ตอนที่ 743-744

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.743 – แสร้งเป็นจ้าวเทวะ
  หยวนหยิงหยิงนั้นเป็นลูกสาวสามัญชนของเจ้าตระกูลหยวนที่ถูกทิ้งไว้นอกตระกูลสองปีก่อน แม่ของนางได้เสียชีวิตจากโรคร้าย หยวนหยิงหยิงจึงไร้ที่อยู่อาศัย เป็นเวลาเดียวกับที่เจ้าตระกูลหยวนได้พานางกลับเข้ามาในตระกูลและประกาศฐานะของนาง
  การยอมรับในตัวนางนั้นถูกต่อต้านอย่างหนักทุกคนเชื่อว่านางไม่ได้มีสายเลือดบริสุทธิ์และมิควรได้ตำแหน่งในตระกูล พวกเขาไม่คิดว่านางจะต้องอยู่ในตระกูลหยวน แต่เจ้าตระกูลหยวนนั้นได้ยืนกรานอย่างหนักแน่นและต่อต้านความเห็นของคนหมู่มากจนทำให้หยวนหยิงหยิงได้กลายเป็นนายหญิงที่สองแห่งตระกูลหยวน
  “ท่านเจ้าตระกูลพูดถึงธุระของเรากันเถอะ ข้าได้ยินว่านายหญิงหนึ่งนำทหารสังหารวานรอสูรที่เป็นภัยร้ายแรงของเราได้สำเร็จ มันคือเรื่องจริงรึ?”
  ชายแก่อายุหกสิบพูดขึ้นมาอย่างราบรื่นเมื่อหยวนหยิงหยิงแสดงความรักต่อผู้เป็นพ่อและมองหยวนหวังปี่ด้วยรอยยิ้ม
  เจ้าตระกูลหยวนปล่อยมือบุตรสาวทั้งสองและกลับไปนั่งที่เดิมใบหน้าของเขายินดีเป็นอย่างมาก
  “หวังปี่เจ้าทำได้ดีมาก นี่คือเกียรติยศแก่ตระกูลหยวนของเรา! ใครก็ได้ เอาวานรอสูรเข้ามา..”
  ตอนนั้นเองชายสี่คนได้แบกร่างวานรอสูรสูงสามเมตรเข้ามาในโถง ทุกคนในตระกูลมองวานรอสูรที่ให้บรรยากาศความดุร้ายด้วยความตกตะลึงและดีใจ
  “ไอ้สัตว์ร้ายที่ทำลายความสงบสุขของเทือกเขาครามมันได้ชดใช้ความผิดบาปเรียบร้อยแล้ว ใครจะคิดเล่าว่ามันถูกฆ่าโดยนายหญิงของเรา?”
  “นายหญิงพยายามอย่างหนักเราจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้!”
  อีกคนส่งเสียงขึ้นมา
  เสียงชมเชยดังไปทั่วทุกคำชมพุ่งตรงไปยังหยวนหวังปี่ ทุกคนไม่สนใจหยวนหยิงหยิงโดยเจตนา นางยืนนิ่งแต่เพียงลำพังข้างซือหยู
  หยวนหยิงหยิงขบริมฝีปากมองพี่สาวที่กลายเป็นจุดสนใจนางนับถือพี่สาว ริษยา และรู้สึกขมขื่นเล็กๆ
  หยวนหวังปี่พูดอย่างนอบน้อม
  “ท่านลุงทั้งหลายฐานพลังน้อยนิดอย่างข้าจะสังหารวานรอสูรได้อย่างไร? มีผู้อาวุโสท่านหนึ่งได้บังเอิญผ่านมาและฆ่ามัน เขาบอกเส้นทางกับข้าให้นำคนไล่ล่ามันไปถึงถ้ำ! ตอนนั้นข้าเลยได้ร่างของมันกลับมา ข้ามิได้ทำสิ่งใดเลย”
  แม้คำพูดของนางจะดูอ่อนน้อมแต่นางก็ยังพูดถึงเรื่องที่ผู้อาวุโสนั้นบอกเส้นทางให้นาง นั้นทำให้นางได้หน้ายิ่งขึ้น ซึ่งแท้จริงแล้วซือหยูไม่ได้บอกทางแก่นางเพียงคนเดียว แต่เป็นทุกคน แต่หยวนหวังปี่ก็ยังพูดออกไปแบบนั้นเพื่อเสนอว่านางมีความสัมพันธ์บางอย่างต่อผู้อาวุโสที่แข็งแกร่ง!
  ทุกคนเงียบกริบเมื่อได้ฟังนางพวกเขาคาดคิดมาก่อนแล้วว่าวานรอสูรไม่ได้ตายเพราะหยวนหวังปี่และต่อให้นางสังหารมันได้ ส่วนใหญ่ก็ต้องเป็นเพราะโชคดี แต่เมื่อได้ยินเรื่องผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งที่ช่วยพวกนาง พวกเขาก็ได้เข้าใจทุกอย่าง
  เจ้าตระกูลหยวนคิดอะไรบางอย่าง
  “หวังปี่เหตุใดเขาถึงช่วยพวกเจ้าโดยไม่มีเหตุผลเล่า? เจ้ารู้จักเขาหรือไม่? เขารู้จักตระกูลเรารึ?”
  พลังของคนที่สังหารวานรอสูรได้จะต้องยอดเยี่ยมอย่างมากเจ้าตระกูลหยวนอยากจะรู้จักตัวตนของเขา เพราะแม้แต่เขาเองยังไม่มีความสามารถพอจะสังหารวานรอสูรเจ้าเล่ห์นี้เลย!
  หยวนหวังปี่ขมวดคิ้วและส่ายหน้า
  “ท่านผู้นั้นมิได้ปรากฏตัวกับข้าเราเพียงได้ยินเสียงเท่านั้น”
  เจ้าตระกูลหยวนคิ้วกระตุก
  “เขาทำให้วานรอสูรบาดเจ็บสาหัสปางตายต่อหน้าพวกเจ้าแต่กลับไม่ปรากฏตัวออกมารึ?”
