ตอนที่ 1185 จุดเริ่มต้นของสงครามเย็น / ตอนที่ 1186 ซูหลีหมดสติ

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ

ตอนที่ 1185 จุดเริ่มต้นของสงครามเย็น

 

 

“คุณหนู…” หลังจากหวงเผยซานออกไป เย่ว์ลั่วจึงรีบลุกขึ้นยืน เข้าไปประคองซูหลีลุกขึ้น จากนั้นเอ่ยขึ้นว่า

 

 

“ท่านไม่ต้องทำเพื่อบ่าวถึงขนาดนี้…” ในใจของเย่ว์ลั่วรู้สึกแย่เป็นอย่างมาก เรื่องนี้จะพูดอย่างไร ที่จริงนางก็เป็นเพียงสาวใช้คนหนึ่งเท่านั้น

 

 

เมื่อพัวพันกับเรื่องเช่นนี้ คนปกติแล้วไม่มีทางที่จะเอาใส่ใจอะไรมาก

 

 

ทว่าซูหลีทะเลาะกับฝ่าบาท เพื่อนางซึ่งเป็นสาวใช้คนหนึ่งเช่นนี้ ในใจของเย่ว์ลั่วรู้สึกแย่จริงๆ ที่เห็นฝ่าบาททรงสะบัดแขนฉลองพระองค์เสด็จออกไปเมื่อครู่

 

 

ที่จริงในใจนางใคร่ครวญดีแล้ว อย่างมากนางก็แค่แต่งงานกับจี้เหิงหรานก็เท่านั้น

 

 

อย่างไรก็ไม่สามารถปล่อยให้ซูหลีสูญเสียความโปรดปรานจากฮ่องเต้ เพื่อปกป้องนาง ในเวลานี้สกุลซูมิได้เหมือนอย่างแต่ก่อน ซูไท่ก็ไม่สามารถคุ้มครองซูหลีได้

 

 

เพราะเรื่องเกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งนี้ ทำให้ซูหลีมีศัตรูในราชสำนักจำนวนมาก หากไม่ใช่เพราะนางยืนอยู่ด้านหลังของฮ่องเต้แล้วละก็ การใช้ชีวิตของซูหลีจะเปลี่ยนเป็นเช่นไร เรื่องนี้เย่ว์ลั่วไม่กล้าที่จะจินตนาการ

 

 

“วางใจเถิด” สีหน้าของซูหลีไม่น่ามองเป็นอย่างมาก ทว่าหลังจากที่นางยืนขึ้นก็ยังปลอบโยนเย่ว์ลั่วคำรบหนึ่ง

 

 

“ไม่ว่าอย่างไร เจ้าก็เป็นคนของข้า ข้าไม่มีทางให้เจ้ามอบกายและใจให้แก่จี้เหิงหรานอย่างไม่เต็มใจ!” เย่ว์ลั่วอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่ากลับเห็นซูหลีโบกไม้โบกมืออย่างไร้เรี่ยวแรง

 

 

นางจึงทำได้เพียงกลืนคำพูดที่ติดอยู่ที่ปากลงไป

 

 

บัดนี้ไม่ว่าจะพูดอะไรซูหลีก็คงไม่ฟังทั้งนั้น อย่างไรเย่ว์ลั่วก็วางแผนเตรียมเอาไว้บ้างแล้ว ร้ายแรงที่สุดนางก็แค่กลับไปอยู่ข้างกายจี้เหิงหรานเท่านั้น อย่างไรก็ไม่อาจปล่อยในซูหลีอยู่ระหว่างกลาง เป็นคนที่ลำบากใจ

 

 

 

 

เรื่องดีนั้นยากจะทำให้คนทั่วไปในวงกว้างรับรู้ แต่เรื่องไม่ดีแพร่กระจายไปได้กว้างและรวดเร็วโดยแท้

 

 

วันนั้นที่ฮ่องเต้ทรงมีปากมีเสียงครั้งใหญ่กับซูหลีภายในตำหนักของนาง จากนั้นเสด็จออกไปเพราะความโมโห ไม่รู้ว่าถูกใครนำเรื่องนี้ไปแพร่งพราย

 

 

