ตอนที่ 368

The Novel’s Extra

บทที่ 368 ชั้น 20 (4)

 

[ชั้น 15 เรือที่ถูกทอดทิ้งของ Genkelope]

 

“…ชิ ดังนั้นแม้แต่พวกนายก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะกลับมา?”

 

เมเดีย ขมวดคิ้วอย่างดุเดือด เสียงและภาษากายของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

 

“ใช่. เขาจากไปโดยไม่ได้บอกอะไรไว้”

 

โฮเนอร์ ตอบอย่างใจเย็นแม้กระทั่งต่อหน้าผู้ดูแลระบบ เมเดีย จ้องมองที่ โฮเนอร์ โฮเนอร์ อดทนต่อสายตาของเธออย่างสุภาพ ไม่นานก่อนที่ เมเดีย จะถอนหายใจออกมา

 

“เจ้านั้นมันชอบหายไปที่อื่นตลอด น่ารำคาญมาก….”

 

อเธน่าโบกมือของเธอ เธอวางมือบนไหล่ของ เมเดีย ซึ่งสั่นไปด้วยความโกรธ

 

“เจ้าอย่างพึ่งโกรธไป”

 

“ดี. ถ้าเธออยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับฉันละ”

 

“ข้ารอได้.”

 

“โอ้ จริงเหรอ~? ฉันรู้สึกเหมือนเมื่อวานที่เธอปฏิเสธที่จะคุยกับฉันเพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกว่าเธอหรือสถานะการเป็นเทพยังดำรงอยู่ แต่ตอนนี้เธอเต็มใจที่จะรอมนุษย์เพียงคนเดียว ~? โอ้โห เธอไม่รู้ตัวเลยเหรอว่ามันเปลี่ยนไปมากแค่ไหน!”

 

เมเดีย ล้อเลียนอย่างเต็มที่ อเธน่ากัดฟันแน่น เธออายไม่น้อยที่ตัวเองในอดีตหยิ่งผยองไม่ยอมแพ้ต่อความศักดิ์สิทธิ์ของเธอ การไม่ตอบสนองของ อเธน่า ทำให้ เมเดีย ใจเย็นลงได้

 

“…ขอโทษนะ ฉันไล่ตามเขามา 2 เดือนแล้ว เข้าใจด้วยเถอะนะ.”

 

“ทุกอย่างปกติดี.”

 

“ต่อไปก็…พวกเจ้า”

 

เมเดีย ชี้นิ้วของเธอที่ โฮเนอร์ และ อีเรนเนอร์ เธอต้องการที่จะลงโทษทั้งคู่ที่แสนอวดดี ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างต่อหน้าผู้ดูแล แต่ เมเดีย หยุดมือเอาไว้ก่อนหากมีโอกาส Extra7 คนชอบ NPC พวกเหล่านี้

การทำร้ายพวกเขาจะทำให้เขาดูถูกเธอ

 

“…พวกเราสามารถอยู่ที่นี่ได้จนกว่า Extra7 จะกลับมาใช่มั้ย”

 

“ใช่ พวกเราไม่รังเกียจ แต่ -”

 

“พวกเราก็ไม่รังเกียจเช่นกัน แน่นอนว่าพวกเจ้าคงเคยได้ยินชื่อเสียงของผู้ดูแลระบบที่แสนเข้มงวดคนนี้ อเธน่า เองก็จะรอเขาด้วย”

 

“…เป็นไปตามที่เธอพูด”

 

อเธน่า ก็พยักหน้า

เมื่อได้ยินสิ่งนี้โฮเนอร์ก็ยินดีต้อนรับพวกเขา แต่คำว่า ‘ยินดีต้อนรับ’

นั้นยังไม่เพียงพอ การมีอยู่ของผู้บริหารจะทำให้สิ่งมีชีวิตต่างดาวอยู่ห่างจากเขต 3

 

“ถ้างั้น ผมจะพาพวกคุณไปยังห้องที่ดีที่สุดในเขต 3”

