บทที่ 518 ของขวัญวันเกิด

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

บทที่ 518 ของขวัญวันเกิด
วันนี้เป็นวันที่ 25 มิถุนายน ดวงอาทิตย์เปล่งแสงเจิดจ้าเหมือนกับห้วงอารมณ์ของนาตาชาในยามนี้

นางพึมพำกับตนเองด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นขณะเตรียมชุดและแต่งหน้าอยู่หน้ากระจก เนื่องจากนางมิใช่มือใหม่ในเรื่องรักใคร่ และนางก็เคยออกเดตที่คล้ายกันนี้นับหลายครั้งกับซิลเวีย นางจึงไม่เคยปฏิเสธการสวมใส่กระโปรง หมวกทรงกว้าง ต่างหู หรือสร้อยคอ ด้วยเหตุนี้ มันจึงไม่ใช่เรื่องยากที่นางจะหาชุดกระโปรงยาวสีดำลวดลายประณีตที่พองส่วนปลายนิดๆ เผยความลึกลับของยามราตรีและความดึงดูดในสิ่งที่มองไม่เห็น

“ฮู่ ชุดนี้ดูไม่ยั่วยวนจนขัดกับรสนิยมของข้าและไม่ทำให้ลูเซียนกลัว และก็ไม่ดูหยาบกระด้างไร้เสน่ห์เหมือนอย่างชุดสูทอัศวิน” นาตาชาเคลื่อนไหวไปด้วยท่าทางสบายๆ พลางออกความเห็นอย่างพึงพอใจ

ชุดราตรีนี้มิได้ปกปิดไปทุกส่วนตามแบบโฮล์มหรือเปิดเผยเหมือนแบบเทรีย แต่เป็นแบบสง่างามผสมผสานระหว่างทั้งสองอย่างนั้นอย่างชาวอัลโต้ บริเวณลำคอจะค่อนข้างกว้าง ทำให้เห็นผิวเนียนละเอียดข้างใต้นั้น แต่หากว่านางไม่ก้มตัวลง อะไรๆ ที่ไม่เหมาะสมก็จะไม่เผยตัวออกมา

ช่วงลำตัวก็ตัดเย็บมาอย่างประณีตเช่นกัน ซึ่งขับเน้นลำคอเรียวงาม เนินอกนูนเด่น และเอวแบบบางทว่าแข็งแกร่งได้อย่างยวนตา ทำให้นางเต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งสตรี

นาตาชามองตนเองในกระจกแล้วให้กำลังใจกับตน “ซิลเวียเคยบอกว่าอิจฉารูปร่างข้ามากๆ ข้าทั้งไม่ผอมเกินไปหรืออ้วนเกินไป ลูเซียนจะต้องทึ่งอย่างแน่นอน”

นางมิใช่ไม่มั่นใจในตัวเอง ทว่า หลังจากล้มเลิก ‘แผนการแปลงเพศ’ ให้กับลูเซียนไปเมื่อวันก่อน เมื่อมองย้อนกลับไป นางก็ได้ตระหนักว่าตนไม่เคยคิดพยายามเน้นความเป็นสตรีเลยในระหว่างที่อยู่กับลูเซียน และนางก็ไม่รู้เลยว่านางดูเป็นสุภาพสตรีหรือสุภาพบุรุษในสายตาเขา ดังนั้นนางจึงตั้งใจจะแก้ภาพ ‘แย่ๆ’ ที่ประทับตราในใจลูเซียนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

ราชินีนาตาชาย่อมมิใช่คนที่จะยอมถอยง่ายๆ เมื่อใดก็ตามที่นางมีเป้าหมาย นางก็จะก้าวไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่นและแก้ไขปัญหาต่างๆ เมื่อพบเจอ

อัลลิน ภายในหอคอยเวทมนตร์ของลูเซียน…

ถาดมากมายใส่อาหารจีนหลายอย่างที่เพิ่งจะปรุงเสร็จถูกวางลงบนโต๊ะในห้องนั่งเล่น แต่กลับมิมีกลิ่นหอมหวนลอยอวลออกมา เพราะพวกมันถูกเก็บรักษาไว้ด้วยเวทคงสภาพ

ลูเซียนถอดผ้ากันเปื้อนที่สวมไว้ขณะทำอาหารแล้วเดินไปที่กระจกขณะฮัมเพลงอย่างสุขใจ พลางสังเกตดูตนเอง “ฮู่ ทำตามแผนเข้าไว้ ข้าต้องเปลี่ยนแบบเสื้อโค้ตสักหน่อยเพื่อให้ความรู้สึกแปลกใหม่กับนาตาชา ข้าต้องเปลี่ยนภาพลักษณ์ของสหายที่สร้างขึ้นมาตลอด”

