ภาค 5 ผู้ขี่มังกรสู่ฟากฟ้า บทที่ 415 พริบตาที่ใจสั่น

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

หลงเอ๋อร์ถามโดยไม่คิดอะไรมาก แต่กลับทำให้คนอื่นสีหน้าเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

สวีเฟยมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างเป็นห่วง อิงหลงถูไม่ทราบเรื่อง แต่เขารู้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอเคยมีคนรักมาก่อน ชื่อว่าหลินอวี้เสา

แต่ว่าเมื่อสามปีก่อน นางกลับเสียชีวิตอย่างโชคร้ายที่ถังตะวันออกด้วยน้ำมือของเยี่ยจิ่ง

อาหู่เกาศีรษะ สายตามองไปที่เยี่ยนจ้าวเกอเช่นกัน ด้วยไม่ว่าคุณชายของเขาในตอนนี้คิดอย่างไร

เฟิงอวิ๋นเซิงได้ยินดังนั้น จิตใจก็สั่นไหวเล็กน้อย ถึงแม้หลินอวี้เสาจะตายไปก่อนที่นางจะเข้าสำนัก แต่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเยี่ยนจ้าวเกอกับหลินอวี้เสา นางเคยได้ยินศิษย์ร่วมสำนักคนอื่นพูดถึงมาก่อน

เยี่ยนจ้าวเกออึ้งไปเพราะคำถามที่หลงเอ๋อร์ถามขึ้นอย่างกระทันหัน

แต่ที่เขาอึ้งมิใช่เพราะหลินอวี้เสา ถึงแม้จะเสียดายความโรยราของชีวิตอันอ่อนเยาว์ชีวิตหนึ่ง แต่คนที่อยู่แค่ในภาพทรงจำ ไม่เคยเจอกัน หรือเคยพูดคุยด้วยกันสักประโยค หากบอกว่ามีความผูกพันล้ำลึก คงจะเป็นเรื่องโกหกแน่

ชายหนุ่มปล่อยให้เรื่องของบุรุษสตรีเป็นไปตามโชคชะตา แต่หากมีสาวงามเข้ามาซบอก เขาย่อมไม่ปฏิเสธ ทว่าความคิดในช่วงนี้อยู่ที่การเพิ่มพลังของตัวเองและการช่วยให้สำนักพัฒนา จึงไม่มีความคิดจะเริ่มเข้าหาสตรีคนใดก่อน

ทว่าก็มีข้อยกเว้นด้วย

ชั่วพริบตานั้น เยี่ยนจ้าวเกอใจสั่น ได้รับการดึงดูดให้เกิดความคิดเริ่มก่อน

นั้นคือตอนที่เฟิงอวิ๋นเซิงต้องการลองบทลงโทษเข็มแกนน้ำแข็งในวินาทีนั้น ขณะที่มองสตรีผู้มีใบหน้างดงามและแน่วแน่ เยี่ยนจ้าวเกอก็เกิดความรู้สึกเลอะเลือนเล็กน้อย

ในวินาทีนั้น สิ่งที่เยี่ยนจ้าวเกอนึกถึงมิใช่ความสำคัญของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ มงกุฎแห่งจันทรา ไม่ใช่สถานการณ์ในปัจจุบันของมหาอำนาจแปดพิภพ ไม่ใช่การวางหมากและสงครามระหว่างเขากว่างเฉิงและสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ เขาเพียงแค่คิดจะช่วยสตรีตรงหน้าเท่านั้น ช่วยให้นางได้สมวงกุฎนั้น เพื่อขึ้นสู่จุดสูงสุดของชีวิตที่ต้องการมาตลอด

ดวงตาของเยี่ยนจ้าวเกอสั่นไหว เกือบจะเผลอหันไปมองนาง แต่เขาใจเย็นลงในชั่วพริบตา ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ

“เรื่องนี้แล้วแต่วาสนาเถอะ มิอาจกำหนดเวลาที่แน่นอนได้ แต่ว่าหลงเอ๋อร์ของพวกเราทำไมจู่ๆ ถึงได้สนใจเรื่องตบแต่งภรรยาขนาดนี้กัน”

เยี่ยนจ้าวเกอที่ได้สติกลับมามองอิงหลงถูพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “โตขึ้นแล้วจริงๆ ด้วย หลงเอ๋อร์คิดถึงภรรยาแล้วหรือ แม่นางคนไหนโชคดีถึงเพียงนี้กัน”

อิงหลงถูกะพริบตาปริบๆ งงงวยเล็กน้อย

เยี่ยนจ้าวเกอหุบยิ้มส่ายหน้า

สวีเฟยเห็นดังนั้นก็ถอนใจโล่งอก คิดว่าหลังจากเวลาผ่านไป ในที่สุดเยี่ยนจ้าวเกอก็เดินออกมาจากความทุกข์ที่หลินอวี้เสาตายไปได้แล้ว