 

โฮเนอร์ นำทั้ง 2 ไปยังห้องที่หรูหราที่สุดที่พวกเขามี

 

*************************************************************************

 

…ทีม Chameleon Troupe เริ่มไต่หอคอยอย่างจริงจัง

 

วันที่ 1 และวันที่ 2

 

ศัตรูที่อยู่บนชั้น 16 ล้วนแต่มีรูปร่างแปลกประหลาด มีตัวหนึ่งที่ดูเหมือนประภาคารและอีกตัวหนึ่งดูเหมือนเป็นตั๊กแตนตำข้าวและ

ปลาทะเลน้ำลึก พวกเราเอาชนะปีศาจพวกนั้นแล้วนำชิ้นส่วนแผนที่กลับมารวมกัน

 

วันที่ 3 ถึงวันที่ 6

 

เราปรึกษาเรื่องแผนที่และไปถึงอุโมงค์ ตอนนั้นเองที่พวกเราตระหนักว่าอุโมงค์นั้นเป็น [ชั้น 17] เราก้าวผ่านอุโมงค์ เป้าหมายของชั้นที่ 17 คือขุดอุโมงค์ที่อุดตันด้วยตนเอง ข้างในเต็มไปด้วยมอนสเตอร์และปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนที่มีความสามารถมากมาย แต่เพื่อนของผมกลับเป็นปีศาจมากกว่าพวกนั้นซะอีกดังนั้นพวกเราจึงเอาชนะพวกมันได้อย่างง่ายดาย

 

วันที่ 6 ถึงวันที่ 8

 

พวกเราขุดลอดอุโมงค์และมาถึงชั้น 18

 

ชั้น 18 เป็นป่าทึบของอาณาจักรอสูร ในฐานะที่ถ้งมีความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยจะทำให้พวกเราหลงทางไปชั่วนิรันดร์ในภาพลวงตาของดินแดนปีศาจ ฉันทำสิ่งที่ดีที่สุดในฐานะผู้บุกเบิกกลุ่ม ฉันนำเพื่อนของฉันด้วยประสบการณ์และความคุ้นเคย

 

วันที่ 8 ถึงวันที่ 10

พวกเรารอดพ้นจากป่าในเวลาเพียง 2 วันและมาถึงบนชั้น 19

พวกเราสามารถบอกได้เลยว่าพวกเรากำลังก้าวเข้าสู่อาณาจักรปีศาจอย่างลึกลับยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

 

 

…แน่นอนพวกเราพิชิตชั้น 16 ถึง 19 ถายใน 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นผมก็กลับไปที่ Crevon เพราะผมได้รับการแจ้งเตือนว่าภัยพิบัติได้เกิดขึ้นอีกครั้ง

 

ใน Crevon ที่ได้รับภัยพิบัติผมใช้ชื่อเสียงของ เฟนริล เป็นครั้งแรก

ผมใช้เวลาไม่นานในการใช้กระสุนกว่า 2,000 นัดที่ผมรวบรวมได้จนถึงขณะนี้ทำลายมอนสเตอร์มากกว่า 2000 ตัวด้วยกัน การรวมกันของ

[การเสริมความแข็งแกร่งแบบสุ่ม], [อัลกอริทึม] และ [เอเธอร์] ได้เปลี่ยนปืนของผมให้กลายเป็นสิ่งที่เหนือกว่าปืน เป้าหมายของปืนไรเฟิลจู่โจมทำลายคลื่นมอนสเตอร์และชื่อเสียงของ ‘เฟนริล’ ได้รับการยกย่องอีกครั้งในหมู่ผู้เล่น ชื่อเสียงดังกล่าวมีค่า 350SP และ 100,000TP

 

ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง

 

[ชั้น 20 The Hollow of Ordeal – ด็อปเปิลแกงเกอร์ (ด็อปเปิลแกงเกอร์)]

 

