ตอนที่ 1183 กฎเกณฑ์ตามธรรมเนียมที่มีมา / ตอนที่ 1184 ไม่โอนอ่อนแม้แต่ก้าวเดียว!

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ

ตอนที่ 1183 กฎเกณฑ์ตามธรรมเนียมที่มีมา

 

 

เส้นสายตาของทั้งสองคนประสานกัน ทำให้บรรยากาศภายในห้องแปรเปลี่ยนเป็นกดดันขึ้นมาทันใด

 

 

สำหรับเรื่องท่าทีของจี้เหิงหราน ซูหลีไม่ยินยอมที่จะอ่อนข้อให้ ทว่าฉินเย่หานเป็นฮ่องเต้ ที่ผ่านมาพูดจาคำไหนคำนั้น ไฉนจะยอมให้กับท่าทีของซูหลีเช่นนี้

 

 

“อย่างไรก็แค่สาวใช้คนหนึ่งเท่านั้น!” ฉินเย่หานเห็นท่าทางของนางเถียงคอเป็นเอ็นนี้แล้ว เขาพลันแค่นยิ้มเย็นออกมาครู่หนึ่ง ทันทีที่ปริปากพูด ก็เอ่ยคำพูดที่ทำให้ซูหลีตกใจเช่นนี้ออกมา

 

 

“เย่ว์ลั่ว ใช่ไหม?” ชื่อนี้ที่ถูกนางกับจี้เหิงหรานเอ่ยถึง เมื่อเปลี่ยนเป็นเอ่ยต่อหน้าฉินเย่หานแล้ว แม้เขาจะไม่อยากจดจำ ก็คงเป็นไปไม่ได้

 

 

“ฝ่าบาท…” ในเวลานี้ซูหลีมองท่าทีของเขาไม่ออก สีหน้านางมีความลังเลอยู่มาก

 

 

“ถ่ายทอดคำสั่งของเราออกไป มอบเย่ว์ลั่วแต่งเป็นภรรยารองให้กับจี้เหิงหราน!” คิดไม่ถึงว่าฉินเย่หานผู้นั้นจะไม่มองนางเลยแม้แต่น้อย แสดงสีหน้าที่เคร่งขรึมและพูดพระราชโองการเช่นนี้ออกมา

 

 

สีหน้าของซูหลีเปลี่ยนไปทันใด!

 

 

“ฝ่าบาทเพคะ” เย่ว์ลั่วที่อยู่ปากทางเข้า ได้ยินบทสนทนาที่พวกเขาคุยกันอย่างชัดเจน คิดไม่ถึงว่าฉินเย่หานจะพูดออกมาเช่นนี้ ในเวลานี้นางหาได้ใส่ใจเรื่องอื่น เดินเข้ามาภายในห้องอย่างรวดเร็ว จากนั้นถึงคุกเข่าลงต่อหน้าฉินเย่หานจนเกิดเสียงดัง

 

 

“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ไม่สามารถกระทำเช่นนี้ได้!” ซูหลีดึงสติกลับมาและเอ่ยเสียงดัง

 

 

“ทำไมรึ หรือพวกเจ้ายังอยากจะต่อต้านพระราชโองการอีก!?” ใครจะรู้ว่าสิ่งที่ทำให้ฉินเย่หานโมโห ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำพูดของซูหลี หรือความประพฤติของเย่ว์ลั่วกัน

 

 

“ฝ่าบาทได้โปรดยกเลิกพระราชโองการเถิดเพคะ บ่าวไม่ยินยอมให้ตรงกับใต้เท้าจี้เพคะ!” ซูหลียังไม่ส่งเสียงพูด เย่ว์ลั่วที่อยู่ด้านข้างพลันหมอบลง เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน

 

 

ในขณะที่ฉินเย่หานมีกลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาเช่นนี้ ที่จริงแล้วมีคนจำนวนน้อยมากที่จะไม่หวาดหวั่น

 

 

แม้แต่เย่ว์ลั่วก็เช่นนั้น ทว่าแม้นางจะหวาดกลัวอย่างไร นางก็ไม่ยินยอมแต่งให้กับจี้เหิงหรานเช่นนี้!