เสื้อโค้ตสีดำแบบมีกระดุมสองแถวขยับไหวกลายเป็นเสื้อคลุมยาวสีดำ ข้างในนั้นคือเสื้อเชิ้ตสีขาว เสื้อกั๊กสีดำ และโบว์ที่ดูค่อนข้างเป็นกันเอง

กางเกงสีเดียวกับเสื้อคลุมก็เรียบกริบพอๆ กัน มันยาวลงคลุมรองเท้าสีดำเป็นเงาวับ

เสื้อผ้าของบุรุษมิได้ซับซ้อนเหมือนอย่างสตรี แต่ว่า เพียงการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ของเสื้อคลุมก็เปลี่ยนบรรยากาศรอบกายลูเซียนไปแล้ว ก่อนหน้านี้เขาดูเป็นคนเงียบๆ และสงวนท่าทีด้วยซ้ำ แต่บัดนี้เขายิ่งเพิ่มแรงปรารถนาและความมั่นใจเข้าไป ทำให้เขายิ่งดูน่าดึงดูดหลงใหล

หลังจากสวมแว่นตาข้างเดียว ลูเซียนก็ยกมือขึ้นสางผมด้านหน้า ให้มันเอียงไปทางหน้าผากด้านขวา

หลังจากจัดการกับตนเองเสร็จ ลูเซียนก็ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นว่าผมของเขายาวมาถึงใบหูแล้ว เพราะเขารู้สึกว่าตัวเองยังดูไม่สมกับเป็นบุรุษเท่าที่ควร เขานึกในใจ ‘หรือข้าควรจะตัดผมสั้นแล้วไว้หนวดเคราดีนะ’

ความคิดนั้นผุดขึ้นมาพร้อมกับที่เขานึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ เขาพูดกับตัวเองด้วยความขบขัน “นาตาชาคงชอบแบบนี้มากกว่า ถ้าข้าเปลี่ยนตัวเองเป็นผู้ชายกล้ามใหญ่แข็งแรง ข้าคงจะทำสำเร็จในทางตรงกันข้ามกับจุดประสงค์แน่!”

ลูเซียนหมุนกายหันหลัง จัดจานอาหารด้วยเวทมนตร์ แล้วใส่พวกมันลงไปในกระเป๋ามิติที่ได้รับรางวัลมาหลังจากเลื่อนขึ้นเป็นนักเวทระดับสูง ทันใดนั้น เขาก็ดีดนิ้วพร้อมกับอุทานว่า “เกือบลืมไป” จากนั้นเขาก็รีบไปหยิบลูกอมเปปเปอร์มิ้นต์มาจากโต๊ะในห้องนั่งเล่นแล้วโยนชิ้นหนึ่งเข้าปาก

“ปากต้องหอมสะชื่นอยู่ตลอด” ลูเซียนยิ้มกริ่มก่อนจะยื่นมือไปชนหมัดกับตัวเองในกระจก

“สู้ๆ!”

นาตาชาพอใจกับภาพลักษณ์ของนางอย่างยิ่งและแทบไม่แต่งหน้าอะไร นางเพียงเปลี่ยนทรงผมเพื่อให้เส้นผมยาวสลวยของนางยิ่งดูเย้ายวน

หลังจากเลือกชุดเสร็จ นางก็หยิบลูกอมสองสามเม็ดคละรสชาติออกมาจากกระเป๋ามิติตามปกติ

“รสไหนจะดีกว่ากันนะ” นาตาชาลังเลไปครู่หนึ่ง เมื่อพิจารณาถึงความชอบของลูเซียนแล้ว นางก็เลือกรสไวโอเล็ตแสนหวานแล้วกินไปหนึ่งชิ้น

หลังจากเตรียมตัวพร้อม นาตาชาก็กำลังจะออกไปเริ่ม ‘ภารกิจ’ แต่แล้วจู่ๆ นางก็จำได้ถึงเหตุการณ์เมื่อนานมาแล้ว “ซิลเวียเคยบอกว่าลูเซียนเอาแต่จ้องขากับถุงน่องผ้าไหมของนางราวกับหมาป่าในทันทีที่เขาเห็นนาง เหอะ ถึงลูเซียนจะอธิบายว่ามันเป็นเพราะเขาไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นผลพลอยได้จากการเล่นแร่แปรธาตุแบบนั้น ข้าขอเลือกที่จะเชื่อว่าเขาชอบมันไว้ก่อนดีกว่าจะไปถึงโดยไม่เตรียมพร้อม อย่างไรเสีย เขาก็ไม่มีทางไม่ชอบมันแน่นอน”

