DND.747 – งดงามอย่างเคย
หยวนหยิงหยิงรู้ทุกอย่างจนซือหยูถึงกับตกใจเขามิอาจเชื่อว่าเด็กสาวอย่างหยวนหยิงหยิงที่ดูจะไร้ปัญญาได้พิสูจน์ตัวเองว่านางฉลาดกว่าใคร เขามองดูนางในตอนนี้และคิดว่านางไม่ได้มีปัญญาด้อยไปกว่าพี่สาวของนางเลย
ซือหยูเข้าใจทุกอย่างเมื่ออยู่ในห้องปรุงยากับนางถ้าหากนางโง่เขลา นางก็คงจะไม่มีทางปรุงยาได้ระดับนี้
“ขอบคุณปู่ซือที่ช่วยเหลือข้าข้าดีใจมากเลยนะ ไม่มีใครนอกจากท่านพ่อที่จะสนใจข้าแล้ว ขอบคุณนะปู่ซือ”
หยวนหยิงหยิงร้องไห้ซือหยูไม่รู้ว่ามันเป็นน้ำตาแห่งความเศร้าหรือความสำนึกขอบคุณ
นางร้องไห้เงียบๆและโผเข้ากอดซือหยูนางเริ่มจะร้องเสียงดังขึ้น เพราะเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่เด็กสาวอย่างนางจะแบกรับทุกสิ่งมายาวนานเช่นนี้
ซือหยูตกใจเมื่อความรู้สึกต่างๆของนางระเบิดออกเขาถอนหายใจเบาๆและลูบหัวนาง
“ข้าบอกเจ้าแล้วว่าจะตอบแทนอาหารที่เจ้ามอบให้ข้ามันคือคำลั่นวาจาจากข้า เจ้าเพียงแค่ได้รับสิ่งที่สมควรได้เท่านั้น”
เขามองนางและพูดอย่างอ่อนโยน
“ข้าเพียงหวังว่าเจ้าจะยังคงความงดงามอย่างที่เคยเป็นเอาไว้รักษาจิตใจอันดีของเจ้าขณะที่เดินบนเส้นทางปรุงยาต่อไป”
หยวนหยิงหยิงกอดซือหยูต่อไปนางรู้สึกสงบใจเป็นอย่างยิ่ง
“แต่ข้าก็อยากจะให้เจ้ารู้ว่าการพยายามทำให้ผู้คนยอมรับของเจ้ามันสูญเปล่า”
ซือหยูเสียงเหมือนกับคนแก่ที่พยายามจะชี้ทางแก่คนหนุ่มสาวเขาพูดอย่างจริงใจ
“ผู้คนนับถือเพียงคนที่สง่างามเท่านั้นถ้าเจ้าแสดงเพียงแต่ด้านอ่อนโยนและเป็นมิตรเกินไป เจ้าก็จะมิได้รับความยอมรับ กลับแต่จะได้ความหยามเหยียด จากนั้นก็จะยากยิ่งกว่าหากตระกูลจะยอมรับเจ้า”
หลังเขาพูดจบก็ดูเหมือนว่าหยวนหยิงหยิงจะฉุกคิดได้ถึงบางสิ่งบางอย่างในความหมายสุดท้ายนางจึงได้เห็นชัดว่าการพยายามเปลี่ยนมุมมองของคนในตระกูลตลอดสองปีที่ผ่านมานั้นไม่ได้ผลไม่ว่านางจะพยายามอย่างไร
“แล้วข้าควรจะทำยังไงล่ะ?”
หยวนหยิงหยิงเงยหน้าถามดวงตาเป็นประกายของนางกำลังคาดหวังกับคำตอบ
“จงแข็งแกร่งขึ้น…”
“ไม่ว่าจะบ่มเพาะพลังหรือปรุงยาเจ้าจะต้องพยายามให้หนักจนแข็งแกร่งกว่าเดิม เมื่อเจ้าแข็งแกร่งกว่าจนคนในตระกูลต้องแหงนหน้ามอง เมื่อนั้นเจ้าก็ไม่ต้องการการยอมรับอีกต่อไปแล้ว พวกนั้นเสียอีกที่ต้องพยายามทำให้เจ้ายอมรับ! เจ้าจงจำเอาไว้ให้ดี”
หยวนหยิงหยิงเข้าใจเพียงเล็กน้อยนางตอบกลับด้วยความสับสน
“แต่พรสวรรค์ในด้านการบ่มเพาะพลังของข้าไม่ได้เหนือกว่าใครวิชาปรุงยาก็ยังมิอาจเหนือกว่าทุกคนได้ ข้าต้องทำยังไงล่ะ?”
