บทที่ 517 เตรียมการ
สีหน้าคามิลค่อนข้างไปทางเย็นชา แต่ดวงตาของนางกลับทอประกายด้วยสติปัญญา นางกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

“พระองค์มักทรงสำราญใจเวลาได้พบเจอเขา พระองค์มักจะตรัสกับเขาในหลายๆ เรื่อง แต่ก็ยังทรงรู้สึกดีแม้แต่ในเวลาที่ท่านทั้งสองไม่ได้พูดคุยกัน เพียงแค่ได้ประทับอยู่กับเขาก็ชวนให้หวานชื่นจิตใจเพียงพอแล้ว และพระองค์ก็มีพระราชดำรัสถึงเขาอยู่ตลอดเวลาที่ตรัสกับหม่อมฉัน”

“การนึกอยากให้เขากลายเป็นสตรีนี่ถือว่าปกติหรือไม่”

“เพื่อเขาแล้ว พระองค์ทรงเลือกที่จะไม่เข้าไปหยุดผู้พิทักษ์ราตรี เพื่อเขาแล้ว พระองค์ต้องเสี่ยงอันตรายใหญ่หลวงและละทิ้งหน้าที่ไปชั่วคราว พระองค์ทรงช่วยเบี่ยงเบนความสนใจเจ้าชายแดรกคูลาให้เขา พระองค์ทรงปกป้องเขาจากเทพอสูรลิช เช่นนี้ยังจะเรียกว่าเป็นเพียงสหายกันอีกหรือเพคะ”

นาตาชาตะลึงงัน “แต่… แต่เขาเป็นบุรุษ ข้าคอยช่วยเหลือเขาก็เพราะว่าเราเป็นสหายที่ดีต่อกัน!”

ดวงตาสีน้ำเงินของคามิลจ้องตรงมาที่นาตาชาจนนาตาชาเริ่มรู้สึกอึดอัด “ก็จริงเพคะ พระองค์คืออัศวินและทรงช่วยเหลือสหาย แต่ที่ผ่านมาพระองค์ทรงรู้สึกเช่นไรเล่า พระองค์ทรงเคยตกหลุมรักมาก่อน ก็น่าจะบอกได้นะเพคะ”

นาตาชาเริ่มเดินกลับไปกลับมาภายในห้องอย่างกระสับกระส่าย

ทันใดนั้น นางก็จ้ำพรวดไปยังประตู

“เดี๋ยวเพคะ!” คามิลไม่คาดคิดว่าจะเป็นเช่นนี้ นางเป็นกังวลว่านาตาชาจะลงมือทำอะไรที่สุดโต่ง อย่างเช่น สังหารลูเซียนหรือทำร้ายตัวเอง

คามิลเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนลงเพื่อปลอบนาง “ฝ่าบาท ความรักไม่เคยแบ่งแยกเพศ พระองค์ทรงตรัสกับตนเองเช่นนี้มาตลอดใช่ไหมเพคะ มันก็แค่บังเอิญที่พระองค์ทรงเคยตกหลุมรักสตรี แต่ครั้งนี้ กับบุรุษ ทรงอย่าแตกตื่นไปเลยเพคะ”

ขณะพูด คามิลก็อดเป็นกังวลไม่ได้ นางกังวลว่านางอาจจะเลือกเวลาในการบอกนาตาชาถึงทุกสิ่งทุกอย่างผิดไป กังวลว่านางอาจทำให้ท่านแกรนด์ดยุกผิดหวัง

นาตาชาหมุนกายกลับมาช้าๆ แต่สีหน้าของนางกลับเปี่ยมล้นด้วยความปิติยินดี

ดวงตาของนางดูอ่อนโยนและแก้มนวลก็แดงก่ำ ที่หว่างคิ้วนั้นปรากฏความตื่นเต้นดีใจ ในยามนี้ นางดูงดงามชวนตะลึงอย่างหาใดเปรียบ

คามิลประหลาดใจเสียจนพูดอะไรไม่ออก นางรู้สึกว่านาตาชาเปลี่ยนไปแต่อย่างไรมิทราบได้

หลังจากการเผชิญหน้ากับเทพอสูรลิช นาตาชาก็ตกอยู่ในห้วงแห่งความสับสนเป็นครั้งคราว แต่ตอนนี้ อาจเพราะนางได้ค้นพบเป้าหมายใหม่ นาตาชาจึงไม่สับสนอีกต่อไป กลับกัน ดวงตาของนางเปล่งประกายด้วยความหมายมาด!