ขณะพึมพำ นาตาชาก็เปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบถุงน่องผ้าไหมสีดำออกมาคู่หนึ่งและแถบรัดที่มีสีเดียวกันกับชุด

เมื่อนั่งลงบนโซฟา นาตาชาก็ถอดรองเท้าสีดำแล้ววางเท้าขวาไว้บนโต๊ะ เท้าของนางค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับความสูงของนางแล้ว มันดูนุ่มนวลอวบอิ่ม นิ้วเท้ายาวๆ ของนางก็ดูน่ารัก และเล็บเท้าของนางก็ไม่มีส่วนใดที่ดูไร้ระเบียบเช่นกัน กลับแสดงถึงสุขภาพที่ดีและเป็นสีชมพูน่าหลงใหล ดั่งกลีบกุหลาบห้ากลีบ

ขณะที่นางสวมถุงน่องผ้าไหมบางๆ และปกคลุมโดยเริ่มจากปลายเท้า สีดำคลุมเครือก็กลืนกินผิวนางเข้าไปทีละนิดๆ และห่อหุ้มเรียวขายาวตรงของนางเอาไว้

หลังจากสวมใส่เสร็จทั้งสองข้าง นาตาชาก็ติดแถบรัดแล้วลุกขึ้นอีกครั้ง นางดึงกระโปรงขึ้นเพื่อดูผลลัพธ์ เรียวขาภายใต้ถุงน่องผ้าไหมสีดำนั้นดูยวนใจอย่างเหลือเชื่อ

“การเป็นอัศวินอาภานี่ดีจริงๆ ขาข้าที่เคยแข็งเกินไปกลับดูสมบูรณ์แบบทีเดียวในตอนนี้ ฮ่าๆ” นาตาชาชมตัวเองอย่างไม่เหนียมอายสักนิด

จากนั้นนางก็จ้องสบตากับหญิงงามในกระจก ความวิตกกังวลบางอย่างเผยชัดบนใบหน้านาง

ทว่า ไม่นานอารมณ์เหล่านั้นก็เลือนหายไปเพราะจิตใจอันมุ่งมั่น นาตาชากำหมัดขวาแล้วบอกกับตัวเองในกระจก

“นาตาชา เจ้าทำได้!”

ลูเซียนเดินออกมาจากห้องนั่งเล่นด้วยใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้มและมาถึงลิฟต์ของหอคอยเวทมนตร์ด้วยความรู้สึกตกประหม่าเล็กน้อย

เมื่อเขาก้าวเข้ามาในลิฟต์ ลูเซียนก็มองไปรอบๆ และสายตาเหลือบไปมองเห็นสวนข้างนอกหน้าต่างขนาดใหญ่ เขาก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ “เวร! ข้าไม่ได้เตรียมดอกไม้เอาไว้! ทำไมถึงลืมของสำคัญขนาดนี้ได้นะ!”

แต่เมื่อดูเวลา ลูเซียนก็ตระหนักว่าเขาแทบไม่มีเวลาพอจะไปหาดอกไม้จากที่อื่นแล้ว ดังนั้นเขาจึงเบนความสนใจไปที่สวนของตนเอง “เอาเถอะ ข้าสามารถอ้างได้ว่าข้าปลูกและเลี้ยงดูดอกไม้พวกนี้มาอย่างดีเป็นเวลาหลายปี นั่นย่อมแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของข้า”

หลังจากปลอบใจตนเอง ลูเซียนก็เดินออกจากลิฟต์แล้วบินออกไปทางหน้าต่าง โดยไร้ซึ่งความลังเลใดๆ เขาเลือกเด็ดดอกไวโอเล็ต ที่เป็นดั่งภาพของนาตาชาในใจเขา

“ดีที่บนฟ้าฤดูออกดอกยังไม่ผ่านไป ไม่อย่างนั้นข้าคงต้องทำให้พวกมันบานด้วยเวทมนตร์” ลูเซียนไม่รู้ว่ามุมมองของนาตาชาต่อดอกไม้นั้นเป็นอย่างไร เขาจึงเด็ดมาเพียงสิบเอ็ดดอกเท่านั้น

ด้วยไม่มีเวลาพอให้เขาคิดว่าตนเองลืมของอย่างอื่นหรือไม่ ลูเซียนรีบปัดเสื้อผ้าตัวเองอีกครั้งแล้วเดินออกจากหอคอยเวทมนตร์ แต่สปรินต์ คาทรินา แอนนิต และลูกศิษย์คนอื่นๆ กลับหยุดเขาเอาไว้