ซือหยูพูดอย่างใจเย็น
“ขอข้ายืนยันเรื่องหนึ่งก่อนจะบอกเจ้าเถอะ”
ซือหยูกินโอสถคืนชีพหยางพิสุทธิ์เข้าไปพลังอันอบอุ่นเข้าสู่สายพลังโลหิตของเขาทันที นั่นทำให้ช่องพลังของเขายืดหยุ่นยิ่งขึ้น แม้ว่าจะเพียงเล็กน้อย มันก็ยังดีกว่าตอนที่แห้งกรัง
พลังชีวิตที่ติดขัดของเขาไหลเวียนได้บ้างแล้วแม้การเคลื่นไหวจะเชื่องวช้า แต่เขาก็ใช้พลังได้สักที! เมื่อพยายามจะใช้พลังชีวิตในสายพลังก็พบว่ามันยากมาก เขายังรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกแทงด้วยเข็มนับไม่ถ้วน
แต่ซือหยูยังอดทนเอาไว้ขณะที่ปล่อยพลังชีวิตมาจนถึงดวงตาในตอนนั้น ดวงตาของเขาได้กลายเป็นสีขาว
พลังลึกลับได้ทะลวงผ่านทั้งร่างของหยวนหยิงหยิงจนไปถึงดวงวิญญาณที่อยู่ในร่างกายซือหยูเบิกตากว้างเพียงมองแค่ครั้งเดียว
“เป็นที่แน่นอนแล้ววิญญาณของเจ้าไม่เหมือนกับคนอื่นๆเลย”
เขาเห็นว่านางเป็นกึ่งภูติที่มีแก้วดวงเดียวแต่วิญญาณของนางแข็งแกร่งและไปถึงระดับของกึ่งภูติที่มีแก้วสามดวง
พลังดวงวิญญาณของนางไม่ถูกกำจัดด้วยฐานพลังหรือบางทีนางอาจจะมีวิญญาณในขอบเขตภูติเหมือนกับซือหยูแล้ว! นางเป็นผู้มีพรสวรรค์วิญญาณ!
แม้ว่าเขาจะมีพรสวรรค์วิญญาณเช่นเดียวกันแต่นั่นก็เพราะพลังของหม้อเก้ามังกรและโอรสสวรรค์จ้องนภา แต่หยวนหยิงหยิงกลับมีเพียงพรสวรรค์อย่างเดียวเท่านั้น!
นางได้ใช้จิตวิญญาณของนางกรุยทางสู่หนทางนักปรุงยาไม่แปลกเลยที่น่าจะมีพรสวรรค์ในด้านปรุงยาด้วย!
ซือหยูมองดูนางด้วยความตกใจเขารู้สึกว่าสาวน้อยตรงหน้าคือยอดฝีมือไร้เทียมทานที่อยู่ผิดที่ผิดทาง! ถ้าหากนางไปอยู่ในสำนักที่มีชื่อเสียงและพรสวรรค์ได้ถูกปลุกขึ้นมาใช้ นางก็จะได้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในอนาคต
“ปู่ซือเกิดอะไรขึ้นรึ?”
หยวนหยิงหยิงกระพริบตาอย่างไร้เดียงสานางไม่รู้ตัวเลยว่ามีคุณสมบัติอันน่ากลัวหลับใหลอยู่ในร่างกายของนาง
ซือหยูส่ายหน้า
“ไม่มีอะไรหรอกแต่ข้าอยากจะสอนวิชาลับวิญญาณกับเจ้า มันจะทำให้เจ้าทำร้ายหรือสังหารคนที่ฐานพลังเหนือกว่าเจ้าได้ มันจะไม่ช่วยเรื่องฐานพลังเจ้าในตอนนี้ แต่มันจะทำให้พลังเจ้าพุ่งสูงขึ้นมา อย่างน้อยเจ้าก็จะแข็งแกร่งกว่าพี่สาวเจ้า”
หยวนหยิงหยิงดีใจมาก
“ปู่พูดจริงนะ?ข้าอยากจะเรียนตอนนี้เลย!”
ซือหยูพยักหน้าและเริ่มสอนนางอย่างอดทนถึงวิธีสัมผัสวิญญาณและการใช้วิชาเขายังให้เพลิงวิญญาณของกบแก้วเพลิงเนตรขาวไปครึ่งส่วน ไม่มีทางที่กึ่งภูติแก้วสามดวงจะทนรับพลังเนตรนางได้ แม้แต่ภูติชั้นต้นก็เช่นกัน!
การสั่งสอนสาวน้อยของเขาผ่านไปสามวันผ่านคืนเขาสอนนางทุกสิ่งอย่าง และเมื่อนางสำเร็จ นางได้ระวังตัวมากขึ้น ความเรียบง่ายใสซื่อของนางได้เก็บซ่อนความเฉียบคมเอาไว้เบื้องหลัง
“ขอบคุณปู่ซือมากนะข้าจะไม่มีวันลืมพระคุณเลย”
หยวนหยิงหยิงคุกเข่าแก่ซือหยูเพื่อแสดงความนับถือ
ซือหยูยิ้ม
“เจ้าสมควรได้รับแล้วเจ้าควรจะทำโอสถต่อไป ข้าต้องการโอสถคืนชีพหยางพิสุทธิ์จำนวนมากเพื่อฟื้นฟูสายพลังโลหิตภายในของข้า ส่วนเจ้าก็ต้องใช้โอสถเพื่อเพิ่มฐานพลัง เพราะอีกแค่ครึ่งเดือนจะถึงการทดสอบของตระกูลเจ้า เจ้าจะต้องทำให้คนพวกนั้นตกตะลึง!”