นาตาชาแย้มยิ้ม “ท่านน้าคามิล อย่าห่วงเลย ข้าจะพยายามจัดการเรื่องของข้าเอง!”

“อะไรนะ…” เป็นคราวของคามิลที่รู้สึกสับสนบ้าง

ภายในระยะเวลาสั้นๆ นาตาชายอมรับความจริงได้แล้วอย่างนั้นหรือ

นาตาชากำมือขวาแน่น ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความมุ่งมั่นแน่วแน่ “ข้าคืออัศวิน ข้าจะไม่หลบเลี่ยงเมื่อเจอปัญหา ข้าจะหาทางแก้ไข”

เสียงของนางดังขึ้นเรื่อยๆ

“ความศรัทธาของข้าคือการก้าวไปข้างหน้า ดาหน้าไป ตลอดกาล ข้าจะเอาชนะทุกกำแพงที่ขวางกั้นตรงหน้าข้า!”

“ไม่ว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร ข้าก็จะไม่ยอมแพ้ ข้าจะบอกเขาว่าข้ารู้สึกอย่างไรกับเขา เอาชนะเขา พิชิตใจเขา!”

นั่นคือคำประกาศกร้าวของนาตาชา

คามิลคงจะคิดถึงเรื่องนี้เอาไว้แล้ว นางจึงพอจะคาดเดาได้ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นนี้

นาตาชายิ้มกว้าง พลางล้วงมือซ้ายลงไปในกระเป๋า กล่องกักพลังเทพขนาดเล็กที่กักเก็บพลังของเทพเจ้าแห่งความรักและความงามอยู่ในกระเป๋าด้านนั้น

นาตาชาตัดสินใจเป็นฝ่ายแก้ไขปัญหานี้

ลูเซียนไม่จำเป็นต้องวิเคราะห์โครงสร้างของ ‘เวทลำแสงแช่แข็งของอีวานส์’ เพราะเขาคือคนที่สร้างมนตราคาถานี้ขึ้น หลังจากจัดการควบคุมพลังจิตที่เพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว ลูเซียนก็สร้างแบบจำลองทางโครงสร้างของเวทบทนี้ภายในดวงจิตของเขาและกลายเป็นนักเวทระดับเจ็ด

ลูเซียนผลักหน้าต่างเปิดออก ก้มลงมองไปยังสวนที่สะท้อนประกายแสงแดดอันอบอุ่น ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความปิติยินดี เขาแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ สถานการณ์บนโลกนี้ก็ค่อนข้างมั่นคงดีแล้วในตอนนี้ และสตรีที่เขารักก็เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาหาเขาถึงที่นี่ แม้ว่าจะยังมีอุปสรรคขวากหนามอีกมากมาย แต่สิ่งต่างๆ ก็เริ่มมุ่งไปในทิศทางที่ดีแล้ว

แว่นตาข้างเดียวที่เขาสวมอยู่เริ่มอุ่นร้อนขึ้นเล็กน้อย รู้ดีว่าใครบางคนกำลังติดต่อหาเขา ลูเซียนจึงเปิดใช้งานมัน

“ลูเซียน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าอยู่ที่ไหน” เป็นเสียงของนาตาชา

ลูเซียนอมยิ้ม “เจ้าคงไม่ได้อยู่ในอัลลินหรอก ใช่ไหม”

“ฮ่าๆ ข้าอยู่ที่หอคอยเวทมนตร์แห่งราชสำนักโฮล์ม” นาตาชาตอบกลับมาอย่างภาคภูมิใจ

ลูเซียนประหลาดใจเล็กน้อย “หอคอยเวทมนตร์แห่งราชสำนักโฮล์มหรือ เจ้าไม่สนใจท่าทีของศาสนจักรแล้วหรือ พวกนั้นอาจมีปฏิกิริยารุนแรงเกินจริงได้นะ”

“ไม่ต้องห่วง ข้าต้องมาปลอบใจกลุ่มเสรีนิยมที่นี่ สำหรับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น มันเป็นความผิดของทางศาสนจักร และพวกเขาก็ต้องเข้าใจและสนับสนุนข้า” นาตาชากล่าวกึ่งหยอกล้อด้วยน้ำเสียงของราชินี

ถ้อยคำโพล่งผ่านริมฝีปากลูเซียน “เช่นนั้นวันที่ 25 มิถุนายน เจ้าจะ…”

