บทที่ 674 ศิษย์พี่ ท่านยังอยู่ไหม

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

คมกระบี่เดียวฟันตัดผ่านแขน!

แสงกระบี่พุ่งผ่านแขนเกล็ดสีแดงที่กำลังยื่นไปหาหวังเป่าเล่อ ฟันข้อมือจนขาด ฝ่ามือแตกสลายกลายเป็นโลหิตมายาไหลตรงไปยังแขนที่ถูกฟันขาด

แต่มันก็ไม่อาจทำเช่นนั้นได้ คมกระบี่ที่เฉือนแขนจนขาดฉายแสงขึ้นอีกครั้ง พลังแกร่งกล้าพลันจุติลงมาจากฟากฟ้าเหมือนมีหัตถ์ที่มองไม่เห็นเอื้อมลงมากวาดโลหิตออกไป ไม่ให้ไหลกลับเข้าสู่แขน

โลหิตพุ่งไปทางหวังเป่าเล่อแทน จิตของเจ้าของโลหิตถูกชำระล้างไปสิ้นจนตอนนี้มันไม่ใช่โลหิตของผู้ใด โลหิตที่กระเด็นมาปลดปล่อยพลังแปลกประหลาดที่เหมือนจะแปรเปลี่ยนเป็นโลหิตเสริมพลังเข้าผสานกับแก่นในอัสนี แก่นในแห่งความมืด และร่างกายของชายหนุ่มได้อย่างราบรื่น!

หวังเป่าเล่อตัวสั่นเทิ้มจากโลหิตที่ไหลเวียนเข้ามา เขาพยายามต้านทานดาวเคราะห์ไว้อย่างทุลักทุเล โดยต้องปลดปล่อยพลังงานทั้งหมดมาช่วยเสริม แต่สติที่เหนื่อยล้ากลับรู้สึกเหมือนได้โอสถชั้นเลิศมาช่วยเสริมพลัง สติของเขาพลันกระจ่างในทันใด แม้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะชวนให้ตื่นตะลึง แต่ชายหนุ่มก็ไม่มีเวลามัวมาคิดอะไรให้มากความ โลหิตที่ไหลเข้าสู่ร่างนั้นอัดแน่นไปด้วยพลังชีวิต

แก่นในอัสนีและแก่นในแห่งความมืดที่ได้รับการบำรุงจากแหล่งพลังเข้มข้นแปรเปลี่ยนเป็นมหาสมุทรถาโถมเข้าภายในใจ เสียงกลองยักษ์ดังขึ้นในหัว ชายหนุ่มตัวสั่นจากโชคที่ร่วงหล่นใส่โดยไม่ทันตั้งตัว เขาร้องคำรามและส่งคลื่นพลังชีวิตที่ไหลหลากเข้ามาไปทั่วร่างเพื่อบรรลุขั้นการฝึกตน

“บรรลุ!”

ร่างของเขาส่องแสงเรืองรองขณะที่วิญญาณจุติดวงดาราค่อยๆ ก่อตัวขึ้นภายในร่าง ไม่นานพลังของวิญญาณจุติดวงดาราก็ปะทุขึ้น ชายหนุ่มแปรเปลี่ยนเป็นดวงดาราในทันใด ปราณวิญญาณเริ่มทวีคูณความแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

เสียงกัมปนาทดังก้องในหัวไม่หยุด เสียงร้องคำรามดังสะท้อนขึ้นไปถึงสรวงสวรรค์!

ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงพลังกล้าแกร่งที่เพิ่มพูนขึ้นภายใน เขาหายใจถี่รัวและปลดปล่อยทุกอย่างที่มีอย่างสุดความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นพลังปราณ พลังกาย แก่นในอัสนี และแก่นในแห่งความมืด เพื่อบรรลุขั้นการฝึกตน!

หวังเป่าเล่อในตอนนี้เป็นเหมือนดวงดาราที่กำลังถือกำเนิด แสงส่องสว่างเป็นวงรัศมีรอบตัวค่อยๆ เจิดจ้าขึ้น ไม่นานดาวเคราะห์เบื้องหน้าเขาก็เริ่มสั่นไหว การต้านกำลังกันจากทั้งสองฝ่ายกำลังจะพังทลายลง ดวงดาราของหวังเป่าเล่อปลดปล่อยพลังออกมาเต็มขั้น ดาวดวงหนึ่งกำลังจะถือกำเนิดขึ้น!

