ลัวย่าวหัวที่นั่งอยู่ด้านข้าง ตกตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วหันไปมองหวังเสี่ยวชี เมื่อสักครู่ที่หวังเสี่ยวชี่พยามแสดงออก มันถึงกับทำให้เขารู้สึกว่านี่เป็นเถ้าแก่คนหนึ่งที่ใจดีและชอบธรรม ไหนเลยจะคิดว่า จู่ๆหยางโปจะถามคำถามแบบนี้ !
หวังเสี่ยวชีหันกลับไปมอง และเห็นว่าด้านหลังไม่มีใคร เขาก็ถึงกับขมวดคิ้ว “ ที่นี่มันจะมีอะไร ? ”
หยางโปไม่พูดอะไรอีก เขาหันกลับไปพูดกับลัวย่าวหัว ” ไม่ต้องเอาไนต์คลับนี้แล้ว ”
หยางโปไม่ได้รู้สึกรำคาญที่จะโต้เถียงกับอีกฝ่าย สำหรับเขาแล้ว รายได้ของไนต์คลับร้านหนึ่ง
มันไม่ได้อยู่ในหัวคิดของเขา บวกกับที่ไนต์คลับแห่งนี้มีปัญหา เขาจึงสามารถตัดทิ้งมันไปได้เลย ! ลัวย่าวหัวลังเลเล็กน้อย เขาเหลือบมองเสวียนจงและ เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เสวียนจงพูดมาไม่เป็นความจริง ร้านนี้เขายังไม่ได้กลับมา อย่างน้อยมันก็ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา แต่ เขาเคยมาที่ร้านไนต์คลับนี่มาก่อน เมื่อเห็นเรื่องบางอย่าง เป็นธรรมดาที่จะเข้าใจสิ่งที่หยางโปพูดมานั้นเป็นความจริง !
เสวียนจงนั่งอยู่ข้างๆ มุมปากขยับไปมาแต่สุดท้ายก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก
ลัวย่าวหัวพยักหน้า “ งั้นก็ไม่จำเป็นต้องเอาไนต์คลับร้านนี้คืนแล้ว ”
พอพูดจบ ลัวย่าวหัวก็มองไปทางเสวียนจง ” ใครเป็นผู้ถือสิทธิทางกฎหมายของไนต์คลับร้านนี้ ? ”
“ เหลียงหรูซิง ” เสวียนจงตอบในทันที
ลัวย่าวหัวพยักหน้า “ ในเมื่อเขาจากไปแล้ว ก็รับไปเปลี่ยนชื่อนิติบุคคลซะ แล้วก็อย่ารอช้า พรุ่งนี้ไปก็ทำซะ ! ”
หวังเสี่ยวชีมองดูพวกเขาด้วยสีหน้าที่ตกใจ ดูเหมือนเมื่อสักครู่เขาจะไม่เข้าใจจุดประสงค์การมาของพวกเขาทั้งสามคน แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเดาได้แล้ว เสวียนจงมาที่นี่สองครั้งด้วยท่าที่แข็งกร้าว แต่ในฐานะที่เขาเป็นลูกน้องคนสนิทของเหลียงหรูซิง จะยอมอ่อนข้อให้ได้ยังไง เพราะเหตุนี้จึงยืดเวลามาตลอด
เสวียนจงเข้ามาพร้อมกับหยางโปทั้งสองคน หวังเสี่ยวชีคิดว่าสองคนนี้เป็นคนที่เหลียงหรูซิงไว้วางใจที่จะพึ่งพาได้ เขาจงใจพูดย้ำไปสองสามคำและไม่สนใจอีก เขาไหนเลยจะคิดถึงว่า
คนที่รับผิดชอบในสามคนนี้จะเป็นลัวย่าวหัวไปได้ !
หลายคนบนถนนสายนี้ต่างก็รู้จักลัวย่าวหัว ก่อนหน้านั้นลัวย่าวหัวก็เป็นแขกประจำของที่นี่
สถานะของเขาทำให้เถ้าแก่ของไนต์คลับทุกคนกระตือรือร้นที่จะเอาอกเอาใจเขา เขาคิดไม่ถึงว่า ลัวย่าวหัวจะรับช่วงต่อไนต์คลับร้านนี้ ถ้าให้ลัวย่าวหัวมารับช่วงต่อไนต์คลับร้านนี้ ก็จะเป็นผู้สนับสนุนที่ดี !