 

 

หากนางไม่เคยสนิทสนมกับซูหลีก็แล้วไป ทว่าวันเวลาที่นางติดตามอยู่ข้างกายซูหลีนี้ สภาพจิตใจของนางได้เปลี่ยนไปตั้งนานแล้ว นางรู้ดีว่าตนยังมีความรักความห่วงใยต่อจี้เหิงหราน

 

 

ทว่าระหว่างความรักนั้นกับศักดิ์ศรีของตน อย่างไรเย่ว์ลั่วนั้นเลือกศักดิ์ศรีของตน

 

 

นางนั้นแตกต่างกับซูหลี นางเป็นเพียงสาวใช้คนหนึ่ง ตำแหน่งนางโรยรา หากแม้แต่ศักดิ์ศรียังทำหล่นหาย เช่นนั้นนางมีชีวิตอยู่จะมีความหมายอะไร

 

 

จี้เหิงหรานทอดทิ้งนางตั้งแต่แรก ทำไมนางจักต้องทำให้จี้เหิงหรานสมหวังและไปเป็นอนุของเขาด้วยเล่า!

 

 

“ทูลฝ่าบาท ใต้เท้าจี้แต่งภรรยาแล้ว อย่างไรเย่ว์ลั่ว…” ซูหลีเห็นดังนั้น จึงพูดอธิบายประโยคหนึ่งยากที่จะให้ฉินเย่หานยกเลิกพระราชโองการเมื่อครู่

 

 

ใครจะรู้ว่าทันทีที่นางเอ่ยคำพูดนี้ออกมา อีกทั้งยังไม่ทันพูดจบ กลับถูกฉินเย่หานพูดขัดด้วยน้ำเสียงเย็นชา!

 

 

“แล้วอย่างไรเล่า!? นางก็เป็นเพียงสาวใช้คนหนึ่งเท่านั้น ไม่เป็นภรรยารอง หรืออยากจะเป็นจี้ฮูหยินกัน” สีหน้าของฉินเย่หานเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง ไม่มีความรู้สึกใดๆ แฝงซ่อนอยู่เลยแม้แต่น้อย

 

 

“ฝ่าบาท!” ซูหลีมองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะพูดเช่นนี้ออกมา

 

 

“ราชวงศ์ต้าโจว บุรุษมากภรรยา ถือเป็นการปฏิบัติตามธรรมเนียมที่มี! เพื่อสาวใช้ข้างกายเจ้าคนหนึ่ง เจ้ายังต้องการจะทำลายกฎเกณฑ์นี้อีกหรือ!” ทว่าไม่รู้วันนี้ฉินเย่หานเป็นอะไร กลับไม่แสดงความอ่อนข้อให้กับซูหลีแม้แต่นิดเดียว!

 

 

ดูแล้วไม่เพียงไม่ยอมโอนอ่อนให้ มิหนำซ้ำยังเอ่ยคำพูดประโยคนี้ออกมาอย่างเยือกเย็น

 

 

สีหน้าของซูหลีเปลี่ยนไปทันใด นางแสดงสีหน้าเย็นชาและเอ่ยอย่างถากถางว่า “ปฏิบัติตามธรรมเนียมที่มี!? ใช่! นี่เป็นการปฏิบัติตามธรรมเนียมที่มีมิผิด ดังนั้นในสายตาของฝ่าบาท บุรุษมากภรรยาคงเป็นเรื่องปกติ! เช่นนั้นต่อไปขอเชิญฝ่าบาทปฏิบัติต่อเหนียงเหนียงทุกคนในวังหลังอย่างเท่าเทียมกัน!”

