ตอนที่ 53-1 พระราชนัดดา

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์

“เตรียมชุดของพระชายาให้เรียบร้อย วันนี้ก็ครบสิบวันแล้วที่พระชายาเซจาให้กำเนิดบุตร” 

 

 

การที่อยู่ดีๆ บีพาอันมาหากโยซึลนั้นเป็นเพราะเรื่องของการให้กำเนิดบุตรของพระชายาเซจา เมื่อรูแฮรู้ถึงเหตุผล สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป และรู้สึกระแวงบีพาอันน้อยลง 

 

 

ตามประเพณีของมกกุกนั้นวันที่สิบของการให้กำเนิดบุตรเป็นวันที่มีความหมายลึกซึ้งเป็นอย่างมาก ตนลืมไปเสียสนิท เพราะมัวแต่ใช้เวลาอยู่กับกโยซึลจนไม่ได้สนใจงานของพระราชวัง 

 

 

“ทรงพระเจริญพันปี พันปี พันพันปี กระหม่อมขอตัวพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อรูแฮทำความเคารพเสร็จแล้ว เขาก็รีบถอยออกไป และด้วยความเป็นสมาชิกคนหนึ่งของราชวงศ์ เขาจึงต้องร่วมเตรียมงานมงคลใหญ่ครั้งนี้ของพระตำหนักบุกบี ในขณะที่รูแฮกำลังเดินออกจากห้อง 

 

 

“ฮวางเซจา” บีพาอันเรียกรูแฮให้หยุดอยู่ที่หน้าประตู “ต่อไปนี้จงเรียกนามของชายาเราให้ถูกต้อง คนที่ 

 

 

ฮวางเซจาจะเรียกว่าชายาได้นั้นมีแต่เพียงพระชายาของฮวางเซจาเท่านั้น” 

 

 

“กระหม่อมลาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

บีพาอันพูดจาเสียดแทงรูแฮจนนาทีสุดท้าย รูแฮไม่ตอบโต้อะไร เพียงก้มศีรษะแล้วเดินออกนอกประตูไป สถานการณ์ได้ถูกจัดการอย่างเรียบร้อย ทำให้ในห้องตอนนี้เหลือเพียงบีพาอันและกโยซึล กโยซึลที่เมื่อสักครู่ได้พูดจาถือดีกับบีพาอันกำลังรู้สึกเศร้าใจและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แต่ก็โชคดีที่บีพาอันไม่ได้สนใจอะไร หลังจากที่บีพาอันออกคำสั่งกับแม่นม เขาก็เดินจากไป แม่นมกับเหล่านางกำนัลก็เดินเข้ามาในห้อง แล้วเริ่มจัดการแต่งตัวให้กับกโยซึล 

 

 

กโยซึลสวมใส่ชุดสีหยกที่ไม่ได้ดูหรูหรา แลเด้วยอาการปวดหัวของนางทำให้ไม่สามารถสวมใส่วิกผมคาเชได้สูงนัก หลังจากปักปิ่นปักผมรูปหงส์ นางกำนัลก็ได้ทำการตกแต่งส่วนอื่นๆ จนเสร็จ เป็นการแต่งกายที่เรียบง่ายและสง่างาม เพื่อให้เกียรติงาน และเพื่อไม่ให้ร่างกายของนางต้องหักโหมจนเกินไป ทันทีที่กโยซึลถูกแม่นมพาออกไปที่ชานตำหนัก เหล่าข้ารับใช้ของบีพาอันก็ยืนเรียงแถวอยู่ที่ด้านล่าง เมื่อกโยซึลสวมรองเท้าที่ข้ารับใช้เอามาสวมให้แล้วเดินลงไป บีพาอันก็เข้ามาหานาง เขายื่นมือมาทางกโยซึล นางรู้สึกประหม่าเพราะมือนี้ที่ทำให้นางสับสนงงงวยมาหลายต่อหลายครั้ง แม้บีพาอันจะยื่นมือมาหากโยซึล ทว่าเขาก็ไม่ได้จับหรือดึงลากนางไป กโยซึลมองบีพาอันด้วยสายตาแปลกใจ 

 

 

“จบมือเรา” 

 

 

“เพคะ?” 