“อาจารย์ ท่านจะไปที่ใดกันเจ้าคะ วันนี้เป็นวันเกิดของท่านมิใช่หรือ เราวางแผนว่าจะฉลองกับท่านนะเจ้าคะ” ไฮดี้ถามด้วยความตื่นเต้นและประหลาดใจ เหตุใดวันนี้อาจารย์ของนางจึงดูแปลกๆ ไป เขายังถึงกับเปลี่ยนรูปแบบการแต่งตัวเสียด้วย

ลูเซียนไม่คาดคิดว่าจะเจอกับพวกเขาเช่นกัน เขาเอ่ยถามด้วยท่าทางกระอักกระอ่วนเล็กน้อย “ข้ากำลังจะไปพบกับสหาย พวกเจ้ามาใหม่เย็นวันพรุ่งนี้ก็ได้”

ไฮดี้ แอนนิคและสปรินต์กำลังจะถามว่าสหายคนนั้นคือผู้ใด แต่พวกเขากลับถูกเชลีย์ เลย์เรีย และคาทรินาหยุดเอาไว้ หญิงสาวทั้งสามต่างกลั้นหัวเราะเอาไว้ขณะเอ่ย “เช่นนั้น เราก็จะไม่รั้งท่านไว้แล้วเจ้าค่ะ อาจารย์”

นั่นคือสิ่งที่ลูเซียนต้องการ เขารีบร้อนขึ้นรถม้าแล้วจากไป

“เหตุใดเจ้าจึงไม่ให้ข้าถามเล่า” ไฮดี้มองไปทางหญิงสาวทั้งสามด้วยความมึนงง

เชลีย์ผู้มีประสบการณ์มากกว่าใครๆ เอ่ยตอบยิ้มๆ “เจ้าไม่สังเกตเห็นหรือว่าฤดูใบไม้ผลิได้มาเยือนอาจารย์ของเราแล้วน่ะ”

‘หา?’ สปรินต์ แอนนิค และเหล่าชายโสดต่างยังคงงงงัน

หลังจากมาถึงหอคอยเวทมนตร์แห่งราชสำนักโฮล์มด้วยรถม้า นาตาชาก็เข้าไปยังห้องรับรองแขกที่เคยมาก่อนหน้าพร้อมกับคามิลด้วยสีหน้าตั้งใจมั่น และพบปะกับสมาชิกในราชวงศ์อย่างรีบร้อน

จากนั้นนางก็สูดหายใจแล้วบอกกับคามิลว่า “ท่านน้าคามิล ข้าไปก่อนนะ”

“ทรงอย่าทำเหมือนว่านี่เป็นการสู้รบสิเพคะ ทรงผ่อนคลายลงสักหน่อยเถิด” เมื่อเห็นว่านาตาชามีท่าทางข่มขวัญและผึ่งผายเพียงใด คามิลจึงรีบบอกให้นางแสดงท่าทางอ่อนโยนขึ้น

“เข้าใจแล้ว” นาตาชาพยักหน้า เพิ่งจะรู้ตัวว่านางหมกมุ่นกับมันจนเกินไป นางแย้มยิ้มเป็นกันเองแล้วเดินไปยัง ‘ห้องทำงานของลูเซียน’ ที่อยู่บนชั้นเดียวกัน แล้วเคาะประตู

ประตูเปิดออกโดยไม่ต้องรอนาน ดวงตาของนาตาชาพลันเปล่งประกาย นางแทบไม่เคยได้เห็นลูเซียนในรูปลักษณ์เช่นนี้ และความสดใหม่ก็มักจะหมายถึงสิ่งที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้เสมอ ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้กับเขาเข้าไปอีก

ในทางกลับกัน ลูเซียนค่อนข้างตกตะลึง เขาไม่เคยเห็นนาตาชาที่งดงามเปี่ยมไปด้วยความนุ่มนวลอ่อนหวานสมเป็นสตรีเช่นนี้มาก่อน

นาตาชาพอใจกับปฏิกิริยาของลูเซียนอย่างยิ่ง นางแย้มยิ้ม “เจ้าจะไม่เชิญข้าเข้าไปหรือ”

ลูเซียนหลุดจากภวังค์ เขาหลบทางให้ เผยให้เห็นห้องที่มีบรรยากาศฟุ้งๆ สลัวลาง

ภายในห้องทำงาน ทางซ้ายมือคือห้องลับที่มีเตียงนอน ส่วนขวามือคือห้องสมุด และห้องนั่งเล่นนั้นอยู่ตรงกลางโดยมีเปียโนตั้งอยู่ตรงกลาง บนโต๊ะคือถาดหลายใบที่เต็มไปด้วยจานอาหารที่ผ่านการประดับตกแต่งอย่างดีดูเป็นเอกลักษณ์พิเศษกับเทียนไขสองเล่ม แสงเทียนที่วูบไหวก่อเป็นบรรยากาศอบอุ่นแสนโรแมนติก

