ตอนที่ 54-2 ความอ่อนหวานที่ขมขื่น

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์

เมื่อดึกวอลทำความเคารพเสร็จก็เดินออกไปจากซานชิลชอง ส่วนกโยซึลนั้นยังคงจ้องมองด้านหลังของเขาจนกระทั่งประตูปิดไป สายตาของดึกวอลที่มองมาที่กโยซึลในตอนสุดท้ายนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในดวงตาของนาง

 

 

ทั้งที่เขาดูเป็นคนที่อ่อนโยนแท้ๆ…

 

 

แต่ก็น่าแปลกทุกครั้งที่สบตากับดึกวอลตนมักจะรู้สึกไม่สบายใจ และสาเหตุที่ทำให้เกิดความรู้สึกประหลาดนั้น ไม่รู้เป็นเพราะตนคิดมากไป หรือเพราะจับความรู้สึกใดได้กันแน่ แต่ไม่นานกโยซึลก็ลืมความคิดเกี่ยวกับดึกวอลไป เพราะรูแฮเดินออกไปข้างหน้าพร้อมกับชายาฮวางเซจา ยอมิน

 

 

“ขอแสดงความยินดีกับพระชายาเซจาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

“เป็นทารกที่น่ารักมากเพคะ”

 

 

รูแฮกับยอมินพูดแสดงความยินดีให้กับฮเยจินและกโยรยูน กโยซึลที่กำลังมองรูแฮกับยอมินรู้สึกใจตกไปที่ตาตุ่มอีกครั้ง นี่เป็นที่ที่จัดงานทางการ เป็นจุดที่รวมทุกคนในราชวงศ์ ในที่ที่มีทุกคู่สายตาจับจ้องอยู่

 

 

กโยซึลจึงต้องอยู่เคียงข้างบีพาอันเสมอ และรูแฮก็ต้องอยู่กับยอมิน

 

 

ตลอดการอยู่ในซานชิลชองรูแฮไม่ส่งสายตาให้กับกโยซึลเลยแม้แต่ครั้งเดียว รอยยิ้มกับคำทักทายที่มักจะมอบให้อยู่เสมอก็ไม่มี แต่กโยซึลก็เข้าใจ และไม่ได้ต้องการให้เขาแสดงท่าทีอะไรเป็นพิเศษ ทว่าความรู้สึกเจ็บปวดในใจนั้นมันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ กโยซึลที่ยืนอยู่อย่างสงบเสงี่ยมในที่สุดก็เอียงศีรษะเล็กน้อยแล้วหลบสายตา นิ้วมือที่กุมอยู่ด้านหน้าต่างก็จิกเล็บกันไปมา นางต้องการให้งานนี้เจ็บลงเสียที

 

 

เชื้อพระวงศ์แต่ละคนค่อยๆ เดินเข้าไปแสดงความยินดีกับกโยรยูน นี่ก็ถือว่าเป็นการทำการสะเดาะเคราะห์ให้กับเด็กที่เกิดใหม่ด้วยเช่นกัน เมื่องานทุกอย่างจบลง และทุกคนกำลังเดินทางกลับกัน อยู่ๆ ฮเยจินก็เรียกกโยซึลไว้

 

 

“พระชายาฮวางแทจา หยุดก่อนเพคะ”

 

 

บีพาอันหันมามองแล้วหันไปพยักหน้าให้กโยซึล “เดี๋ยวเราจะรออยู่ด้านนอก”

 

 

“มิเป็นไรเพคะ ทรงกลับก่อนได้เลยเพคะ” หรือเป็นเพราะความเสียใจที่ยังหลงเหลืออยู่ จึงทำให้

 

 

กโยซึลตอบปฏิเสธบีพาอันไปอย่างไม่รู้ตัว นางรู้สึกตกใจกับคำพูดที่พูดออกไป จึงพูดต่ออย่างงุ่มง่าม

 

 

“หม่อมฉันมีเรื่องที่ต้องสนทนากับพระชายาเซจา อาจจะใช้เวลานานเพคะ”