ผมกลับมาที่ชั้น 20 อีกครั้ง ชั้นที่ 20 นั้นแตกต่างอย่างมากจาก

ชั้น 16~19 ซึ่งมีขนาดใหญ่และกว้างขวาง มันเป็นถ้ำกลวงๆที่เต็มไปด้วยห้องเล็กๆหลายห้องแต่ละห้องมีป้ายชื่อที่มีคำว่า ‘พิชิต’ เขียนอยู่ตรงข้าม

 

“โอ้ นายกำลังจะบอกว่าในห้องนี้มีผู้ชายอีกคนเหมือนฉันใช่ไหม”

 

ชอคจุนกยอง นั้นพูดถูกต้องเพียงครึ่งเดียว อย่างที่เห็นจากชื่อของชั้น 20 ด็อปเปิลแกงเกอร์ จะรอผู้เล่นแต่ละคนอยู่หลังประตู แน่นอนว่า

เป้าหมายคือการต่อสู้และชนะ งานนี้เหมือนมุกในการ์ตูนโบราณๆที่ให้เอาชนะตัวเอง มันเรียบง่ายและซับซ้อนในเวลาเดียวกัน

 

“แต่ก่อนที่พวกเราจะเข้าไป พวกเราจะแบ่งหนังสือทักษะออกได้ยังไง”

 

ชอคจุนกยอง ถามแล้วตบริมฝีปากของเขา อนึ่งพวกเรารอให้บอสเข้าร่วมกับพวกเราที่ชั้น 20 พวกเราพิชิตแต่ละชั้นไม่ใช่ในนามคนเดียวแต่เป็นทีมดังนั้นเธอสามารถมาหาพวกเราได้เลยถ้าเธอต้องการ

 

“มีหนังสือทักษะกี่เล่ม?”

 

“9. 6 อันเป็นทักษะพิเศษ 2 ทักษะเป็นเอกลักษณ์และอีก 1 ทักษะเป็นทักษะขั้นสูงสุด”

 

“อืม…ถ้ามีอะไรที่พวกนายอยากได้ก็เอาไปเลย”

 

“จริงเหนอ? ถ้างั้นฉันจะเอาเจ้านี้กับเจ้านี้”

 

ชอคจุนกยอง เลือกหนังสือทักษะที่เป็นเอกลักษณ์และหนังสือทักษะพิเศษ เจน เองต่อติ เธอเลือกหนังสือทักษะพิเศษและหนังสือทักษะ

ขั้นสูงสุดที่มีเพียงเล่มเดียวขณะที่จินโยฮานเลือกหนังสือทักษะที่เป็นเอกลักษณ์และหนังสือทักษะพิเศษ ผมไม่รู้ว่าพวกเขาเลือกอะไรไป

แต่ส่วนใหญ่เป็นทักษะเชิงรับที่เกี่ยวข้องกับพลังเวทมนต์หรือ

ความแข็งแกร่งทางกายภาพ

 

“เตรียมพร้อมให้ดีนะ ถ้าเสร็จแล้ว”

 

วูวววววววววววววววววววว

 

ในขณะนั้นเองคริสตัลในใจกลางของชั้น 20 ก็สั่นคลอนและหญิงสาวผู้งดงามก็เดินออกมา…………….เป็นบอสนั้นเอง

 

“โอ้ บอส คุณมากลแล้ว”

 

“บอส~ ฉันคิดถึงคุณ~”

 

“…”

 

บอสตรวจดูพวกเราทีละคนอย่างเงียบๆ ชอคจุนกยอง, จินโยฮาน, เจน …และผม ผมคิดว่าผมเห็นไหล่ของเธอสั่นเล็กน้อยเมื่อเธอมองมาที่ผมแต่ผมอาจเข้าใจผิด บอสพยักหน้า

 

“นี่คือชั้นที่ 20 ใช่ไหม”

 

“ใช่นี่คือชั้นที่ 20”

 

“พวกนายปีนขึ้นมาได้เร็วมากจริงๆ”

 

ผมยิ้มเล็กน้อย โดยส่วนตัวแล้วผมสงสัยว่าบอสทำอะไรในช่วง

2 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ผมตัดสินใจที่จะไม่พูดถึงดีกว่า

 

“1 สัปดาห์คงจะเพียงพอหากอยู่ใกล้ๆกัน ถ้างั้นพวกเราจะไปกันเลยไหม?”

