ตอนที่ 745-746

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.745 – วิชาปรุงยาขั้นสูงสุด
  คำว่า‘โบราณ’ นั้นแฝงไว้ด้วยความสำคัญ เพราะยุคโบราณนั้นแทบจะเป็นช่วงเวลาที่ลึกลับที่สุดที่เต็มไปด้วยตัวตนอันทรงพลัง พวกเขาล้วนเกิดขึ้นในเวลานั้น เหล่าผู้ทรงอำนาจได้ต่อสู้แย่งชิงอำนาจกันเพื่อไปถึงจุดสูงสุด มันตระการตา ทรงพลัง และเป็นช่วงเวลาที่เฟื่องฟูที่สุด
  พูดได้เลยว่ามันคือยุคสมัยในตำนานทุกสิ่งที่ตกทอดมาจากยุคสมัยนั้นมีพลังที่ไม่อาจเทียบได้ อีกทั้งยังมีพลังวิเศษหลายรูปแบบ ทุกสิ่งมีความพิเศษเป็นของตัวเอง
  ซือหยูมองสูตรโอสถอย่างละเอียดเขาอ่านมันออกมา
  “วารีผงกลั่นดวงใจสามารถเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะพลังอีกทั้งยังมีผลในการฟื้นฟูจุดกำเนิดพลังและการหลอมรวมพลังชีวิตในภูติขั้นกลาง! และถ้าหากรับประทานโอสถนี้อย่างยาวนาน โอสถจะช่วยปรับดวงวิญญาณและเพิ่มพลังวิญาณขึ้นได้ หลังจากใช้โอสถนี้ไปแล้ว วิญญาณของผู้ใช้จะแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปสามในสิบส่วน!”
  ซือหยูเหลือบมองใต้สูตโอสถและพบข้อความบรรทัดเล็กๆ
  :บันทึก:
  คนที่มีพรสวรรค์วิญญาณจะได้รับผลของโอสถมากกว่าคนทั่วไปเป็นสองเท่า
  ซือหยูเบิกตากว้างในทันที…ถ้าหากมันเพิ่มฐานพลังของภูติระดับกลางได้มันก็ควรจะนับเป็นโอสถระดับสูง แต่มันน่าจะไม่ควรถูกจัดว่าเป็นโอสถโบราณ แต่บันทึกที่บอกว่าจะช่วยปรับดวงวิญญาณนั้นเป็นผลทางโอสถที่หายากอย่างยิ่งยวด
  เพราะพลังในวิญญาณของแต่ละคนจะตัดสินถึงระดับความเข้าใจโดยเฉพาะคนที่มีวิญญาณแข็งแกร่ง พวกเขาจะเข้าใจวิชาบ่มเพาะได้อย่างรวดเร็วและจะเดินในวิถีแห่งการบ่มเพาะพลังได้ยาวไกลขึ้น เรื่องนี้เป็นที่รับรู้กันในหมู่ผู้บ่มเพาะพลังอยู่แล้ว
  ส่วนมากวิญญาณของคนจะแข็งแกร่งขึ้นตามฐานพลังที่มากขึ้นพอดีกับฐานพลัง นั่นก็เพราะเป็นเรื่องยากมากที่จะเพิ่มระดับพลังดวงวิญญาณกว่าพลังพื้นฐาน อย่างเช่นความยากของคนที่เป็นภูติขั้นต้นที่จะมีพลังจิตวิญญาณในระดับภูติขั้นกลาง
  แม้แต่ซือหยูเองก็มีพลังวิญญาณเทียบเท่ากับภูติขั้นต้นเท่านั้นแม้ว่าเขาจะเป็นกึ่งภูติที่มีแก้วสามดวงแล้วและเขามาถึงระดับนี้ได้ก็เพราะหม้อเก้ามังกรและวิชาโอรสสวรรค์จ้องนภาร่วมกัน
  แม้กระนั้นเขาก็ต้องบ่มเพาะพลังมาหลายปีจนมาถึงระดับนี้ได้ ถ้าหากเป็นคนธรรมดาก็คงจะมาถึงระดับซือหยูไม่ได้เลย เพราะคนเช่นนั้นควรจะเปล่งประกายอย่างมากแม้แต่ในจิวโจว
  ซือหยูใจเต้นเร็วยิ่งกว่าเดิมเมื่ออ่านบันทึกเล็กๆที่แนบไว้เขาแทบจะไม่เชื่อว่าคนที่มีพรสวรรค์วิญญาณจะได้รับผลในโอสถเป็นสองเท่า!
  หรือพูดอีกอย่างก็คือถ้าซือหยูใช้โอสถนี้เป็นเวลานานขณะที่วิญญาณของเขามีพลังในระดับภูติขั้นต้น มันอาจจะทำให้เขามีวิญญาณของภูติชั้นสูงก็เป็นได้! ด้วยเงื่อนไขเช่นนี้ ซือหยูจะบ่มเพาะวิชาต่างๆได้ง่ายดายยิ่งขึ้น เขาจะกลายเป็นคนที่ไร้คู่ปรับในพรสวรรค์อย่างแท้จริง!
