเป็นเหมืองเปลวเพลิงริบหรี่และดวงดาวที่กำลังก่อตัวขึ้น พลังวิญญาณที่พวยพุ่งออกมานั้นแสนแกร่งกล้า ราวกับว่าเทพได้ถือกำเนิดขึ้น!

สิ่งนี้คือหนึ่งในห้าวิญญาณจุติในตำนาน…วิญญาณจุติดวงดารา!

วิญญาณจุติดวงดาราสูบพลังจากแก่นในทั้งสามของหวังเป่าเล่อและดาวเคราะห์ แล้วค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้น ห้วงแห่งความว่างเปล่าก็สั่นไหว พลังจากภายนอกเหมือนจะสัมผัสได้ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงเข้ามาหยุดยั้งไม่ให้วิญญาณจุติดวงดาราถือกำเนิดขึ้น!

พลังแกร่งกล้าจากภายนอกสั่นคลอนห้วงแห่งความว่างเปล่า ส่งผลให้โลกไร้ดวงดาวเริ่มบิดเบี้ยว ปรากฏเป็นแขนมายาขนาดยักษ์ปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีแดง แขนนั้นยืดตรงไปทางหวังเป่าเล่อ หมายจะทำลายร่างกายรวมถึงวิญญาณของชายหนุ่มและหยุดยั้งไม่ให้วิญญาณจุติดวงดาราถือกำเนิดขึ้นได้

ทันใดนั้น…เสียงแค่นจมูกอย่างไม่พอใจก็ดังก้องขึ้นในอากาศ เหมือนว่ามีคนมากมายนับไม่ถ้วนแค่นจมูกขึ้นพร้อมกันจนเกิดเป็นเสียงดังสนั่น!

“เจ้าโง่หน้าไหนบังอาจมาขัดขวางการบรรลุของศิษย์น้องข้า”

แสงอันทรงพลังราวกับจะผ่าสวรรค์เป็นสองท่อนได้พุ่งตรงลงมาอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปทางแขนสีแดงที่กำลังเหยียดตรงไปหาหวังเป่าเล่อ!

กระบี่ร่วงลงมา!

แขนถูกฟันขาด!

……………………………………………..