ถึงแม้ระหว่างเยี่ยนจ้าวเกอกับหลินอวี้เสาจะไม่มีเรื่องชายหญิง แต่ในสายตาของคนส่วนมาก พวกเขาเคยเป็นคู่รักกันมาก่อน

หลินอวี้เสียชีวิตเพราะเยี่ยจิ่ง จากนั้นเยี่ยจิ่งก็ถูกเยี่ยนจ้าวเกอสังหารด้วยมือตัวเอง ตายโดยไร้ศพ ผู้คนจึงมองว่าเยี่ยนจ้าวเกอทำไปเพื่อแก้แค้น

เยี่ยนจ้าวเกอไหลตามคำพูดของทุกคนไป เพราะไม่อยากให้ผิดปกติ

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในลูกศิษย์ที่มีความสัมพันธ์กับเยี่ยนจ้าวเกอดีที่สุด สวีเฟยให้ความสำคัญกับสถานการณ์ของอีกฝ่ายมาโดยตลอด กังวลว่าเขาจะยังตกอยู่ในอารมณ์ก่อนหน้า มิอาจทำใจได้

เมื่อเห็นท่าทีของเยี่ยนจ้าวเกอไม่เหมือนฝืนทำ สวีเฟยก็วางใจไม่น้อย

อาหู่รู้นิสัยของเยี่ยนจ้าวเกอ เขาลูบคางของตนเอง พลางคิดในใจ ‘แต่ว่าหลังจากแม่นางหลินจากไป คุณชายก็เป็นโสดมาตลอดสามปี นี่ใช้ไม่ได้’

‘ถ้าหากตบแต่งนายหญิงน้อยเข้าตระกูล และให้กำเนิดบุตรได้โดยเร็ว ท่านเจ้าสำนักก็จะกลายเป็นท่านตา สมควรดีใจไม่น้อย’

เขาคิดไปพลาง มองเฟิงอวิ๋นเซิงอย่างลับลมคมนัยไปพลาง ‘ไม่ทราบว่าคุณชายคิดอย่างไรกันแน่ เป็นแม่นางผู้นี้ หรือเป็นแม่นางซือคง หรือจะเป็นคนอื่น’

เฟิงอวิ๋นเซิงเดิมทีเหม่อมองเยี่ยนจ้าวเกออยู่ ครั้งนี้รู้สึกได้ถึงสายตาของอาหู่ จึงหันหน้ามา

อาหู่ลูบท้ายทอยของตัวเอง หัวเราะแหะๆ

เฟิงอวิ๋นเซิงกำลังอารมณ์ดี นางหัวเราะเล็กน้อย พร้อมทั้งส่ายหน้าเบาๆ

เยี่ยนจ้าวเกอใช้สายตากวาดผ่านใบหน้าด้านข้างอันงดงามของเฟิงอวิ๋นเซิงอย่างรวดเร็ว ยิ้มเล็กน้อย

ทุกคนหัวร่อต่อกระซิกกัน ระหว่างเดินทางบนดินแดนของบึงพิภพ เพื่อมุ่งหน้าลงใต้

ระหว่างทาง พวกเยี่ยนจ้าวเกอย่อมไม่ได้สนใจว่าอิงหลงถูคิดถึงภรรยาหรือไม่ แต่ใช้โอกาสที่ออกเดินทางในครั้งนี้ ทำตัวเป็นแบบอย่าง อีกทั้งยังถ่ายทอดสิ่งที่สำนักสอนไม่ได้ให้อิงหลงถูเป็นจำนวนมาก

นี่เป็นความรู้ที่จำเป็นสำหรับคนที่จะเดินทางเก็บเกี่ยวประสบการณ์นอกสำนัก

หลงเอ๋อร์มีพรสวรรค์อันน่าตกใจ แม้อายุยังน้อย แต่พลังฝึกปรือเหนือกว่าคนส่วนใหญ่ กระนั้นจิตใจก็ยังบริสุทธิ์ไร้เดียงสาไปบ้าง

หลังจากอายุเพิ่มขึ้น และเพราะการสอนอย่างเอาใจใส่ของเหล่าผู้อาวุโสในสำนัก จิตใจของหลงเอ๋อร์ก็ค่อยๆ เปิดออกทีละนิด ถึงแม้จะมีเรื่องบางเรื่องที่ยังไม่เข้าใจ แต่ก็เริ่มพึ่งตัวเองได้แล้ว