  ซือหยูตื่นเต้นอย่างมากเมื่อคิดได้เช่นนี้เขาพยายามจดจำวิธีปรุงโอสถและสูตรของมัน ไม่นานเขาก็จดจำมันได้โดยไม่ต้องมองตำราด้วยซ้ำ
  “ไม่คิดเลยว่าตระกูลหยวนจะมีโอสถขัดบัญชาสวรรค์แบบนี้อยู่ด้วย!”
  ซือหยูพูดอย่างนับถือสิ่งที่เขาได้มาในค่ำคืนนี้นั้นเหนือกว่าที่คาดอย่างมาก
  ยามวิกาลยังคงยาวไกลวิญญาณของซือหยูกลับสู่ร่างอย่างรวดเร็ว เขาได้สูตรโอสถมาสามชนิดในครั้งนี้ นั่นคือโอสถคืนชีพหยางพิสุทธิ์ โอสถขยายภูติ และโอสถโบราณที่เรียกว่าวารีผงกลั่นดวงใจ
  ตอนที่ซือหยูสังเกตุดูสูตรของโอสถทั้งสามเขาพบว่าเขาไม่รู้จักวัตถุดิบชนิดใดเลยเพราะพวกมันล้วนเป็นสมุนไพรวิญญาณที่ยังไม่เคยพบเห็นในเฉินหลง และแม้ว่าเขาจะเคยเห็น พวกมันก็หายากมากที่จะมาอยู่ในมือเขา
  จะอย่างไรเขาก็ใช้แก้วพลังทั้งหมดที่ได้จากกระโจมเทพสวรรค์ไปแล้ว ตอนนี้เขามิอาจซื้อวัตถุดิบราคาแพงได้ เขาจะต้องหาหนทางอื่น
  เขาเคลื่อนไหวมาตลอดวันเขาเหนื่อยอ่อนอยู่เล็กๆ เขาหลับตาและจะพักจนถึงรุ่งสาง
  “ปู่ซือ”
  เมื่อเขาตื่นขึ้นมาและเพิ่งจะล้างหน้าซือหยูได้ยินเสียงอ่อนหวานมาจากด้านนอก
  เขาเปิดประดูและพบว่าหยวนหยิงหยิงมายืนรอเขาอย่างยิ้มแย้มดวงตาของนางรอยแดงที่เหมือนกับไม่ได้นอนมาตลอดคืน แม้นางจะยินดีที่ชะตาของนางเปลี่ยนไป แต่นางก็เจ็บปวดอย่างมากที่พี่สาวของนางเข้าใจนางผิด
  “แม่หนูเข้ามาสิ ทำไมเจ้ามาหาชายแก่อย่างข้าล่ะ?”
  ซือหยูค่อนข้างเอ็นดูนางเลยพูดกับนางอย่างใจดี
  หยวนหยิงหยิงแอบแบมือเผยให้เห็นโอสถเม็ดกลมมันมีลายอยู่บนเม็ดที่ขยับได้ มันทำให้โอสถดูวิเศษ
  โอสถนี้ยังมีกลิ่นหอมอันน่าจดจำซือหยูบอกได้ทันทีว่ามันคือโอสถวิญญาณราคาแพง
  “เมื่อวานท่านพ่อสั่งให้คนส่งรางวัลมาให้ข้ารางวัลคือแก้วเจ็ดดาวสี่ดวง หนึ่งดวงเป็นของข้า อีกหนึ่งเป็นคนปู่ซือ อีกหนึ่งเป็นของท่านพี่ สุดท้ายเป็นของท่านพ่อ”
  หยวนหยิงหยิงกล่าว
  นางยิ้มอย่างใสซื่อและเรียบง่ายแม้หยวนหวังปี่จะทำร้ายจิตใจนางเมื่อวาน นางก็ยังคงเป็นห่วงเป็นใยพี่สาว และไม่ว่านางจะใช้วิธีนี้ทำให้พี่สาวของนางยอมรับหรือไม่ประการใด แต่ก็น่าสงสารนักที่มันกลับได้ผลตรงข้ามจากที่นางปรารถนา
  “เจ้าควรจะใช้มันบ่มเพาะพลังของเจ้าเองถ้าเจ้าใช้มันทั้งสี่เม็ด เจ้าอาจจะได้เป็นกึ่งภูติที่มีแก้วสองดวงก็ได้”
  หยวนหยิงหยิงสับสนเล็กน้อยที่ซือหยูรู้ระดับพลังของนางนางส่ายหน้าตอบ
  “ไม่หรอกพวกเราบ่มเพาะด้วยกันไม่ดีกว่ารึ? นี่ของท่านหนึ่งเม็ด ปู่ซือ”
  ซืหยูหัวเราะอย่างไม่เต็มใจ
  “ข้าเป็นแค่คนธรรมดาโอสถวิญญาณไร้ผลกับข้านะ”
  ซือหยูหยุดพูดไปก่อนจะกล่าวเสริม
  “นายหญิงสองถ้าเจ้าอยากจะช่วยข้าจริงๆ เจ้าจะหาวัตถุดิบทำโอสถสักสองชุดได้หรือไม่?”