 

 

“เข้าใจแล้ว” บีพาอันกลับไปโดยไม่พูดเรื่องอื่นอีก ไหล่ของเขาหันกลับไปอย่างรวดเร็ว จนรู้สึกราวกับมีสายลมเย็นพัดผ่าน

 

 

เมื่อบีพาอันเดินออกไปแล้ว ที่ซานชิลชองก็เหลือเพียงกโยซึล เซจา ฮเยจิน และกโยรยูน

 

 

“หม่อมฉันได้ยินมาว่าพระชายาฮวางแทจาทรงเสด็จมาที่วังเหนือเพคะ”

 

 

“อา ในตอนนั้น…”

 

 

ตอนที่เกิดเหตุร้ายในพระราชวังเหนือ เมื่อรูแฮถูกสงสัยว่าเป็นคนร้าย กโยซึลก็ได้มาที่พระราชวังเหนือในทันทีเพื่อเปิดเผยความบริสุทธิ์ของรูแฮ แต่เพราะว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่ฮเยจินกำลังตั้งครรภ์ พระราชวังเหนือจึงไม่อนุญาตให้คนภายนอกเข้ามา นางจึงไม่ได้พบกับฮเยจิน

 

 

“ตอนนี้มิเป็นอะไรแล้วใช่หรือไม่เพคะ”

 

 

“เพคะ เป็นเพราะพระชายาฮวางแทจาทรงเป็นห่วงหม่อมฉัน หม่อมฉันกับลูกจึงแข็งแรงดีเพคะ”

 

 

ความจริงแล้วกโยซึลไม่ได้มาหาเพราะความเป็นห่วงฮเยจิน แต่นางก็ไม่ได้บอกความจริงออกไป ฮเยจินกวักมือเรียกกโยซึลที่กำลังมองฮเยจินอยู่ไกลๆ เนื่องจากเป็นหวัดเลยไม่กล้าเข้าไปใกล้

 

 

“แต่ว่า…”

 

 

“มิเป็นไรเพคะ พระชายาฮวางแทจา ลูกของหม่อมฉันแข็งแรงดีเพคะ” เสียงของนางฟังดูแผ่วเบา ทว่ากลับทำให้มีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น ฮเยจินอุ้มกโยรยูนยื่นให้กโยซึลที่กำลังเดินเข้ามาที่เตียง

 

 

“ทรงลองอุ้มดูเถิดเพคะ ในวันมงคลเช่นนี้หม่อมฉันก็หวังให้พระชายาฮวางแทจา สหายคนเดียวของหม่อมฉันอุ้มลูกของหม่อมฉันเพคะ”

 

 

รอยยิ้มที่ไม่รู้ความหมายและดวงตาสีฟ้าของฮเยจินกระตุ้นความรู้สึกของกโยซึล

 

 

“ที่มกกุกมีประเพณีในการตั้งชื่อและประเพณีรับคำอวยพรจากคนในราชวงศ์ แต่ในบ้านเกิดเมืองนอนของหม่อมฉันนั้นมีประเพณีที่จะรับคำอวยพรจากสหาย พ่อบุญธรรมและแม่บุญธรรมด้วยเพคะ พระชายา

 

 

ฮวางแทจาโปรดทรงกรุณาอุ้มบุตรของหม่อมฉันในฐานะที่เป็นแม่บุญธรรมด้วยเถิดเพคะ”

 

 

“ทรงตรัสถึงเพียงนี้แล้ว จะไม่อุ้มก็คงมิได้สินะเพคะ” กโยซึลขมวดคิ้วราวกับตัดสินใจไม่ได้ ฮเยจินแย้มยิ้มแล้วส่งลูกของตนให้กับกโยซึลอีก กโยซึลที่ลังเลใจอยู่ชั่วขณะรับกโยรยูนเข้ามาอุ้มไว้อย่างระมัดระวัง

 

 