  หลายคนเบิกตากว้างเมื่อได้ฟังเรื่องราว….คนผู้นั้นมีพลังระดับไหนกัน?
  เจ้าตระกูลหยวนพูดเบาๆอย่างไม่แน่ใจ
  “มีสองวิธีที่จะทำเช่นนั้นได้อย่างแรกคือเขาต้องมีฐานพลังที่สูงจนข้ามมิติมาสังหารวานรอสูรจากระยะไกล อีกวิธีก็คือเขาเป็นเพียงร่างวิญญาณ นั่นหมายความว่าเขาจะต้องเป็นจ้าวเทวะ”
  คำพูดของเขาฟังดูหนักอึ้งต่อคนในตระกูลไม่ว่าจะความเป็นไปได้ไหน ผู้ที่แข็งแกร่งผู้นั้นก็มิใช่คนที่จะต่อกรด้วยได้ โดยเฉพาะอย่างที่สองที่พูดว่าเขาเป็นจ้าวเทวะ! เพราะทุกคนที่นำวิญญาณออกจากร่างได้นั้นจะต้องเป็นจ้าวเทวะ…หรือไม่ก็แข็งแกร่งกว่านั้น!
  “น่าเสียดายที่เรามิได้เชิญท่านผู้นั้นมาเป็นแขกตระกูลเรา”
  เจ้าตระกูลหยวนค่อนข้างเสียใจกับเรื่องนี้เขาจ้องมองไปยังหยวนหวังปี่ เขาหวังว่านางจะรู้เรื่องอื่นอีก
  ราวกับนางรู้ถึงเบาะแสบางอย่าง
  “จริงสิท่านพ่อ ท่านผู้นั้นคงจะอยู่ในระยะของเขาวานรอสูร แต่เขาไม่ได้ฆ่ามัน แต่พอพวกเราตกอยู่ในอันตราย เขาจึงได้จู่โจมมัน”
  คำที่นางไม่ได้พูดก็คือว่าผู้อาวุโสท่านนั้นเข้ามาจู่โจมเพื่อนางนางจงใจไม่พูดถึงเรื่องที่หยวนหยิงหยิงถูกจับตัวไปกับนาง
  “และข้าก็คิดว่าเสียงนั่นคุ้นหูเหมือนเคยได้ยินมาก่อนบางทีข้าอาจจะเคยเจอเขามาแล้ว”
  หยวนหวังปี่พูดนี่ไม่ใช่เรื่องโกหก เพราะนางคิดว่าเสียงของเขาดูคุ้นหูจริงๆ
  ซือหยูที่ยืนอยู่แถวนั้นพูดเบาๆ
  “มันก็ต้องคุ้นสิ…มันไม่ได้ดูเหมือนตาแก่ตัณหากลับอย่างข้ารึไง?”
  แม้ว่าซือหยูจะจงใจพูดเบาๆแต่เสียงของเขาก็มิอาจพ้นหูหลายคนที่นี่ สายตาของคนตระกูลหยวนเป็นประกายขึ้นมา…
  ผู้อาวุโสท่านนั้นโจมตีวานรอสูรเพื่อนางงั้นรึ?
  พวกเขามองหน้ากันไปมาและพยายามจะเก็บซ่อนความยินดีหยวนหวังปี่สร้างความแปลกใจให้กับตระกูลหลายครั้งทีเดียวในวันนี้ ถ้าตระกูลหยวนได้ผูกมิตรกับจ้าวเทวะเพราะนางล่ะก็ คงจะไม่มีใครนอกจากตระกูลชางก่วนที่จะต้านทานอำนาจตระกูลหยวนได้!
  “หวังปี่จะอย่างไรก็แล้วแต่ เจ้าทำได้ดี การนำร่างวานรอสูรกลับสู่เราถือเป็นเกียรติแก่ตระกูล เราอาจจะได้ผูกมิตรกับจ้าวเทวะเพราะเจ้าด้วย”
  เจ้าตระกูลหยวนยิ้มกว้าง
  “ตระกูลหยวนให้รางวัลและลงโทษตามสมควรเสมอเราจะตบรางวัลเจ้าอย่างงาม!”
  หยวนหวังปี่แอบยินดีเมื่อพ่อนางพูดออกมาเพราะนางมิอาจได้รางวัลจากตระกูลง่ายๆแม้ว่าพ่อนางจะเป็นเจ้าตระกูล และถึงนางจะเป็นบุตรสาวเจ้าตระกูล นางก็ต้องปฏิบัติตามกฎและทุ่มเทแก่ผลประโยชน์ของตระกูลด้วย
  “หยวนหวังปี่มีความดีความชอบระดับสามนางจะได้สิทธิ์เข้าสระโอสถหนึ่งครั้ง นางจะได้แก้วเจ็ดดาวอีกสองดวงและแก้วธรรมดาอีกยี่สิบดวง”
  เจ้าตระกูลหยวนประกาศ
  สระโอสถรึ?หยวนหวังปีดีใจอย่างมาก เพราะสระโอสถคือพื้นที่ลับของตะรกูลหยวน มีโอสถล้ำค่ามากมายถูกเก็บสะสมไว้ทั้งปี นั่นหมายความว่างจะมีพลังของโอสถเอ่อล้นอยู่ที่นั่น มันเหมาะสำหรับการบ่มเพาะพลังอย่างยิ่งเพราะจะเพิ่มฐานพลังได้ถึงหนึ่งระดับ!