เสวียนจงรีบพูดขัดขึ้นว่า ” คุณชายลัว คุณอย่าใจร้อน มีเรื่องอะไรก็พูดคุยกันได้ ผมอยากจะถามคุณสักหน่อยว่า ครั้งนี้จะเข้ามารับช่วงต่อไนต์คลับใช่ไหม ? ”
ลัวย่าวหัวโบกมือ “ ใช่หรือไม่มันไม่สำคัญแล้ว พวกเราจะไม่รับช่วงต่อแล้ว ”
หวังเสี่ยวชีตกใจผงะไปครู่หนึ่ง ด้วยใบหน้าปั้นยากจึงถามขึ้นว่า “ คุณชายลัว เมื่อสักครู่เป็นผมเองที่แสดงกิริยาไม่ดี ”
“ นายไม่ได้มีกิริยามารยาทไม่ดี แต่ฉันรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับนาย ? ทำไมฉันถึงจะไม่ชอบเงินละ แต่ถ้าจะเอามามอบให้ฉันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะรับเงินสกปรก ” ลัวย่าวหัวเห็นหยางโปเดินออกไปข้างนอก เขาก็เริ่มร้อนใจลุกเดินตามออกไปในทันที
หวังเสี่ยวชียื่นมือออกไปคิดที่จะหยุดเสวียนจงไว้ แต่เสวียนกลับส่ายหน้า “ พรุ่งนี้ฉันจะมาหาให้นายจัดการตามขั้นตอนไปนะหลังจากนี้ฉันจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว ”
มองตามหลังทั้งสามคนที่เดินออกไป หวังเสี่ยวชีก็ไล่ตามมาจนถึงนอกประตู และเห็นว่าพวกเขาขึ้นรถกันไปแล้ว
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหวังเสี่ยวชีก็ทนไม่ได้อีกต่อไป ” พี่เจ็ด พวกเราไม่มีอะไรจะพูดกับพวกเขา ทำไมพี่ถึงต้องรีบส่งมอบไนต์คลับให้พวกเขาไปล่ะ ? ”
“ แกจะรู้อะไร คุณชายลัวผู้นั้นต้องการมารับช่วงไนต์คลับต่อ ถ้าตอนนี้ฉันปฏิเสธ เขาแค่สะกิดนิ้วก้อย ก็บีบไนต์คลับของเราตายได้แล้ว ! ” หวังเสี่ยวชีกล่าว
“ พี่เจ็ด พี่ออกจะเก่งขนาดนี้ ทำไมยังกลัวเขาอยู่อีก ? พวกเราพี่น้องมีความสุขกันจะตาย ! ”
หวังเสี่ยวชีเหลือบมองชายคนนั้นและส่ายหัวช้าๆ ไนต์คลับเกือบทุกร้านที่นี่ดูเหมือนจะเต็มใจที่จะให้ลัวย่าวหัวรับช่วงต่อ เพราะหากมีคนสนับสนุนเช่นนี้ จะยังต้องมาเป็นกังวลเรื่องธุรกิจในอนาคตอีกหรือไง ไนต์คลับอีกสองร้านถัดมา ต่างก็มีปัญหาไม่มากก็น้อย แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะเชื่อฟังคำสั่ง ไอลีนโนเวล
แต่หยางโปก็ยังไม่ค่อยจะพอใจแต่คนที่มารับช่วงต่อไม่ใช่เขา ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไรอีก
ลัวย่าวหัวชำเลืองมองไปทางหยางโป เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้แสดงอาการใดๆ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูดว่า ” ตัดทิ้ง สามร้านตัดทิ้งให้หมด ! ”
เสวียนจงเบิกตากว้าง ทั้งสามร้านทำกำไรได้มากมายทุกปี ตัดทิ้งแบบนี้มันไม่น่าเสียดายเหรอ ? แต่เขาฉลาดขึ้นมากแล้ว จึงไม่เอ่ยปากพูดอะไร
ตัวของลัวย่าวหัวเองก็พยักหน้าและพูดอย่างมั่นใจ “ เฮ้อ ไนต์คลับทั้งสามร้านนี้มีปัญหาทั้งหมด พ่อของฉันอยู่ในตำแหน่งนี้ไม่ก็ใช่เรื่องง่าย ฉันจะทำให้เขาลำบากใจไม่ได้ ! ”
พอพูดจบ ลัวย่าวหัวก็หันไปมองเสวียนจง ” นายคิดว่าไง ? “ เสวียนจงรู้สึกได้ชัดเจนว่า ลัวย่าวหัวมีสีหน้าที่ลำบากใจ เขาจึงรีบพูดขึ้นมาว่า “ ผมจะฟังที่ลัวเตาโหย่วว่าทุกอย่าง ! ”
หยางโปยืนพยักหน้าอยู่ด้านข้าง อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ “ ถ้าแค่ปัญหาพวกนี้ มันคงไม่เพียงพอที่จะให้นายส่งมอบธุรกิจพวกนี้มาให้ ! ”
เสวียนจงลังเลใจเล็กน้อย “ เหตุผลที่หวังเสี่ยวชีมีท่าทีแข็งกร้าว เพราะมีคนค่อยสนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลัง ! ”
“ ใคร ? ” หยางโปค่อนข้างรู้สึกแปลกใจ
“ โจวเหม่ยเอ๋อ ! ” เสวียนจงกล่าว
หยางโปและลัวย่าวหัวหันไปมองหน้ากัน ทั้งสองรู้สึกเหลือเชื่อมาก ” เขาเหรอ ? ”
หยางโปหันไปมองหน้าเสวียนจง ” เป็นเขาได้ยังไง ? ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเหลียงหรูซิงคืออะไร ? หรือว่าเขามีภูมิหลังที่ลึกมาก สามารถกดหัวหวังเสี่ยวชีได้งั้นเหรอ ! ”
เสวียนจงอธิบาย “ ตอนที่เหลียงหรูซิงยังมีชีวิตอยู่ โจวเหม่ยเอ๋อเป็นเลขาของเขา ส่วนหวังเสี่ยวชีเป็นลูกน้องอันดับหนึ่งของเขา ทั้งสองทั้งเชี่ยวชาญและเป็นศิลปะการต่อสู้ แต่ต่อมานิสัยของ
โจวเหม่ยเอ๋อก็ยิ่งแสดงออกชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เขากับเหลียงหรูซิงได้ลาพักร้อนไปที่ไทย
หลังจากกลับมา เขาก็แยกตัวออกไปทำธุระกิจเอง ! ”
“ ในช่วงเวลานี้เหลียงหรูซิงก็เกิดมีปัญหาขึ้นมาแล้ว หวังเสี่ยวชีกลัวว่าจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ จึงมักจะไปปรึกษาหารือกับโจวเหม่ยเอ๋อ มันน่าจะเป็นความคิดของ
โจวเหม่ยเอ๋อ ! ”
ลัวย่าวหัวหันไปทางหยางโป ” วันนั้นนายก็พบกับเขาแล้ว บนตัวเขามีพลังไหลเวียนอยู่ไหม ? ”
หยางโปส่ายหน้า “ ไม่มี เขาไม่ได้ฝึกลมปราณ ”
หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง หยางโปก็ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ ลืมเรื่องนี้ไปซะ กลับไปก็ทักทายกับเขาสักหน่อย ไนต์คลับก็ให้พวกเขาไป พวกเราก็ไม่ได้สนใจเงินน้อยนิดพวกนั้น จะไปทำให้มันยุ่งยากไปทำไม ! ”
ลัวย่าวหัวเห็นด้วยอย่างสุดซึ้ง “ ใช่ เรื่องพวกนี้มันยุ่งยากเกินไป รับช่วงต่อไม่ไหว ”
เสวียนจงที่ยืนอยู่ข้างๆ รู้สึกหมดเรี่ยวแรง เขาอยากได้ธุรกิจเหล่านี้ แต่สองคนนี้รวยเกินไป
พวกเขาไม่ได้สนใจมันเลยด้วยซ้ำ !
เมื่อขึ้นรถ หยางโปวางแผนที่จะกลับไป แต่เสวียนจงกลับหันมาโบกมือให้หยางโปและกำลังจะบอกลา โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นทันที และเมื่อรับสาย เขาก็ตกใจมาก
“ อะไรนะ ? คุณหมายความว่าไนต์คลับทั้งสามร้านที่เราเพิ่งไปดูมาถูกปิดค้นหมดแล้ว ! ” ลัวย่าวหัวโบกมือและกำลังจะบอกคนขับให้ขับรถออกไป แต่หยางโปกลับหยุดเขาไว้ ” รอสักครู่ ”
เสวียนจงวิ่งมาเคาะกระจกรถ ” ศิษย์พี่หยาง เกิดเรื่องแล้ว ไนต์คลับสามร้านนั้นที่พวกเราเพิ่งไปดูมา วอดวายหมดแล้ว ”
“ ตำรวจบุกเหรอ ? ” หยางโปถาม
ได้ยินแบบนั้น เสวียนจงก็พยักหน้าในทันที