บทที่ 352 พวกเราจะตามไปไหม

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

เกิดความเงียบงันเข้ามาแทนที่ เงียบงันที่ยากจะบรรยาย เธอนั่งมองหน้าต่างอย่างใจลอย ในมือถือน้ำอุ่นไว้หนึ่งแก้ว ความคิดเริ่มเลื่อนลอยไปไกล

แม่บ้านที่กำลังทำความสะอาดคอนโดเงยหน้ามองแผ่นหลังเธอก็ส่ายหัว ดูท่าแล้วร้อยแล้วแปดสิบน่าจะทะเลาะเบาะแว้งกัน

ยู่ยี่นั่งอยู่ตรงหน้าต่างอยู่เนิ่นนาน แลดูเป็นประติมากรรมชิ้นหนึ่งที่ไม่ขยับเขยื้อน

ไม่รู้ว่านั่งนานเท่าไหร่ อาจจะเป็นครึ่งชั่วโมง หนึ่งชั่วโมงหรืออาจจะสองชั่วโมงก็เป็นได้ ยู่ยี่จึงลากสังขารที่ด้านชาไร้ความรู้สึกเข้าห้องนอน

ลมในฤดูใบหน้าร่วงแรงมาก เพราะเปิดหน้าต่างอยู่ ม่านจึงปลิวไหวตามแรงลม พู่ห้อยกระทบกรอบรูปกระจกจนเกิดเสียงใสเป็นระลอก

ยู่ยี่มองตามต้นเสียง นี่คือรูปแต่งงานระหว่างเธอกับหัสดิน เธอที่สวมใส่ชุดเจ้าสาวสีขาวและเขาสวมชุดสูทสีดำยืนอยู่ด้านหลังเธอ มือใหญ่ของเขาโอบเอวเธออย่างอ่อนนุ่ม และหอมแก้มใบหน้าเธอที่ยิ้มอย่างสดใสและมีความสุข

ภาพนี้ช่างสุขสมและงดงามดีแท้

เธอกับหัสดินอยู่ด้วยกันเจ็ดปีกว่าแล้ว พวกเธอเริ่มคบกันตั้งแต่เรียนมหาลัย เรียนจบไม่นานก็แต่งงานกัน

ลือกันว่ามีอาถรรพ์รัก 7 ปี หลังแต่งงานเจ็ดปี ชีวิตคู่อาจจะสั่นคลอนเล็กน้อย

ทว่าความรักระหว่างเธอกับหัสดินไม่เคยแปรเปลี่ยน และเธอก็ไม่เคยสงสัยความรักที่หัสดินมีต่อเธอเลย

เธอรู้จักนิสัยหัสดินดี การร่วมเรียงเคียงหมอนกันมาเจ็ดปี เพียงพอที่จะทำให้เธอรู้ว่าเขาเป็นคนยังไงแล้ว

เขาไม่เหมือนคนที่ทรยศต่อคู่ครองเลย หากเห็นถุงยางหนึ่งกล่องแล้วก็ตัดสินว่าเขาผิด เช่นนี้ไม่ใช่เป็นการทึกทักเอาเองหรอกหรือ?

ยู่ยี่หายใจเข้าลึก ๆ หลายรอบ ปรับหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ ให้ตัวเองใจเย็นลง

เธอเชื่อใจหัสดินว่าเขาจะไม่ทรยศความรักระหว่างเธอกับเขาแน่

เธอนึกถึงกล่องถุงยางทีไร ก็เหมือนก้านปลาแทงอยู่ที่ลำคอเธอ มันกลืนไม่ได้และอ้วกออกมาไม่ได้เช่นกัน

ผ่านไปอีกสองชั่วโมง แม่บ้านมาเคาะประตู แจ้งว่าหัสดินกลับมาแล้วให้กินข้าวเย็นด้วยกัน

ยู่ยี่เก็บความรู้สึกทั้งหมดไว้ จากนั้นก็เปิดประตูเดินออกไป เขาใส่เสื้อแจ็คเก็ตสีของขนอูฐที่เธอซื้อให้