  หยวนหยิงหยิงตาลุกวาวเมื่อมองรายการวัตถุดิบที่เขายื่นให้นางพูดด้วยความตกใจ
  “นี่ปู่มันคือสูตรโอสถลับของตระกูลข้า มีทั้งโอสถคืนชีพหยางพิสุทธิ์กับโอสถขยายภูติ ปู่ซือมีมันได้ยังไง?”
  ซือหยูแปลกใจและทึ่งในความเฉลียวฉลาดของนางมากซือหยูเคยคิดว่าหยวนหยิงหยิงเป็นคนซื่อๆและไม่มีปัญญานัก แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้นเลย
  ซือหยูระมัดระวังและสลับลำดับของวัตถุดิบมาแล้วก่อนที่จะยื่นให้นางและเขาก็ยังเพิ่มวัตถุดิบหลอกเพื่อไม่ให้มันเกี่ยวเนื่องกันอีกด้วย
  เขาทำทุกอย่างก็เพื่อที่ทำให้ยากต่อคนปรุงโอสถจะเข้าใจว่ามันคือโอสถจากตระกูลหยวนแต่เพียงพริบตาเดียว เด็กสาวที่ดูไร้ปัญญาและน่ารักคนนี้กลับมองออกได้อย่างน่าอัศจรรย์!
  “อย่างนั้นหรอกรึ?สูตรนี้มีผู้อาวุโสมอบให้ข้าตอนที่เจอเมื่อครั้งเดินทาง ตระกูลเจ้าก็มีมันเหมือนกันรึ?”
  ซือหยูกระพริบตาแสดงความแปลกใจ
  หยวนหยิงหยิงเกาหัวด้วยความสับสน
  “แปลกจริงๆแต่ไม่เป็นไร ข้ามีวัตถุดิบทั้งหมดนี่ ปู่ซือไปที่ห้องกับข้าสิ”
  นางมีวัตถุดิบปรุงโอสถในห้องงั้นรึ?ซือหยูเดินตามนางไปด้วยความสงสัยและงุนงงที่นางเก็บวัตถุดิบไว้อย่างนั้น
  แม้นางจะถูกตระกูลรังเกียจนางก็สถานที่อาศัยที่เหมาะกับฐานะ ที่พักของนางมีสวนขนาดใหญ่ มีห้องฝึกวิชา ห้องปรุงยา ห้องรับรอง ห้องนั่งเล่น ห้องนอน และศาลาที่มีบ่อน้ำเล็กๆที่เต็มไปด้วยน้ำสะอาดจากภูเขา นางมีทุกอย่างที่นางต้องการ
  หยวนหยิงหยิงพาซือหยูไปที่ห้องปรุงยาที่เต็มไปด้วยวัตถุดิบเรียงรายตามด้วยอุปกรณ์ปรุงยากลิ่นของวัตถุดิบหลากหลายชนิดคละคลุ้งไปทั้งห้อง
  บอกได้เลยว่าห้องนี้ถูกใช้งานบ่อยครั้งไฟที่ใช้ปรุงยายังไม่ดับสนิทเสียด้วยซ้ำ ดูเหมือนว่านางจะใช้ห้องนี้ในเมื่อวาน นั่นทำให้ซือหยูสงสัย…สาวน้อยคนนี้ฝึกปรุงยาทุกวันงั้นรึ?
  “วิชาปรุงยาของตระกูลข้าจะถูกสอนให้ลูกหลานโดยตรงเท่านั้นท่านพ่อกับท่านพี่เลยได้ฝึกฝนมัน ข้าอยากจะช่วยทั้งสองคนเลยแอบฝึกโดยไม่ให้ใครรู้ แต่เสียดายที่ข้าโง่จนเสียวัตถุดิบไปมากในหลายปีที่ผ่านมานี้ ข้าทำอะไรไม่สำเร็จเลย”
  หยวนหยิงหยิงส่ายหน้าด้วยความผิดหวังนางชี้ไปยังกองขวดที่มีโอสถที่แตก โอสถไม่ถูกขึ้นรูป และโอสถที่รูปร่างแปลกประหลาด
  มีเพียงนางที่เป็นนายหญิงตระกูลหยวนเท่านั้นที่จะมั่งมีพอในการฝึกฝนการปรุงยาโดยไม่ต้องกังวลถึงความล้มเหลว
  ซือหยูตกใจเมื่อเห็นบรรดาโอสถที่นางทำไม่สำเร็จเพราะเขามีวิชาปรุงยาของเทียนจี่จื้อ เขาเคยรู้ได้ในทันทีว่าโอสถที่นางทำกำลังอยู่ในจุดสำคัญที่จะสำเร็จ
  นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่การสืบทอดคนปรุงยาเป็นสิ่งล้ำค่าพวกเขาล้ำค่ายิ่งกว่าสูตรโอสถเสียอีก นั่นจึงเป็นเหตุที่พวกเขาไม่สอนคนนอกตระกูลง่ายๆ
  อาจพูดได้เลยว่าถ้าหากขาดความรู้ด้านการปรุงยาไม่ว่าพรสวรรค์จะมีมากเพียงไหน คนผู้นั้นก็อาจจะไม่สำเร็จสิ่งใดเลย
  แต่เก้าในสิบของโอสถที่หยวนหยิงหยิงพยายามหปรุงนั้นไปถึงขั้นหลอมรวมเป็นอย่างน้อยนั่นหมายความว่าแม้นางจะล้มเหลวในความพยายามในท้ายสุด แต่นางก็พลาดเพียงขั้นตอนเล็กๆที่มีความยากเท่านั้น!
  สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดก็คือนางเดินมาถึงจุดนี้ได้ด้วยตัวเองคนเดียวเท่านั้นนางไม่เคยได้รับการฝึกฝนอย่างเหมาะสมโดยใคร แต่นางก็เกือบจะไปถึงระดับของคนปรุงยาแล้ว!
  ซือหยูก้มลงมองหยวนหยิงหยิงและรู้สึกขึ้นมาทันทีว่าตระกูลหยวนเข้าใจนางผิดพวกเขามองข้ามอัจฉริยะนักปรุงยาไปแล้ว!
  “ทำไมเจ้าไม่บอกพ่อเจ้าล่ะว่าทำมาถึงขั้นนี้แล้ว?พ่อเจ้าจะต้องแอบสอนเจ้าแน่”
  ซือหยูแนะนำ
  หยวนหยิงหยิงขบริมฝีปากและส่ายหน้าอย่างหนักแน่น
  “ข้าไม่อยากจะสร้างปัญญาให้ท่านพ่อถ้าลุงๆคนอื่นรู้ พวกเขาก็จะทำให้ท่านพ่อลำบาก ข้าอยากจะเป็นลูกสาวว่าง่ายที่ไม่ก่อเรื่องให้ท่านพ่อเท่านั้น ข้าตั้งใจจะรอจนข้าทำสำเร็จก่อนจะบอกท่านพ่อ ถึงเวลานั้นเท่านั้นที่คนในตระกูลจะไม่ต่อต้าน”
  ซือหยูมองนางและลูบหัวพร้อมกับถอนหายใจถึงนางจะเป็นคนปรุงยาได้สำเร็จ คนในตระกูลก็คงจะหัวเราะเยาะและกดนางให้จมดินต่อไป
  นางคิดมาตลอดว่าที่ทุกคนไม่ชอบนางก็เพราะว่านางยังฝึกหนักไม่พอแต่นางไม่รู้เลยว่าปัญหาทุกอย่างมาจากอคติของคนเหล่านั้น ดังนั้นแม้นางจะฝึกหนักขึ้น มันก็ไร้ประโยชน์ในการเปลี่ยนใจคนในตระกูล
  “เจ้าเป็นเด็กดีจริงๆให้ข้าทำโอสถกับเจ้าจะได้หรือไม่?”
  ซือหยูยิ้มให้นางอย่างเป็นกันเอง
  หยวนหยิงหยิงตาเป็นประกายและถามด้วยความตื่นเต้น
  “ปู่พูดจริงนะ?ดีเลย! ไม่คิดเลยว่าข้าจะไม่ต้องเหงาทำยาคนเดียวแล้ว!”
  ซือหยูสงสารนางในใจเขาเสียใจที่ถูกรังแกหลายครั้งเพื่อเขา เขาเป็นแค่คนแปลกหน้าที่รู้จักกับนางไม่ถึงห้าวัน แต่เขาก็เอาชนะใจนางได้ จากเรื่องนี้ก็บอกได้เลยว่าไม่มีใครในทั้งตระกูลหยวน ตั้งแต่พี่สาวยันข้ารับใช้ที่จะให้ความสนใจกับนาง
  “มาทำโอสถขยายภูติก่อนดีกว่าแต่ข้ามีวัตถุดิบแค่สามชุด ปู่ต้องระวังนะ”
  หยวนหยิงหยิงพูดและหยิบวัตถุดิบทั้งสามชุดออกมาจากชั้นวางนางยื่นหนึ่งชุดให้กับซือหยู
  นางพูดต่อ
  “ที่นี่มีเพลิงปฐพีมันเหมาะกับคนอย่างพวกเราที่มีพลังชีวิตไม่พอ”
  ซือหยูพยักหน้าเขาถือวัตถุดิบและคิดถึงวิชาลับโอสถสวรรค์
  มีหลายวิชาปรุงโอสถถูกบันทึกเอาไว้ในคัมภีร์ของเทียนจี่จื้อเขาบันทึกเอาไว้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยมาตลอดชีวิต เขาปรุงโอสถบางอย่างไว้ใช้เองขณะที่เก็บสะสมโอสถอื่นๆมาจากคนรอบข้าง ดังนั้นคัมภีร์ของเขาจึงมีวิชาความรู้อย่างกว้างขวาง
  หนึ่งในนั้นคือวิชาที่เทียนจี่จื้อคิดค้นขึ้นมาก่อนตายมันคือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและเป็นวิชาที่เขาภูมิใจ มันคือ “วิชาปรุงยาขั้นสูงสุด!”