 

 

“ถึงจะไม่ทำลายกฎเกณฑ์และธรรมเนียมเช่นนี้ได้” คำพูดนี้พูดออกมาอย่างเย็นชาและแข็งกร้าว เย่ว์ลั่วที่อยู่ด้านข้างถูกซูหลีทำให้ตกใจจนต้องฉุดยื้อนางเอาไว้

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1184 ไม่โอนอ่อนแม้แต่ก้าวเดียว!

 

 

“คุณหนู…” สีหน้าของเย่ว์ลั่วซีดเผือด นางไม่ยินยอมแต่งให้กับจี้เหิงหราน ทว่าก็ไม่ยินยอมที่จะเห็นซูหลีต้องมีปากมีเสียงกับฉินเย่หานเพราะเรื่องของนางเช่นนี้!

 

 

“ซูหลี!” น้ำเสียงของฉินเย่หานเยียบเย็นจนถึงขีดสุด เขาพลันนั่งยองยื่นมือช้อนคางซูหลีขึ้นมา

 

 

สายตาของซูหลีเต็มไปประกายเย็นเยียบ เมื่อถูกเขาบังคับให้เงยหน้าขึ้น นางกลับไม่มองเขา เพียงหลุบตาของตน

 

 

“อย่าคิดว่าเราโปรดปรานเจ้า แล้วเจ้าจะทำตามอำเภอใจโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น!” น้ำเสียงของฉินเย่หานเย็นเยียบหนาวไปถึงกระดูก หนาวเหน็บเสียจนผู้ที่ได้ยินสั่นสะท้านโดยไม่รู้สึกตัว

 

 

“กระหม่อมมิบังอาจ!” ทว่าซูหลีกลับไม่มีแสร้งวางมาดต่อหน้าเขาเหมือนยามปกติ แม้กระทั่งเปลือกตาของนางก็ยังปรายขึ้นมองฉินเย่หาน เพียงเอ่ยคำพูดประโยคนี้ออกมาจากเฉยเมย

 

 

นี่ถึงเป็นตัวตนนางจริงๆ !

 

 

ซูหลีเคยเกรงกลัวผู้ใดตั้งแต่เมื่อไร! แม้แต่เขา นางก็ไม่เคยรู้สึกเกรงกลัว!

 

 

มือของฉินเย่หานออกแรงเล็กน้อย ซูหลีจึงรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่บริเวณคางของตน ไม่ต้องมองก็พอจะรู้ว่า คางที่ขาวผ่องของนางจักต้องถูกเขาบีบจนแดงช้ำหมดแล้ว!

 

 

ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ นางก็ไม่ยินยอมที่จะโอนอ่อนแม้แต่ครึ่งก้าว!

 

 

“เจ้าคิดว่า หากไม่มีเจ้า เราจะอยู่ไม่ได้หรือ!?” น้ำเสียงที่ไม่มีความอ่อนโยนเลยแม้แต่น้อยของฉินเย่หาน ดังขึ้นเหนือศีรษะของนาง

 

 

“ฝ่าบาททรงเอาคำพูดนี้มาจากที่ไหนกัน พระสนมในวังหลังพร้อมงามสะคราญและเพียบพร้อม ฝ่าบาททรงอยากจะโปรดปรานใคร ก็ไปโปรดปราน! ซูหลีจะถือเป็นสิ่งใดกัน!?”

 

 

“ดี!” ครั้นเห็นท่าทางที่ดื้อรั้นของซูหลีเช่นนี้ ฉินเย่หานโมโหจนยิ้มออกมา คลายมือของตนออกอย่างรุนแรง จนให้ศีรษะของซูหลีหันไปอีกทาง

 

 

ใบหน้าของซูหลีไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ นางเพียงหันศีรษะกลับมาและหลุบตามองพื้นอีกครั้ง

 

 

ฉินเย่หานเห็นอากัปกิริยาของนางไม่ค่อยชัดเจน ทว่ารู้ว่านางแสดงท่าทีเช่นนี้ออกมา หมายความว่าอย่างไร

 

 

สีหน้าของเขาเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง กลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างคล้ายดั่งภูเขาลูกใหญ่ ซึ่งกำลังกดทับอยู่บนหัวใจของทุกคนภายในห้องนี้มิปาน!