  มีโอกาสอยู่เล็กๆที่หยวนหวังปี่ที่เป็นกึ่งภูติที่มีแก้วสามดวงอยู่แล้วจะได้เป็นภูติถ้าเข้าไปที่นั่น!ส่วนแก้วเจ็ดดาว มันคือโอสถล้ำค่ามาก มันสร้างจากการสกัดแกนอสูร มันจะช่วยให้นางเพิ่มพลังได้อีก
  ส่วนแก้วยี่สิบดวงที่เป็นรางวัลสุดท้ายนั้นนับว่าเป็นการสะสมความมั่งคั่งรางวัลครั้งนี้ทำให้นางพอใจมาก
  “อ้าฉิงเจ้าเป็นหัวหน้าคาราวาน เจ้าจะได้โอถสเปลือกมรกตสองขวดกับแก้วสิบดวง ส่วนทหารคนอื่นๆจะได้โอสถเปลือกมรกตหนึ่งขวดกับแก้วหนึ่งดวง”
  เจ้าตระกูลหยวนประกาศ
  หลังจากที่เขาแจกแจงรางวัลทั้งหมดเจ้าตระกูลได้มองหยวนหยิงหยิงผู้เป็นบุตรสาวคนเล็ก ความรักได้ปรากฏใบดวงตาของเขาทันที แต่เขาก็ยังรักษาท่าทีที่เข้มแข็ง
  “ส่วนหยวนหยิงหยิงนางก็เป็นคนนำคาราวานกับหยวนหวังปี่ นางจะได้รางวัลเช่นเดียวกัน นางได้รับสิทธิ์เข้าสู่สระโอส…”
  มีคนพูดต่อต้านทันทีก่อนที่เจ้าตระกูลจะพูดจบด้วยซ้ำเขาคือชายแก่ผมขาว
  “ท่านเจ้าตระกูลเหลืออีกไม่ถึงสองเดือนจะถึงงานประลองตระกูลหยวน คนที่อยู่ในสิบลำดับแรกจะได้สิทธิ์เข้าสระโอสถ สระโอสถจะถูกใช้พลังไปมาก คนจากตระกูลสาขาของเราคงไม่พอใจแน่”
  ชายผมขาวถอนหายใจและพูดต่อ
  “หยวนหวังปี่ได้มอบความภาคภูมิและคววามสุขแก่ตระกูลของเราถ้าหากนางได้สิทธิ์ในสระโอสถ คนจากตระกูลสาขาคงไม่ต่อต้าน แต่หยิงหยิงน่ะ…”
  ชายแก่ผมขาวหยุดพูดไปและส่ายหน้าเขาพูดอย่างลังเลใจ
  “ขออภัยที่ข้าต้องพูดตรงๆแต่คงยากนักที่จะอธิบายต่อคนหมู่มากในสิทธิ์นางจะได้ คนที่ทุ่มเทแก่ตระกูลคือนายหญิงหวังปี่ หยิงหยิงเพียงแค่ติดตามนาง นางมิอาจนับรวมกันได้”
  ชายแก่ผมขาวพูดอีกครั้งเมื่อเห็นว่าสีหน้าของเจ้าตระกูลหยวนหม่นหมอง
  “ท่านเจ้าตระกูลถ้าอยากจะให้รางวัลนาง เหตุใจไม่รอจนถึงงานประลองของตระกูลเล่า ถ้าหากตอนนั้นหยิงหยิงได้ลำดับ คนตระกูลสาขาจักไร้ข้อสงสัยแน่นอน”
  ทุกคนพยักหน้ากับความเห็นของเขาพวกเขาพูดต่อๆกัน ทุกคนปฏิบัติราวกับหยวนหยิงหยิงนั้นเป็นคนแปลกหน้า เจ้าตระกูลหยวนเป็นทุกข์ใจยิ่งนัก เขาเจอกับแรงกดดันของเหล่าผู้เฒ่าในตระกูล
  “ท่านพ่อท่านปู่ปั่วจินมิได้พูดผิดเลย ท่านพี่ต่างหากที่ควรได้รับความดีความชอบ เพราะข้าไม่ได้ทำอะไร ข้ารับรางวัลไม่ได้หรอก”
  หยวนหยิงหยิงยืนขึ้นและมองเจ้าตระกูลด้วยดวงตาสดใส
  ชายแก่ผมขาวชื่นชมนาง
  “หยิงหยิงเห็นแก่ส่วนรวมยิ่งนักไม่เลว! ข้าต้องมองเจ้าใหม่แล้ว”
  เมื่อหยวนหยิงหยิงเห็นด้วยกับชายแก่ผมขาวเจ้าตระกูลหยวนก็มิอาจพูดสิ่งใดได้อีก
  “ย่อมได้หยิงหยิง เจ้าไปบ่มเพาะพลังได้แล้ว”
  เจ้าตระกูลหยวนเจ็บแปลบในใจเมื่อมองลูกสาวที่รักที่ถูกผลักไสเขาพยายามจะดูแลนางอย่างดีที่สุด แต่ตระกูลที่ไม่ยอมรับทำให้นางต้องพบเจอกับความยากลำบาก
  หยวนหยิงหยิงเดินกลับมาที่ข้างซือหยูนางสั่นไปทั้งตัว มือเล็กๆที่ซ่อนเอาไว้ในชายเสื้อสั่นอย่างแรง นางมิได้ตัวสั่นเพราะความโกรธแค้น แต่เป็นเพราะความเศร้า ความโศกเศร้าที่ถูกทุกคนกดนางให้ต่ำ
  “เอาล่ะ!จบการประชุม”
  เจ้าตระกูลหยวนประกาศ
  แต่ในตอนนั้นเองก็ได้มีเสียงดังเบาๆมาจากเบื้องบน
  “เป็นที่นี่สินะ…”
  เสียงนั้นทำให้ทุกคนตกตะลึงทหารตำหนักหยวนได้พุ่งเข้ามาทันที
  “ใครน่ะ?”
  เจ้าตระกูลหยวนยืนขึ้นมาทันทีเขามองรอบๆด้วยสายตาคมกรอบ
  เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้งมันทั้งดูใกล้และไกล
  “ข้ามาที่นี่เพื่อยืนยันว่าสัตว์ชั่วนั่นตายไปแล้วหรือไม่ข้ามีธุระที่ต้องจัดการ แต่ข้ากลับมายืนยันได้แล้ว ถ้ามันตายแล้ว ข้าก็จะไม่อยู่ที่นี่อีก”
  อะไรนะ?นี่น่ะรึท่านผู้อาวุโสคนนั้น? เจ้าตระกูลหยวนรีบมองลูกสาวคนโต นางพยักหน้ายืนยันกับเขาด้วยความตื่นเต้น
  เจ้าตระกูลหยวนดีใจมาก
  “ท่านผู้อาวุโสได้โปรดรอเดี๋ยว…”
  เขาสัมผัสได้ถึงพลังจิตวิญญาณที่ทำให้เขาตกตะลึงมันคือร่างวิญญาณของจ้าวเทวะไม่ผิดแน่
  “อะไรของเจ้า?”
