CLS ตอนที่ 575: ปราบอดีตจักรพรรดิ
“เจ้า เจ้าเป็นใครกัน!?”
พวกเขาพากันสงบสติอารมณ์ พร้อมกับจ้องไปที่อี้เทียนหยุนเขม็ง แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่การที่อยู่ๆ ก็เข้ามาในห้องนี้ได้ ก็แน่นอนว่าต้องไม่มีเจตนาดีแน่นอน ดังนั้น ในระหว่างที่ตรวจสอบ อดีตจักรพรรดิทั้งสี่ก็พากันปลดปล่อยจิตสังหารออกมา พร้อมกับทําการปิดกั้นทางเข้าออกเอาไว้
ในขณะที่จับจ้องไปที่อี้เทียนหยุน พวกเขาก็พากันคาดเดาว่าเด็กหนุ่มคนนี้มาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ทําไม
ตัวอี้เทียนหยุนเองก็ไม่ได้ปกปิดอะไร หน้าเขาก็ไม่ได้ปลอมเข้ามา ก่อนหน้านี้เพราะคิดว่าไม่สามารถต้านทานศัตรูได้ จึงจําเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนใบหน้า แต่ตอนนี้เขาได้เข้าสู่ระดับราชาวิญญาณแล้ว ตราบเท่าที่ไม่ใช่ระดับเจ้าศักดิ์สิทธิ์มาเอง เขาก็ไปไหนก็ได้ในโลกมนุษย์นี้!
“ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าอยากจะเจอข้ากันหรอกเหรอ?” อี้เทียนหยุนมองไปยังอดีตจักรพรรดิหลงหยุน พร้อมกับนัยน์ตาที่วาวแสงลึกลับออกมา
หลังจากอดีตจักรพรรดิหลงหยุนตกใจสักพัก เขาก็รู้สึกว่าสูญเสียการควบคุมไป แม้แต่จะปลดปล่อยพลังออกมาก็ยังทําไม่ได้ แต่ในขณะที่เขาคิดจะตะโกนออกมานั้น เขาก็พบว่าเสียงมันติดอยู่ในลําคอ ไม่ว่าจะทํายังไงก็สามารถเปล่งเสียงออกมาได้
จากนั้น เทียนหยุนก็หันไปสบตากับอดีตจักรพรรดิเซียวเทียน ทําให้อีกฝ่ายไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เช่นกัน
เนตรเสน่ห์นั้นแปลกประหลาด ตราบเท่าที่สบตากับอีกฝ่าย ก็ไม่จําเป็นต้องใช้เวลาแม้แต่น้อยก็สามารถควบคุมฝ่ายตรงข้ามได้อย่างสมบูรณ์
อดีตจักรพรรดิเซียวเทียนและอดีตจักรพรรดิหลงหยุนคือผู้ที่มีระดับแข็งแกร่งที่สุด เป็นธรรมดาที่เขาจะเลือกอดีตจักรพรรดิสองคนนี้ แน่นอนว่าต่อให้เขาไม่ควบคุมพวกเขา ก็ยังคงสามารถบดขยี้พวกเขาได้อย่างง่ายดายอยู่ดี
แต่การควบคุมพวกเขา ก็เพื่อที่จะได้เค้นข้อมูลได้สะดวกขึ้นก็เท่านั้น
อดีตจักรพรรดิอีกสองคนยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าอยู่ๆ ได้มีอดีตจักรพรรดิสองคนถูกควบคุมไปแล้ว แต่ยังคงส่งเสียงผ่านลมปราณคุยกับอดีตจักรพรรดิทั้งสองอยู่
“เจ้านี่คงจะเป็นองค์ชายของอาณาจักรเทียนหลงนั่นแหละ การที่เข้ามาโดยที่ข้าไม่รู้สึกอะไรได้ ดูเหมือนว่าระดับของมันต้องไม่ต่ําอย่างแน่นอน! อย่างน้อยก็เป็นระดับราชาวิญญาณขั้นที่ 6 ที่ 7 มหาค่ายกลกักมังกรพวกเรายังใช้ไม่ได้ชั่วคราว แต่ยังสามารถลองโจมตีเข้าไปพร้อมกันได้ หากว่าไม่ไหวจริงๆ ก็ค่อยหนี!”
อดีตจักรพรรดิเทียนหลัวส่งข้อความหาพวกเขาไม่หยุด หวังจะหารือเรื่องการลงมือกับพวกเขา ด้วยความที่ไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของฝั่งตรงข้าม การแยกกันโจมตีย่อมไม่ใช่วิธีที่ดี
แม้ว่าลูกชายของพวกเขาจะไม่ได้มีระดับที่สูงนัก แต่จะดีจะร้ายก็เป็นถึงระดับราชาวิญญาณ การที่สามารถจัดการผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณถึง 4 คนได้อย่างง่ายดาย ก็หมายความว่าพลังของอีกฝ่ายย่อมไม่ธรรมดาเหมือนกัน
“ข้าไม่มีปัญหา” จูเก๋อหยุนตอบกลับอย่างรวดเร็ว
แต่หลังจากนั้นสักพัก อดีตจักรพรรดิเทียนหลัวก็พบว่าอดีตจักรพรรดิอีกสองคนไม่ตอบกลับมา ก็ทําให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก หรือว่าจะไม่เห็นด้วย?