บรรยากาศภายในพระราชวังเปลี่ยนไปอย่างประหลาด

 

 

ทหารเฝ้ายามในตำหนักของซูหลีพลันเพิ่มความแข็งแกร่งมากขึ้น ทุกที่ในตำหนักมีทหารสวมหมวกเหล็กและชุดเกราะ ห้อมล้อมทั้งตำหนักไว้อย่างแน่นหนา ประหนึ่งแม้แต่สายลมก็มิอาจพัดผ่านไปได้มิปาน

 

 

เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้แล้ว คนที่ไม่รู้คงจะคิดว่าซูหลีทำผิดอะไรอันใหญ่หลวง

 

 

ตลอดหลายวันมานี้ ภายในแต่ละตำหนัก รวมถึงเหล่านางสนมที่ไทเฮาทรงโปรดปรานและนำมาที่นี่ด้วย ทั้งยังมีคนภายในตำหนักของไทเฮา แม้กระทั่งขุนนางชั้นผู้ใหญ่บางคนก็ส่งคนไปสืบข่าวจำนวนไม่น้อย

 

 

น่าเสียดายที่นี่เป็นการเฝ้าระวังที่เข้มงวดเกินไป จนทำให้ไม่มีใครรู้ว่าภายในเกิดอะไรขึ้นบ้าง

 

 

เพราะเรื่องนี้ทำให้เกิดความวุ่นวายต่อคนภายนอกเป็นอย่างมาก จากอากัปกิริยาท่าทางของฮ่องเต้นี้ ทำให้ทุกคนต่างคาดเดาถึงตำแหน่งของซูหลีในตอนนี้อย่างคึกคักเป็นอย่างมาก

 

 

ทว่าซูหลีที่ถูกขังไว้ในตำหนัก กลับไม่ได้รับผลกระทบกระเทือนเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย

 

 

นางกลับกินอย่างที่ควรจะกิน ดื่มอย่างที่ควรดื่มเสียด้วย

 

 

ในเมื่อไม่อนุญาตให้นางออกไป นางก็ถือโอกาสไม่ออกเสียเลย ตลอดเวลาที่อยู่ในตำหนัก นางจะคอยคิดเปลี่ยนรายการอาหารที่กินทุกวัน แต่ละชื่ออาหารที่นางสั่งล้วนมีแต่อาหารแปลกประหลาด ทำให้คนภายในห้องครัวต่างตะลึงค้างกันหมด

 

 

เพราะฮ่องเต้ทรงกำชับไว้แล้วว่า เรื่องอาหารการกิน ทั้งยังมีเรื่องอื่นๆ ห้ามทำให้ซูหลีลำบาก นางต้องการอะไรก็ต้องหามาให้นาง

 

 

ซูหลีสร้างปัญหายุ่งยากให้แก่พวกเขา พวกเขาก็ทำได้เพียงรับไว้เท่านั้น หลังจากนั้นเมื่อไม่มีวิธีแก้ไขปัญหาเหล่านี้จริงๆ พวกเขาต้องอาศัยไป๋ฉินที่อยู่ข้างกายซูหลี ถึงจะสามารถทำอาหารตามที่ซูหลีต้องการได้

 

 

หากสามารถทำได้แค่นี้ เช่นนั้นก็ช่างเถอะ

 

 

ในพระราชวังเลี้ยงดูนางระบำเอาไว้บ้าง ทั้งยังมีสตรีที่เล่นดนตรีได้ประเภทนั้นอยู่ ซูหลีที่มีเวลาว่างทุกวัน จึงสั่งให้คนย้ายเก้าอี้ไปไว้ภายในลานกว้าง และนั่งดื่มสุราอย่างเบิกบานใจ ทั้งยังถือโอกาสเรียกนางระบำมาร้องเล่นเต้นระบำ เพิ่มความสนุกสนานให้แก่นาง

 

 

ความประพฤติและกิริยาท่าทางเช่นนี้เกิดขึ้นในตำหนัก อย่างไรก็ถือว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสม

 

 

แต่เป็นเพราะคนผู้นี้คือซูหลี คนอื่นๆ จึงไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้

 

 