  เสียงนั้นถาม
  เจ้าตระกูลรีบตอบ
  “ท่านผู้อาวุโสขอบคุณท่านที่ช่วยลูกสาวทั้งสองของข้าแทนคนทั้งตระกูล ข้าหวังว่าท่านจะปรากฏตัวแก่พวกเรา เราจะได้ตอบแทนน้ำใจของท่านให้เหมาะสม”
  เจ้าตระกูลหยวนตื่นเต้นอย่างมากเช่นเดียวกับคนในตระกูลคนอื่น พวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่าตนมีโอกาสได้ผูกมิตรกับจ้าวเทวะ!
  “ไม่ต้องหรอก”
  เสียงปฏิเสธได้ทำให้ทุกคนในตระกูลผิดหวังแต่พวกเขาก็ต้องยอมรับว่ามันสมเหตุสมผล เพราะจ้าวเทวะนั้นเป็นตัวตนอันยิ่งใหญ่ที่ไม่จำเป็นต้องมาผูกมิตรต่อตระกูลหยวน
  “แต่ข้าถูกใจลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเจ้าตอนที่พบเจอข้าคงจะมาที่นี่อีกบ้างในอนาคต และถ้าอารมณ์ดี ข้าอาจจะรับนางเป็นศิษย์และชี้แนะนางในวิถีแห่งพลัง”
  เสียงนั้นให้คำสัญญาออกมา
  คำสัญญาของเขาทำให้ทั้งตระกูลดีใจเพราะถ้าหากความสัมพันธ์ได้ถูกประกาศออกไปก็จะไม่มีใครกล้ามารังแกตระกูลหยวนอีก!
  “หวังปี่ทำไมเจ้าไม่ขอบคุณท่านเล่า?”
  ปั่วจินใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยสีสันแห่งความยินดีผู้เฒ่าคนอื่นๆก็ดีใจไม่แพ้กัน พวกเขาริษยานางเพราะหยวนหวังปี่ได้นำผลประโยชน์มหาศาลมาแก่ตระกูลจริงๆ
  หยวนหวังปี่หน้าแดงขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นนางยิ้มและแสดงความเคารพอย่างจริงใจ
  “ขอบคุณท่านผู้อาวุโสข้าจะทำอย่างที่ท่านหวังได้แน่นอนใ..”
  เสียงนั้นดังแทรกนาง
  “เจ้าเป็นใคร?”
  คำถามที่ขัดขึ้นมาทำให้ทุกคนตัวแข็งทื่อรวมทั้งหยวนหวังปี่รอยยิ้มของนางแข็งทื่อราวกับน้ำแข็ง!
  เมื่อเจ้าตระกูลหยวนหายตกใจเขารีบพูดอย่างระวังตัว
  “นางคือหยวนหวังปี่บุตรสาวของข้าเอง”
  “หืม?นางก็ลูกสาวเจ้าด้วยรึ? เช่นนั้นข้าจะพูดตรงๆ…ลูกสาวเจ้าที่ข้าพูดถึงคือแม่สาวน้อยคนนั้น นางชื่ออะไรนะ?”
  เสียงนั้นถามขึ้นมา
  หยวนหยิงหยิงสับสนอย่างหนักนางยืนนิ่งด้วยแววตาว่างเปล่า นางกลายเป็นศูนย์รวมความสนใจทันที
  เป็นนางหรอกเรอะ?ทุกคนตกใจและเงียบกริบ กลายเป็นว่าคนที่จ้าวเทวะกำลังพูดถึงคือเด็กนอกตระกูลที่พวกเขาไม่ยอมรับ!
  มีเพียงเจ้าตระกูลหยวนที่ดีใจจนอุทานออกมา
  “ท่านผู้อาวุโสนางก็เป็นลูกสาวข้า! นางชื่อหยวนหยิงหยิง!”
  “หยิงหยิงมาขอบคุณท่านสิ!”
  เจ้าตระกูลหยวนดีใจมาก
  แม้ว่าเขาจะไม่ได้มอบสิ่งใดให้กับลูกสาวด้วยตัวเองแต่ถ้าจ้าวเทวะเป็นผู้ให้นาง ตระกูลก็คงจะปฏิเสธไม่ได้แน่! และการชี้แนะจากจ้าวเทวะนั้นนับว่าเป็นโชคชะตาอันยอดเยี่ยมที่ไม่เคยมีคนตระกูลหยวนคนไหนเคยได้รับ
  ความโชคดีของนางอาจจะทำให้คนตระกูลหยวนเป็นบ้าจากความริษยาอย่างแน่นอนหลายคนเปลี่ยนความคิดในทันที พวกเขาเริ่มมองหยวนหยิงหยิงในอีกรูปแบบหนึ่ง!
  “อ๊ะ…”
  หยวนหยิงหยิงโค้งคำนับอย่างงุ่มง่ามและขอบคุณเขา
  “ขอบคุณท่านผู้อาวุโสแล้ว…ท่านชื่ออะไรรึ? เหตุใดไม่ออกมาให้พวกข้าเห็นเล่า?”
  เมื่อได้ยินคำขอทื่อๆของลูกสาวเจ้าตระกูลหยวนแทบจะกระโดดขึ้นด้วยความกลัว เพราะนามของผู้อาวุโสมิใช่สิ่งที่จะถามได้เฉยๆ ไม่ต้องพูดถึงการขอให้เขาปรากฏตัวเลย!
  แต่ก็โชคดีที่จ้าวเทวะผู้นั้นถูกใจหยวนหยิงหยิงเขาเพียงแค่หัวเราะ
  “ชื่อข้ามันยาวเรียกข้าว่าผู้เฒ่าหลงก็พอ”
  “ได้เลยปู่หลง!”