 

ผมพูดในขณะที่ ผมยุบกลุ่ม

 

[ทีม Chameleon Troupe ถูกยกเลิก]

[คุณจะท้าท้ายชั้นที่ 20 ในฐานะบุคคลคนเดียว]

 

จากนั้นพวกเรายืนอยู่หน้าประตู แม้ว่าจะมี 10 ประตู แต่พวกมันทั้งหมดมีคุณสมบัติเดียวกัน จำนวนนั้นมีเพียงเพื่อจำกัด จำนวนผู้เล่นที่สามารถทำการทดสอบในเวลาเดียวกัน ชอคจุนกยอง เข้าไปที่ประตูสุดท้าย จินโยฮาน เข้าไปห้องข้างๆเขาและ เจน อยู่ตรงกลาง บอสเดินไปรอบๆอย่างไร้จุดหมายก่อนที่เธอจะยืนอยู่ข้างๆผมอย่างลังเล

 

“ระวังตัวด้วยนะ”

 

“โอเค.”

 

“ทำไม แกถึงยังมีชีวิตอยู่ -!”

 

เสียงโห่ร้องของ ชอคจุนกยอง ทำให้คว้าลูกบิดประตูทันที

 

เอี๊ยดดดดดดดดดด

ผมเปิดประตูช้าๆท่ามกลางความตึงเครียดที่ทำให้หัวใจเต้นแรง

นี่เป็นเรื่องจริง ด็อปเปิลแกงเกอร์ เป็นเพียงอย่างแรกในความท้าทายบนชั้นที่ 20 นี่เป็นการทดสอบและมันจะยากขึ้นเรื่อยๆหลังจากนี่….

 

[คำเตือน! โปรดระวังเป็นพิเศษ!]

[จากชั้นที่ 20 ความตายจะเป็นนิรันดร์!]

[คุณมีเพียงหนึ่งชีวิต!]

 

“…อะไรนะ?”

 

‘เฮ้นี่มันอะไรกัน’

ผมจ้องมองที่ระบบ แต่ก็ตระหนักว่านี่เป็นเรื่องจริงเมื่อนาฬิกาของผมสั่นสะเทือนไปครู่หนึ่ง

 

“เฮ้อออออออออออออ… .”

 

ผมรู้สึกอึดอัด แต่ผมคุ้นเคยกับสถานการณ์เช่นนี้ เนื้อเรื่องที่เขียนใหม่จะไม่ถูกเปลี่ยนกลับไม่ว่าผมจะบ่นมากแค่ไหนก็ตาม อย่างน้อยผมก็ฟื้นคืนชีพได้มากถึง 2 เท่าด้วยความสามารถพิเศษของผม

…ผมเป็นห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเองซะอีก อย่างไรก็ตามผมก้าวเข้าไปในพื้นที่กลวงๆและปิดประตู

ผมมองไปที่ชายผู้ที่ปรากฏตัวขึ้นมาในทันใด เขาจ้องมองไปที่อากาศพร้อมกับหันหลังให้กับผม รูปร่างหน้าตาของเขาจากด้านหลังดูเหมือนกับผมมาก

 

ไม่สิเขาก็คือผมนั้นเอง

 

“… สวัสดี.”

 

เขาหันมาครึ่งตัว รูปร่างหน้าตาของเขาไม่คุ้นเคย ใบหน้าที่ผมเห็นเฉพาะในกระจกเงาจนถึงตอนนี้ยืนอยู่ตรงนั้น น่าแปลกใจเหมือนกันที่ผมหล่มขนาดนี้ ร่างกายของผมเองก็ดูแข็งแรงมากเช่นกัน

 

“ว่าไง?”

