บทที่ 4 บทที่ 33 งานเต้นรำหน้ากาก

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

บทที่ 33 งานเต้นรำหน้ากาก โดย Ink Stone_Fantasy

 

นักสืบหนุ่มที่เพิ่งเดินเข้าไปในออฟฟิศจ่าวิคเตอร์ แต่กลับมองเห็นจ่าคนนี้กำลังเก็บของบนโต๊ะ ท่าทางเหมือนกำลังคิดจะออกไปข้างนอก

“เยียร์เกอร์เหรอ พอดีเลยมากับผมสักหน่อย”วิคเตอร์พูดตรงๆ ว่า “ไปเจอคนคนหนึ่ง”

“ตอนนี้เหรอครับ?” เยียร์เกอร์อึ้งไปแล้วก็พูดถามตรงๆ “ไปหาใครครับ?”

“พอไปถึงแล้วคุณก็จะรู้เอง…แค่จำไว้ว่าอย่าทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมก็พอ”

ถึงแม้จะพูดแบบนี้ก็เถอะ แต่จะทำตัวกระต่ายตื่นตูมได้จริงๆ เหรอ…หลังคาดเดาสถานะของคนที่อยู่ตรงหน้านี้ เยียร์เกอร์ก็อดคิดเล็กคิดน้อยไม่ได้

‘ไม่มีความมืดที่มืดตลอดกาลและไม่มีความสว่างที่สว่างตลอดกาล ส่วนกลยุทธ์การใช้ความรุนแรงเป็นของคนเถื่อน’ นี่เป็นเรื่องสุดท้ายที่ครูฝึกแนะนำเขาตอนที่เยียร์เกอร์จบการศึกษาจากโรงเรียนมา

และจ่าวิคเตอร์ในตอนนี้ก็กำลังพิสูจน์ความจริงของคำพูดนี้ด้วยตัวเขาเอง

โบโลดอฟ…ที่อยู่นอกวงการการเมืองนี้ แต่กลับมีอิทธิพลในวงการการเมือง และทำการค้าผิดกฎหมายเขาเป็นคนที่อาจจะเป็นผู้กุมอำนาจทางการเมืองในอีกสิบปีข้างหน้า แต่กลับเป็นคนที่อ่อนน้อมอย่างประหลาด

เยียร์เกอร์ฟังเขาคุยกับจ่าวิคเตอร์ ระหว่างพวกเขาเหมือนรู้จักกันมานานและสนิทสนมกันด้วย เขากำลังแอบคิดว่าจ่าวิคเตอร์แอบคบหากับโบโลดอฟคนนี้มานานเท่าไรแล้ว

“งานประมูล?”

“อืม” โบโลดอฟอายุเกือบจะห้าสิบปี แต่ยังคงรักษารูปร่างได้ดีมาก เขาพยักหน้าพูดว่า “ตามที่ผมรู้มา นักสะสมจำนวนไม่น้อยได้รับจดหมายเชิญนี้กันทั้งนั้น…อืม คุณก็รู้ใช่ไหมว่านักสะสมที่ผมพูดถึงคือกลุ่มไหน”

วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้น สายตาจับจ้องอยู่แค่คนตรงหน้านี้เท่านั้น เขาพูดเสียงหนักแน่นเล็กน้อยว่า “คุณก็คิดจะเข้าร่วมประมูลเหรอ?”

โบโลดอฟส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ถึงแม้ว่าผมก็ชอบการสะสมเพียงอย่างเดียว แต่สำหรับภาพนี้…ผมคิดว่า ไม่มีนักสะสมภาพชื่อดังคนไหนปฏิเสธหรอก เพียงแต่น่าเสียดาย ถ้าหากภาพนี้ไปตั้งที่งานประมูลบนดินได้ ไม่ว่าจะพูดอะไรผมก็จะไปให้ได้สักครั้ง แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว”

วิคเตอร์พยักหน้าเล็กน้อย เขาเข้าใจดีว่าเจ้านี่มีแผนการในอนาคตและมีความทะเยอทะยาน ด้วยเป้าหมายที่ยาวไกลแบบนั้น คนที่มุ่งมั่นในเป้าหมายอย่างสุดโต่ง จะปล่อยวางบางอย่างที่ตัวเองสนใจได้คงไม่ง่ายเลยจริงๆ

“จดหมายเชิญเป็นการแบ่งแยกสถานะ” โบโลดอฟพูดอย่างเฉยเมยว่า “ดังนั้นผมเลยทำได้แค่บอกคุณเรื่องนี้ แต่เอาจดหมายเชิญให้คุณไม่ได้…ส่วนคุณจะเข้าไปได้หรือไม่นั้น ก็ต้องดูความสามารถของตัวคุณเองแล้ว”

“ผมเข้าใจ” วิคเตอร์พยักหน้า

ถึงแม้ว่าเจ้านี่คิดอยากจะล้างความผิดให้หมด แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ยอมให้ตัวเองไปล่วงเกินคนที่ได้รับจดหมายเชิญคนอื่นๆ

“พวกคุณออกไปทางประตูหลังแล้วกัน ระวังด้วยล่ะ” โบโลดอฟยิ้มแล้วพูดว่า “ผมนัดข้าราชการหลายคนมากินข้าว พวกเขาน่าจะใกล้มาถึงแล้ว”

หลังจากวิคเตอร์พาเยียร์เกอร์ออกไป เลขาของโบโลดอฟถึงได้เดินเข้ามาพูดว่า “ท่านครับ…ท่านบอกเรื่องพวกนี้กับจ่าวิคเตอร์ จะไม่มีปัญหาหรือครับ?”

“มีปัญหาอะไร?” โบโลดอฟพูดอย่างเฉยเมยว่า “กวาดล้างสิ่งชั่วร้าย ไม่ใช่เรื่องที่พลเมืองดีพึงกระทำเหรอ? หรือว่าพรุ่งนี้ทั่วทั้งมอสโกจะรู้ว่าวิคเตอร์มาบ้านผม…คนที่อยู่เหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้ก็มีแค่สี่คน?”

“ไม่…ไม่ครับ”

เขารู้ว่าที่เจ้านายพูดนั้นแฝงนัยเอาไว้

“แม้ว่าทักษะการขโมยของ F&C จะเป็นที่หนึ่งในโลก…” แต่ตอนนี้โบโลดอฟกลับหรี่ตาพูดว่า “แต่หมอนี่มีความสามารถอะไร ถึงส่งจดหมายเชิญให้คนได้มากมายขนาดนี้?”

เขาหัวเราะฮา แล้วเดินไปทางประตู เตรียมไปต้อนรับข้าราชการที่กำลังจะมาถึง เขาพูดเหมือนพึมพำกับตัวเองว่า “หวังว่าวิคเตอร์จะมีเซอร์ไพรส์สักอย่างให้ผมนะ”

ชีวิตเฉกเช่นพระราชา…ยูริไม่เคยได้ลิ้มรสชีวิตแบบนี้มาก่อน ถึงแม้ในหัวเขาจะมีจินตนาการไร้ที่สิ้นสุด แต่สุดท้ายแล้วเขาก็คิดได้แค่คำนี้เท่านั้น

บางทีคงเป็นเพราะสาเหตุที่เขาขาดความรู้ในการใช้ชีวิตหรูหราแบบนี้มากเกินไป สิ่งที่เขาทำได้มีเพียงทำเรื่องไร้สาระ และลุ่มหลงในชีวิตร่ำรวยที่กลายเป็นจริงของตัวเอง

“วันนี้คุณยูริมีอะไรแปลกไปหรือเปล่า?”

พ่อบ้านเอดการ์จัดการเลือกสาวใช้แสนสวยไว้ในคฤหาสน์แห่งนี้ไม่น้อยเลย แน่นอนว่าพวกเธอที่ทั้งสาวและสวยย่อมต้องมีความเพ้อฝันอยากเป็นซินเดอเรลล่า หวังว่าจะทำให้ผู้สืบทอดของตระกูลดีคาปี้หลงรักเข้าสักวัน

แม้ว่าจะเป็นการเจ้าชู้ชั่วคราว หรือได้เพียงวันเดียวก็ตาม

สาวใช้อีกคนหนึ่งที่ถูกถาม กำลังเช็ดหน้าต่างกระจกห้องรับแขกอยู่ จึงมองแล้วพูดแบบลดเสียงว่า “ตอนที่ฉันเพิ่งผ่านห้องของคุณยูริไป ได้ยินเสียงร้องครางเลยแอบดูอยู่พักหนึ่ง นีน่าและ วิเวียนถอดเสื้อออกหมดเลย…”

“แต่ไหนแต่ไรคุณยูริก็ไม่เคยชายตามองพวกเราเลยนี่?”

“สวรรค์เท่านั้นที่รู้…” สาวใช้ที่เช็ดกระจกคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ยังไงฉันก็ไม่เคยเห็นคุณยูริทำแบบนี้…อืม เหลวไหล บางทีเขาคงจะถูกอะไรยั่วยุ รู้ไหม? เขาให้คนเทไวน์แดงลงอ่างอาบน้ำจนเต็มเพื่ออาบไวน์แดงแหละ”

ทันใดนั้นเสียงกระแอมเบาๆ ก็ดังขึ้น

พอสาวใช้ทั้งสองหันไปเห็นคุณเอดการ์ ก็รีบหยุดสนทนา ต่างพากันทำงานของตนเองให้เรียบร้อย

เอดการ์มองอยู่แป๊บหนึ่ง ถึงได้หมุนตัวจากไปแบบไร้อารมณ์ หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็มาเคาะประตูห้องของเจ้าของคฤหาสน์นี้

ตอนที่ประตูห้องเปิดออก เอดการ์ก็มองเห็นยูริใส่เพียงกางเกงขาสั้นตัวเดียว

เขาถือแก้วไวน์เอาไว้ บนหน้ามีสีแดงระเรื่อจากฤทธิ์เหล้า เอดการ์เอียงตัวเล็กน้อยเลยเห็นว่าบนเตียงมีสาวใช้ที่เขาคุ้นเคยสองคนกำลังเอาผ้าห่มคลุมตัวไว้ แล้วโผล่แค่หัวออกมา

ตอนนี้ยูริเหมือนกับชายขี้เหล้า เขาพิงอยู่ตรงประตูแล้วพูดว่า “เอดการ์ มาหาผมมีเรื่องอะไรเหรอ? จะดื่มเป็นเพื่อนผมสักสองแก้วไหม?”

“ท่านครับ รบกวนไปห้องหนังสือสักครู่ได้ไหมครับ? ผมมีบางอย่างอยากให้ท่านดูครับ”

ยูริพูดแบบไม่ใส่ใจว่า “อ้อ…เอดการ์ ชีวิตเหนื่อยมากพอแล้ว ทำไมไม่เสพสุขตอนยังมีโอกาสล่ะ? มีเรื่องอะไร ไว้ค่อยว่ากันตอนกลางคืน…อ้อ พรุ่งนี้แล้วกัน”

“ท่านครับ มีจดหมายเชิญฉบับหนึ่งส่งมาให้ท่าน” เอดการ์เข้าใกล้อีกนิด ก่อนพูดเบาๆ ข้างหูของยูริ “เป็นการประมูลภาพ ‘สุภาพสตรีนิรนาม’ ครับ”

สีหน้ายูริเปลี่ยนไปเล็กน้อย ราวกับเหม่อลอยไปสักพักหนึ่ง เขากระดกไวน์เข้าปากตัวเองอย่างเผลอไผลทันที หลังจากดื่มไปอึกหนึ่งแล้วถึงได้มองแก้วไวน์ใบนี้…แล้วยัดเข้าไปในมือของเอดการ์

“พวกเธอรอฉันอยู่ที่นี่” ยูริหันกลับไปมองภายในห้องของตัวเอง พลางพูดกับสาวสวยทั้งสองคน พูดจบยูริก็เดินออกจากห้องไปเลย

เอดการ์ส่ายหน้าแล้วเดินเข้าไปในห้องทันที เขาหยิบเสื้อผ้าบนพื้น แล้วมองสาวใช้บนเตียงทั้งสองคนนั้น พร้อมกับพูดว่า “กลับไปทำงานตามหน้าที่ ออกไปจากห้องนี้เดี๋ยวนี้”

เขาถึงได้รีบถือชุดเดินตามออกจากห้องไป

ณ คืนวันงานประมูล

สำหรับโลกภายนอกแล้ว นี่เป็นเพียงงานเต้นรำงานหนึ่งเท่านั้น…งานเต้นรำหน้ากาก สำหรับพนักงานของโรงแรมแล้ว ไม่ว่าสาระสำคัญของงานเต้นรำนี้เป็นอะไรก็ล้วนไม่สำคัญ พวกเขาแค่ต้องการทำงานของตัวเองให้ดีที่สุด

ตอนนี้มีรถหรูเข้ามายังลานจอดรถของโรงแรมมากมาย จริงๆ เมืองใหญ่ที่มีคนหลากเชื้อชาตินี้ย่อมมีคนรวยที่ไม่เปิดเผยตัวแฝงตัวอยู่จำนวนมาก

ลำพังแค่รถสปอร์ตที่จอดในลานจอดรถ ก็แทบจะจัดงานรวมมิตรรถสปอร์ตได้เลยล่ะมั้ง?

นี่ยังไม่ได้รวมพวกรถลีมูซีนที่เห็นได้ยาก พูดกันตามเหตุผล เรื่องนี้สำหรับพนักงานโรงแรมแล้วคงจะนึกไม่ถึงอยู่บ้าง ด้วยโรงแรมนี้ก็เพิ่งจะได้ระดับสี่ดาวไปเท่านั้นเอง

“คนนั้นน่าจะเป็น…มิวฟัส มาอยู่ในโอกาสแบบนี้ได้ อีกอย่างคนขาพิการก็มีไม่เยอะ ดูลักษณะแล้วคงจะเป็นเขาแหละ”

วิคก้าเอาแค่ที่ปิดตาสีดำมาใส่ไว้แบบง่ายๆ และสวมใส่ชุดสูทที่ไม่ค่อยพอดีตัวสักเท่าไร พูดวิเคราะห์ฉอดๆ อยู่ข้างเวร่าไม่หยุด

วันนี้เวร่าแต่งตัวด้วยชุดกระโปรงยาวสายเดี่ยวสีดำ เข้าชุดกับเครื่องประดับทรงกุหลาบขดบนตัว พร้อมด้วยหน้ากากขนหงส์สีดำแบบครึ่งหน้า เธอยกชายกระโปรงขึ้นมาเล็กน้อยแบบไม่ค่อยจะพอใจ แล้วจึงเร่งฝีเท้าของตัวเอง

แต่ทว่าตอนนี้รถลีมูซีนหรูหราสีทองทั้งคันดันขับเข้ามาช้าๆ

ตอนที่รถหยุดลง ก็เห็นผู้ชายสวมชุดสูทสีขาวคนหนึ่งเปิดประตูรถเดินลงมา ไม่มีคู่ควงมาด้วย ข้างๆ มีแค่คนแก่หนึ่งคนเดินตาม แน่นอนว่า เขาก็ใส่หน้ากากเรียบง่ายเช่นกัน

ผู้ชายเงยหน้ามองโรงแรมนี้แวบหนึ่ง แล้วจัดเสื้อสูทด้านหน้าตัวเอง ก่อนเดินผ่านข้างตัวเวร่ากับวิคก้าไป

“คาดไม่ถึงว่าตานี่จะพกตราประจำตระกูลติดตัวไว้ด้วย…เหมือนเคยเห็นตราประจำตระกูลแบบนี้ที่ไหนนะ?” วิคก้าพูดพลางใช้ความคิด

“ตระกูลดีคาปี้” เวร่าพูดช้าๆ “ตระกูลชั้นสูงโบราณที่เร่ร่อนอยู่นอกประเทศ”

“ฟื้นตัวได้ก็เพราะตอนหลังลักลอบนำเข้าปืน…”

“เข้าไปเถอะ” เวร่าขัดจังหวะวิคก้า “ฉันอยากดูบรรยากาศรอบๆ งานก่อนสักหน่อย”

ชั้นบนโรงแรม แอนนากำลังมองตรงลานจอดรถแล้วฉีกยิ้มกว้าง ที่นี่ไม่ใช่ธุรกิจของเยฟิม เป็นเพียงโรงแรมของนักธุรกิจเล็กๆ ที่ปลื้มใจกับเงินร่วมหุ้นก้อนใหญ่เท่านั้นเอง

แอนนาทาลิปสติกสีแดงเข้มตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เม้มปากของเธอเองเบาๆ แล้วก็หยิบหน้ากากโคลัมบินาสีทองที่วางไว้ข้างๆ ขึ้นมาสวมเบาๆ

จากนั้นเธอก็ออกจากห้องไป

“คุณครับ คุณผู้หญิง ถึงแล้วครับ”

คนขับมองกระจกมองหลังแล้วพูดขึ้น เขาก็แค่คนขับรถแท็กซี่ ไม่ได้สนใจไปสอบถามเรื่องของลูกค้าให้มากมาย

แต่ว่าหลังขับรถเข้ามาที่ลานจอดรถนี้ แล้วได้เห็นรถหรูมากมายที่นี่ คนขับก็อดเกิดความคิดบางอย่างขึ้นไม่ได้…คนสองคนนี้ คงจะเป็นพวกยอมควักเนื้อเพื่อรักษาหน้าล่ะมั้ง?

ค่าเช่ารถคิดเป็นแบบรายชั่วโมง

“ขอบคุณครับ”

เขาได้ยินผู้ชายใส่หน้ากากตัวตลกแปลกๆ ที่นั่งอยู่ด้านหลังพูดอย่างสุภาพ แล้วเปิดประตูรถออกไปก่อน พร้อมกับหันตัวกลับมายื่นมือให้คู่เต้นรำสาวของตัวเอง

เขาประคองผู้หญิงออกมาจากเบาะด้านหลัง

ผู้หญิงที่สวมชุดราตรีสีฟ้าของท้องฟ้า หลังจากลงรถแล้วก็คล้องแขนผู้ชายที่ค้อมตัวลงมา ก่อนเดินเข้าไปในโรงแรมโดยไม่ได้ดึงดูดความสนใจของใครเลยสักคน

ในฮอลล์งานเลี้ยง จ่าวิคเตอร์และนักสืบเยียร์เกอร์กำลังเอามือรองถาดเอาไว้ มองแขกคนแล้วคนเล่าเดินเข้ามา…ความจริงหน่วยสืบสวนหนุ่มยืนมานานมากแล้ว

ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกเมื่อยขานิดหน่อยเสียแล้ว