ทุกอย่างเหมือนจะเกิดขึ้นเป็นภาพช้าๆ แต่จริงๆ แล้ว ตั้งแต่การโจมตีของเฉินชิงไปจนถึงการดูดซับโลหิตจวบจนดวงดาวที่ตื่นพลังขึ้นล้วนเกิดขึ้นภายในชั่วพริบตา และขณะที่พลังของดวงดาวกำลังจะปลดปล่อยออกมาเต็มขั้นนั้นเอง…

เสียงคำรามด้วยความเกรี้ยวกราดและเจ็บปวดก็ดังผ่านห้วงอวกาศมา น้ำเสียงฟังดูตื่นกลัว พลังวิญญาณของหวังเป่าเล่อเริ่มสั่นคลอน

“มาส่งของเสร็จแล้วยังไม่ไปอีก จะอยู่กินข้าวเย็นด้วยหรืออย่างไร” เสียงของเฉินชิงดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน ตามมาด้วยแสงของคมกระบี่ที่ปรากฏขึ้นและหายวับไปในพริบตาต่อมาก เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังลั่นขึ้น

“ไสหัวไป ถ้ายังส่งเสียงอีก ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งเสีย!” เฉินชิงแค่นเสียงไม่พอใจก่อนจะพูดขึ้นอย่างเย็นชา ขัดเสียงร้องโหยหวนที่ดังก้องในอากาศ

ห้วงความว่างเปล่าสั่นคลอน ผืนจักรวาลที่พวกเขาอยู่สั่นสะเทือน ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องก็เงียบไป แม้จะยังเจ็บแค้น แต่ก็ไม่กล้าส่งเสียงใดๆ ออกมาอีก มันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลับออกไป

แขนด้วนหายวับไปพร้อมตัวตนนั้น ราวกับว่าตัวตนที่ไม่รู้จักดังกล่าวไม่เคยย่างกรายเข้ามา ครู่ต่อมา ทุกอย่างให้ผืนจักรวาลนี้ก็ดำเนินต่อไปอีกครั้ง

พอไม่มีใครมาขัดขวาง หวังเป่าเล่อก็ร้องคำรามเสียงดุดันแหวกห้วงอวกาศ แสงมารวมตัวกันนอกร่างกายของเขาและพวยพุ่งออกไปรอบด้าน สว่างเจิดจ้าจนแสบตาไปไกล ดวงไฟเรืองแสงสุกสว่างเหมือนดังดวงอาทิตย์และดวงดาวที่เพิ่งถือกำเนิด เสียงปริแตกเหมือนเปลือกไข่ร้าวดังก้องห้วงอวกาศ

“บอกว่าให้บรรลุไง!” ชายหนุ่มร้องคำราม พลังปราณเพิ่มพูนขึ้นในทันที จนบรรลุจากขั้นกำเนิดแก่นในชั้นสมบูรณ์ไปสู่ขั้นจุติวิญญาณ!

พลังของดวงดาราพุ่งขึ้นสูงถึงสรวงสวรรค์ทันใดที่ชายหนุ่มบรรลุขั้นจุติวิญญาณ ด้านในดวงแสงเห็นเป็นร่างเล็กจิ๋วกำลังเหยียดแขนขา ร่างนั้นคือวิญญาณจุตินั่นเอง!

มันคือหนึ่งในห้าวิญญาณจุติในตำนาน วิชาต้องห้าม วิญญาณจุติดวงดารา!

สัมผัสพลังที่ไม่เคยพบมาก่อนก่อตัวขึ้นในร่างของหวังเป่าเล่อ เขารู้สึกราวกับว่าตนมีพลังควบคุมดวงดาราและสามารถท่องผ่านห้วงอวกาศได้ ชายหนุ่มหายใจถี่รัว เห็นตัวตนคุ้นเคยอยู่ไกลห่างออกไป ตัวตนนั้นยกมือที่ถือน้ำเต้าอยู่ขึ้นทักทาย

“ศิษย์พี่…” หวังเป่าเล่อเบิกตากว้างขณะพูดพึมพำ ร่างคุ้นเคยไม่รอให้ชายหนุ่มได้พูดต่อ เขาตวัดแขนเสื้อ พลันดาวเคราะห์เบื้องหน้าและห้วงความว่างเปล่าก็เริ่มสั่นไหว ทุกสิ่งเริ่มเลือนรางก่อนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ!

พลังแกร่งกล้าพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่ม พัดพาเขาลงไปยังหุบเหวไร้ที่สิ้นสุดก่อนจะหายวับไป

ก่อนพลังจะหายไปทั้งหมด เสียงของเฉินชิงก็ดังขึ้นในหัวที่อื้ออึงของชายหนุ่ม

“ศิษย์น้องที่รัก เจ้าเหลือเวลาไม่มากแล้ว ข้า…จะมารับเจ้าไปเร็วๆ นี้”

ห้วงความว่างเปล่าเริ่มเลือนหายไปพร้อมหวังเป่าเล่อ ทุกอย่างเริ่มมืดดำ เฉินชิงยกน้ำเต้าขึ้นซด เขาหันไปร้องเพลงอย่างยินดีปรีดา

“เมื่อสวรรค์และพื้นพิภพแยกจากกัน กงล้อแห่งโชคชะตาหยุดนิ่ง…”

“เมื่อครั้นได้รับรู้สิ่งที่บังเกิดในอดีต เขาผู้ซึ่งทนทุกข์นั้น…”

“เมื่อครั้นได้รับรู้สิ่งที่จะเกิดในอนาคต เขาผู้ซึ่งทำงานหนักนั้น… ”

