ตอนที่ 1187 หวงเผยซานผู้น่าสงสาร
นางกระทำเช่นนี้ทำเอาคนโดยรอบอกสั่นขวัญหายไปหมดแล้ว เกรงว่าตนจะถูกลากไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย
สำหรับเรื่องนี้แล้ว คนที่ประสบความยากลำบากที่สุดก็คือหวงเผยซาน
นี่การทะเลาะกันของคนเบื้องสูง ทว่าข้ารับใช้ประสบความลำบากโดยแท้
เขาอยู่คั่นกลางระหว่างนายท่านทั้งสองคนอย่างซูหลีกับฉินเย่หาน เขาแทบจะถูกแรงกดดันของทั้งสองคนนี้ทำให้เหนื่อยล้าทั้งกายและใจแล้ว
คนหนึ่งคือฮ่องเต้ เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาทคะนึงหาซูหลีอยู่ตลอด ทุกค่ำคืนที่เงียบสงัดจักต้องเสด็จไปที่ตำหนักของซูหลีเที่ยวหนึ่ง เมื่อทอดพระเนตรเห็นแสงไฟในตำหนักดับลง ถึงได้ย่างกรายกลับไป
อีกคนหนึ่งคือซูหลี วันๆ เอาแต่ดื่มสุราเบิกบานใจโดยไม่คิดอะไร แสดงท่าทีคล้ายดั่งไม่ใส่ใจเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น
บางครั้งไม่แม้แต่ยินยอมพบเขาสักครู่หนึ่ง
หวงเผยซานรู้สึกว่าปวดศีรษะโดยแท้
ทุกคนที่เขามาที่ตำหนักของซูหลี ล้วนเปลี่ยนวิธีโน้มน้าวจิตใจของซูหลี ที่จริงซูหลีนั้นมีความสำคัญต่อพระทัยของฮ่องเต้เป็นอย่างมาก หากไม่เป็นเช่นนั้น ไยฮ่องเต้ถึงได้เสด็จมาดูนางทุกวันกัน
ทว่าคำพูดที่ซูหลีเอ่ยทั้งหมดในวันนั้นร้ายแรงเกินไปจริงๆ แม้ฮ่องเต้จะทรงโปรดปรานนางมากเท่าไร อย่างไรฮ่องเต้ก็เป็นฮ่องเต้ ไยนางสามารถทำเกินเหตุถึงเพียงนี้!
แต่เรื่องเป็นเช่นนี้ก็ยังเอ่ยออกมา นี่ไม่ใช่การสร้างความผิดหวังให้กับฮ่องเต้หรือ
ในใจหวงเผยซานอยากจะให้ซูหลีก้มหัวยอมให้แก่ฮ่องเต้ ขอเพียงนางรู้จักวางตัวเหมือนดังแต่ก่อน เรื่องที่เกิดขึ้นในครานี้ เกรงว่าเรื่องเกิดขึ้นอย่างใหญ่โตจะกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยได้ ท้ายที่สุดก็จะสามารถแก้ปัญหาได้
ทว่าครานี้ไม่รู้ว่าซูหลีเป็นอะไร ไม่ว่าใครจะพูดโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่ฟัง
สุดท้ายนางยังเจตนาเลือกเวลาที่หวงเผยซานมาที่ตำหนัก ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวเรียกคนมากินดื่มเล่นสนุกที่ลานกว้าง
หวงเผยซานจนปัญญาจะพูดโน้มน้าวนางแล้ว จึงทำได้เพียงกลับไปด้วยสีหน้าลำบากใจ
“ฝ่าบาทเล่า” หวงเผยซานไปตำหนักซูหลีติดต่อกันห้าวัน มีสองวันที่ไปแล้วพบอุปสรรค อีกทั้งครั้งนี้ที่ไปยังไม่พบแม้กระทั่งร่างของซูหลี เมื่อกลับถึงหอเก็บตำรา สีหน้าเขาจึงค่อนข้างไม่น่าดูสักเท่าไร
“ฝ่าบาททรงรอหวงกงกงอยู่ด้านในขอรับ!” โจวเว่ยที่เพิ่งเดินออกมาจากภายใน ยกมือขึ้นคำนับหวงเผยซาน
ทันทีที่หวงเผยซานได้ยินคำพูดนี้ สีหน้ายิ่งแปรเปลี่ยนเป็นไม่น่าดูกว่าเดิม
เขาเป็นคนที่ควบคุมดูแลเรื่องทั้งหมดของฝ่าบาท ที่จริงแล้วไม่ได้มีเวลาว่างขนาดนั้น ทุกวันนี้จักต้องเดินทางไปหาซูหลี นี่จะว่าไปแล้วก็เป็นคำสั่งของฉินเย่หาน
อีกทั้งทุกวันนี้เขาเข้าไปเห็นอะไร อย่างไรจักต้องรายงานให้เขาฟัง โดยปกติแล้วยามเขารายงานเรื่องของซูหลี ฉินเย่หานจะกระทำไม่สนใจเรื่องนี้อยู่ ทว่าหวงเผยซานทราบดีว่า นั่นเป็นเพียงการวางมาดเท่านั้น ทว่าความสนพระทัยของฮ่องเต้นั้นยังจดจ่ออยู่ที่เรื่องที่กำลังรายงาน
เพียงแต่วันนี้เขาจะพูดอะไรกัน
จะพูดว่าซูหลีสนใจแต่เรื่องรื่นเริง จนไม่แม้แต่จะออกมาพบหน้าเขา และปล่อยให้เขากลับมาอย่างคร่ำเครียดเช่นนี้หรือ
หากพูดเช่นนี้ ไม่รู้ว่าฉินเย่หานจะโมโหจนมีสภาพเป็นอย่างไร!
หวงเผยซานรู้สึกกลัดกลุ้มใจ ทว่ากลับจัดการกำลังอารมณ์ที่แสดงออก จากนั้นจึงปั้นรอยยิ้มที่ดูย่ำแย่กว่าร้องไห้เสียอีกออกมาและเดินเข้าไปในห้องเก็บตำรา
เมื่อเดินเข้าไป เขาถึงได้พบว่าฉินเย่หานกำลังคัดตัวอักษร!
หวงเผยซานอดที่จะกลืนน้ำลายลงคอไม่ได้ เขาอยู่ข้างพระวรกายฮ่องเต้มาสิบยี่สิบปีแล้ว ล้วนทราบถึงนิสัยของฮ่องเต้มากที่สุด
มีเพียงช่วงเวลาที่เขาอารมณ์ไม่ดีและไม่สงบที่สุดเท่านั้น ถึงจะคัดตัวอักษรเช่นนี้
ยามวัยเด็กเขามักจะคัดตัวอักษรอยู่บ่อยครั้ง หลังจากเติบใหญ่ หวงเผยซานจำได้ว่ามีเพียงแค่ช่วงฮ่องเต้องค์ก่อนประชวรจนใกล้สวรรคตเท่านั้นที่เห็นฉินเย่หานคัดตัวอักษรตลอดทั้งคืน
บัดนี้ทะเลาะกับซูหลีสิบวัน ก็เริ่มลงมือคัดตัวอักษรเสียแล้ว
ใต้เท้าซูผู้นี้ช่างเก่งกาจโดยแท้
“ข้าน้อยถวายบังคมฝ่าบาท!” หวงเผยซานชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นถึงเดินเข้าไปทำความเคารพฉินเย่หาน
“ยืนขึ้นเถอะ” น้ำเสียงของฉินเย่หานหนาวสะท้าน ร่างกายของหวงเผยซานอดสั่นเทิ้มไม่ได้ จากนั้นจึงลุกขึ้นยืน และเดินไปหยุดอยู่ด้านหลังของฉินเย่หาน
ตอนที่ 1188 อีกสามวันแต่งงาน!
เขาตัดสินใจแล้วว่า วันนี้จะไม่พูดอะไรออกมาทั้งสิ้น
อย่างไรทุกครั้งที่เขารายงาน ฝ่าบาทก็มิได้ทรงถามอะไร
หากวันนี้เขาไม่พูดอะไรออกมา ฝ่าบาทก็คงทรงไม่ถามอะไรหรอกกระมัง
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หวงเผยซานจึงก้มศีรษะลง ยืนอยู่ด้านหลังของฉินเย่หานอย่างเงียบๆ ตัดสินแสร้งตายจนถึงสุดท้าย
หลังจากที่ฉินเย่หานเริ่มคัดตัวอักษร ทว่าคนที่อยู่ด้านหลังนั้นกลับไม่ส่งเสียงอะไรออกมา สีหน้าของเขาพลันไม่น่าดูขึ้นทันใด
หวงเผยซานผู้นี้เป็นคนเก่าคนแก่ นับวันยิ่งลื่นไหลมากกว่าเดิม บัดนี้กลับไม่พูดอะไรออกมาสักคำ แม้แต่ความคิดของเขายังมองไม่ออก ตาแก่คนนี้ไม่ต้องการชีวิตแล้วใช่หรือไม่!?
“แค่ก!” ฉินเย่หานหลับตาลง ส่งเสียงไอออกมาเบาๆ
“ฝ่าบาทเชิญเสวยชาพ่ะย่ะค่ะ” หวงเผยซานได้ยินเสียงเขาไอออกมา ยังนึกว่าเขารู้สึกไม่สบายในลำคอ จึงรีบยกจอกชามาให้เขา
ฉินเย่หาน…
“ตุบ!” ในทันใดเขาเขวี้ยงพู่กันในมือของตน จากนั้นใช้สายตาเย็นเยียบมองที่หวงเผยซาน
หวงเผยซานถูกสายตาเย็นเยียบคู่นั้นของเขาจ้องมอง ร่างทั้งร่างของเขาสั่นเทิ้ม แข้งขาอ่อนแรงจนทรุดตัวคุกเข่าในทันที!
“ฝ่าบาท บ่าวสมควรตายพ่ะย่ะค่ะ!”
ฉินเย่หานมองเขาด้วยใบหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์ หวงเผยซานสมควรตายจริงๆ เห็นท่าทางที่เป็นเช่นนี้ของเขาแล้ว .ในใจของตาแก่นี่คงรู้สึกลำพองใจหรือไม่!?
“ทางด้านซูหลีเป็นอย่างไรบ้าง” เขาครุ่นคิดดูแล้วหากยังปล่อยให้หวงเผยซานวิเคราะห์ความคิดของตนอย่างละเอียดต่อไป คงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ฉินเย่หานจึงถามด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น
ทันทีที่หวงเผยซานได้ยิน
ทันทีที่หวงเผยซานได้ยินคำถามของเขา ทั้งร่างก็ตะลึงงัน คิดไม่ถึงว่าฝ่าบาททรงสนพระทัยในเรื่องนี้
เขายังคิดว่าหากไม่ได้รายงานเรื่องของซูหลีสักวัน คงจะไม่เป็นอะไร…
“หืม” เมื่อเห็นว่าหวงเผยซานไม่ปริปากพูด อากาศภายในห้องพลันลดวูบลงจนถึงจุดเยือกแข็งในทันที
หวงเผยซานสั่นสะท้าน รีบดึงสติกลับมา ใบหน้าเห่อแดงทั้งใบหน้า ผ่านไปพักใหญ่ถึงได้เอ่ยคำพูดที่อัดอั้นในใจออกมาประโยคหนึ่ง
“ใต้เท้าซูสบายดีพ่ะย่ะค่ะ!”
ฉินเย่หาน…
ซูหลีใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย เขาจะรับรู้เองไม่ได้หรือ สตรีผู้นั้นเป็นแบบอย่างของคนที่ไม่คิดอะไร!
หากเขาต้องการได้ยินเรื่องนี้ จะใช้หวงเผยซานมารายงานเพื่ออะไร
“พะ เพียงแต่วันนี้มีธุระอยู่หน่อย บะ บ่าวจึงไม่ได้พบนางพ่ะย่ะค่ะ…” หวงเผยซานพูดประโยคนี้จบก็รู้สึกหวาดผวาเป็นอย่างมาก เขาเงยหน้าและฉีกยิ้มให้กับฉินเย่หานครู่หนึ่ง
จากนั้นเขาฉุกคิดดูแล้ว ผู้ที่กระทำเรื่องนี้คือซูหลี เขาหวาดผวาอยู่ที่นี่จะมีประโยชน์อะไรกัน!
หวงเผยซานยกมุมปากขึ้น ที่สำคัญก็คืออารมณ์ของฉินเย่หานในช่วงเวลานี้ไม่ค่อยจะดีนัก หากกระทำอะไรผิดพลาดเพียงนิดเดียว ก็เตรียมฟ้าฝนที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรงของเขาเอาไว้ได้เลย
ซูหลีไม่หวาดกลัว ทว่าเขารู้สึกกลัวมาก
“แกร๊บ!” ขณะหวงเผยซานมีความคิดมากมายผุดออกมาอย่างต่อเนื่อง ก็ได้ยินเช่นนี้ดังขึ้น ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นพู่กันขนสุนัขจิ้งจอกที่ฮ่องเต้ผู้สง่าและองอาจใช้เขียนเมื่อครู่ ถูกบีบจนแตกแหลกหมดแล้ว!
หวงเผยซานรู้สึกหนาววูบวาบที่ลำคอ ทำอย่างไรดี หากปล่อยให้ซูหลีเป็นเช่นนี้ต่อไป เขามีความรู้สึกว่าคราหน้าสิ่งที่หักเป็นสองท่อน คงจะเป็นคอของเขาแล้ว!
เขาอยากจะร้องไห้ ทว่ากลับร้องออกมาไม่ได้โดยแท้
ความคิดของซูหลีผู้นี้ใครจะสามารถคาดเดาได้กัน การกระทำของนางนี้ หวงเผยซานคงไม่อาจปล่อยให้เป็นไปตามความคิดของนาง ปล่อยให้นางร้องขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้ด้วยตนเองกระมัง! เขาช่างน่าสงสารโดยแท้อา!
“ถ่ายทอดคำสั่งของเราออกไป!” หวงเผยซานได้ยินดังนั้นถึงกับตัวสั่นงกๆ เงยหน้าขึ้นก็พบกับสีหน้าดำทะมึนอันน่าสะพรึงกลัวของฉินเย่หาน
“ส่งชุดแต่งงานไปที่ตำหนักแห่งนั้น ให้ซูหลีเตรียมตัวให้พร้อม อีกสามวันให้เย่ว์ลั่วแต่งเข้าสกุลจี้!” ใบหน้าของฉินเย่หานฉาบไว้ด้วยความเย็นชาที่ไม่สามารถมลายหายไปได้ ทำเอาหวงเผยซานตัวสั่นงกๆ
อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาเข้าใจความหมายในคำพูดของฉินเย่หานแล้ว เขาแทบจะส่งเสียงร้องไห้ออกมา!
นะ นี่ควรจะทำอย่างไรดี!?