หยวนหยิงหยิงพยักหน้า
“ได้เลย!”
แต่นางก็ขมวดคิ้วในหลังจากนั้น
“แต่ข้าไม่มีวัตถุดิบเหลือแล้วข้าซื้อพวกมันมาจากเงินประจำของข้า แต่ข้าไม่เหลือเงินแล้ว ข้าต้องรออีกครึ่งเดือนก่อนจะได้แก้วอีกสี่สิบดวง”
ซือหยูกระตุกมุมปากการปรุงยามันเปลืองเงินเสียจริง พวกเขาเผาเงินทิ้งราวกับกระดาษ และเป็นไปไม่ได้อีกด้วยที่หยวนหยิงหยิงจะได้ความช่วยเหลือจากตระกูล ดังนั้นตอนนี้เขาต้องพึ่งตัวเองแล้ว
ซือหยูมองโอสถทั้งสองเม็ดในมือ
“ราคาโอสถขยายภูติในเทือกเขาครามอยู่ที่เท่าใดกัน?”
หยวนหยิงหยิงตาลุกวาว
“ปู่ซือจะขายโอสถเอาเงินรึ?”
ในอดีตหยวนหยิงหยิงไม่แม้แต่กล้าคิดฝันที่จะทำเรื่องแบบนี้ แต่ตอนนี้นางกลับใจเต้นแรงเมื่อคิดถึงมันอีกครั้ง
“โอสถขยายภูติเป็นโอสถชั้นต่ำธรรมดาๆมันไม่ใช่ของขาดตลาด พวกที่ขาดตลาดคือโอสถชั้นสูง โอสถขยายภูติระดับหนึ่งขายได้สองดวง ระดับสองจะได้เก้าดวง ส่วนระดับสามจะไม่ต่ำกว่าสี่สิบดวง!”
นางอธิบาย
“ราคาของมันจะสูงขึ้นหลายเท่าตัวหากเพิ่มระดับขึ้นไปโอสถระดับสี่จะมีราคาไม่ต่ำกว่าร้อยห้าสิบดวง! แต่คนที่จะทำโอสถเช่นนั้นได้ก็มีแต่ท่านพ่อกับเจ้าพันธมิตรปรุงยาสองคน มันไม่มีขายในตลาดเลย!”
ซือหยูจำได้ว่าแก้วพลังที่ใช้แทนเงินตรานั้นมีพลังที่มากและเป็นที่ต้องการอย่างสูงในทั้งเก้าเขตในอดีตเขาได้ขายสมบัติเทพระดับสูงหนึ่งชิ้นในราคาแก้วสี่ดวง แต่ถ้าเขาได้แก้วมาร้อยห้าสิบดวง เขาจะซื้อได้แม้กระทั่งสมบัติกึ่งวิญญาณ!
“เอาล่ะข้าจะไปข้างนอกสักพักหนึ่ง แต่เดี๋ยวข้าจะกลับมา ตอนนี้เจ้าพักไปก่อน”
เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าและมุ่งหน้าไปยังถนนสายการค้าหลักของเทือกเขาครามมันเต็มไปด้วยผู้คนอันคับคั่ง ความเจริญรุ่งเรืองและมั่งคั่งพบเห็นได้เต็มไปหมด
ยอดฝีมือรวมตัวกันอยู่ทุกหนแห่งซือหยูเห็นกึ่งภูติจำนวนมาก ยังมีภูติอีกหลายคนอยู่ที่นี่ด้วย
ถ้าหากมียอดฝีมือมากมายที่นี่นั่นก็แสดงว่าที่นี่จะต้องเป็นจุดขายโอสถ ซือหยูเลี่ยงร้านขนาดใหญ่และหาร้านที่มีคนไม่มาก
เพราะร้านใหญ่มักจะฉวยโอกาสจากลูกค้าดังนั้นเขาคงมิอาจขายโอสถขยายภูติระดับสามได้ในราคาดีแน่
ส่วนร้านที่เล็กกว่านั้นจะขาดนักปรุงยาที่ดีพวกเขามักจะมีโอสถระดับสอง พวกเขาคงจะต้องการซื้อโอสถระดับสามจากคนนอกมากกว่า
เมื่อซือหยูมาถึงร้านเขาได้พบกับเจ้าของร้านรูปร่างอวบเล็กน้อย เขามีสายตาเฉียบคม
“โอ้?ท่านผู้เฒ่า ท่านอยากจะสั่งอะไรรึ?”
เจ้าของร้านมองดูซือหยูอย่างระวังและไม่กล้าจะไม่สุภาพกับเขา
ซือหยูมองรอบๆและพบว่ามีคนเข้าไม่มากนักมีลูกค้าเพียงไม่กี่คนแม้จะขายโอสถทั่วไป เพราะร้านนี้ไม่มีโอสถระดับสามเลยสักขวด!
