บทที่ 34 หงส์ดำตัวที่สองที่สมคบเจ้าของร้านลั่ว โดย Ink Stone_Fantasy
นี่คงจะเป็นครั้งที่สองที่ลั่วชิวเข้าร่วมงานประมูล
ที่ต่างกันก็คือครั้งแรกเพื่อแผ่นตราหยกขาวแผ่นหนึ่ง อีกทั้งยังเล็กกว่ามาก ไม่ได้พูดถึงเรื่องขนาดของสิ่งของนะ แต่เป็นขนาดของงานและคนที่มารวมตัวกัน ทั้งครั้งก่อนและครั้งนี้ไม่ได้มีอะไรให้เปรียบเทียบ ใช่แล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะออกมาปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนอย่างเปิดเผยด้วยภาพลักษณ์ของเจ้าของสมาคม
อย่างไรเสียก็เป็นงานเต้นรำหน้ากาก…เจ้าของร้านลั่วผู้ที่เคยชินกับหน้ากากตัวตลก จึงไม่สนใจจะไปเลือกหน้ากากอันอื่นอีก
ถึงจะบอกว่าเป็นงานเต้นรำ แต่ในสายตาของพนักงานที่อยู่ในงานเต้นรำนั้น งานเลี้ยงนี้ดูเงียบมากจนน่าแปลกใจ
ไม่ใช่ความเงียบเหงาแบบไร้ผู้คน ตรงกันข้าม ที่นี่มีผู้คนมากมาย แต่กลับพูดคุยกันน้อยมาก
แขกที่มาที่นี่เหมือนเป็นแบบนี้มานานจนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้ว คนส่วนมากล้วนแต่นิ่งเงียบ
เกรงว่ายูริก็ได้มางานเลี้ยงแบบนี้เป็นครั้งแรกเช่นกัน เขานั่งเงียบอยู่ตรงมุมห้องคนเดียว จากนั้นก็ขอแก้วเหล้าจากพนักงานเอาเสียดื้อๆ ก่อนเริ่มรินเหล้า และดื่มเองแบบไม่อินังขังขอบ
ดูแล้วเป็นพฤติกรรมที่ไม่เข้ากับงานนี้เลย แต่ว่าน้อยคนที่จะจำตราประจำตระกูลดีคาปี้ได้ แค่กำลังครุ่นคิดว่าคนผู้นี้เป็นใครในตระกูลนั้นกันแน่
เจ้าของร้านลั่วมองยูริเพียงแวบเดียวก็ละสายตาออกจากเขา ก่อนมองไปทางเด็กเสิร์ฟสองคนที่แม้จะอยู่ห่างกัน แต่กลับคอยมองสื่อสารกันอยู่ตลอดเวลา
ลั่วชิวคิดว่าชาตินี้ตัวเองคงต้องมีชะตากรรมเกี่ยวข้องกับตำรวจต่อไปอีกนานเลยล่ะมั้ง
“คุณก็คือ F&C?”
ทันใดนั้น ลั่วชิวก็ได้ยินเสียงพูดกระซิบเบาๆ ดังมาจากทางด้านหลัง
เป็นเสียงหญิงสาว
นี่ก็เพียงพอให้ลั่วชิวประหลาดใจแล้ว เขาและโยวเย่เบนสายตาจากวิวยามราตรีข้างนอกกลับมา แล้วพบว่าคนที่พูดเป็นหญิงสาวสวมเดรสยาวสายเดี่ยวสีดำ ตรงนี้มีเพียงหญิงสาวคนนี้คนเดียวเท่านั้น นี่เห็นได้ชัดว่าคำพูดเมื่อครู่นั้นก็พูดกับลั่วชิว
“คุณหมายถึงผมเหรอครับ?” ลั่วชิวถามไปก่อน
ไม่ใช่เพียงแค่เดรสยาวสายเดี่ยวสีดำ ขนาดหน้ากาก แม้กระทั่งริมฝีปากก็ทาเป็นสีดำสนิท ช่างดูเย้ายวนอย่างน่าประหลาด
ลั่วชิวผู้มีสายตาเฉียบคม สังเกตเห็นได้ง่ายมากๆ ว่ามีสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่หญิงสาวผู้นี้เงียบๆ โดยไม่ให้คนอื่นรู้หรือบอกได้ว่าอาจมองมาที่ตัวเขา
“อิสระกับตัวตลกจะปรากฏตัวพร้อมกับหน้ากากตัวตลกตลอด” คำพูดของหญิงสาวแฝงน้ำเสียงเย้าหยอกบางอย่าง “งานประมูลครั้งนี้ F&C เป็นคนจัด และเขาก็อยู่ในงาน คุณไม่ได้ตรงคุณสมบัติที่สุดเหรอ?”