“วันที่ 25 มิถุนายน เจ้าว่าง…” นาตาชาก็โพล่งถามเขาเช่นเดียวกัน

ทั้งคู่ชะงักไป แล้วแย้มยิ้ม

ตามประเพณีของโลกนี้แล้ว การฉลองวันเกิดจะกินเวลามากกว่าวันทั้งวัน มันจะเริ่มตั้งแต่กลางคืนไปจนถึงเช้าตรู่อีกวันหนึ่งเลยทีเดียว

ลูเซียนลูบคางแล้วรอยยิ้มบนใบหน้าเขาก็ยิ่งกว้างขึ้น “ข้าว่างเสมอเมื่อเจ้าร้องขอ”

“เยี่ยม เช่นนั้นวันที่ 25 มิถุนายน ที่หอคอยเวทมนตร์แห่งราชสำนักโฮล์ม ข้าจะไปฉลองวันเกิดกับเจ้า” นาตาชาเอ่ยอย่างร่าเริง “ข้ารู้จักกับเจ้ามาตั้งหลายปี แต่กลับไม่เคยมีโอกาสเช่นนี้เลย”

หลังจากจบการสนทนา ลูเซียนก็เดินกลับไปกลับมาอยู่ภายในห้องตนเองด้วยความตื่นเต้น เขาเหวี่ยงมือขวาไปในอากาศด้วยความดีใจอย่างยิ่ง

“คืบหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง” ลูเซียนพึมพำกับตนเอง

เขาไม่อาจนั่งอยู่กับที่ได้ ความคิดมากมายแล่นผ่านสมองไป เขาเชื่อว่านาตาชาเองก็คงจะมีความรู้สึกดีๆ ให้เขาเช่นกัน บางทีเขาควรจะลองก้าวไปให้สุดเลย

ลูเซียนตัดสินใจเขียนแผนการของเขาลงไป

‘เป้าหมาย: เพื่อให้ได้อยู่กับผู้หญิงที่ฉันรัก’

‘ขั้นที่ 1: เตรียมวัตถุดิบดีๆ และทำอาหารจีนอร่อยๆ สักสองสามอย่าง’

‘ขั้นที่ 2: ไปถึงหอคอยเวทมนตร์แห่งราชสำนักโฮล์มเร็วๆ ประดับสถานที่ให้ดูโรแมนติกด้วยเทียนไข เปียโน และไวน์’

‘ขั้นที่ 3: พูดเข้าประเด็นนี้แล้วลองดูว่านาตาชาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร มีทางเลือกสามทางคือ พยายามต่อไป สารภาพออกไป และหยุดชั่วคราว’

‘ขั้นที่ 4: รายละเอียด – ถ้านาตาชาไม่ชอบ ต้องถอยกลับมาแต่ห้ามยอมแพ้ ใช้เวลาอีกนิดเพื่อปูพื้นฐาน ถ้าท่าทีของนาตาชายังคลุมเครือ ก็พูดเกี่ยวกับประสบการณ์ในอดีตต่อไปและสร้างสายสัมพันธ์ให้แข็งแกร่งขึ้น พอทุกอย่างลงตัว ก็ฉวยโอกาสสารภาพออกไปซะ’

‘หมายเหตุ: สิ่งที่ต้องเตรียม’

‘อย่างแรก’ นาตาชาชอบของหวานและจานหลักที่มีเนื้อฉ่ำนุ่ม นางกินอาหารเผ็ดและอาหารสามัญพอได้ เพราะฉะนั้นอาหารก็สามารถมีทั้งปลาเปรี้ยวหวาน ตับแกะผัด หมูหัน ฟักทองอบน้ำผึ้ง ฯลฯ ขึ้นอยู่กับว่าจะหาวัตถุดิบอะไรได้บ้าง

‘อย่างที่สอง’ เตรียมเปียโนกับไวโอลินไว้เล่น เพลงจะต้องเป็นแบบโรแมนติก แต่ไม่เอา ‘แด่ซิลเวีย’ และ ‘การลาจาก’ เด็ดขาด เผื่อว่ามันจะไปกระตุ้นความทรงจำแย่ๆ เพลงควรจะมี ‘มารีอาจ ดามัวร์ (วิวาห์แห่งรัก)’ ‘บัลลาด ปูร์ อาเดอแลง (ลำนำแด่อาเดอแลง’ ‘แคนอน โน้ตดี เมเจอร์’…”