“พึ่งตื่นเหรอ?หรือว่าไม่สบาย แม่บ้านบอกว่าคุณไม่ได้กินอะไรเลยตลอดทั้งบ่าย”หัสดินโอบไหล่เธอ

ยู่ยี่ลอบสำรวจสายตาเขา ทว่าไม่ได้เผยอารมณ์ใด ๆ“ไม่สบายนิดหน่อยค่ะ แต่ตอนนี้ดีขึ้นเยอะแล้วค่ะ”

อาหารเย็นทำแบบง่าย ๆ สองเมนู หัสดินเลิกคิ้วอย่างไม่พอใจ “ทำไมอาหารจืดแบบนี้ ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการเลย”

แม่บ้านรู้สึกพะอืดพะอม ไม่รู้ควรตอบเช่นไร และเวลานี้นี่เอง ยู่ยี่เอ่ยปากขึ้นว่า “ฉันให้ทำเองค่ะ”

“เมียจ๋า ตอนนี้คุณท้องอยู่ ร่างกายไม่เหมือนก่อน คุณต้องกินบำรุงเยอะ ๆ จะได้ดีต่อคุณและลูกด้วย และจะดีต่อผมมากๆเลย รู้หรือเปล่า?”หัสดินขมวดคิ้วมุ่น ถึงจะเป็นเสียงทุ้มต่ำเชิงตำหนิ ทว่ากลับเจือความอ่อนโยนไว้ในทีด้วย

“พวกเราไม่ได้ออกไปทานข้าวด้านนอกนานแล้ว วันนี้ฉันอยากกินเนื้อสเต๊ก เลยให้แม่บ้านทำจืดหน่อย ไม่งั้นเดี๋ยวจะกินไม่ลง”ยู่ยี่กินโจ๊กอ่อน ๆ รสชาติยังพอใช้ได้ มีทั้งรสเปรี้ยวและหวาน และยังใส่พุทราจีนด้วย

หัสดินกะพริบตาเล็กน้อย พลางทอประกายแสงแพรวพราว ชั่วอึดใจต่อมาจึงกล่าวว่า “เมียจ๋า พวกเราค่อยไปกินเนื้อสเต๊กพรุ่งนี้ดีไหม?”

“คืนนี้คุณมีธุระเหรอคะ?”ยู่ยี่เงยหน้าขึ้น

“มีธุระนิดหน่อย……”

เธอไล่ถามต่อ“ธุระด้านงานหรือด้านงานเลี้ยงสังสรรค์ลูกค้า?”

“ด้านงานเลี้ยงสังสรรค์ พรุ่งนี้ผมจะไปกินสเต๊กเป็นเพื่อนคุณนะ จากนั้นก็ไปกินพิซซ่ากับเค้กที่เป็นของโปรดคุณด้วย”

“ไปวันนี้ไม่ได้จริง ๆ เหรอคะ?”เธอเลิกคิ้ว“ฉันอยากกินนานแล้ว อยากกินมากเลย อยากกินจริง ๆ ค่ะ”

“พวกเราไปพรุ่งนี้นะ?”หัสดินยังคงพูดอย่างนุ่มนวล“เมียจ๋า”

“ค่ะ พรุ่งนี้ ฉันทำให้คุณเสียงานไม่ได้ กินโจ๊กเถอะค่ะ กินหมดแล้วคุณก็ไปร่วมงานเลี้ยง ฉันกับลูกรอคุณกลับมาที่บ้านนะคะ”

หัสดินส่งเสียงยิ้ม ก้มหน้าหอมแก้มยู่ยี่“เมียผมแสนดีที่สุด”

ยู่ยี่เม้มปาก ยิ้มเจือจาง จากนั้นก็กินโจ๊กหนึ่งถ้วย แล้วกินผักเล็กน้อย หัสดินก็ไม่ได้กินเยอะ เขาเป็นคนไม่ชอบกินโจ๊กมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว หลังจากกินผักไปไม่กี่คำก็ออกจากบ้าน