  วิชาปรุงยาขั้นสูงสุดนั้นถูกกล่าวขานว่าเป็นวิชาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการปรุงยามันถูกคิดค้นในสภาพแวดล้อมในอุดมคติ อย่างวัตถุดิบที่บริสุทธิ์สูงสุด เพลิงที่ร้อนสูงสุด การหลอมรวมสูงสุด มันเกือบจะเป็นขั้นตอนที่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย
  สิ่งที่สำคัญที่สุดคือขั้นตอนขั้นขีดสูงสุดถ้าหากมีข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อย โอสถก็จะล้มเหลวโดยสมบูรณ์ ดังนั้นมันจึงเป็นวิธีที่แม้แต่นักปรุงยาระดับสูงยังไม่กล้าลอง คนที่กล้าทำก็เห็นจะมีแต่คนวิกลจริตเท่านั้น
  แต่แม้ว่าวิชาปรุงยาขั้นสูงสุดจะมีโอกาสล้มเหลวสูงแต่ถ้าหากการปรุงสำเร็จ ระดับของโอสถก็จะถึงขั้นน่าตกตะลึง
  คัมภีร์ได้บันทึกเอาไว้ว่าโอสถนั้นแบ่งเป็นเก้าระดับโอสถที่มีลวดลายเดียวจะนับเป็นโอสถระดับหนึ่ง ส่วนสองลวดลายจะถือว่าเป็นโอสถระดับสอง เป็นเช่นนี้ไปจนถึงระดับที่เก้า และโอสถที่มีเก้าลวดลายอาจจะนับได้ว่าเป็นโอสถที่มิอาจประเมินระดับได้เช่นกัน
DND.746 – โอสถระดับสาม
  เมื่อโอถถูกปรุงจนถึงขั้นไร้ระดับโอสถนั้นจะส่งผลอันอัศจรรย์ แต่แม้ว่าดินแดนพรสวรรค์ทั้งสิบแปดจะมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน โอสถระดับนั้นก็ปรากฏเพียงไม่กี่ครั้ง โอสถส่วนใหญ่ล้วนเป็นโอสถระดับต่ำ
  แต่เทียนจี่จื้อที่มีวิชาปรุงยาขั้นสูงสุดเคยปรุงโอสถไร้ระดับได้หนึ่งครั้งนั่นทำให้ทั้งดินแดนระส่ำระสาย โอสถเหล่านี้จะแบ่งเป็นสามระดับ นั่นคือระดับต่ำ กลาง และสูง
  โอสถที่จะใช้ได้ดีกับภูติขั้นต้นจะถูกเรียกว่าโอสถระดับต่ำโอสถเหล่านี้รวมถึงโอสถขยายภูติและโอสถคืนชีพหยางพิสุทธิ์
  โอสถที่ใช้ได้ดีกับภูติชั้นกลางจะถูกเรียกว่าโอสถระดับกลางนั่นรวมถึงวารีผงกลั่นดวงใจ โอสถที่ใช้กับภูติขั้นสูงนั้นนับเป็นโอสถระดับสูง และสูตรของโอสถนั้นแทบจะหาไม่ได้
  มันหายากจนเทือกเขาครามไม่มีสักสูตรเดียว!ส่วนโอสถทั้งหมดในเฉินหลงนั้นเป็นเพียงแค่โอสถทั่วไป
  “โอสถขยายภูติเป็นโอสถระดับต่ำแต่น่าเสียดายที่ข้าปรุงไม่ได้แม้แต่ระดับแรกแต่ท่านพี่ของข้ากลับปรุงได้ถึงระดับสาม! นางเป็นอัจฉริยะของตระกูลเรา คงจะดีถ้าข้าได้ไปถึงระดับนั้นบ้าง”
  หยวนหยิงหยิงค่อนข้างอิจฉาพี่ของนาง
  ซือหยูคิดในใจ…ถ้าเจ้ามีวิชาปรุงยาเจ้าก็จะไม่เป็นรองนางอีกแล้วล่ะ!
  เพราะนางเกือบจะปรุงโอสถระดับแรกได้ทั้งหมดด้วยตัวเองพรสวรรค์ของนางเหนือกว่าหยวนหวังปี่อยู่มาก
  “หยิงหยิงเมื่อวาน อาจารย์เจ้ามาเข้าฝันข้าแล้วสอนวิชาปรุงยาให้ เจ้าอยากจะรู้ไหมล่ะ?”
  ซือหยูถามนาง
  หยวนหยิงหยิงตกใจมากนางรีบพยักหน้าตอบรับ
  “อยากสิ!ข้าอยากจะเรียนมัน! ข้าอยากเรียนอยู่ตลอดนั่นแหละ!”
  ซือหยูยิ้มและส่งวิชาปรุงยาขั้นสูงสุดให้นางเพราะเทียนจี่จื้อได้ตายไปแล้ว การเดินทางของเขาได้จบลง การส่งต่อวิชาของเขาให้กับเด็กสาวจิตใจดีจะทำให้เทียนจี่จื้อได้มีผู้สืบทอดต่อไป มิเช่นนั้นถ้าหากซือหยูตายไปโดยมิได้แบ่งปันวิชากับใคร วิชาอันยิ่งใหญ่ก็จะตายไปพร้อมๆกับเขา!