เป็นเพลงโบราณที่ฟังดูเก่าแก่ยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อชายหนุ่มเป็นคนร้อง ขณะที่กำลังจะหายวับไปในความมืด เขาก็พลันตัวแข็งทื่อ ก่อนจะหันไปจ้องตรงทิศทางหนึ่ง ราวกับว่าสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง

สายตาของเขามองทอดผ่านห้วงอวกาศไปหยุดอยู่ตรงระบบสุริยะที่มีกระบี่สำริดเขียวโบราณหลับใหลอยู่ เขาจ้องอยู่เนิ่นนานก่อนจะหัวเราะออกมา

โอหังจริงๆ ทั้งที่เป็นแค่เมล็ดพันธุ์ดาราเต๋า เอาเถอะ ได้เป็นตัวช่วยให้ศิษย์น้องของข้าเติบโตขึ้น ก็ถือว่าไม่เลวเท่าไหร่เฉินชิงยิ้ม ก่อนจะหันกลับและเดินหายวับไปในความมืดมิด

ณ ปลายกระบี่สำริดเขียวโบราณ บริเวณที่พบวังทั้งสาม หวังเป่าเล่อปรากฏตัวอีกครั้งด้านนอกวังศิษย์แห่งเต๋าท่ามกลางแสงจ้า เขาเงยหน้าขึ้นมองรอบตัวด้วยลมหายใจถี่รัว

“ศิษย์พี่…” หวังเป่าเล่อพึมพำขึ้น จากนั้นก็เงียบไป เขานึกถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้นตั้งแต่บุกไปยังเรือบินรบ เริ่มตระหนักถึงสิ่งที่ไม่เข้าเค้าหลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ศึกครั้งสุดท้ายกับโยวหรันทำให้ชายหนุ่มนึกอะไรบางอย่างออก

ขณะที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิด ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่าแม่นางน้อยที่อยู่ในหน้ากากตื่นตกใจเพียงใด คำว่าตื่นตกใจอาจเบาเกินไปที่จะอธิบายความรู้สึกของนางในตอนนี้เสียด้วยซ้ำ

เจ้าอ้วนน้อยนี่…สร้างวิญญาณจุติดวงดาราได้เฉยเลย!

*บิดาข้าบอกว่ามีเพียงคนบ้าเท่านั้นที่จะเลือกวิญญาณจุตินี้ เจ้าอ้วนบ้านี่…*แม่นางน้อยคลั่งไป ไม่ได้เป็นเพราะความอิจฉา แต่เป็นเพราะสิ่งที่นางเคยพูดไปก่อนหน้า ความรู้สึกที่ว่าคำพูดของนางมีพลังบางอย่างที่สามารถเปลี่ยนเป็นความจริงได้ถาโถมเข้าสู่ความคิดของแม่นางน้อยอีกครั้ง ทุกครั้งที่นางพูดอะไรบางอย่างซึ่งเกินความสามารถของชายหนุ่ม เขาก็จะทำได้สำเร็จเสมอ แม่นางน้อยเริ่มตื่นกลัวขึ้นมาเล็กน้อย

“ไม่เห็นจะเก่งอะไรเลย ก็แค่พึ่งพาบารมีศิษย์พี่ก็เท่านั้น!” แม่นางน้อยพึมพำขึ้นด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย

ผ่านไปสักพัก เมื่อหวังเป่าเล่อพบคำตอบของเรื่องราวต่างๆ เขาก็สูดหายใจลึก เหตุการณ์ทั้งหมดนำเขาไปสู่การค้นพบครั้งสำคัญ

*ศิษย์พี่ชอบสอดแนม เขาเฝ้าดูทุกอย่างมาสักพักแล้ว!*คิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มก็หันไปสำรวจรอบตัวอีกครั้ง ดวงตาเขาเลื่อนไปหยุดอยู่ตรงวังลำดับสาม จากนั้นก็กะพริบตาและกระแอมกระไอขึ้น

“ศิษย์พี่ ช่วยศิษย์น้องผู้แสนหล่อเหลาปลดผนึกวังลำดับสามได้หรือไม่” หวังเป่าเล่อพูดขึ้น จากนั้นก็ตั้งตาคอยด้วยความคาดหวัง แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นอีกด้วยสีหน้าออดอ้อน

“ศิษย์พี่ที่รัก นี่คือศิษย์น้องผู้แสนสำคัญของท่านที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวและทนลำบากมานานหลายปี ศิษย์พี่ ระดับพลังปราณของท่านนั้นไม่มีใครเทียบได้ ฝีดาบก็ช่ำชองไม่มีใครเกิน โปรดช่วยข้าปลดผนึกวังลำดับสามทีเถิด

“ศิษย์พี่ เลิกทดสอบข้าเสียทีแล้วปลดผนึกวังลำดับสามเสีย

“ศิษย์พี่ ข้าเริ่มโกรธแล้วนะ!

“ศิษย์พี่…ท่านยังอยู่ไหม”

……………………………………………..