นาตาชาผู้คุ้นชินกับการรับประทานมื้อค่ำใต้แสงเทียน ไม่เคยคาดคิดว่าการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ จะสามารถทำให้สภาพแวดล้อมทั่วไปดูน่าหลงใหลได้ถึงเพียงนี้

ลูเซียนนำทางนาตาชาไปยังโต๊ะอาหาร ดึงเก้าอี้ออกห่างแล้วเชิญสุภาพสตรีให้นั่งลงก่อน จากนั้นเขาก็ไปหยิบขวดแชมเปญมาจากถังน้ำแข็ง เทใส่ครึ่งแก้วให้กับทั้งสอง ก่อนจะกลับมานั่งประจำที่ฝั่งตรงข้าม

“หลังจากได้รู้จักกับเจ้ามาเกือบแปดปี ในที่สุดข้าก็สามารถฉลองวันเกิดกับเจ้าได้เสียที” ลูเซียนยกแก้วไวน์ขึ้นและกล่าว ในขณะที่ในหัวครุ่นคิดถึงแผนการของเขา

‘อันดับแรก ข้าจะต้องชักนำบทสนทนาเข้าสู่เรื่องราวมีความหมายที่เราเคยมีร่วมกัน เพื่อให้สภาพจิตใจของนาตาชาอ่อนลง จากนั้นข้าก็จะเล่นเปียโนและสร้างบรรยากาศให้ได้มากที่สุด หลังจากทั้งหมดนั้น ข้าก็จะบอกใบ้ความรู้สึกของข้าได้’

นาตาชาชูแก้วไปทางลูเซียน แล้วแย้มยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ ตอนนี้เจ้าก็อายุยี่สิบห้าปีแล้ว สุขสันต์วันเกิดนะ ลูเซียน”

หลังจากชนแก้ว ทั้งคู่ก็จิบแชมเปญพร้อมกัน ลูเซียนใช้โอกาสนี้ในการทบทวนแผนการ เขาแย้มยิ้มอบอุ่นและกำลังจะเอ่ยนำบทสนทนา

แต่ในตอนนั้นเอง นาตาชาก็ลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยยิ้มๆ “ข้ามีของขวัญวันเกิดจะมอบให้เจ้า”

“ของขวัญอันใดกัน” ขณะเฝ้ามองนาตาชาเดินมาหาเขาด้วยท่วงท่าสง่างาม ลูเซียนก็รีบนึกถึงแผนการส่วนอื่นๆ ที่เจาะจงถึงปฏิกิริยาและทิศทางของเขาหลังจากได้รับของขวัญวันเกิด

ในตอนที่เขาได้กลิ่นหอมแปลกจมูก ลูเซียนก็อ้าปากและกำลังจะแสดงความดีใจที่จะได้รับของขวัญจากนาตาชา

แต่ทันใดนั้น ลูเซียนก็เห็นว่านาตาชาโน้มตัวลงมาพร้อมกับยื่นมือขวามาเชยคางเขา

‘เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย’

ลูเซียนตะลึงงัน จากนั้นเขาก็สัมผัสได้ว่าริมฝีปากแดงเรื่อของนาตาชาได้ทาบทับลงบนปากเขาแล้ว ว่าลิ้นนุ่มลื่นของนางได้แทรกผ่านฟันและพุ่งตัวเข้ามาพร้อมกับกลิ่นหอมหวานของดอกไวโอเล็ต ควานหาคู่เพื่อการเต้นรำในครั้งนี้

‘เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย’

ลูเซียนพลันตระหนักว่าแผนการทั้งหมดของเขาดูจะไม่สามารถใช้ได้กับสถานการณ์ในตอนนี้ เขาโอบกอดแผ่นหลังของนาตาชาไปโดยสัญชาตญาณ และยินยอมให้ลิ้นของทั้งสองเต้นรำไปด้วยกัน

เมื่อจุมพิตแสนยาวนานจบลง นาตาชาก็ผละจากปากเขา ริมฝีปากของนางดูช่างเย้ายวนและนัยน์ตาก็พร่ามัว นางจ้องมองลูเซียนที่ยังคงสับสนว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่าเล็กน้อย

“เจ้าชอบของขวัญวันเกิดของข้าหรือไม่”