  “อาจารย์เจ้าส่งต่อมันให้ข้าเจ้าต้องสาบานว่าจะไม่สอนมันกับใครอื่น…”
  ซือหยูพูด
  หยวนหยิงหยิงหลบหน้าซือหยู
  “ท่านพ่อกับท่านพี่ก็ไม่ได้รึ?”
  “แม้แต่สองคนนั้นก็ไม่ได้”
  ซือหยูส่ายหน้า
  หยวนหยิงหยิงขบริมฝีปาก
  “ก็ได้ข้าจะไม่บอกใคร”
  นางไม่รู้เลยว่านางกำลังจะได้สิ่งที่ยิ่งใหญ่เพียงใด
  จากนั้นซือหยูกับหยวนหยิงหยิงได้เริ่มปรุงยา พวกเขาใช้วัตถุดิบหนึ่งชุดเริ่มปรุงโอสถขยายภูติ วิชาปรุงยาขั้นสูงสุดนั้นต้องการขีดจำกัดสูงสุดสามอย่าง นั่นก็คือความบริสุทธิ์ของวัตถุดิบ ความร้อนของเพลิงขั้นสูงสุด และการหลอมรวมขั้นสูงสุด ขีดจำกัดสองอย่างแรกนั้นมิใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะเข้าถึงได้ พวกเขาทำได้แค่ลองขีดจำกัดการหลอมรวมสูงสุด
  ซือหยูทำตามวิชาปรุงยาอย่างเคร่งครัดเขาต้องตัดสายใยของวัตถุดิบ ดึงเส้นขน และกำจัดฝุ่นออกไป เขาล้างมันด้วยน้ำและบดจนเป็นผง
  ซือหยูไม่เคยปรุงยามาก่อนเลยแต่วิชาปรุงยาขั้นสูงสุดเป็นดอกผลจากทั้งชีวิตของเทียนจี่จื้อ แม้เขาจะยังใหม่กับเรื่องนี้ เขาก็เข้าใจและใช้มันได้อย่างคล่องมือ
  หลังจากที่เตรียมวัตถุดิบแปดชนิดเสร็จสิ้นเขาได้ใส่วัตถุดิบเหล่านั้นลงในหม้อปรุงยาตามลำดับของสูตร เขาปิดหม้อและจุดไฟ
  มีเครื่องมือที่ใช้สำหรับควบคุมความร้อนของไฟอยู่ด้วยแต่มันมิอาจควบคุมได้อย่างแม่นยำ ถึงซือหยูจะรอบคอบเพียงใด เขาก็ยังมีประสบการณ์ไม่พอ กลิ่นไหม้ได้ลอยออกมาจากหม้อ! ขั้นตอนการปรุงของเขาล้มเหลวเพราะเขาไม่เคยผ่านการควบคุมความร้อนมาก่อน!
  ซือหยูถอนหายใจคนอื่นๆนั้นมักจะคิดว่าการปรุงยาเป็นเรื่องง่าย แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่านักปรุงยาต้องผ่านความล้มเหลวมาแล้วกี่ครั้งก่อนจะได้โอสถอันคุณภาพเป็นที่ยอมรับ
  เขาเริ่มกล้าๆกลัวๆหลังจากล้มเหลวซือหยูมองดูหยวนหยิงหยิงที่กำลังควบคุมความร้อนอย่างขมักเขม้น นางดูชำนาญกว่าเขามากโข!
  กลิ่นหอมเริ่มโชยออกมาจากหม้อเมื่อผ่านไปหนึ่งชั่วยาม กลิ่นนั้นก็ได้คลุ้งไปทั้งห้อง
  “ตอนนั้นข้าจะหลอมมันเป็นเม็ดโอสถมันคือขั้นที่ข้าทำพลาดทุกครั้งเลย!”
  หยวนหยิงหยิงคาดหวังเป็นอย่างมากเพราะตอนนี้นางได้เรียนรู้วิชาปรุงยาขั้นสูงสุดแล้ว
  มันบันทึกในวิชาเอาไว้ว่าจะต้องใช้เสี้ยวพลังชีวิตหนึ่งพันพลังในการหลอมรวมเม็ดโอสถนางจะต้องตั้งใจในขั้นตอนนี้อย่างมาก แค่ความผิดพลาดเดียวก็จะทำให้โอสถระเบิดได้
  หยวนหยิงหยิงหายใจเข้าลึกมือของนางขยับอย่างรวดเร็วเมื่อใส่พลังชีวิตไปสิบครั้งในเวลาเพียงสิบลมหายใจ นางที่ง่วนอยู่กับการปรุงยานั้นแตกต่างกับสาวน้อยซุ่มซ่ามตามปกติอย่างสิ้นเชิง
  เมื่อนางทำขั้นนี้สำเร็จหน้าผากของนางนั้นเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ หน้านางซีดไปเล็กน้อย นางใช้พลังกายและสมาธิไปมหาศาล
  “ข้าทำขั้นหลอมรวมเสร็จแล้วแต่มันเป็นแต่ชั้นต่ำของวิชาปรุงยาขั้นสูงสุด ยังมีชั้นกลาง ชั้นสูง ชั้นยอดอยู่อีก ข้ายังทำไม่ได้”
  หยวนหยิงหยิงเช็ดเหงื่อบนหน้าผากดวงตาของนางเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ สัญชาตญาณบอกนางว่าครั้งนี้การหลอมรวมจะเป็นผลสำเร็จ
  นางเปิดดูหม้อปรุงด้วยความคาดหวังแรงกดดันหนาแน่นและโอสถเม็ดสีม่วงได้พุ่งออกมา นางหยิบขวดหยกขึ้นมาเก็บโอสถไว้ด้วยพลังชีวิตอย่างรวดเร็ว
  “หลังจากที่โอสถออกมาจากหม้อมันจะอยู่ในสภาพไม่คงที่ โอสถจะต้องไม่ถูกสัมผัสด้วยมือในขั้นนี้ เราควรจะเก็บมันไว้ในขวดหยกที่จะเก็บพลังของโอสถไม่ให้ไหลออกมา”
  หยวนหยิงหยิงอธิบาย
  ดวงตากลมโตของนางมองโอสถที่กลิ้งไปมาในขวดหยกและเมื่อมันหยุดเคลื่อนไหวก็เกิดลวดลายสองลายขึ้นมา
  “สองลาย!มันคือโอสถระดับสอง”
  หยวนหยิงหยิงไม่เชื่อสายตาตัวเอง
  “ปู่ซืออาจารย์ข้าให้วิชาอะไรกับปู่กันเนี่ย? มันยอดไปเลย!”