  หยวนหยิงหยิงหัวเราะคิกคัก
  ปู่หลงรึ?เหล่าคนตระกูลหยวนปากบิดเบี้ยว มีแค่เด็กโง่อย่างนางเท่านั้นที่จะกล้าเรียกจ้าวเทวะอย่างสนิทสนมเช่นนั้น!
  แม้แต่ซือหยูก็ยิ้มแหยๆเมื่อได้ยินชื่อเล่นใหม่จากนางเพราะเขาต้องสร้างตัวตนปลอมขึ้นมาอย่างยากลำบาก แต่เขาก็ถูกเรียกว่าปู่จากเด็กผู้หญิงคนนี้! เขาตามใจนางเกินไปแล้ว!
  “หึหึช่วงนี้ข้าต้องบ่มเพาะพลัง ถ้าข้าว่างเมื่อไหร่ ข้าจะมาชี้แนะเจ้าแน่นอน”
  ซือหยูพูด
  จากนั้นเสียงจึงได้หายไปคนตระกูลหยวนยังคงตกใจอยู่แม้ว่าเสียงนั้นจะจากหายไปแล้ว
  เมื่อทุกคนหายตกใจหลายคนจับจ้องไปยังหยวนหยิงหยิงผู้โง่เขลาที่ยังอยู่ที่นี่ แววตาแต่ละคนรุ่มร้อนราวกับจะเผานางไปพร้อมๆกับดวงตาเหล่านั้น!
DND.744 – สูตรโอสถโบราณ
  หยวนหยิงหยิงก้มหน้านางตกใจกลัวที่ถูกจ้องมองโดยคนจำนวนมาก นางเป็นกังวลจนเกือบจะร้องไห้
  “ลุงซือ”
  หยวนหยิงหยิงมองรอบๆก่อนจะเหลือบมองซือหยูด้วยแววตาวิงวอน
  ซือหยูลืมตาและเดินไปหานาง
  “ยินดีด้วยนายหญิงสองท่านจะได้ยอดฝีมือมาชี้แนะแล้ว! มันน่าเฉลิมฉลองเสียจริง”
  คำพูดท่ามกลางความเงียบสนิทจากทั้งสองทำให้ผู้คนรู้สึกตัวเจ้าตระกูลหยวนลูบมือทั้งสองและหัวเราะอย่างสุขใจ
  “วันนี้เป็นวันที่น่ายินดีของตระกูลเราหยิงหยิง มาบอกพวกเราสิว่าเจ้าเจอกับท่านผู้อาวุโสได้อย่างไร”
  หยวนหยิงหยิงสับสนงงงวยนางบอกแก่คนในตระกูลถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอีกครั้ง และมันก็เหมือนกับที่หยวนหวังปี่พูดทุกประการ แต่นางพูดอย่างละเอียดมากกว่า เหล่าผู้อาวุโสตั้งใจฟังนาง หลังจากได้ฟังคำอธิบายทั้งหมด พวกเขาก็มองหยวนหยิงหยิงด้วยสายตาซับซ้อน
  แม้ทุกคนจะไม่ชอบนางแต่พวกเขาก็ต้องมองนางใหม่เพราะผลประโยชน์ที่นางทำให้แก่ตระกูล แม้พวกเขาจะยังไม่ยอมรับนาง แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ต้องหยุดเย็นชาและข่มเหงนาง
  เจ้าตระกูลหยวนพูดขึ้นมา
  “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วพวกเจ้าคงจะเข้าใจแล้วสินะ หยิงหยิงมีจ้าวเทวะสนใจและได้ทำประโยชน์แก่ตระกูลหยวนของเรา”
  “นี่เป็นการทำประโยชน์ลำดับสองนางจะได้แก้วเจ็ดดาวสี่ดวงกับแก้วอีกสี่สิบดวง นางจะได้สิทธิ์เข้าสู่สระโอสถหนึ่งครั้ง”
  เขาเพิ่มพูนรางวัลให้นางอีกหนึ่งเท่าตัวนั่นหมายความว่านางจะได้รางวัลมากกว่าหยวนหวังปี่เป็นสองเท่า เจ้าตระกูลหยวนมีความสุขกับบุตรสาวของเขามาก
  ผู้เฒ่าผมขาวนามปั่วจินเปิดปากจะพูดแต่เขาก็ต้องกลืนคำพูดลงไป
  “ขอบคุณท่านพ่อ”
  หยวนหยิงหยิงดีใจมากนางเดินหน้าแดงไปที่ข้างซือหยู
  นางที่มักจะถูกทุกคนจงใจมองข้ามในอดีตได้กลับมาสู่ความสนใจของทุกคนเมื่อถึงตอนนี้ ทุกคนถึงได้มองเห็นชายแก่แปลกๆท่ามกลางเหล่าทหาร เขาสวมชุดทหารและดูโดดเด่น เขาดูเหมือนไม่ใช่คนจิวโจว
  “เจ้าเป็นใครรึ?”
  เจ้าตระกูลหยวนเองก็เล็งเห็นถึงความโดดเด่นของเขาเขาไม่กล้าจะดูถูกชายแก่คนนี้
  หยวนหยิงหยิงกอดแขนของซือหยูและตอบ
  “พ่อลุงซือเป็นคนแก่เร่ร่อน เราเจอเขาที่เส้นทาง เขาอยู่ลำพังน่าสงสาร ข้าเลยพากลับมากลับเรา”
  คนเร่ร่อนรึ?เจ้าตระกูลหยวนส่ายหน้าเมื่อได้ฟังคำอธิบายจากนาง นั่นก็เพราะเขาดูเหมือนยอดฝีมือที่สภาพย่ำแย่มากกว่าคนเร่ร่อน!