 

 

“เจ้าไม่ยอมให้นางแต่งกับจี้เหิงหราน เราก็จะให้นางเป็นอนุของจี้เหิงหราน!” ทันทีที่ฉินเย่หานพูดจบ ซูหลีเงยศีรษะจ้องมองอย่างรวดเร็ว ความมืดมนในดวงตาของนาง ช่างทำให้คนที่มองหวาดผวา

 

 

หากฝ่าบาทจะทรงยึดมั่นในความคิดของพระองค์เช่นนี้ เช่นนั้นก็สู้สังหารกระหม่อมก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” ซูหลีหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน ไม่โอนอ่อนแม้แต่น้อย “หากทรงต้องการให้เย่ว์ลั่วเป็นอนุของจี้เหิงหราน นอกจากจะฝ่าบาทจะทรงข้ามศพกระหม่อมไปเสียก่อน!”

 

 

การพูดเน้นทีละคำของซูหลีพูดออกมาได้อย่างเด็ดขาด ไม่มีความลังเลใจเลยสักนิด

 

 

“เจ้าใช้ชีวิตของเจ้าข่มขู่เรางั้นรึ!?” ในเวลานี้น้ำเสียงของฉินเย่หานเปลี่ยนไปอย่างน่าสะพรึงกลัว ทำให้ผู้อื่นรู้สึกหวาดกลัว

 

 

“กระหม่อมมิบังอาจ!” นางพูดคำว่ามิบังอาจออกมาอีกครั้ง!

 

 

“ยังมีเรื่องที่เจ้าไม่กล้าอีกรึ! ดี! เราจะคอยดู! หากเราต้องการเช่นนี้เจ้าจะสามารถทำอะไรได้!” ฉินเย่หานพูดจบก็ไม่แม้แต่จะหันมองซูหลีปราดหนึ่ง จากนั้นหมุนกายเดินออกไป ก่อนที่จะก้าวข้ามประตูตำหนักออกไป ฉินเย่หานหยุดฝีเท้าไปครู่หนึ่งและเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นว่า

 

 

“ส่งทหารมาล้อมที่นี่เอาไว้! หากเราไม่ถ่ายทอดคำสั่ง ใครก็ไม่มีสิทธิ์ออกจากที่นี่!”

 

 

หวงเผยซานที่เดินตามอยู่ด้านหลังของเขา ซึ่งถูกเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงนี่ทำให้ตกใจจนใบหน้าคร่ำเครียดดุจขี้เถ้า ทันทีที่ได้ยินคำพูดของฉินเย่หานในเวลานี้ เขาไม่รู้ว่าตนควรจะขานรับดี หรือไม่ขานรับดี

 

 

รอจนเขามีการตอบสนอง ฉินเย่หานเดินออกจากที่นี่ไปแล้ว เหลือเพียงนายกับบ่าวอย่างพวกซูหลีทั้งสองคน ที่ยังเชิดคอตรงอย่างดื้อรั้น ทั้งยังคุกเข่าด้วยลำตัวเหยียดตรงอยู่ที่นี่!

 

 

หวงเผยซานถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขามองไปที่ซูหลี ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี

 

 

“ใต้เท้าซู! ท่านจะลำบากทำเช่นนี้เพื่ออะไร!” หวงเผยซานแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว นายท่านทะเลาะกันเช่นนี้ ข้ารับใช้ก็ประสบหายนะโดยแท้!

 

 

“หวงกงกงไม่ต้องพูดอะไรแล้ว! ในใจข้ารู้สึกว่าอะไรควรอะไรไม่ควร” สีหน้าของซูหลีกลับมีความเย็นชา ทั้งยังไม่มองทางเขา นางเพียงตบที่บ่าของเย่ว์ลั่วอย่างคลายความกังวล

 

 

หวงเผยซานเห็นท่าทางของนางเช่นนี้ ก็ไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก