ตอนที่ 1181 ฮ่องเต้เสด็จมาหาถึงที่
หลังจากซูหลีแยกกับฉินมู่ปิงแล้ว สีหน้าพลันเคร่งขรึมขึ้นทันใด
ราชวงศ์ต้าโจวนี้ ภายนอกคล้ายดั่งสายลมที่เงียบสงบ ทว่าในภายในที่มืดกลับคล้ายดั่งเมฆกับคลื่นน้ำที่แปรเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา
เกรงว่าคงจะมีวันที่สงบสุขเช่นนี้ได้ไม่นานนัก
ในใจของจิ้งหนานอ๋องสองพ่อลูกนั่นไม่รู้ว่ากำลังคิดวางแผนอะไรกันอยู่ ภายในการเคลื่อนไหวในที่แจ้งเช่นนี้ ต้องการตรวจสอบเรื่องของสกุลหลี่ ทั้งยังสามารถแก้แค้นได้สำเร็จ เกรงว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย
ดังนั้นนางจึงไม่อาจก้าวพลาดแม้แต่ก้าวเดียว หากเดินพลาดหนึ่งก้าว เช่นนั้นก็เป็นการทำร้ายผู้อื่น
แก้แค้นไม่สำเร็จ อีกทั้งยังทำให้คนบริสุทธิ์มีสภาพเช่นเดียวกันกับสกุลหลี่ นั่นเป็นสิ่งที่ผิดจากความตั้งใจของนางตั้งแต่แรก
ดังนั้นแม้ฉินมู่ปิงจะพูดอย่างครบถ้วนเพียงใด ทว่าซูหลีก็เชื่อใจตนเองเท่านั้น
ก่อนที่จะตรวจสอบพบหลักฐานที่แท้จริง นางไม่มีทางที่จัดการกับสกุลจี้อย่างซี้ซั้ว
”คุณหนู!” นางครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ในใจ จนกลับมาถึงภายในตำหนักของตนโดยไม่รู้สึกตัว ทันทีที่เข้าไปก็เห็นเย่ว์ลั่วเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน
ซูหลีหยุดฝีเท้าลง มองนางด้วยความแปลกใจปราดหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ทำไมหรือ นี่เจ้ากำลังจะไปไหนกัน!”
“ฝ่าบาทเสด็จมาที่นี่เจ้าคะ รีบตามบ่าวเข้าไปเถอะเจ้าค่ะ!” เย่ว์ลั่วถอนสายบัวให้นางครั้งหนึ่ง จากนั้นรีบพูดออกมา
เมื่อครู่นางเตรียมจะไปตามหาซูหลี คิดไม่ถึงว่าซูหลีจะกลับมาพอดี
ฝ่าบาทเสด็จมาที่นี่!?
สีหน้าของซูหลีเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในเวลานี้ฉินเย่หานควรจะปรึกษาเรื่องราชการแผ่นดินกับจี้เหิงหรานถึงจะถูก ไยถึงมาหาถึงที่นี่กัน
นางไม่ได้โง่เขลา เรื่องที่จี้เหิงหรานเสนอในการประชุมล้วนเป็นเรื่องค่อนข้างสำคัญ ทว่าถูกนางขัดจังหวะภายในห้องออกว่าราชการ จี้เหิงหรานจักต้องเข้าพบฉินเย่หานเป็นการส่วนตัวอย่างแน่นอน
ความแค้นส่วนตัวระหว่างเขากับนางต้องพักไว้ชั่วคราว จักต้องจัดการเรื่องแผ่นดินก่อนถึงจะถูก
นี่เป็นเรื่องนางกับจี้เหิงหรานต่างฝ่ายต่างรู้ดี
ซูหลีก็ไม่พุ่งเข้าไปเพิ่มความยุ่งยากให้กับจี้เหิงหรานอีก เรื่องราชการแผ่นดินเป็นเรื่องสำคัญ หากนางกระทำอะไรโดยไม่มีเหตุผล คราวหน้าคนที่บันดาลโทสะอาจจะเป็นฉินเย่หาน
นางสามารถเป็นศัตรูกับจี้เหิงหรานได้ ทว่าไม่สามารถขัดใจฉินเย่หานได้!
เพียงแต่…
ในดวงตาของซูหลีมีประกายบางอย่างพาดผ่านอย่างรวดเร็ว จากนั้นถึงสาวเท้าเข้าไปภายในห้อง
“ถวายบังคมฝ่าบาท!” ทันทีที่เข้าไปก็พบกับฉินเย่หานที่ยังอยู่ในอาภรณ์ชุดเดิม นั่งอยู่ที่ที่นั่งหลักภายในห้องนี้ เมื่อเห็นนางเข้ามา เขาจึงวางจอกชาในมือลง
“เจ้าไปที่ใดมา” แววตาของฉินเย่หานมีความเยียบเย็นอยู่บ้าง
“…กระหม่อมเดินเล่นภายในพระราชวังไปเรื่อยเปื่อย และบังเอิญพบซื่อจื่อ จึงพูดคุยกับเขาไม่กี่ประโยค จึงทำให้เสียเวลาอยู่บ้างพ่ะย่ะค่ะ” หลังจากซูหลีชะงักไปวูบหนึ่ง ทว่านางกลับไม่ปิดบังเรื่องที่ตนพบกับฉินมู่ปิง
พระราชวังแห่งนี้เป็นพระราชวังของฉินเย่หาน อีกทั้งบทสนทนาระหว่างนางกับฉินมู่ปิง นางก็ไม่กลัวว่าฉินเย่หานจะทราบ
หลังจากฉินเย่หานได้ยินชื่อของฉินมู่ปิง สีหน้าเข้มขึ้นไปวูบหนึ่ง เขาพลันลุกขึ้นยืนเดินไปหยุดที่เบื้องหน้าของซูหลี และหลุบตามองนางจากที่สูง
“วันนี้ทำไมถึงกระทำเช่นนี้”
ดวงตาของซูหลีวูบไหวไปครู่หนึ่ง นี่เขากำลังถามนางว่า ทำไมถึงปฏิบัติต่อจี้เหิงหรานเช่นนั้น!
ซูหลีคิดไม่ถึงว่าฉินเย่หานจะมาคาดโทษนาง เขากระทำเช่นนี้ก็เพราะว่าสำหรับเขาแล้ว จี้เหิงหรานผู้นี้แตกต่างกับคนอื่น
นี่ไม่เหมือนกันสกุลป๋าย สกุลเซียวในอดีต
ในใจของซูหลีนั้นทราบเรื่องนี้ดี
สีหน้าของนางแปรเปลี่ยนเล็กน้อย ทว่าเพียงพริบตาเดียวก็สามารถกลับเป็นปกติ นางเหลือบตาขึ้นมองทางฉินเย่หาน เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ทูลฝ่าบาท ความสัมพันธ์ระหว่างกระหม่อมกับใต้เท้าจี้นั้นไม่ค่อยดีเท่าไรนัก นี่ก็ไม่ใช่เรื่องวันสองวันนี้ คนที่เคยวางแผนสังหารกระหม่อม กระหม่อมไม่มีทางที่จะไว้เนื้อเชื่อใจได้อย่างหมดใจจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ!”