“ที่พูดมาก็ถูก” ลั่วชิวพยักหน้าเล็กน้อย แล้วพูดด้วยความอยากรู้อย่างมากว่า “ถ้าเป็นผมเอง แล้วคุณคิดจะทำอะไรล่ะครับ?”
หญิงสาวเดินเข้ามาใกล้ทันที
เดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
ลั่วชิวคิดว่าตัวเองคงจะได้เห็นห่านดำตัวที่สองในชีวิตเข้าแล้ว
ในที่สุดหญิงสาวก็เข้ามาในระยะเกือบประชิดตัวลั่วชิว เธอยื่นมือออกไปโอบรอบคอของเขาไว้ ใกล้จนริมฝีปากอยู่ห่างกันเพียงหน้ากากกั้นเท่านั้น
“ถ้าใช่ล่ะก็ ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าคุณเอาภาพออกมาได้ยังไงกันแน่ ได้ยินว่า…”
เธอรู้จักควบคุมจังหวะการพูดเป็นอย่างดี ช่วงที่เว้นวรรคนั้นราวกับจะหยอกเย้าอย่างไรอย่างนั้น ดูเหมือนว่าความสวยงามหยาดเยิ้มในฟลอร์เต้นรำที่ชวนหลงระเริงนี้ ถึงแม้จะอยากปฏิเสธก็ไม่อาจปฏิเสธได้ “เป็นกลอุบายที่หายลับไปราวกับเวทมนตร์”
“ยังมีกลอุบายแบบนี้ด้วยเหรอ?” ลั่วชิวพูดอย่างประหลาดใจ “แบบนี้ ผมก็หวังว่าจะได้เปิดหูเปิดตาบ้างเหมือนกัน”
“จริงเหรอ…ถ้ามีโอกาส” ริมฝีปากสีดำของหญิงสาวขยับ แล้วก็ปล่อยมือทั้งสองข้างออก มือทั้งสองข้างกำลังลูบไล้ไปตามปกเสื้อของลั่วชิวช้าๆจากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันว่าฉันไม่ควรรบกวนคุณแล้ว ไม่อย่างนั้นล่ะก็…”
หญิงสาวเอียงหัวมองโยวเย่ข้างกายลั่วชิว ก่อนยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “ถือเป็นการไม่ให้เกียรติคู่เต้นรำของคุณอย่างมาก”
แต่เธอกลับไม่รู้เลยว่าธาตุแท้ของคุณสาวใช้เป็นอย่างไร
คำพูดแบบนี้ไม่ได้ทำให้คุณสาวใช้โกรธเลย แต่กลับพูดด้วยความสนุกว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าคุณทำให้เขามีความสุขได้ ฉันก็ดีใจค่ะ”
นี่…เหมือนจะไม่ใช่การพูดสรรเสริญหรือว่าโต้ตอบกลับ
เวร่าที่ซ่อนใบหน้าอยู่ภายใต้หน้ากากหงส์สีดำคาดไม่ถึง ว่าจะได้ยินคำพูดที่แฝงความหมายอนุญาตแบบนี้จากอีกฝ่าย
เวร่ายิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “คุณมีดวงตาที่สวยมาก ฉันเคยเห็นที่ไหนมาก่อนหรือเปล่าคะ?”