ดังนั้นทุกครั้งที่ตำหนักอื่นๆ ตกอยู่ในความเงียบสงบ ก็จะมีเสียงเครื่องดนตรีสนุกสนานดังมาจากทางตำหนักของซูหลีอยู่เสมอ

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1186 ซูหลีหมดสติ

 

 

ทำให้ทุกคนรู้สึกจนปัญญาและขบขัน

 

 

แทบจะมีขุนนางแค่ไม่กี่คนที่จะถูกฮ่องเต้ทรงส่งทหารไปกุมขังอย่างแน่นหนา อีกทั้งยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายอย่างซูหลีแล้ว

 

 

นี่ไม่ถือว่าเป็นเรื่องอันใหญ่หลวงอะไรแม้ฮ่องเต้จะทรงไม่อนุญาตให้นางออกไปพบปะผู้คนภายนอก นางก็เริ่มหาวิธีเชิญผู้อื่นมาที่ตำหนักเสียเลย

 

 

คนแรกที่เชิญมาก็คือเซี่ยอวี่เสียน

 

 

เหล่าทหารที่เฝ้ากันอยู่ที่ประตูนั้น ที่จริงพวกเขารู้สึกจนปัญญาเป็นอย่างมาก ฮ่องเต้เพียงทรงรับสั่งว่าไม่อนุญาตซูหลีออกไปด้านนอกและทรงให้พวกเขาจับตาดูนางไว้

 

 

ทว่าทรงไม่ได้ตรัสว่าไม่อนุญาตให้นางเชิญใครมาเป็นแขกในตำหนัก กอปรกับท่านผู้นี้คือคุณชายสกุลเซี่ย ถือว่านับเป็นคนมีชื่อเสียงในเมืองหลวง บัดนี้อยู่ในสำนักฮั่นหลินก็ถือว่าไม่เลวนัก

 

 

พวกเขาจะสามารถล่วงเกินเขาได้อย่างไรกัน

 

 

อีกประการหนึ่ง หากพวกเราไม่วางใจ คนแรกที่จะไม่ยกโทษให้พวกเขาก็คือซูหลี

 

 

พูดตามความจริง คนเหล่านี้ไม่เข้าใจความหมายที่ฉินเย่หานต้องการจะสื่อเท่าไหร่นัก แม้เขาจะกักขังซูหลีไว้ ทว่ากลับถ่ายทอดคำสั่ง ไม่อนุญาตให้พวกเขาทำให้ซูหลีโมโห นอกจากเรื่องที่ไม่อนุญาตในนางออกจากตำหนักแล้ว เรื่องอื่นๆ ก็ให้ทำตามที่นางสั่ง

 

 

ครั้นได้ยินคำสั่งนี้แล้ว เรื่องทั้งหมดให้ทำตามที่นางสั่ง!

 

 

เช่นนั้นพวกเขาจะสามารถพูดอะไรได้ จึงทำได้เพียงปล่อยให้เซี่ยอวี่เสียนเข้ามา!

 

 

ในช่วงเวลานี้ถือว่าดีมาก ต่อจากนี้ไปหลายวันซูหลีก็เหมือนกับค้นพบเรื่องสนุกมิปาน วันนี้เชิญแขกมากลุ่มนี้ พรุ่งนี้ก็เชิญคนมางานเลี้ยงอีกกลุ่มหนึ่ง

 

 

ทั้งดื่มสุราอย่างเบิกบานใจ แม้กระทั่งมีการละเล่นสนุกสนานภายในตำหนัก

 

 

…ไม่มีใครใช้ชีวิตได้อย่างอิสระยิ่งกว่านางได้อีกแล้ว!

 

 

เรื่องนี้ไม่รู้ว่าใครที่พูดแพร่งพรายออกไปจนข่าวนี้ถึงภายในตำหนักของไทเฮา ทำให้ไทเฮาต้องมาที่นี่อีกครั้งหนึ่ง ไทเฮาเสด็จมาที่นี่ด้วยอารมณ์ที่ดุเดือด ไม่เหมือนเสด็จมาเป็นแขกเลยแม้แต่น้อย

 

 

อีกทั้งแม้ซูหลีผู้นั้นจะใจกล้าบ้าบิ่นถึงอย่างไร ก็ไม่มีทางที่จะเชิญไทเฮาไปที่นั่น