ไม่มีใครรู้ว่าอดีตจักรพรรดิทั้งสองอยากจะตอบกลับอย่างมาก แต่ว่าพวกเขาไม่สามารถเค้นพลังวิญญาณออกมาได้ แล้วจะให้พวกเขาตอบยังไง? พวกเขาเป็นเหมือนกับคนโง่ เอาแต่ยืนที่มอยู่ตรงนั้น เหมือนคนปัญญาอ่อนก็ไม่ปาน
“ข้าก็ไม่มีปัญหาเหมือนกัน”
น้ำเสียงที่เหมือนกับฟ้าร้องดังสั่นในหูของพวกเขา ทําให้พวกเขาพากันตกใจ ก่อนที่จะรีบเงยหน้าขึ้นมองอย่างดุร้าย ก่อนจะพบว่าอี้เทียนหยุนก็กําลังมองมาที่นี่พร้อมกับมือที่ไขว้หลัง
“พวกเจ้าเอาแต่บ่นพึมพํากันอยู่ได้ คงจะคุยกันพอแล้วใช่ไหม ตอนนี้ก็เริ่มได้แล้ว”
เทียนหยุนถีบเท้าพร้อมกับพุ่งเข้าใส่อดีตจักรพรรดิเทียนหลัว ฝั่งตรงข้ามไม่ทันตั้งตัวก็ถูกเทียนหยุนถีบล้ม แต่ไม่ทันให้เขาได้ลุกขึ้นมาก็ถูกอี้เทียนหยุนกระทืบซ้ำ จนเสียงของกระดูกหักดัง “กรอบ” ออกมา
อดีตจักรพรรดิเทียนหลัวจะดีจะร้ายก็เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณขั้นที่ 3 ร่างกายของเขาย่อมไม่อ่อนแออย่างแน่นอน อย่างน้อยก็น่าจะต้านทานได้สักหลายกระบวนท่า แต่ใครจะรู้ว่าจะถูกอี้เทียนหยุนกระทบกระดูกหักได้อย่างง่ายดาย ทําให้ทั่วทั้งร่างของเขาเปรียบได้กับโคลนเหลว นอนเป็นอัมพาตอยู่กับพื้น
“เจ้าเด็กบัดซบ ออกไปจากตัวข้าซะ!” อดีตจักรพรรดิเทียนหลัวอดทนต่อความเจ็บปวดพร้อมกับคํารามอย่างกราดเกรี้ยว ก่อนที่จะปลดปล่อยเปลวเพลิงจากทั่วร่างเข้าใส่อี้เทียนหยุน หวังจะเผาเขาให้เป็นจุล
พริบตา เทียนหยุนก็ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง จูเก๋อหยุนที่อยู่ใกล้ๆ ก็ไม่ได้ช้าเช่นกัน นัยน์ตาของเขาพลันระเบิดลําแสงสีทองออกมา พร้อมกับเงื้อมือที่ปกคลุมไปด้วยแสงสีทองขึ้น ก่อให้เกิดเป็นพายุหมุนเล็กๆ กลางอากาศ เหมือนกับมีใบมีดคมๆ หกเล่ม เปล่งแสงจ้าในห้องลับแห่งนี้
“ไป!”
จูเก๋อหยุนสับมือลง ทําให้ใบมีดทั้งหกเล่มพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว มีดแต่ละเล่มนี้ ต่างก็อัดแน่นไปด้วยธาตุทองบริสุทธิ์ มีความสามารถในการทะลุทะลวงอย่างเพียงพอ มีดแต่ละเล่มต่างก็มีพลังรบสูงถึง 4-5 ร้อยล้าน ช่างเป็นพลังที่น่ายิ่งนัก
สองผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณร่วมมือกันโจมตีใส่อี้เทียนหยุน แต่ละคนต่างก็ปลดปล่อยไม้ตายของตนออกมา แม้ว่าจะไม่ใช่พลังที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขา แต่อย่างน้อยก็ใช้ออกด้วยพลังส่วนใหญ่ เพราะว่ากะทันหันเกินไป ทําให้พวกเขาไม่อาจใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาได้ในทันที
“พวกเจ้าทั้งคู่มัวทําอะไรอยู่ รีบโจมตีเข้าสิ!”