ในตอนนี้เอง แสงไฟก็ดับลงทันที เหลือไว้เพียงตำแหน่งด้านหน้า ซึ่งเป็นเวทีที่ยื่นออกมา
แสงไฟกำลังส่องไปบนร่างหญิงสาวงดงามคนหนึ่ง หน้ากากสีทองและริมฝีปากสีแดงอวบอิ่มคล้ายจะปลุกสัญชาตญาณดิบของผู้ชายขึ้นมาได้เลย
หลังความเงียบที่ยาวนาน เหมือนว่าในที่สุดหัวใจหลักของงานก็กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว…แต่ตอนนี้เวร่ากลับไม่เห็นเงาของชายหญิงคู่นี้แล้ว
เหมือนเธอคิดอะไรได้แวบหนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะขึ้นเบาๆ
วิคก้าหยิบแก้วแชมเปญสองแก้วเดินเข้ามาหา แล้วส่งให้เธอแก้วหนึ่ง “พวกเราประจำตำแหน่ง คอยดูไปก่อนแล้วกัน”
เวร่าพยักหน้า จากนั้นก็ดื่มแชมเปญแก้วหนึ่งอย่างสบายใจ แต่แป๊บเดียวเธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ถึงกับต้องขมวดคิ้วอยู่ภายใต้หน้ากากนั้น
วิคก้าเห็นท่าทางชะงักกึกของเวร่า จึงถามอย่างแปลกใจว่า “เป็นอะไรไปครับ?”
เวร่าส่ายหน้า ก่อนยื่นมือไปตรงขอบปากของตัวเอง จากนั้นก็คายบางอย่างขนาดเท่ากับกระดุมเม็ดหนึ่งออกมา
วิคก้าพูดอย่างสงสัยว่า “ทำไมคุณอมเครื่องติดตามเข้าไปล่ะ?”
เวร่ากลับพูดอย่างเฉยเมยว่า “ของเนี่ย ฉันเพิ่งจะติดไว้บนตัวคนคนหนึ่ง แล้วก็ดันมาโผล่อยู่ในแก้วแชมเปญของนาย เมื่อกี้นี้นายเจอใครมาหรือเปล่า?”
“ผมเหรอ?” วิคก้าอึ้งไปแล้วพูดว่า “ตลอดทางมาผมไม่เจอใครเลยนะ?”
“กลับไปที่นั่งเถอะ” เวร่าไม่ได้พูดอะไร ก่อนยัดของขนาดเท่ากระดุมในมือลงคอเสื้อของชุดเดรสตัวเอง
เวร่านึกถึงดวงตาสีฟ้าไพลินแสนสวยคู่นั้น ทั้งยังเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่งเหมือนกัน เป็นคู่ที่ให้ความรู้สึกพิเศษอย่างมาก เธอเผลอคิดว่า ‘คงไม่ได้บังเอิญขนาดนี้หรอกมั้ง?’
…
“ฉันเชื่อว่าทุกท่านรอจนทนไม่ไหวกันแล้ว”
ตอนนี้แอนนาที่อยู่บนเวทีพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม ขณะที่พูด เธอก็ตบมืออยู่หลายครั้ง
แล้วก็มีคนจำนวนหนึ่งเดินออกมาจากงานเลี้ยง พวกเขาพากันไล่พนักงานโรงแรมออกไปจากในฮอลล์งานนี้ สุดท้ายก็ปิดประตู แล้วยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูทางเข้า
“เช่นนั้น ตอนนี้ก็จะให้ทุกท่านได้เห็นสินค้าเพียงหนึ่งเดียวของงานประมูลครั้งนี้ค่ะ”
ตอนนี้ผู้ชายสองคนยกกล่องใบหนึ่งมาไว้ข้างๆ แอนนา
เปิดออก
แสดงโชว์
ทันใดนั้นก็มีเสียงพูดคุยดังหึ่งอยู่ในงานเลี้ยงเป็นระยะ
แอนนาเห็นว่าสมควรแก่เวลาแล้ว ถึงได้พูดต่อว่า “พวกเราการันตีได้ว่าภาพนี้เป็นของแท้…ถ้าทุกท่านไม่เชื่อ ก็มาดูได้ แต่ว่าห้ามจับนะคะ”
คาดไม่ถึงว่าเธอยังพูดไม่จบ ก็มีเสียงพูดแบบไม่อินังขังขอบดังมาจากมุมห้องว่า “ภาพนี้เป็นของปลอม!”