 

 

เหล่าทหารที่ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น จึงปล่อยให้ไทเฮาเสด็จเข้าไป

 

 

จึงเกิดเรื่องขึ้นในวันนั้น ซูหลีที่เดิมอยู่ในงานเลี้ยงอย่างเบิกบานใจ ก่อนที่ไทเฮาจะเสด็จเข้ามา นางยังพูดคุย หัวเราะ ดื่มสุรากับผู้อื่นอยู่เลย ทันทีที่ไทเฮาเสด็จเข้ามา พระองค์ไม่รู้จะตรัสอย่างไรดี นางพลันหมดสติไปในทันที

 

 

ภายในตำหนักจึงวุ่นวายในทันที

 

 

ในค่ำคืนวันนั้น รบกวนไปถึงฮ่องเต้ มีหลายคนที่เห็นฮ่องเต้เสด็จมาที่นี่

 

 

ทว่าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดฮ่องเต้ถึงไม่เสด็จเข้าไป เพียงนำหมอหลวงเข้ามาตรวจอาการซูหลี หลังจากได้ยินว่าซูหลีไม่ได้เป็นอะไร พลันหมุนกายออกไปทันที

 

 

คนที่เฝ้าประตูอยู่นั้นยังคิดว่าเรื่องนี้จะปล่อยผ่านไปเช่นนี้

 

 

ไม่คิดว่า วันที่สองหวงเผยซานจะมาส่งข่าว และนำเหล่าทหารที่เดินตรวจตราตำหนักและเฝ้าเวรที่หน้าประตูไป

 

 

ลงโทษด้วยการโบยห้าสิบครั้ง แม้กระทั่งมีบางคนโดยลดตำแหน่ง

 

 

ทั้งยังเปลี่ยนกองทหารที่กลุ่มเข้ามา คนกลุ่มนี้ได้รับคำสั่งที่เจาะจงแล้วว่า คนที่ไม่สมควรเข้าไป ก็อย่าได้ให้เข้าไป

 

 

คำสั่งนี้น่าสนใจกว่าคำสั่งก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก อะไรที่เรียกกว่าคนที่ไม่สมควรเข้าไปกัน

 

 

ยกตัวอย่างเช่นไทเฮาที่ทันทีที่พระองค์ปรากฏตัวเข้าไป ซูหลีก็หมดสติแล้ว เช่นนี้เรียกว่าคนที่ไม่สมควรเข้าไป!

 

 

ในชั่วขณะนี้ทหารเฝ้าเวรเหล่านี้ถึงตื่นตัวอยู่เสมอ ครั้งที่สองเห็นคนของตำหนักชิงหนิงมาที่นี่ พวกเราก็พูดว่าฝ่าบาททรงมีรับสั่ง ไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปภายในทั้งสิ้น

 

 

กล่าวกันว่าเรื่องนี้ทำให้ไทเฮาทรงกริ้วเสียเหลือเกิน อีกทั้งยังทรงด่าประณามว่าฮ่องเต้อกตัญญูต่อหน้าคนในตำหนักจำนวนมาก!

 

 

ทว่าอย่างไรนี่ก็เป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น ความลับของราชนิกุล ใครจะกล้าแพร่งพรายออกมาได้ตามอำเภอใจกัน

 

 

หากเป็นเช่นนี้คนนั้นคงไม่ต้องการชีวิตแล้ว!

 

 

หลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้น กิริยาท่าทางของฮ่องเต้ดูเหมือนจะผ่อนคลายลง หวงกงกงที่ดูแลเรื่องภายในและภายนอกจึงต้องไปที่ตำหนักของซูหลีทุกวัน

 

 

หรือไม่ก็เข้าไปพบหน้าซูหลีสักครั้ง หรือถามสถานการณ์จากคนด้านนอกครู่หนึ่งถึงได้เดินออกไป

 

 

ทว่าไม่รู้ว่านี่หมายความเช่นไร เขาเพียงรู้สึกว่าท่าทีของซูหลียังคงเป็นเช่นเดิม มีบางครั้งที่หวงเผยซานเข้ามาแล้ว นางก็ไม่สมัครใจจะพบเขา!