‘อย่างที่สาม’ จดคำถามทั้งหมดเท่าที่จะคิดได้แล้วเตรียมพร้อม…’

ลูเซียนเขียนคำถามยาวเหยียด ราวกับกำลังทำการทดลองอยู่ เขาครุ่นคิดอย่างหนัก พยายามจะมองหาอะไรก็ตามที่เขาอาจพลาดไป

ลูเซียนอ่านแผนการไปทีละบรรทัด จากนั้นเขาก็เริ่มคิดถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้หากว่าแผนการของเขาใช้ไม่ได้ผล เขาสัมผัสกล้ามเนื้อบนแขนและหน้าอก เห็นได้ชัดว่าพวกมันไม่น่าประทับใจสักเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับกล้ามเนื้อของอัศวิน

ลูเซียนส่งเสียงจึ๊กจั๊ก พลางขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย

“คงจะต้องเตรียมพร้อมเรื่องนี้ด้วย”

สิบนาทีให้หลัง ลูเซียนก็มาถึงห้องสมุดอาร์คาชาชั้นสูงในหอคอยอัลลิน ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ลำคอแห้งผากอย่างยิ่งเมื่อลูเซียนเอ่ยกับภูติจิน

“เอิ่ม… ข้าแค่… เอิ่ม… ขอยืม ‘ตำราชมพู’ ขอรับ”

หลังจากได้พบเจอบรรดานักเวทผู้เป็นสมาชิกในราชวงศ์ นาตาชาก็เดินขึ้นไปยังชั้นบนสุดของหอคอยโดยอ้างว่าขอพักสักครู่ แต่นางกลับเดินตรงไปยังประตูทางเข้ามิติพิเศษของแฮททาเวย์ ด้วยใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้มหวาน

มือซ้ายของนางไล้ไปบนกล่องกักพลังเทพในกระเป๋าแผ่วเบา นางคาดหวังอยู่ในใจ นางเชื่อว่าทันทีที่เขาเลือกที่จะสวมแหวนวงนี้ ปราการทั้งหมดที่กางกั้นระหว่างพวกเขาจะหายไป

ลูเซียนเป็นคนหน้าตาดี หากว่าเขากลายเป็นสตรี เขาคงจะต้องงดงามมากแน่ นางคงต้องคอยจับตามองผู้หญิงของนาง เพราะอาจจะมีใครมาขโมยไปได้

นั่นคือสิ่งที่นาตาชาคิดกับตนเอง

แต่เมื่อมือซ้ายของนางแตะโดนบางอย่างที่แผ่ไอเย็นเยียบ รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าก็พลันแข็งค้าง

มันคือดาบยุติธรรมจืดจาง

‘ข้าคือบุรุษ’ ลูเซียนเคยบอกกับนาตาชาครั้งหนึ่งด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ความทรงจำมากมายไหลบ่าเข้าใส่นาง

เขาคือชายหนุ่มผมสีดำผู้ที่พรสวรรค์ทำให้ผู้ชมตกตะลึง

เขาคือสุภาพบุรุษที่นางสามารถพูดคุยด้วยได้ตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นหัวข้ออะไร โดยไม่รู้สึกเคร่งเครียดหรือกดดันเลยสักนิด

เขาคือชายผู้เปี่ยมด้วยความแน่วแน่เด็ดเดี่ยวที่ไม่คิดปล่อยนางลงจากหลังขณะอยู่ในป่าทึบแม้ว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับภัยใหญ่หลวง

เขาคือนักสำรวจผู้มุ่งมั่นที่ทิ้งอัลโต้มาเพื่อความฝันในเวทมนตร์ของเขา

เขาคือนักเวทผู้เฉลียวฉลาดที่แก้ปัญหาได้เสมอในยามที่เทพอสูรลิชไล่ล่าพวกเขา

เขาคืออัศวินของนาง ที่ห่วงใยนาง ล้อเลียนนาง และยืนหยันอยู่เบื้องหน้านาง

นาตาชายืนอยู่ที่เดิมอยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นนางก็หมุนกายจากไปด้วยใบหน้าอมยิ้มโดยไม่ทันได้เข้าไปใน ‘สวรรค์ธาตุ’ มิติพิเศษของแฮททาเวย์

กล่องกักพลังเทพเล็กๆ นั้นก็ถูกเก็บไว้ก้นกระเป๋ามิติของนางเช่นกัน