นางที่เพิ่งเคยอุ้มเด็กทารกเป็นครั้งแรกใจเต้นรัว ร่างเล็กและน้ำหนักที่เบาของกโยรยูนที่อยู่บนอ้อมกอดของกโยซึลนั้น มันทั้งเบาทว่าก็มีน้ำหนักอยู่ ในงานวันนี้นางมองกโยรยูนอยู่ตลอดเวลา ทว่าการได้มองดูในอ้อมอกนั้นมันช่างแตกต่าง

 

 

“น่าเอ็นดูมากเพคะ”

 

 

อาจจะเป็นเพราะความเหนื่อยล้า ดวงตาของกโยรยูนจึงได้ปิดลง กโยรยูนมุดหัวเข้าไปในอ้อมอกของ

 

 

กโยซึลและทำปากขมุบขมิบ พอได้เห็นอย่างนั้นรอยยิ้มก็จุดขึ้นโดยอัตโนมัติ

 

 

“หม่อมฉันอิจฉาพระชายาเซจา ฮเยจินเพคะ” แม้นางจะพึมพำกับตัวเองเงียบๆ แต่คำพึมพำนี้ก็เข้าถึงหูของฮเยจินอยู่ดี

 

 

“ทรงเป็นกังวลเรื่องอันใดหรือเพคะ เดี๋ยวพระชายาฮวางแทจาก็คงจะได้อุ้มบุตรของตนเองบ้างแล้ว”

 

 

เฮือก กโยซึลตัวแข็งทื่อ นางรู้สึกแปลกๆ บริเวณแขนที่อุ้มกโยรยูนอยู่ ดวงตาของนางเริ่มสั่นไหว ในที่สุดนางก็ส่ายหัวช้าๆ

 

 

“หม่อมฉันคิดว่า…มิน่าจะเป็นเยี่ยงนั้นได้เพคะ” น้ำเสียงของกโยซึลทุ้มต่ำลงอย่างเศร้าหมอง

 

 

บุตรหรือ

 

 

นี่เป็นเรื่องที่กโยซึลไม่เคยคิดมาก่อน ในตอนแรกที่ถูกจับอภิเษกสมรสกับบีพาอันก็เคยคิดอยู่ลางๆ แต่พอมาถึงตอนนี้ก็มั่นใจได้เลยว่าไม่มีทางที่จะมีลูกได้อย่างแน่นอน

 

 

“พระชายาฮวางแทจา คำพูดของชายากระหม่อมนั้นแม่นยำเสมอพ่ะย่ะค่ะ จริงหรือไม่ชายา”

 

 

บินซองที่ยืนเงียบอยู่ข้างๆ พูดแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเนิบๆ เมื่อบินซองมองไปที่ฮเยจิน นางก็พยักหน้าตอบกลับด้วยใบหน้าแดงจัด

 

 

“ชายาของกระหม่อมมีสายตาที่แหลมคม มิมีสิ่งใดที่ชายาของกระหม่อมไม่รู้ อย่างที่ชายาของกระหม่อมได้พูดไป พระชายาฮวางแทจาจะทรงมีบุตรในอีกไม่นานแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

“อย่างนั้นหรือเพคะ”

 

 

กโยซึลพยักหน้าตอบกลับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในคำพูดที่สุภาพอ่อนน้อมของบินซอง และหากปฏิเสธก็คงดูจะแปลกไปบ้าง อย่างไรก็ตามกโยซึลเป็นชายาของบีพาอัน และก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนจะคาดเดาวันข้างหน้าของบีพาอัน และก็ชัดเจนว่านั่นเป็นเพียงคำพูดตามมารยาทเท่านั้น ถึงกระนั้นกโยซึลก็รู้สึกเจ็บปวดใจ ยากที่จะทำเพียงแค่ยิ้มให้ผ่านๆ ไป

 

 

“บุตรชายที่สุภาพอ่อนโยนเหมือนกับพระชายาฮวางแทจาจะมาหาอย่างแน่นอนเพคะ”

 

 

กโยซึลมองไปที่ฮเยจิน ดวงตาสีฟ้าของนางเปล่งประกายด้วยแสงที่มีความหมายล้ำลึก