  นางพูดต่อโดยไม่รอให้เขาตอบ
  “ท่านพี่เริ่มเรียนวิชาปรุงยาตอนเก้าขวบแต่ท่านพี่ก็เพิ่งจะปรุงโอสถระดับสองได้ตอนอายุสิบห้า นางใช้เวลาตั้งหกปี!”
  นางส่ายหน้า
  “แม้แต่ท่านพ่อก็ใช้เวลาห้าปี!ข้าทำได้ในคืนเดียวได้ยังไง?”
  หยวนหยิงหยิงไม่อยากจะเชื่อนางคิดว่านางอาจจะอยู่ในฝัน!
  แต่ซือหยูไม่ได้งุนงงนักเพราะถ้าหากนางปรุงได้แค่ระดับแรก เขาก็คงต้องสงสัยแล้วว่าวิชาของเทียนจี่จื้อนั้นเป็นของแท้หรือไม่!
  แต่จะอย่างไรทั้งหมดก็เพราะหยวนหยิงหยิงเพิ่งจะหลอมรวมชั้นต่ำ นางอัดพลังชีวิตได้แค่พันสาย ถ้าหากนางอัดพลังไปได้อีก นางก็จะปรุงโอสถที่ระดับสูงกว่านี้ขึ้นได้
  ซือหยูเปิดดูหม้อของตัวเองและพบว่ามันกลายเป็นวัตถุไหม้ดำ
  “เรายังมีวัตถุดิบอีกชุดหยิงหยิง ปรุงอีกครั้ง”
  ซือหยูหยิบวัตถุดิบออกมาแสงทางช้างเผือกได้ส่องสว่างออกมาจากฝ่ามือของเขา
  หยวนหยิงหยิงกระตือรือร้นเป็นที่สุดที่จะปรุงยาต่อไป
  “เอาล่ะข้าจะลอง…แต่ทำไมวัตถุดิบพวกนี้มันแปลกๆล่ะ?”
  หยวนหยิงหยิงมองดูมันอย่างละเอียดและก็ต้องตกตะลึง
  “สมุนไพรวิญญาณทั้งแปดนี้บริสุทธิ์กว่าสมุนไพรทั่วไปมีสิ่งปนเปื้อนแค่นิดเดียวเท่านั้น ทำไมกันล่ะ?”
  ซือหยูยิ้มและเร่งนาง
  “เร็วเข้ารีบปรุงเลย!”
  “อ๊ะ!ได้เลยปู่”
  หยวนหยิงหยิงเริ่มทำโอสถอย่างตื่นเต้น
  ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม
  ใบหน้าเล็กๆของนางซีดนางสั่นไปทั้งตัวเพราะหมดแรง แต่นางก็เพ่งสมาธิมองหม้อปรุงต่อไป
  ฟึ่บ!
  หม้อเปิดออกคลื่นลมได้พวยพุ่งออกมา โอสถสีม่วงได้กระเด็นออกมาด้วย
  ปั้ง!
  มืออันแก่เฒ่าที่ถือขวดหยกไว้อยู่แล้วรีบเก็บมันลงสู่ขวดและปิดขวดอย่างดีโอสถปล่อยเสียงแหลมๆออกมาเมื่อลอยกระทบขวดไปไม่หยุดหย่อย
  เมื่อผ่านไปสามลมหายใจมันเริ่มสงบลง เขาพบลวดลายอยู่สามลาย!
  “โอสถระดับสาม!”
  หยวนหยิงหยิงอุทานขึ้นมาอย่างตกใจนางเอามือปิดปากเพราะไม่อยากจะเชื่อว่านางได้ปรุงโอสถระดับสามขึ้นมา!
  “เป็นไปไม่ได้ทุกคนที่ปรุงโอสถระดับสามถูกนับเป็นคนปรุงยาชั้นต้น ต่อให้นับท่านพี่ไปด้วย ตระกูลของข้าก็มีนักปรุงยาขั้นนี้ไม่ถึงสิบคน!”