 

ผมยักไหล่

 

แต่ผมอีกคนตอบกลับโดยไม่คาดคิด

 

– นายเป็นใคร?

 

นายเป็นใคร.

ผมขมวดคิ้วด้วยคำพูดที่ค่อนข้างงุนงง นั่นเป็นสิ่งที่เราได้ยินจริงๆเหรอ? ด็อปเปิลแกงเกอร์ ควรจะเลียนแบบวิธีการพูดของเราและแสดงออกให้เหมือนแม้แต่นิสัยของเราเอง นี่เองก็เพราะเนื้อเรื่องที่เปลี่ยนไปงั้นเหรอ

ผมพูดกับ ด็อปเปิลแกงเกอร์ ของผม

 

“ฉันเป็นใคร? นายคงรู้อยู่แล้ว สุดท้าย นายก็คือฉันและฉันก็คือนาย”

 

– …

 

ตัวผมอีกคนหนึ่งไม่ตอบ เขามองมาที่ผมพร้อมกับใบหน้าที่ผมจะไม่แสดงออกมา จากนั้นผมก็รู้สึกไม่สบายใจ มีบางอย่างผิดปกติ

ผมไม่ใช่คนประเภทที่จริงจังมากขนาดนี้

…อย่าบอกนะว่า ทันใดนั้นความคิดที่น่ากลัวก็มาถึงจิตใจของผม

 

“เฮ้.”

 

– …

 

ตัวผมอีกคนหนึ่งไม่ตอบ ริมฝีปากที่ปิดสนิทอย่างแน่นหนาดวงตาที่หม่นหมองเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและขมวดคิ้วทำให้ดวงตาของเขา

ดูชัดเจนยิ่งขึ้น คุณลักษณะเหล่านี้ทั้งหมดรวมกันทำให้รู้สึกเศร้าหมอง

ขณะที่ผมมองเขาหัวของผมก็เริ่มเจ็บปวก เราทั้งคู่เงียบงัน

เวลาไหลเงียบไปอย่างเียบๆในขณะที่หมอกสีเข้มล้อมรอบผมเอาไว้ ความสงสัยที่ไม่มั่นคงกลายเป็นสัญชาตญาณที่ชัดเจนจากร่างกาย

 

ผมถามออกมาหลังจากผ่านไปนาน

 

– นายคือฉัน

 

เมื่อได้ยินคำถามนี้ มันแสดงออกถึงการมีอยู่ของผม ผมเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตัวเองและ ด็อปเปิลแกงเกอร์ เองตอนนี้ก็คงตระหนักแล้วเช่นกัน ว่าพวกเราอาจเป็น ‘คนอื่น’

 

ผมยึดฟันแน่น

 

“นาย….”

 

ความกระวนกระวายใจเพิ่มขึ้นอย่างทันควันเมื่อผมรู้สึกกังวลใจว่าจะถามคำถามนี้ดีหรือไม่ แต่ผมไม่มีทางเลือกนอกจากถามออกมา

เพราะเขาเป็นคนเดียวที่สามารถพิสูจน์และกำหนดว่า ‘ผม’ คือใครในโลกนี้

 

“นายชื่ออะไร?”

 

ด็อปเปิลแกงเกอร์ไม่ตอบและจ้องมาที่ผมอย่างเงียบๆ ผมสะท้อนอยุ่ในดวงตาของเขา ผมกับเขาเหมือนกันหมดทุกส่วน

 

“ฉันถามว่านายชื่ออะไร”

 

ผมถามอีกครั้ง ด็อปเปิลแกงเกอร์ ถอนหายใจเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พูดถึงชื่อที่คุ้นเคยออกมา

 

– คิมชุนดง

 

“…อะไรนะ?”

 

– ชื่อของฉันคือ…คิมชุนดง