ทว่าหากเทียบกับคนรุ่นราวคราวเดียวกัน ก็ยังออกจะซื่อบื้อไปบ้างอยู่ดี

ในฐานะจอมยุทธ์ พลังของตนเองสำคัญที่สุด แต่ถ้าหากจิตใจไม่แข็งแรง ตรงไปตรงมาเกินไป ก็มิอาจหลีกเลี่ยงไม่ให้เสียท่าไม่ได้ ดังนั้นตลอดทางที่มา เทียบกับกระบี่เจ็ดดาราที่หลงเอ๋อร์ตั้งใจฝึกฝน พวกเยี่ยนจ้าวเกอก็ตั้งใจสอนประสบการณ์และความรู้มากมายให้เขาไปด้วย

ตามปกติแล้ว ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหก ยอดฝีมือระดับสูงที่มีระดับตั้งแต่มหาปรมาจารย์ขึ้นรูปญานขึ้นไป จะไม่เข้าสู่ดินแดนที่อยู่ใต้การปกครองของสำนักอื่นง่ายๆ

หากไม่มีเหตุผลพิเศษ และไม่แจ้งเรื่องก่อน จะถูกมองว่าเป็นการยั่วยุได้โดยง่าย

เยี่ยนจ้าวเกอตอนนี้ถึงแม้จะมีพลังฝึกปรือถึงระดับมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณ แต่สถานะของเขาแตกต่างกับคนอื่น ดังนั้นเมื่อมาถึงพื้นที่ของบึงพิภพ เขาจึงต้องแจ้งหอคลื่นโหม ขณะเดียวกันก็ไปคารวะที่สำนักตามมารยาท

พวกเยี่ยนจ้าวเกอมาถึงสำนักหอคลื่นโหม ผู้คุมหออันชิงหลินยังคงเข้าฌานอยู่ มีแต่ผู้อาวุโสระดับสูงคนอื่นมาต้อนรับ

หลังจากพักผ่อนได้ชั่วครู่ พวกเยี่ยนจ้าวเกอก็บอกลาสำนักหอคลื่นโหม มุ่งหน้าไปยังบึงทะเลมายา

หอคลื่นโหมรักษาความเป็นกลางอย่างแน่วแน่ระหว่างการต่อสู้ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์อื่น แต่ว่ายังมีความสัมพันธ์กับสำนักอื่นไม่เลว ครั้งนี้จึงส่องคนออกจากสำนัก นำทางพวกเยี่ยนจ้าวเกอไปยังบึงทะเลมายาโดยเฉพาะ

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในแดนอันตรายทั้งหกในปัจจุบันของมหาอำนาจแปดพิภพ ถึงแม้หอคลื่นโหมจะปกครองบึงพิภพ แต่ก็ไม่อาจควบคุมที่นี่ได้อย่างสิ้นเชิง ทว่าทางหอคลื่นโหมก็รู้เรื่องที่นี่เป็นอย่างดี

“ข้าเคยไปที่มหาทะเลทรายแดนตะวันตกมาก่อน ที่ราบหิมะแดนเหนือข้าก็เคยไป อเวจีก็เคยไปรอบนอก ตอนนี้ต้องเข้าไปในบึงทะเลมายาอีก” เยี่ยนจ้าวเกอจุ๊ปากชมเชย “แดนอันตรายทั้งหก มีแต่มหาสมุทรนอกทะเลและวังสุสานทะเลเพลิงที่ทุ่งร้างแดนใต้เท่านั้นที่ไม่เคยไปด้วยตัวเอง”

เฟิงอวิ๋นเซิงกล่าว “ถึงแม้จะไม่ได้ล่วงลึกเข้าไปยังใจกลาง แต่ท่านก็นับว่าเคยไปมารอบหนึ่งแล้ว กล้าหาญยิ่งนัก”

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะฮ่าๆ “หากใช้คำพูดของบิดาข้าก็คือ คนดีอายุสั้น พวกบัดซบอยู่เป็นพันปี”

เขาหันไปมองเฟิงอวิ๋นเซิง “จริงสิ ข้าจำได้เจ้าบอกว่าเคยไปวังสุสานทะเลเพลิงที่ทุ่งร้างแดนใต้โดยมีผู้อาวุโสตอยปกป้อง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นอกจากที่ราบหิมะแดนเหนือกับมหาสมุทรนอกทะเลแล้ว แดนอันตรายทั้งสี่เจ้าก็เคยไปมาหมดแล้วสิ”

นางยิ้มอย่างเฉิดฉาย “เหมือนอย่างที่ท่านกล่าว “พวกบัดซบอยู่เป็นพันปี”

สวีเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าสองคนกำลังอวดเบ่งกันอยู่หรือ”

ชายหนุ่มขยิบตาให้เขา “ความจริงแล้วข้ากำลังอวดเบ่งกับศิษย์พี่สวีต่างหาก ถึงอย่างไรตรงนี้ก็มีแต่ท่านที่เคยมาบึงทะเลมายา ตอนนี้ต้องอาศัยม้าเก่าชำนาญทางแล้ว”