 

 

ด้วยคำพูดที่ฟังไม่คุ้นหูของบีพาอัน แม้จะตั้งใจฟังอย่างดีก็ทำให้ต้องถามซ้ำกลับไป หัวใจของกโยซึลเต้นตึกตักกับความรู้สึกที่ไม่คุ้นชิน ไม่ว่าจะคิดอย่างไรบีพาอันที่ยื่นมือมาจับมือของตนที่กำลังโซเซ และเข้ามาประคองตนนั้นช่างเป็นอะไรที่ผิดปกตินัก แม้กโยซึลจะรู้สึกผิดปกติ แต่นางก็ฝากร่างของตนไว้ในอ้อมแขนของเขาอย่างสงบเสงี่ยม มันเป็นอ้อมแขนที่แข็งแรงและพึ่งพาได้ยิ่ง  

 

 

แม้ว่าฝนกำลังตกอยู่ แต่มันก็เป็นสายฝนบางเบา และเนื่องจากบีพาอันกำลังประคองกโยซึลอยู่ ขันทีจึงถือร่มกันฝนเพียงคันเดียวเดินตามหลังไป เหล่าข้ารับใช้ที่มีจำนวนมากเป็นสองเท่าของเวลาปกติเรียงแถวเดินออกจากวังตะวันออกมุ่งตรงไปยังวังเหนือ ขบวนเดินเคลื่อนไปอย่างช้าๆ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพร่างกาย 

 

 

ของกโยซึล เมื่อขบวนไปถึงวังเหนือ พวกเขาก็ไม่ได้เดินไปที่พระตำหนักบุกบีที่เป็นที่ประทับของพระชายาฮวางเซจา แต่กลับเดินขึ้นไปอีกหน่อยทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ตลอดสองข้างทางเดินนั้นมีเชือกสีทอง และผ้าสีแดงห้อยแขวนอยู่ สมาชิกจากพระราชวังตะวันออกกำลังจะถึง บุกซานชิลชอง[1]  

 

 

ส่วนบนซานชิลชอง[2] นั้นได้ถูกสร้างขึ้นในพระราชวังเหนือเมื่อตอนที่พระชายาฮวางเซจา ฮเยจินตั้งครรภ์ได้ห้าเดือน โชคดีที่ไม่มีใครได้รับผลกระทบอะไรจากเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นในพระราชวังเหนือ ทั้ง 

 

 

ฮเยจินและบุตรในครรภ์ก็ยังคงเป็นปกติดี ทันทีที่ฮเยจินต้องพักฟื้นร่างกาย นางก็ถูกย้ายให้มาอยู่ที่ 

 

 

บนซานชิลชอง อยู่ไปได้สักพักจนเมื่อไม่กี่วันก่อนนางก็ให้กำเนิดบุตร หลังจากนั้นอีกสิบวันก็ถูกย้ายให้มาอยู่ที่บุกซานชิลชอง 

 

 