“ข้าไม่ได้มาซื้อข้ามาขาย…”
ซือหยูบอกเจ้าของร้านตรงๆ
เจ้าของร้านผิดหวังเล็กน้อยเมื่อรู้เจตนาของซือหยูเพราะมียอดฝีมือมากมายมาขายโอสถที่นี่ และร้านโอสถก็รับซื้อได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“ท่านผู้เฒ่าข้าเกรงว่าท่านจะมาช้าไปแล้วล่ะ”
เจ้าของร้านหัวเราะอย่างขมขื่น
“ท่านคิดว่าร้านนี้จะขายต่อไปได้อีกนานเท่าไหร่กัน?พูดตรงๆ มันจะสิ้นเดือนอยู่แล้ว ข้าต้องจ่ายค่าเช่า พอจ่ายรอบนี้เสร็จข้าก็จะทิ้งร้านให้คนอื่นมาเช่าต่อ ตอนนี้ข้าเลยลดราคาโอสถที่ขายทั้งหมด ท่านควรจะถือโอกาสนี้ซื้อโอสถไปบ้างนะ”
ซือหยูยิ้มเบาๆ
“ท่านยังไม่ได้เห็นสินค้าของข้าเสียหน่อยจะรู้ได้อย่างไรว่าท่านไม่อยากซ์้อ?”
ซือหยูหยิบขวดหยกออกมาเจ้าของร้านมองมันและตาลุกวาว
“โอสถขยายภูติระดับสองรึ?ข้าไม่รู้เลยว่าท่านผู้เฒ่าเป็นนักปรุงยา!”
เจ้าของร้านตกใจเล็กน้อยเพราะนักปรุงยาทุกคนที่ปรุงโอสถระดับสองได้ควรจะมีคนรู้จักในเทือกเขาคราม อย่างน้อยเขาก็ต้องได้งานจากกิจการของตระกูลหยวนมาบ้าง หรือไม่ก็ทำงานให้กับพันธมิตรปรุงยา เป็นเรื่องยากที่นักปรุงยามากพรสวรรค์จะถูกบังคับให้ขายโอสถเพื่อแลกกับเงินตรา
“เจ้าเข้าใจผิดแล้วข้าเพียงแค่มาขายแทนคนอื่น ท่านว่าอย่างไรล่ะ?”
ซือหยูถาม
เจ้าของร้านตัดสินใจอย่างซื่อสัตย์และส่ายหน้า
“น่าเสียดายโอสถขยายภูติระดับสองคงจะขายได้ราคาดีในเวลาปกติ แต่อย่างที่ข้าบอกท่าน อีกเดี๋ยวข้าก็ต้องปิดร้านแล้ว ถ้าข้าขายไม่หมด มันก็จะตกมาอยู่ที่ข้า ซ้ำร้ายขาดทุนหนัก ท่านผู้เฒ่าไปหาร้านอื่นดีกว่านะ…”
ซือหยูเห็นว่ามันน่าเสียดายจริงๆเพราะโอสถขยายภูติจะทำให้คนกลายเป็นภูติได้ ยิ่งระดับสูงเท่าใดก็ยิ่งดีเท่านั้น ระดับสองก็นับว่าหายากในตลาด เขาคงจะทำกำไรได้ดี แต่น่าเสียดายนักที่ร้านของเขาไม่ได้ดำเนินไปอย่างราบรื่นนัก เจ้าของร้านจึงไม่อาจซื้อโอสถของเขาในครั้งนี้ได้
“แล้วถ้าไอ้นี่ล่ะ?”
ซือหยูหยิบขวดหยกอีกขวดขึ้นมา
เจ้าของร้านไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้
“ท่านผู้เฒ่าไม่ว่าโอสถจะคุณภาพดีแค่ไหน แต่ข้าไม่ไหวจริ….”
เขาเบิกตากว้างขึ้นมาทันทีเขาตาเป็นประกายและจ้องมองโอสถในขวดไม่ละสายตา
“โอสถระดับสาม!”
เขากระโดดโลดเต้นราวกับลิงเขารีบเดินไปปิดประตูร้านจากนั้นจึงหันกลับมาประสานมือให้กับซือหยูด้วยความดีใจ
“ข้ามีตาหามีแววไม่ข้ามิอาจแยกแยะความสูงส่งของท่านได้เลย! โปรดยกโทษให้ข้าด้วยเถอะ ท่านผู้เฒ่าโปรดไปคุยกับข้าที่หลังร้านเถอะนะ!”
ซือหยูหัวเราะเดินตามเขาไปเขาไม่ได้กังวลว่าเจ้าของร้านจะกล้าสังหารเขาเพื่อความร่ำรวย เพราะเขาดูจะฉลาดที่จะเห็นโอกาสทองของตัวเอง
ที่หลังร้านเจ้าของร้านได้ชงชาที่ดีที่สุดให้กับซือหยู เขาเริ่มทักทาย
“ท่านผู้เฒ่า…ท่านทำงานที่ใดกันรึ?”