“เรื่องในวันนี้ที่จริงก็ไม่ใช่สิ่งที่เหนือความคาดหมายอะไร อีกทั้งที่กระหม่อมเจตนาทำให้เรื่องราชการแผ่นดินต้องล่าช้า เป็นความผิดของกระหม่อม ฝ่าบาทได้โปรดลงโทษกระหม่อมเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ตอนที่ 1182 สาเหตุที่สอง
ซูหลีพูดจบ ก็ก้มศีรษะของตนลงทันที
ไม่ได้มองฉินเย่หาน
สีหน้าของฉินเย่หานยังคงเดิม ทว่าสายตาคล้ายดั่งดาบเล่มหนึ่งมิปาน ดูคุกคามเป็นอย่างมาก
“เพียงแค่เรื่องนี้หรือ”
ซูหลีไม่เคยปิดบังตัวตนมาก่อน ความใจแคบของนางล้วนเป็นสิ่งที่ทุกคนนั้นทราบดี แม้คนอื่นจะพูดคำพูดล่วงเกินนาง นางก็โต้ตอบกลับ
นับประสาอะไรกับจี้เหิงหรานที่เคยกระทำเรื่องเช่นนี้ต่อนาง
ดังนั้นเมื่อฉินเย่หานเอ่ยปากถามขึ้น ซูหลีถึงใช้ข้ออ้างนี้
ทว่าที่จริงแล้วก็ไม่มีถือว่าเป็นข้ออ้าง ความขัดแย้งระหว่างซูหลีกับจี้เหิงหรานก็ไม่ใช่เกิดขึ้นตั้งแต่เวลานั้นหรอกหรือ
“นอกจากเรื่องนี้แล้ว ยังมีความประพฤติที่ไม่ดีของใต้เท้าจี้ ทำให้กระหม่อมเห็นแล้วขัดตากระมัง!” ใบหน้ากระตุกเล็กน้อย เมื่อตกอยู่ในสายตาของฉินเย่หาน ซูหลีจึงทำเพียงก้มหน้าด้วยความละอายใจ ไม่ยอมสบตาเขา
“ความประพฤติไม่ดี?” น้ำเสียงของฉินเย่หานพูดอย่างเยียบเย็นมาก
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ” ซูหลีไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย นางชำเลืองตามองฉินเย่หานปราดหนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ภายในหอเก็บตำรา ก่อนที่ฝ่าบาทจะเสด็จเข้าไป กระหม่อมได้ยินบทสนทนาระหว่างใต้เท้าจี้กับข้ารับใช้คนหนึ่ง”
บรรยากาศภายในห้องนั้นเงียบมาก เย่ว์ลั่วที่ยืนก้มศีรษะอยู่ข้างประตู เมื่อได้ยินพวกซูหลีทั้งสองคนเอ่ยถึงจี้เหิงหราน นางจึงขดตัวอย่างรู้สึกไม่สบายใจนัก
แม้จะเกือบจะปิดบังได้แล้ว ทว่ากลับถูกซูหลีจับได้เสียก่อน
คำพูดนี้นางไม่เพียงพูดให้ฉินเย่หานฟัง ทั้งยังพูดให้เย่ว์ลั่วฟังด้วย
“ใต้เท้าจี้นั้นแต่งภรรยาเข้ามาตั้งนานแล้ว บัดนี้ก็ถือว่ามีครอบครัวอย่างสมบูรณ์แล้ว ทว่าในใจของใต้เท้าจี้ยังคะนึงหาสาวใช้ข้างกายกระหม่อมอยู่อีก” ขณะที่ซูหลีเอ่ยถึงเรื่องนี้ สีหน้าของนางยังเต็มไปด้วยความประชดประชัน
“เรื่องนี้ช่างเถอะ กระหม่อมยังได้ยินพวกเขาทั้งสองคนปรึกษาหารือกันที่นั่น กล่าวว่าหลังจากใต้เท้าจี้ออกจากจวน จี้ฮูหยินก็ห่วงและคิดถึงใต้เท้าจี้เป็นอย่างมาก จนต้องร้องขอฮูหยินอาวุโสเดินทางมาที่พระราชวังแห่งนี้!”