ที่มกกุกมีประเพณีเกี่ยวกับการให้กำเนิดบุตรอยู่ มีเรื่องเล่าว่าหลังจากที่ให้กำเนิดบุตรผ่านไปครบสิบวันแล้วปีศาจจะดมกลิ่นของเลือดที่ไหลออกมาตอนคลอด แล้วจะตามหาเด็กทารกที่เกิดใหม่เพื่อทำร้าย ที่มีเรื่องเล่าเช่นนี้ก็เพราะว่าเด็กที่เกิดใหม่มักจะเสียชีวิตก่อนที่จะผ่านพ้นปีไปได้ และด้วยความรู้ความเข้าใจแบบนั้นหลังจากที่คลอดได้สิบวัน แม่และลูกจะต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น และต้องใช้ชีวิตอยู่ที่ที่อยู่ใหม่เป็นเวลายี่สิบหรือยี่สิบเอ็ดวัน เมื่ออยู่ครบก็จะนำเชือกสีทองกับผ้าสีแดงที่แขวนห้อยนั้นไปเผา แล้วก็จะนำเชือกทองกับผ้าแดงมาแขวนไว้ใหม่เมื่อต้องย้ายไปที่ใหม่ แต่ละบ้านมักจะมีที่แบบนี้สามแห่ง และเนื่องจากนี่ไม่ใช่เรื่องที่ยากวุ่นวายจนเกินไป พวกชนชั้นสูงจึงยังคงถือปฏิบัติอยู่ และเมื่อถึงวันที่สิบหลังจากคลอดญาติๆ ก็จะมารวมตัวกันสวดภาวนาขอพรให้กับเด็กและแม่ และก็ยังเป็นวันสำหรับตั้งชื่อให้เด็กอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ราชวงศ์ทุกคนที่อยู่ในพระราชวังจึงมารวมตัวกันที่พระราชวังเหนือในวันนี้ 

 

 

วันที่เปียกชุ่มหลังจากฝนตก วันนี้เป็นวันตั้งชื่อและเป็นวันที่จะได้เห็นบุตรของฮเยจินเป็นครั้งแรก เหล่าข้ารับใช้ของพระราชวังเหนือรีบเคลื่อนตัวกันอย่างรวดเร็วกว่าปกติ และระมัดระวังไม่ให้ส่งเสียงดัง นี่เป็นงานมงคลใหญ่ครั้งแรกในพระราชวังเหนือ ข้ารับใช้ต่างวุ่นวายอยู่กับการนำใบสนสีเขียวและถ่านไม้มาใช้ในการขับไล่ปีศาจ เพื่อดูแลพระราชธิดาที่เพิ่งกำเนิดมาของฮเยจิน แม้กลิ่นของใบสนกับถ่านจะเลือนรางไปเพียงนิดเดียวแต่เนื่องจากนี่เป็นงานใหญ่จึงต้องรีบหาอันใหม่มาเปลี่ยน 

 

 

เหล่าราชวงศ์ทุกคนค่อยๆ มารวมตัวกันที่พระราชวังเหนือที่แขวนห้อยเชือกสีทองและผ้าสีแดงไว้เต็มไปหมด ส่วนเหล่าข้ารับใช้ที่พาเหล่าราชวงศ์มาที่นี่ไม่สามารถเข้ามาได้จึงเรียงแถวรอกันอยู่ที่ด้านนอกหน้าประตูใหญ่ เมื่อเสียงเป่าหอยสังข์ดังขึ้นอย่างเบาๆ เพื่อไม่ให้รบกวนธิดาตัวน้อย ออฮยูลเจจึงเดินเข้ามา และด้านหลังของเขาก็ตามมาด้วยฮวังฮู แทรยอง ผู้ที่มักเอาพังพอนตัวขาวพาดบ่ามาด้วยอยู่เสมอไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม และฮวังบีอีกสองคน เหล่าราชวงศ์จากพระราชวังทั้งสี่ทิศยกเว้นฮเยจินที่ต้องพักฟื้นร่างกายต่างพากันคุกเข่าลงทำความเคารพออฮยูลเจ 

 

 

“ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นปีหมื่นปี เข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิ และฮวังฮูพ่ะย่ะค่ะ/เพคะ” 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

[1] บุกซานชิลชอง สถานที่สำหรับพักฟื้นของสตรีราชวงศ์หลังจากการคลอดบุตรครบสิบวัน โดยบุกซานชิลชองนี้ตั้งอยู่ในพระราชวังเหนือ

 

 

[2] บนซานชิลชอง สถานที่พักสำหรับสตรีในราชวงศ์ที่ตั้งครรภ์ โดยบนซานชิลชองนี้ตั้งอยู่ในพระราชวังเหนือ