เจ้าของร้านหนักใจกับเรื่องนี้เพราะทั้งเทือกเขาครามนั้นมีนักปรุงยาชั้นต้นอยู่ไม่ถึงสามสิบคน สิบคนเป็นของตระกูลหยวน ส่วนอีกยี่สิบคนเป็นของพันธมิตรปรุงยา
ทั้งสองฝ่ายมักจะพยายามซื้อใจนักปรุงยาชั้นต้นหน้าใหม่อยู่เสมอหลายครั้งที่การแย่งชิงเป็นไปอย่างดุเดือด นักนั้นแล้วนักปรุงยาทุกคนจึงมักจะไปหางานทำจากสองแหล่งนี้ ดังนั้นแล้ว ชายแก่ตรงหน้าที่คุ้นเคยกับการต่อรองและลำบากมาขายโอสถด้วยตัวเองจึงเป็นสิ่งที่พบหาได้ยากอย่างมากในดินแดนแห่งนี้
DND.748 – ซื้อวัตถุดิบทั้งหมด
ซือหยูเผยรอยยิ้มบางๆออกมา
“ท่านเจ้าของร้านข้ามิได้เพิ่งจะพูดรึว่าข้าไม่ได้เป็นนักปรุงยา? ข้าเพียงรับหน้าที่ขายโอสถให้คนผู้นั้นเท่านั้น! ท่านจะซื้อหรือไม่ล่ะ?”
“ท่านมีอยู่เท่าไหร่?”
เจ้าของร้านคาดหวังอย่างมาก
ซือหยูชี้ไปที่โอสถบนโต๊ะ
“ข้ามีแค่ที่เจ้าเห็นนี่แหละ”
ความผิดหวังปรากฏบนใบหน้าเจ้าของร้านเพราะเขาอยากจะได้มากกว่านี้
ซือหยูรีบพูดเสริมเมื่อเห็นหน้าตาบูดบึ้งของเจ้าของร้าน
“แต่ถ้าเราช่วยเหลือกันข้าจะเริ่มค้าขายกับท่านนับตั้งแต่วันนี้!”
เมื่อได้ยินข้อเสนอเจ้าของร้านตาลุกวาวด้วยความดีใจ
“ได้เลย!ข้ายอมรับข้อเสนอ!”
“ราคาโอสถนี้ตามท้องตลาดอยู่ที่สี่สิบดวงร้านใหญ่ๆจะให้ท่านไม่เกินสามสิบห้าดวง ถ้าท่านสัญญาว่าจะเตรียมโอสถให้ข้านับจากนี้ไป ข้าจะไม่ซื้อโอสถจากท่านถึงสี่สิบดวงเท่านั้น แต่ข้าจะลดราคาวัตถุดิบทุกอย่างให้ท่านสองในสิบส่วนด้วย”
เจ้าของร้านเสนอ
“ถ้าได้อย่างนี้ข้าจะซื้อโอสถขยายภูติระดับสามจากท่านต่อเนื่องไปในราคาหกสิบดวง นี่เป็นราคาที่ร้านใหญ่ๆจะไม่ให้กับท่านแน่!”
เจ้าของร้านพูดเสริม
ซือหยูยอมรับข้อเสนอนี้เจ้าของร้านนับว่าเข้าใจทำธุรกิจได้ดี
ต่อให้เจ้าของร้านไม่ได้กำไรจากการขายแต่ชื่อเสียงของเขาก็จะพุ่งทะยานจนดึงดูดลูกค้าจำนวนมาก นั่นก็เพราะว่าโอสถขยายภูติระดับสามนั้นค่อนข้างหายากตามท้องตลาด ต่อให้มันมี มันก็จะมาจากตระกูลใหญ่อย่างตระกูลหยวนหรือพันธมิตรปรุงยาเท่านั้น
ถ้าหากร้านของเขาขายโอสถระดับสามก็จะเกิดคลื่นลูกใหญ่ในวงการค้าโอสถนั่นจะทำให้เขาขายโอสถที่มีทั้งหมดได้เร็วยิ่งกว่าเดิม! ถ้าเป็นเช่นนั้น เขาอาจจะขึ้นราคาเพื่อทำกำไรได้มากกว่าเดิม!
ผลประโยชน์เช่นนี้แทบจะไม่ต้องเสียสิ่งใดเลย!ซือหยูเพียงสละไม่กี่อย่างและพลิกสถานการณ์ที่ได้เปรียบกลับมา! เพราะอย่างไรร้านนี้ก็จะเจ๊งอยู่แล้ว มันไม่เป็นไรหากจะลองเสี่ยงดวงดู!
“ได้ข้าจะขายโอสถขยายภูติระดับสามกับเจ้า แต่ข้าไม่ต้องการแก้วสี่สิบดวงในวันนี้…ข้าต้องการวัตถุดิบ!”