  แม้ว่าชายแก่นี้จะดูไร้ฐานพลังแต่หลายๆคนก็บอกได้จากท่าทางและสายตาของเขา เพียงแต่มองครั้งเดียวเจ้าตระกูลหยวนก็สัมผัสได้ถึงความมั่นใจและสุขุม
  คุณสมบัติเช่นนี้มิได้มาจากคนเร่ร่อนอย่างแน่นอน!แต่เจ้าตระกูลหยวนก็ไม่พูดอะไร เพราะมีคนมากมายเหมือนกับชายคนนี้ที่เจอกับชะตากรรมอันยากลำบากในเทือกเขาคราม
  “หยิงหยิงยังเป็นเหมือนเดิมสินะ…”
  เจ้าตระกูลหยวนถอนหายใจด้วยความรัก
  “ให้เขาอยู่ตระกูลหยวนตำหนักทิศอุดรยังขาดคนกวาด เจ้าไปพักที่นั่นเถอะ”
  ซือหยูประสานหมัดให้เขา
  “ขอบคุณท่านเจ้าตระกูลหยวน”
  “ไม่เป็นไรพวกเจ้าไปได้แล้ว แต่เจ้ากับหวังปี่อย่าเพิ่งไป”
  เจ้าตระกูลหยวนสั่งสลายการชุมนุม
  หยวนหยิงหยิงมองหยวนหวังปี่ที่ยังคุกเข่าอยู่กับพื้นนางเข้าไปพยุงผู้เป็นพี่
  “ท่านพี่ท่านผู้นั้นไปแล้ว ยืนขึ้นม…”
  เพี๊ยะ!
  มือของนางถูกหยวนหวังปี่ปัดทิ้งก่อนที่หยวนหวังปี่จะยืนขึ้นมาเองนางมองหยิงหยิงอย่างเยือกเย็น
  “ยินดีด้วยน้องสาวที่รักของข้าเจ้าปิดบังได้ดี! ข้าต้องนับถือเจ้าเลยล่ะ”
  หยวนหยิงหยิงตกใจกับคำพูดของนาง
  “ท่านพี่พูดอะไรน่ะ?”
  “อย่าแกล้งโง่ไปหน่อยเลย”
  หยวนหวังปี่ยิ้มอย่างเย็นชา
  “มันจะบังเอิญขนาดนั้นเชียวรึ?ตอนที่เจ้าถูกต่อว่า จู่ๆผู้อาวุโสก็โผล่มา! นั่นมันจงใจชัดๆ”
  มิอาจปฏิเสธได้ว่าผู้หญิงคนนี้คิดอ่านได้อย่างเฉียบแหลม
  “และผู้อาวุโสก็จงใจเล็งข้าให้เจ้าได้ก้าวข้ามข้าไป!”
  หยวนหวังปี่รู้สึกอัปยศอย่างมาก
  ตอนที่ทุกคนคิดว่าจ้าวเทวะช่วยพวกเขาเพราะว่านางผู้อาวุโสกลับปรากฏตัวออกมาชี้ความจริง นั่นทำให้นางอับอายจนกระอักกระอ่วนจนถึงตอนนี้
  ผู้อาวุโสจ้าวเทวะคงจะขยะแขยงการรังแกสตรีโดยเฉพาะคนที่เขาไม่รู้จักแม้แต่น้อย ดังนั้นสิ่งเดียวที่จะอธิบายได้ก็คือมันถูกขอโดยน้องสาวของนางที่อยากจะเจิดจรัสขึ้นมา!
  “ท่านพี่ข้าไม่ได้ทำนะ!”
  หยวนหยิงหยิงร้องไห้ขณะที่อธิบาย
  “ข้า….”
  “ไม่ต้องพูดอะไรแล้วข้ามันโง่ที่เชื่อว่าเจ้ามันไร้เดียงสา จะโทษใครได้นอกจากข้าเองเล่า”
  หยวนหวังปี่ถอนหายใจแรง
  หยวนหยิงหยิงยังอยากจะอธิบายแต่ซือหยูก็ลากตัวนางไป เขาพูดกับนางอย่างใจเย็น
  “ไปเถอะเจ้ากับนายหญิงอยู่ในคนละโลก คงจะดีถ้าเจ้าไม่ได้พูดคุยกับนางตั้งแต่วันนี้ไป”
  ซือหยูชิงชังผู้หญิงอย่างหยวนหวังปี่เพราะนางเจ้าอุบายและคดเคี้ยวจนคิดว่าทุกคนเป็นเหมือนนาง! ซือหยูไม่ได้จงใจเล่นงานนาง เขาเพียงอยากจะช่วยหยวนหยิงหยิงเท่านั้น!
  “เจ้าพูดถูกเรามันอยู่คนละโลกกัน คนหนึ่งทะยานอยู่บนฟ้า อีกคนหมอบคลานอยู่บนดิน”
  หยวนหวังปี่มองซือหยูอย่างเยือกเย็น
  ซือหยูตอบ
  “นั่นแหละถูกแล้วนางทะยานอยู่บนฟ้า ส่วนเจ้าคลานอยู่บนดิน”
  “เจ้า!”
  หยวนหวังปี่สีหน้าหม่นหมองและกัดฟันแน่น
  หยวนหยิงหยิงถูกซือหยูดึงตัวไปอย่างงุนงงนางรู้สึกไม่ดีอย่างมาก
  …
  “หวังปี่การเดินทางลับครั้งนี้ของเจ้าเป็นอย่างไร?”
  เมื่อทุกคนไม่อยู่แล้วเจ้าตระกูลหยวนได้ถามด้วยความคาดหวัง
  หยวนหวังปีสีหน้าเปลี่ยนไปนางดีใจขึ้นมาทันควัน
  “ท่านพ่อยังต้องถามอีกรึ?”
  “ถ้าอย่างนั้น…ตระกูลชางก่วนก็ทำตามสัญญาในอดีตและจะเป็นหนึ่งเดียวกับพวกเราจากการแต่งงานสินะ?”