  นางตกตะลึงอย่างมาก
  เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีคนปรุงโอสถระดับสามขึ้นมาถ้าไม่ใช้เวลาฝึกฝนมาหลายสิบปีการที่นางทำมันได้สำเร็จภายในข้ามคืนนั้นเป็นเรื่องหลุดโลกไปแล้ว!
  ซือหยูพยักหน้าเพราะเขาจงใจชำระล้างวัตถุดิบเพียงครึ่งเดียว หนึ่งในขั้นสูงสุดของวิชาปรุงยาก็คือความบริสุทธิ์ของวัตถุดิบ ซือหยูนั้นมีทรายดาราทางช้างเผือกกับตัว เขาจะทำให้ความบริสุทธิ์ของทุกสิ่งอยู่ในระดับสูงสุด นั่นคือความบริสุทธิ์ในอุดมคติ เมื่อไปถึงขั้นนั้น โอสถที่ทำได้จะต้องอยู่ในระดับสี่อย่างแน่นอน!
  เป็นเพราะเขาต้องใช้หยวนหยิงหยิงในตอนนี้คิดว่าเขามิอาจชำระล้างวัตถุดิบได้เต็มที่เพราะตระกูลหยวนมิได้ปฏิบัติต่อหยวนหยิงหยิงอย่างเอื้อเฟื้อแม้จะก่อนหน้านี้ หลายคนคงจะอิจฉาเป็นแน่ คนประสงค์ร้ายจะเกิดขึ้นมาถ้าหากนางรุดหน้ามากกว่านี้
  ถ้าหากนักปรุงยาชั้นกลางที่ปรุงโอสถระดับสี่อย่างเจ้าตระกูลได้ปรากฏตัวขึ้นเหล่าผู้เฒ่าก็คงจะไม่พอใจอย่างแน่นอน และแม้แต่พันธมิตรปรุงยาก็อาจจะหมายตานางได้
  และการปรากฏตัวของนักปรุงยาชั้นกลางอาจจะทำให้หยวนหยิงหยิงเป็นทุกข์ใจเพราะนางอาจจะถูกทำร้ายหรือพยายามสังหาร!
  “ตอนนี้ลองปรุงโอสถคืนชีพหยางพิสุทธิ์กันดีกว่า”
  ซือหยูคาดหวังเป็นอย่างยิ่งเพราะมันคือโอสถที่เขาต้องการมากที่สุด
  หยวนหยิงหยิงพยักหน้าด้วยความพร้อม
  “ได้เลยแต่ข้ามีวัตถุดิบแค่สองชุดเองนะ แบ่งคนละชุดกันเถอะ”
  ซือหยูพยักหน้า
  ผ่านไปครึ่งชั่วยามกลิ่นไหม้ได้โชยออกมาจากหม้อของซือหยูอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะก้าวหน้ามาบ้างเทียบกับคราวก่อน เขาก็ยังต้องเดินทางอีกไกลกว่าจะสำเร็๗มัน
  ส่วนหยวนหยิงหยิงนางสร้างโอสถระดับสามได้สำเร็จ! มันมีสีน้ำเงินและเต็มไปด้วยลวดลายที่เหมือนกับสายโลหิตของมนุษย์ มันมีพลังที่อ่อนโยนอย่างมาก
  “เจ้าให้โอสถนี้กับข้าได้หรือไม่?”
  ซือหยูถาม
  หยวนหยิงหยิงเช็ดเขม่าดำบนใบหน้าและยิ้มแย้มแจ่มใส
  “ปู่ซือให้วิชาปรุงยาล้ำค่าเช่นี้กับข้าข้าต้องดีใจที่ได้ให้โอสถกับปู่ซืออยู่แล้ว!”
  “หยิงหยิงเจ้าเข้าใจผิดแล้ว อาจารย์เจ้าต่างหากที่มาเข้าฝันข้า…”
  หยวนหยิงหยิงส่ายหน้าอย่างหนักแน่นความจริงจังปรากฏบนใบหน้าไร้เดียงสานั้น
  “ปู่ซืออย่ามาโกหกข้าเลย!ข้ารู้ว่าปู่ซือนั่นแหละที่ช่วยข้ามาตลอด”
  นางส่ายหน้าและพูดต่อ
  “ข้าไม่สวยมีแค่ท่านพ่อที่เป็นห่วงข้า แล้วเหตุใดจ้าวเทวะถึงจู่ๆจะมาช่วยข้าเล่า?”
  ใบหน้าของนางแฝงไว้ซึ่งความโดดเดี่ยว
  “ท่านพี่ดีกว่าข้าในทุกด้านนางฉลาดกว่า งดงามกว่า นางยังทำตัวดีกว่าข้า ทุกคนเลยชอบท่านพี่ เพราะอย่างนั้น จ้าวเทวะจะมาสนใจข้าโดยไม่มีเหตุได้อย่างไร? ทุกคนที่ข้ารู้จักนอกจากท่านพ่อก็มีแค่ปู่ซือคนเดียวที่ไม่รังเกียจข้า”