ซือหยูโยนรายการวัตถุดิบให้กับเขามันมีวัตถุดิบทำโอสถขยายภูติและโอสถคืนชีพหยางพิสุทธิ์รวมกันอยู่
เจ้าของร้านมองดูรายการ
“ย่อมได้ข้าจะไปหาวัตถุดิบมาให้ท่าน”
ไม่นานเจ้าของร้านก็กลับมาพร้อมกับกระเป๋าที่เต็มไปด้วยวัตถุดิบทำโอสถอย่างละยี่สิบชุดมันเท่ากับว่าแก้วสี่สิบดวงนี้สามารถทำให้เขาซื้อวัตถุดิบทำโอสถได้สี่สิบเม็ด บอกได้เลยว่าในอนาคตเขาจะมีกำลังซื้อเท่าใด!
“ข้าต้องไปแล้วข้าจะกลับมาในอีกสามวัน”
ซือหยูหันกลับไป
“ท่านผู้เฒ่าท่านลืมโอสถขยายภูติระดับสอง!”
เจ้าของร้านเห็นว่าซือหยูลืมโอสถไว้บนโต๊ะ
ซือหยูโบกมือโดยไม่หันกลับไปมอง
“จะอย่างไรก็แค่โอสถระดับสองข้าให้ท่านเป็นของขวัญก็แล้วกัน”
แค่โอสถระดับสองงั้นเรอะ?เจ้าของร้านตกอกตกใจ เพราะโอสถระดับสองนั้นเป็นสิ่งล้ำค่าสำหรับยอดฝีมือมากมาย สมกับที่เป็นนักปรุงยาชั้นต้น เจ้าของร้านเชื่อว่าชายแก่ที่ดูลึกลับราวกับมาจากต่างโลกผู้นี้จะต้องเป็นนักปรุงยาชั้นต้นอย่างแน่นอน
หลังจากที่ซือหยูกลับตระกูลหยวนเขาได้เข้าไปหาหยวนหยิงหยิงและใช้เวลาทั้งวันผลิตโอสถ วัตถุดิบสี่สิบชุดของซือหยูทำให้พวกเขาเหน็ดเหนื่อยไม่จบสิ้น!
ขณะที่พวกเขาปรุงโอสถหยวนหวังปี่นั้นกำลังบ่มเพาะพลังด้วยความอดทน…
“นายหญิงการประลองในสิ้นเดือนนี้มีรางวัลที่ใจกว้างนัก มันคือโอสถระดับสี่ที่เจ้าตระกูลปรุงขึ้นมากับมือ มันจะทำให้แม้แต่ภูติขั้นต้นเลื่อนระดับพลังไปอีก! นายหญิงจะต้องได้โอสถนี้แน่นอน!”
เสี่ยวเถาพูด
หยวนหวังปี่ที่กำลังบ่มเพาะพลังพูดขึ้นมา
“การประลองของตระกูลมิใช่เรื่องใหญ่เวทีของข้าอยู่ที่ทั้งเทือกเขาคราม ไม่ว่าจะยังไง ข้าก็ต้องได้ที่หนึ่งให้ได้ ข้าจะได้สิทธิ์เป็นศิษย์นอกของตำหนักชิงวิญญาณ และถ้าก็จะมีฐานะที่สูงขึ้น การหมั้นกับตระกูลชางก่วนจะมั่นคงยิ่งกว่าเดิม”
นางหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ
“ถ้าข้าไม่ได้ที่หนึ่งก็ยากที่ตระกูลชางก่วนจะไม่ต่อต้านงานหมั้นครั้งนี้”
คนตระกูลชางก่วนคงจะต่อต้านงานแต่งงานแน่นอนถ้าต้องเข้าร่วมกับตระกูลเล็กๆอย่างตระกูลหยวนนางจึงต้องพยายามสร้างน้ำหนักให้กับตัวนางเองในทุกวิถีทาง และนางก็ไม่อยากจะเป็นเหมือนกับหยวนหยิงหยิงที่ต้องแต่งงานกับตระกูลเฉา!
นางถามเมื่อคิดถึงน้องสาวของนาง
“แล้วหยวนหยิงหยิงเป็นอย่างไรบ้าง?กับ…ไอ้แก่นั่น?”
“นายหญิงนางเอาแต่อยู่ในห้อง ไม่มีใครเห็นนางมานานแล้ว นางคงจะพยายามทำโอสถอยู่…”
เสี่ยวเถาตอบ
หยวนหวังปี่ถอนหายใจแรง
“ทำโอสถเรอะ?นางไม่คิดจะยอมแพ้รึไง? คนที่ไม่มีแม้กระทั่งวิชาปรุงยาจะทำโอสถได้ที่ไหน? โง่เง่าสิ้นดี”
นางส่ายหน้า
“สอดส่องนางต่อไป!เจ้าจะต้องบอกความเคลื่อนไหวทุกอย่างกับข้าจนถึงวันที่ข้าแต่งงานกับชางก่วน!”
…
สามวันผ่านไปตลอดสามวันที่ผ่านมา คนสองคนได้ผลิตโอสถกันอย่างบ้าคลั่ง หยวนหยิงหยิงเหงื่อโทรมกาย นางดูมึนและสับสนเมื่อมองบรรดาโอสถระดับสามตรงหน้า โอสถเหล่านั้นคือโอสถที่นางทำมากับมือ!