  เจ้าตระกูลหยวนดีใจมาก
  ตอนที่เจ้าตระกูลหยวนได้ออกเดินทางในอดีตเขาลงเอยได้ช่วยเหลือเจ้าตระกูลชางก่วนที่บาดเจ็บโดยบังเอิญ เจ้าตระกูลชางก่วนได้สัญญาว่าจะเชื่อมตระกูลเป็นหนึ่งโดยการวิวาห์ ถ้าหากลูกหลานรุ่นต่อมาเป็นเพศตรงข้ามกัน
  เจ้าตระกูลหยวนไม่ได้สนใจมากนักในตอนนั้นเพราะเขารู้สึกว่าเขาคงไม่ได้สายสัมพันธ์กับตระกูลชางก่วนอันยิ่งใหญ่ แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา สถานการณ์ของตระกูลหยวนในเทือกเขาครามได้ย่ำแย่ลง พวกเขากำลังถูกพันธมิตรปรุงยารังควาน
  เขายังถูกบังคับให้หมั้นหยวนหยิงหยิงผู้เป็นบุตรสาวกับเฉาหยินเพื่อที่จะแสดงความสัมพันธ์อันดีต่อพันธมิตรพอถึงตอนนั้น เจ้าตระกูลหยวนจึงได้ระลึกถึงคำสัญญาและตัดสินใจว่าจะต้องลงมือในตอนนี้ เขาจึงส่งบุตรสาวทั้งสองไปที่นั่นกับของที่ระลึกที่เจ้าตระกูลชางก่วนเคยมอบให้
  เขาไม่ได้มีความหวังหรือคาดหวังว่าการเดินทางครั้งนี้ของพวกนางจะประสบความสำเร็จแต่หยวนหวังปี่กลับทำให้เขามีความสุขหลังจากที่กลับมา!
  “ชางก่วนหยุนซื่อที่เป็นนายน้อยตระกูลชางก่วนประทับใจข้าเขามิได้ต่อต้านการหมั้นหมาย”
  หยวนหวังปี่หน้าแดงเมื่อคิดถึงใบหน้าหล่อเหลาของชางก่วนหยุนซื่อและสถานะอันยิ่งใหญ่ของเขานางหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะและยิ้มออกมา
  เจ้าตระกูลหยวนยิ้มและพูดด้วยความยอมรับ
  “คำสัญญาของเจ้าตระกูลชางก่วนมีค่านับทองพันชั่งจริงๆ!สมกับที่เป็นตระกูลยิ่งใหญ่ แม้จะผ่านมายี่สิบปี แต่เขาก็ยังใส่ใจกับการรักษาสัญญา”
  เขาได้ยกภูเขาที่ทับอกออกไปสีกทีแต่เมื่อนึกถึงหยวนหยิงหยิง เขาก็มีสีหน้าเศร้าหมอง
  เขาถอนหายใจ
  “เราทำให้หยิงหยิงต้องเป็นทุกข์ทีแรกเฉินหยินชอบพอเจ้า แต่หยิงหยิงก็ยินดีจะมาแทนที่เจ้าและหมั้นกับเขา เจ้าอย่าทำให้นางเสียใจล่ะ นางรักและนับถือเจ้ามาตลอด”
  คนที่สายตาเฉียบแหลมนั้นบอกได้เลยว่าคนที่แต่งงานกับเฉินหยินจะไม่ได้มีฐานะสูงส่งอะไรและนางคงจะต้องพบเจอกับความยากลำบาก ดังนั้นตระกูลหยวนจึงไม่ยินยอมแม้แต่น้อย แต่พันธมิตรปรุงยานั้นมีอำนาจใหญ่หลวงจนท้ายสุดหยวนหยิงหยิงจึงยินยอมด้วยตัวเอง นั่นทำให้พันธมิตรปรุงยาพูดอะไรไม่ได้อีก
  “ข้ารู้…”
  หยวนหวังปี่ตอบอย่างใจเย็น  เจ้าตระกูลหยวนพยักหน้า
  “ดีแล้วตระกูลชางก่วนได้พูดสิ่งใดอีกหรือไม่?”
  “ไม่เลยเราแค่รอให้พวกเขามาหมั้นหมายอย่างเป็นทางการเท่านั้น”
  หยวนหวังปี่คาดหวังกับเรื่องนี้มาก
  เมื่อซือหยูมาเป็นข้ารับใช้เขาได้สวมชุดของข้ารับใช้และกวาดพื้นอย่างอดทน
  ตกกลางคืนหยวนหวังปี่ได้มาหาเขาพร้อมกับข้ารับใช้อีกสองคน
  “เป็นอย่างไรบ้าง?คงไม่ง่ายสินะที่เจ้าจะมาทำงานหนักตอนอายุเท่านี้…”
  ซือหยูส่ายหน้า
  “ขอบคุณที่เป็นห่วงแต่ข้ายังพอจับไม่กวาดได้ แต่เจ้ามาที่นี่ทำไม? คงจะไม่ใช่แค่มาคุยกับคนแก่อย่างข้าสินะ!”
  นางปรบมือเบาๆและฉีกยิ้มทันใดนั้นก็มีข้ารับใช้ยกถาดมาหาซือหยู
  “เงินแสนชั่ง…คงจะพอในชีวิตที่เหลืออยู่ของเจ้า…”
  หยวนหวังปี่กล่าว
  ซือหยูกวาดต่อไปโดยไม่เลยหน้า
  “ถ้ามีอะไรจะพูดก็พูดมา”
  “ออกจากตระกูลหยวนไปซะ!แล้วก็ตกลงว่าเจ้าจะไม่มาเจอข้าอีก”
  หยวนหวังปี่สีหน้าเยือกเย็น
  มีเพียงการไล่ซือหยูออกไปเท่านั้นที่จะทำให้เฉาหยินมีโอกาสกำจัดเขา!