เย่ว์ลั่วที่ด้านนอกประตูถึงกับแข้งขาอ่อนแรงในทันที
ซูหลีเก็บสายตาของตนเองกลับมา คิดไม่ถึงว่าจะพบกับสายตาเยียบเย็นคู่นั้นของฉินเย่หานพอดี นางชะงักไปวูบหนึ่ง ทว่ากลับไม่ยินยอมถอยออกมาแม้แต่ก้าวเดียวและเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาว่า
“จี้ฮูหยินมาแล้ว ข้างกายของใต้เท้าจี้มีโฉมสะคราญเช่นนี้ก็ควรจะรู้สึกพอได้แล้วถึงจะถูก ทว่าที่ทำให้กระหม่อมไม่เข้าใจก็คือ ใต้เท้าจี้กลับสั่งให้ข้ารับใช้คนนั้นปิดบังเรื่องนี้ ทั้งยังกล่าวว่า เรื่องนี้จักต้องไม่ให้กระหม่อมและคนข้างกายกระหม่อมแม้แต่คนเดียวรับรู้!”
“ฝ่าบาทก็ทรงทราบว่า กระหม่อมผู้มีอุปนิสัยเช่นนี้ สิ่งที่กระหม่อมไม่อาจทนดูได้มากที่สุดก็คือการถูกผู้อื่นปิดบัง ความประพฤติของใต้เท้าจี้นี้ทำให้คนรู้สึกไม่พอใจ ดังนั้นกระหม่อมจึงอดทนต่อไปไม่ไหว ถึงได้มีปากมีเสียงกับเขา!”
คำพูดของซูหลีสื่อออกมาอย่างชัดเจนว่า จี้เหิงหรานเป็นคนเสแสร้ง ทำให้นางผู้ซึ่ง ‘เถรตรง’ ทนดูต่อไปไม่ได้ ดังนั้นถึงได้ปฏิบัติต่อจี้เหิงหรานเช่นนั้น!
ฉินเย่หานมองนาง ในดวงตาที่ดำขลับนั้นไม่อาจมองเห็นความรู้สึกนึกคิดของเขาได้เลยแม้แต่น้อย
เพียงแต่ซูหลีรู้สึกได้ว่า ความกดอากาศภายในห้องดูเหมือนจะต่ำลงหลายส่วนไปในชั่วพริบตาเดียว
ซูหลีหลับตาลงและก้มศีรษะลง นี่ฉินเย่หานไม่เชื่อที่นางกล่าวมา
เรื่องเหล่านี้เป็นหนึ่งในเหตุผลที่นางกระทำเช่นนี้จริงๆ ทว่าคำพูดของฉินมู่ปิงก็เป็นเพียงเหตุผลหนึ่งเช่นกัน ไม่อาจกล่าวได้ว่าเหตุผลไหนมีความสำคัญมากกว่า ทว่าเมื่อนำเหตุผลทั้งหมดมารวมกันแล้ว ก็กลายเป็นเหตุนี้ทำให้ซูหลีรังเกียจจี้เหิงหราน
บัดนี้นางก็แค่เพียงพูดเพียงสองเหตุผลในนั้นเท่านั้น และปิดบังเหตุผลอีกเหตุหนึ่งก็เท่านั้น
เรื่องนี้ นางรู้สึกไม่เสียใจที่ไม่พูดออกมา!
“เพราะเรื่องนี้ ทำให้เจ้าปฏิบัติต่อเขาเช่นนั้นหรือ” ผ่านไปพักใหญ่ฉินเย่หานพลันเอ่ยประโยคนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยียบ
หนังตาของซูลีกระตุกเล็กน้อย ทว่ายังไม่อ่อนข้อให้และเอ่ยว่า
“อุปนิสัยของกระหม่อมเป็นเช่นนี้ ทนมองดูต่อไปไม่ได้ ไม่ชื่นชอบ ไม่เบิกบานใจที่เขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เรื่องนี้ไม่ใช่ฝ่าบาทคงจะทราบอยู่แล้วกระมัง!”
พูดจบซูหลีจึงชำเลืองตาสบเข้ากับดวงตาของฉินเย่หานพอดี!