ซือหยูทำได้ดีเช่นกันในสามวันที่ผ่านมาเขาได้เปลี่ยนตัวเองจากหน้าใหม่ที่ยังควบคุมความร้อนไม่ได้มาถึงขั้นหลอมรวม! แต่เมื่อถึงขั้นนี้เขาก็ล้มเหลวอีกครั้ง เพราะเขาไม่มีประสบการณ์ในการหลอมรวมวัตถุดิบเป็นโอสถที่มากพอ
ซือหยูนั้นเสียทรัพยากรปรุงโอสถขยายภูติไปสิบชุด!แต่เขาไม่ใส่ใจกับมันนักเพราะเขาต้องการที่จะเรียนรู้ เขาไม่สนใจมันจริงๆและจะพยายามต่อไปด้วย!
ส่วนอีกคนในสามวันที่ผ่านมาพร้อมกับซือหยู หยวนหยิงหยิงได้สร้างโอสถขยายภูติระดับสามสำเร็จสิบเม็ด และโอสถคืนชีพหยางพิสุทธิ์อีกยี่สิบเม็ด! โอสถคืนชีพหยางพิสุทธิ์นั้นจะใช้สำหรับการฟื้นฟูสายพลังโลหิตของซือหยู ส่วนโอสถขยายภูติจะนำไปขายต่อเพื่อซื้อวัตถุดิบต่อไป!
หยวนหยิงหยิงเอนกายกับกำแพงอย่างเหนื่อยล้านางดีใจและร่าเริงอย่างมาก แม้จะเหนื่อย นางก็อยากจะปรุงโอสถต่อไป
หลังจากที่ซือหยูกินโอสถคืนชีพหยางพิสุทธิ์เข้าไปแล้วเขาพบว่าสายพลังของเขาฟื้นฟูขึ้นมาทันที ไม่นานหนึ่งในสามส่วนก็ฟื้นฟูขึ้นมา! ถ้าหากเขากินวันละสองเม็ด เขาก็จะฟื้นฟูทั้งหมดได้ในสิบวัน!
“ข้าจะไปหาวัตถุดิบที่ข้างนอก!เจ้าไม่ต้องปรุงโอสถคืนชีพหยางพิสุทธิ์ต่อไปแล้ว เจ้าปรุงโอสถขยายภูติต่อไปก็พอ ข้าต้องไปหาโอสถที่เหมาะกับการบ่มเพาะของเจ้าด้วย…”
หลายชั่วยามผ่านไปซือหยูสวมชุดฟางกันฝนห่มกายเดินช้าๆท่ามกลางทะเลผู้คนไปถึงร้านขายโอสถร้านเดิม เขาพบว่ามีบางอย่างแปลกไปหลังจากที่มาถึง
ครั้งสุดท้ายที่เขามาที่นี่ร้านนั้นว่างไร้ลูกค้า แต่ตอนนี้มันกลับเต็มไปด้วยยอดฝีมือที่เดินขวักไขว่ไปมาค้นหาสินค้า แต่เขาก็เห็นว่าไม่มีใครซื้อโอสถเลย พวกเขากำลังรอบางสิ่งบางอย่างเสียมากกว่า
เขาเห็นยอดฝีมือหลายคนทุกคนดูเคร่งเครียดและเป็นกังวล
เจ้าของร้านยืนอยู่หน้าร้านอย่างใจเย็นแม้ว่าเขาจะดูหยักแน่น ซือหยูก็บอกได้เลยว่าเขากำลังร้อนใจอย่างหนัก เพราะสามวันผ่านไปแล้ว แต่ชายแก่ก็ยังไม่กลับมา! เขาจึงหันไปที่ประตู…
ทันใดนั้นเจ้าของร้านก็มองเห็นชายในชุดฟางกันฝนเจ้าของร้านดีใจเมื่อได้เห็น เพราะแม้จะมีชุดปิดบังกายเอาไว้ เจ้าของร้านก็บอกได้ง่ายๆว่าเขาคือชายแก่คนเดิมเมื่อสามวันก่อน!
แต่เพื่อความปลอดภัยเจ้าของร้านมิได้เปิดเผยสถานะของซือหยู เขากลับไปที่ด้านในร้านอย่างเรียบเฉย ในตอนนั้นซือหยูก็พูดขึ้นมา
“ท่านเจ้าของร้านท่านมีโอสถขยายภูติระดับสามขายหรือไม่? ข้าอยากจะสั่งสักหน่อย ไปคุยกับข้าที่หลังร้านจะได้หรือไม่?”
สั่งซื้อโอสถรึ?ยอดฝีมือทุกคนเริ่มกังวลใจ พวกเขาหรี่ตามองชายแก่
“ฮ่าๆๆท่านผู้เฒ่ามาถูกเวลาพอดี โอสถขยายภูติระดับสามจะมาถึงคืนนี้แล้ว! ถ้าท่านจะสั่งก็สั่งได้เลย!”