พอเขาออกไป ยู่ยี่ก็ตามเขาด้วยระยะห่างที่ไกลพอสมควร ไกลจนไม่ทำให้เขารู้ตัว

ยู่ยี่รู้ว่าการสะกดรอยตามเป็นเรื่องไม่ถูก แต่จะให้เธอนิ่งดูดายอยู่แต่ในบ้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันเป็นไปไม่ได้

หากเธอสันนิษฐานผิด เธอก็จะขอโทษกับเขาทีหลัง

……

เขาซื้อดอกกุหลาบสีแดงสดใหม่ และยังซื้อเสื้อชั้นในที่เป็นสีแดงชาดดั่งเปลวไฟเหมือนกัน

วันนี้เป็นวันเกิดของเรนนี่ เธอโทรบอกเขาแล้ว และเขาก็รับปากว่าจะไปตามนัดด้วย

เธอเตรียมเค้กและสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้ในวันเกิด แล้วใส่ชุดเซ็กซี่นั่งอยู่ดูเวลาที่โซฟา รอคอยการมาเยือนของเขา

เธอหยิบมือถือโทรหาหัสดิน ซึ่งอีกฝ่ายรับเร็วมาก บอกว่าจะมีเดี๋ยวนี้

อีกฝั่งหนึ่ง

หัสดินไปร้านจิวเวลรี่ ยู่ยี่ที่รักษาระยะห่างจากเขา หรี่ตาขึ้นแล้วตามไปด้านหน้า

ภาพนี้ปรากฏสู่สายตาฉันทัช เขานั่งในรถเบนท์ลีย์สีดำเงางาม ท่านั่งไขว่ห้างมีโน๊ตบุ๊คสีเงินเทาที่เรียบหรูวางอยู่

เขาก้มหน้าดูเวลา พบว่ายังมีเวลาเหลืออีกเยอะ ยกมือลูบหน้าผาก ระหว่างนี้นี่เองจึงเห็นภาพที่ดึงดูดสายตากลางถนนใหญ่

ผู้ชายสวมสูทเดินอยู่ด้านหน้า ส่วนหญิงตั้งครรภ์ตามติดอยู่ด้านหลัง ซึ่งหญิงตั้งครรภ์มีท่าทีหลบ ๆ ซ่อน ๆ ดูคล้ายกำลังสะกดรอยตามอยู่

มือใหญ่นวดหน้าผากเบา ๆ ฉันทัชหรี่ตามองก็เห็นเป็นยู่ยี่ คิ้วงามจึงเลิกขึ้น เอ่ยขึ้นสองพยางค์ว่า “จอดรถ”

โชเฟอร์จอดรถไว้ข้างทาง จากนั้นก็นั่งบนเก้าอี้หนังสีน้ำตาล พลางมองเหตุการณ์ด้านนอกอย่างเรียบเฉย

ยู่ยี่เห็นหัสดินเดินออกจากร้านจิวเวลรี่ก็รีบไปหลบหลังต้นไม้ ซึ่งหัสดินไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติ แค่ก้าวเท้าขึ้นรถไป

เธอไม่ชักช้า โบกรถแท็กซี่แล้วตามประชิดหลังไป

“พวกเราจะตามไปไหมครับ?”โชเฟอร์เอ่ยปากถาม

เมื่อฉันทัชละสายตากลับมาพลันเคาะเบา ๆ บนโน้ตบุ๊ค“ตามไปไหน?”

โชเฟอร์มึนงง เมื่อครู่คุณฉันทัชไม่ใช่มองผู้หญิงตั้งครรภ์คนนั้นหรอกหรือ?หรือว่าจะไม่ตามไป?

“ไปเขตใต้……”ริมฝีปากบางเอื้อนเอ่ยคำเหล่านี้ออกมา เขาไม่ได้หยุดดีดนิ้วบนโน๊ตบุ๊ค