จูเก๋อหยุนคํารามอย่างโกรธเกรี้ยว เมื่อพบว่าพวกอดีตจักรพรรดิหลงหยุนเอาแต่ยืนนิ่งไม่ทําอะไร หากพวกเขาทั้งสี่ร่วมมือกัน การจะสังหารคนๆ เดียวย่อมเป็นไปได้อย่างแน่นอน แต่ใครจะรู้ว่าอีกสองคนกลับยืนเฉย ไม่มีท่าทางว่าจะลงมือแม้แต่น้อย!
จากนั้น ทั้งสองคนก็ได้ลงมือในที่สุด แต่พวกเขาไม่ได้โจมตีใส่อี้เทียนหยุน แต่กลับโจมตีใส่จูเก๋อหยุนแทน ทั้งสองคนลงมือได้อย่างเข้ากัน ราวกับว่ารู้ใจกันมาหลายปี
“เจ้า!” จูเก๋อหยุนหน้าเปลี่ยนสี พร้อมกับเรียกพัดทองออกมาอย่างรวดเร็ว ราวกับนกยูงรําแพนอยู่ตรงหน้า กลายเป็นกําแพงทองคําขวางกันพวกเขาเอาไว้
“เปรี้ยง!”
พร้อมกับเสียงดังสนั่น จูเก๋อหยุนถูกซัดกระเด็นไป ห้องลับพลันถูกระเบิดออก หลังจากจูเก๋อหยุนกระเด็นไปได้หลายลี้ ก็ได้หยุดลงในที่สุด
เพราะกะทันหันเกินไป ต่อให้จะป้องกันเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ยังสายเกินไป โดยเฉพาะอีกฝ่ายก็เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณที่แข็งแกร่งถึงสองคนด้วยแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะป้องกันเอาไว้ได้ง่ายๆ
ดังนั้น จึงเลือดพุ่งออกมาเป็นสาย ย้อมร่างของเขาจนเป็นสีแดงหย่อมใหญ่ เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บไม่ใช่น้อยๆ
“เจ้า พวกเจ้าสองคนทําอะไร คิดจะหักหลังกันอย่างงั้นเหรอ!?” จูเก๋อหยุนทั้งตกใจทั้งโกรธ แต่นี่คงไม่ใช่ความจริงหรอกจริงไหม ลูกชายของพวกเขาต่างก็ถูกฆ่า แล้วจะเป็นไปได้ยังไงที่จะไปร่วมมือกับอาณาจักรเทียนหลง?
“แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้หักหลัง แต่เพราะถูกข้าควบคุมไว้ ก็เลยลงมือกับเจ้า”
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ อี้เทียนหยุนก็ได้เดินอย่างช้าๆ มาตรงนี้ เดินมาพร้อมกันกับอดีตจักรพรรดิเซียวเทียนและอดีตจักรพรรดิหลงหยุน ส่วนอดีตจักรพรรดิเทียนหลัวนั้น ตอนนี้ได้ได้ถูกไฟเผาจนเหลือแต่ขี้เถ้า มองไม่เห็นแม้เงา
“จะเป็นไปได้ยังไง!?” ในใจจูเก๋อหยุนตกใจ ผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณสองคนถูกควบคุมเนี่ยนะ? ตกลงแล้วเขาใช้วิธีอะไรกันแน่ ทําไมถึงได้สามารถควบคุมผู้เชียวชาญระดับราชาวิญญาณที่แข็งแกร่งทั้งสองคนได้?
จากนั้น เขาก็มองไปเห็นขี้เถ้ากองหนึ่ง ทําให้สีหน้าของเขายิ่งน่าเกลียดขึ้นไปอีก
“นี่มันเปลวเพลิงอะไรกัน” จูเก๋อหยุนเห็นขี้เถ้าที่กองอยู่บนพื้น สีหน้าก็เปลี่ยนไป เขาสัมผัสได้ว่าเปลวเพลิงนี้ต้องไม่ใช่เปลวเพลิงธรรมดา แต่ไม่รู้ว่าเป็นเปลวเพลิงอะไร
อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยเห็นเปลวเพลิงที่สามารถเอาชนะเปลวเพลิงของอดีตจักรพรรดิเทียนหลัวได้มาก่อน เห็นได้ชัดเลยว่าเปลวเพลิงนี้นั้นน่ากลัวขนาดไหน
ในตอนนี้เขาก็ได้เข้าใจขึ้นมาทันที ว่าตั้งแต่แรกแล้ว พวกเขาได้ทําผิดไป ไม่ควรคิดเป็นศัตรูกับอี้เทียนหยุน! พวกเขาคิดว่าแค่อดีตจักรพรรดิสี่คนอย่างพวกเขาก็สามารถจัดการกับอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าอีกจะแข็งแกร่งกว่าพวกเขา ทั้งยังแข็งแกร่งจนน่าสะพรึง!