เจ้าของร้านกล่าว
ทั้งคู่พากันไปยังหลังร้าน
เจ้าของร้านดีใจมาก
“ท่านผู้เฒ่ารักษาสัญญาจริงๆด้วย!ท่านกลับมาในสามวันจริงๆ! สุดท้ายท่านก็มาช่วยข้า!”
หลังจากที่เขาขายโอสถขยายภูติระดับสามเม็ดแรกไปคนที่แข็งแกร่งมากมายก็มายังร้านของเขา พวกเขาคุกคามโดยการสั่งโอสถนั้น ซ้ำร้ายคือพวกเขาไม่แม้แต่วางเงินมัดจำ!
และเช้าวันนี้เขารู้ว่าถ้าหากไม่ได้โอสถทันเวลา เขาจะต้องเก็บข้าวของทุกอย่างและหนีไป! แต่เขาก็สบายใจแล้วเมื่อซือหยูมาถึง
“นี่สิบเม็ด…รับไปสิ”
ซือหยูวางขวดหยกสิบขวดลงบนโต๊ะ
ขวดหยกทั้งสิบกลิ้งไปมาบนโต๊ะแสงสว่างจ้าจนเจ้าของร้านตาพร่า
“สิบเม็ดเรอะ?ยอดเยี่ยม!”
เจ้าของร้านดีใจเป็นที่สุดเขาหัวเราะอย่างเป็นสุขใจ
“ข้ารอดแล้ว!”
ซือหยูมองเขาด้วยความขบขันเพราะถ้าหากเขาไม่ใช้วัตถุดิบเสียไปสิบชุด โอสถที่เขาจะมาขายวันนี้ก็จะมีมากกว่าเป็นสองเท่า
“ท่านผู้เฒ่าท่านอยากจะได้แก้วหรือวัตถุดิบเป็นการแลกเปลี่ยนล่ะ?”
เจ้าของร้านถามซือหยู
“เอาเหมือนกับคราวที่แล้วแต่วันนี้รายการไม่เหมือนเดิม”
ครั้งนี้ซือหยูไม่ต้องการแค่วัตถุดิบปรุงโอสถขยายภูติแต่เขาต้องหาวัตถุดิบที่จะสร้างโอสถที่ทำให้กึ่งภูติเพิ่มฐานพลังขึ้นได้ด้วย
เจ้าของร้านพยักหน้า
“ถ้าจะไปหาให้ท่านเดี๋ยวนี้เลย”
เจ้าของร้านหายไปนานและเมื่อมาถึง ใบหน้าเขาก็เต็มไปด้วยเหงื่อไคล เขาโยนแหวนมิติให้กับซือหยู
“ท่านผู้เฒ่ามันอยู่ในนั้นหมดแล้ว! ถ้าท่านมีโอสถอีกก็อย่าลืมข้าล่ะ!”
เป็นเพราะร้านของเขาไม่มีโอสถมากพอกับความต้องการของซือหยูเขาจึงต้องไปมองหาร้านรอบๆจนซื้อวัตถุดิบทั้งหมดมาให้ซือหยู แต่ระหว่างนั้น เขาก็ถูกเหล่าพ่อค้าหน้าเลือดฟันกำไรอย่างแสบสัน!
แต่เพราะเขาต้องซื้อมันให้กับซือหยูเจ้าของร้านจำต้องกัดฟันทนแม้จะไม่พอใจกับการถูกเอาเปรียบก็ตาม!
ซือหยูบอกได้จากท่าทางรีบร้อนและเหน็ดเหนื่อยของเขาว่าไม่ง่ายที่เจ้าของร้านจะหาวัตถุดิบมาซือหยูยิ้มให้เจ้าของร้าน
“สบายใจได้ตราบเท่าที่เจ้าซื้อไหว ข้าก็จะขายให้เจ้าต่อไป ตอนนี้ข้าขอตัวก่อน”
ซือหยูตรวจดูวัตถุดิบในแหวนมิติและจากไปเจ้าของร้านยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อซือหยูพ้นสายตา…
ฮ่าๆๆเป็นเวลาเชือดพวกลูกแกะที่จะมาซื้อของจากข้าแล้ว นี่แหละเวลาของข้า!
ในวันนั้นความโกลาหลได้เกิดขึ้นในเทือกเขาครามเพราะการปรากฏตัวของโอสถขยายภูติระดับสามทั้งสิบเม็ดในร้านเล็กๆที่คนไม่พลุกพล่าน แต่ละเม็ดถูกขายในราคาสูงเสียดฟ้าถึงห้าสิบห้าดวง แม้ว่าเหล่าลูกค้าจะก่นด่าเจ้าของร้านในใจ แต่พวกเขาก็แย่งชิงสิทธิ์ในการซื้อโอสถกันอย่างดุเดือด และทุกเม็ดก็ถูกขายภายในชั่วยามเดียว!
ข่าวเรื่องนี้ทำให้เหล่ากึ่งภูติที่มีแก้วสามดวงไม่พอใจอย่างมากพวกเขาคือกลุ่มคนที่ช้าเกินกว่าจะได้ไปถึงร้านนั้น!