  “ต่อให้ข้าอยู่ในตะหนักตระกูลหยวนต่อไปเจ้าก็ไม่ได้เห็นหน้าข้าอยู่ดี”
  ซือหยูพูดอย่างใจเย็นและหันไปมองนาง
  “นายหญิงถ้าเจ้าไม่มีอะไรจะพูดอีก ข้าก็จะไปล่ะ”
  หยวนหวังปี่มองซือหยูอย่างเยือกเย็น
  “อย่างอวดดีเกินไปนักข้าจะทำให้เจ้าต้องเสียใจ”
  ซือหยูทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดของนางเขาพักอยู่ครู่หนึ่งและกลับไปยังบ้านไม้และเอนกายลงบนเตียงไม้ แต่แท้จริงวิญญาณของเขาได้เดินร่อนเร่ไปรอบๆตำหนักหยวน
  คงดีถ้าข้าหาทางฟื้นฟูร่างกายได้ด้วยตัวเองแทนที่จะร้องขอคนอื่นข้าจะได้ไม่ต้องเจอปัญหา ซือหยูรู้สึกว่าเขาหาข้อมูลวิธีฟื้นฟูได้ด้วยตัวเขาเองในห้องปรุงยาของตระกูลหยวน
  ไม่นานเขาก็พบแหล่งเก็บสูตรโอสถของตระกูลหยวนเอาไว้มากมายยังมีวิชาสกัดโอสถด้วย ห้องนี้ถูกคุ้มกันอย่างแน่นหนา มีภูติไม่ต่ำกว่าสิบคนอยู่ที่นี่ ยังมีลำดับป้องกันเอาไว้ด้วย
  แต่น่าเสียดายที่ซือหยูเป็นร่างวิญญาณเขาผ่านกำแพงและการป้องกันทุกขนาน เขาเริ่มค้นหาสิ่งล้ำค่าอย่างอดทน
  เขาไม่สนใจเหล่าวิชาสกัดโอสถเลยเพราะเขามีวิชาลับผลิตโอสถสวรรค์ของเทียนจี่จื้ออยู่แล้ว เขาไม่สนใจวิชาลับของตระกูลหยวน เขาสนใจแค่โอสถและสูตรในการสร้างมัน
  “ผงเพลิงพิโรธ?”
  ซือหยูอ่านสูตรโอสถเขามองเพียงครั้งเดียวและส่ายหน้า…
  โอสถมันเข้มข้นเกินไปและเหมาะกับหนุ่มสาวที่มีร่างกายแข็งแรงดังนั้นมันจึงไม่เหมาะกับซือหยูในตอนนี้
  ไม่นานเขาก็พบสูตรโอสถอีกโอสถอาทิตย์วสันต์? สามารถรักษาอวัยวะภายในให้สุขภาพดี แต่สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้ของซือหยูก็ถือการทำให้สายพลังโลหิตฟื้นตัวกลับมา เขาไม่ต้องการมันในตอนนี้
  เขาค้นหาเช่นนี้ต่อไปหนึ่งชั่วยามและพบว่าตระกูลหยวนเก็บโอสถไว้มากมายจริงๆหลายอย่างนั้นเหมาะกับการฟื้นฟูร่างกายที่บาดเจ็บ แต่เขาก็ยังไม่พบโอสถที่เหมาะกับเขา เพราะฉะนั้นเขาจึงได้แต่มองข้ามสูตรโอสถทั้งหลายไปโดยไม่เจอสิ่งที่ถูกใจ
  “มันไม่ควรจะเป็นเช่นนี้สิ…”
  ซือหยูพูดเบาๆ
  “ตระกูลหยวนเป็นตระกูลปรุงยาเก่าแก่ที่ได้รับความนับถือมันไม่น่าจะมีแค่สูตรโอสถระดับต่ำ”
  ส่วนใหญ่ที่ข้าเห็นมีแต่โอสถที่เหมาะกับภูติขั้นต้นแต่มันไม่น่าจะเป็นทุกอย่างที่พวกเขามี!
  ซืหยูหรี่ตามองรอบๆอย่างละเอียดอีกครั้งแต่ในตอนนั้นเองเขาก็รู้สึกว่าวิญญาณของเขาสั่นเบาๆ
  มันเกิดจากหลุมไฟที่ใช้สกัดโอสถเพลิงของมันจุดมายาวนานกว่าร้อยปีแล้ว วิญญาณของซือหยูเข้าไปในหลุมเพลิงนั้นและพบว่ามันมีห้องอยู่ด้วย!
  ด้านในห้องมีตำราโลหะที่วางอยู่บนแท่นขนาดใหญ่ตำรานี้มีอักษรประหลาดเขียนเอาไว้ เมื่อเขามองใกล้ๆก็พบว่ามันคือสูตรโอสถระดับสูงทั้งหมด!
  โอสถคืนชีพหยางพิสุทธิ์?ซือหยูเจอสูตรโอสถฟื้นฟูหนึ่งตัวยา มันคือโอสถที่จะมีผลกับทุกคนที่ยังไม่เป็นจ้าวเทวะ แต่มันจะให้ผลดีที่สุดกับภูติระดับต้น
  มันสามารถฟื้นฟูสายพลังภายในและรักษาสายพลังที่ขาดหายผลทางยาของมันอ่อนโยนและรับประทานได้หลายครั้ง มันคือสูตรโอสถฟื้นฟูที่เขากำลังมองหา!
  เขาจดจำวัตถุดิบทั้งหมดที่ต้องใช้พร้อมกับวิธีการปรุงและเมื่อพบว่าเขายังมีเวลาเหลือ เขาจึงอ่านสูตรโอสถอื่นๆต่อไป…
  “โอสถขยายภูติ…โอสถที่จะเพิ่งโอกาสการเป็นภูติได้สามในสิบส่วน”
  ซือหยูตาลุกวาวถ้าเขาได้โอสถนี้มา เขาจะมีโอกาสก้าวหน้าต่อไปได้สูงขึ้น!
  เขาอ่านมันต่อไป
  “มีโอกาสล้มเหลวในการปรุงโอสถนี้อย่างมากมันต้องใช้วัตถุดิบที่ซับซ้อนและราคาสูง จำเป็นต้องปรุงอย่างละเอียด”
  เขาอ่านสูตรจนจบก็พบบันทึกอยู่ข้างใต้ดูเหมือนว่ามันจะเพิ่มขึ้นมาเพื่อเป็นคำเตือนแก่ลูกหลานตระกูลหยวน
  โอกาสล้มเหลวสูงงั้นรึ?ซือหยูหัวเราะอย่างมั่นใจและจดจำสูตรโอสถนี้ เขาเปิดตำราต่อไปก่อนจะมาถึงหน้าสุดท้าย นั่นทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป
  “วารีผงกลั่นดวงใจ”
  ซือหยูอ่านและขมวดคิ้ว
  โอสถโบราณงั้นรึ?ซือหยูใจสั่นเมื่ออ่านบันทึกสีแดงที่ต้องตา