ตอนที่ 54-1 ความอ่อนหวานที่ขมขื่น

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์

“ชายา อยากลองอุ้มดูบ้างหรือไม่”

 

 

“เพคะ?” กโยซึลถอยหลังไปอย่างลังเลเพราะข้อเสนออย่างไม่คาดคิดของบีพาอัน นางโบกมือปฏิเสธอย่างลุกลี้ลุกลน “มิ มิได้เพคะ หม่อมฉันไม่สามารถเข้าใกล้ได้เพคะ เกรงว่าจะติดหวัด”

 

 

กโยซึลยืนอยู่ห่างไกลจากเตียงตลอดช่วงพิธีการตั้งชื่อ แม้ว่านางอยากจะชมกโยรยูนใกล้ๆ แต่ก็กลัวว่ากโยรยูนจะติดไข้หวัด ด้วยความห่วงใยจึงไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้ บีพาอันมองกโยรูน ทารกน้อยที่เพิ่งเกิดในอ้อมอกของเขา ที่ดูบอบบางและตัวเล็ก สำหรับชีวิตของเด็กตัวเล็กๆ นั้นโรคไม่ร้ายแรงก็เป็นอันตรายใหญ่หลวงได้ เพราะฉะนั้นหลังจากเกิดจึงมีกระบวนการขั้นตอนที่วุ่นวายแบบนี้อยู่หลายวัน

 

 

บีพาอันมองกโยรยูนไปพยักหน้าไป “เราลืมไปชั่วขณะเลยว่าชายาเป็นไข้หวัด”

 

 

แม้จะเป็นคำพูดที่ดูไม่ให้ความสนใจ แต่ภายในของกโยซึลนั้นรู้สึกปวดแปล๊บ ก่อนหน้านี้บีพาอันเห็นตนนอนอยู่บนเตียงแท้ๆ แต่เขายังดึงลากตนให้ลุกขึ้นมาอย่างบังคับ ทั้งยังลืมแม้แต่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ รู้สึกได้เลยว่าบีพาอันนั้นไม่มีความสนใจในตนเลยสักนิด แม้ว่ากโยซึลจะไม่เคยคาดหวังสิ่งใดจากบีพาอัน ทว่าก็ยังรู้สึกเสียใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

 

ช่างสมกับเป็นฝ่าพระบาทเสียจริง

 

 

กโยซึลออกแรงกัดฟันกรามแน่น ด้วยความวุ่นวายในตำหนักดงบี และการที่เขาเข้ามาประคองตนด้วยแขนข้างหนึ่ง จึงทำให้เกือบลืมไปแล้ว

 

 

บีพาอันไม่มีความสนใจ และไม่มีความรู้สึกที่เป็นส่วนตัวใดต่อกโยซึลเลย สำหรับเขากโยซึลเป็นเพียงชายาเท่านั้น มิได้เป็นมากไปกว่านั้นหรือน้อยไปกว่านั้นแต่อย่างใด เป็นความสัมพันธ์ที่นอกจากหน้าที่ต้องปฏิบัติในฐานะสามีภรรยา ที่ต้องทำให้คนภายนอกเห็นแล้วนั้น ก็ไม่มีการยุ่งเกี่ยวกันในเรื่องใดอีกเลย

 

 

อย่าคาดหวังเลย

 

 

สุดท้ายแล้วสำหรับกโยซึล นางมีคนที่คาดหวังรอคอยอยู่แล้ว กโยซึลลูบคลำมือซ้ายของตนพร้อมกับตัดสินใจอย่างนั้น มือซ้ายที่วางไว้บนแขนของบีพาอัน มือที่ถูกประคองตลอดการเดินทางมาที่บุกซานชิลชอง

 

 

หลังจากนั้นบีพาอันก็ส่งกโยรยูนคืนให้กับฮเยจิน แม้กโยรยูนจะถูกหลายต่อหลายคนอุ้มแต่ก็ยังคงสงบเสงี่ยมไม่ร้องไห้เลยสักนิดเดียว  ฮเยจินที่อุ้มลูกของตัวเองอยู่ยิ้มแย้มออกมา พร้อมกับขยับแขนอย่างเบาๆ รอยยิ้มของฮเยจินนั้นเป็นรอยยิ้มที่คาดเดายากอยู่เสมอ ทว่ารอยยิ้มของนางที่ยิ้มให้กับกโยรยูนในตอนนี้นั้นอบอวลไปด้วยความรัก เมื่อบีพาอันถอยออกมาจากเตียง แทจาก็ก้าวเข้ามาข้างหน้า แล้วคนอื่นๆ จากพระราชวังทั้งสี่ทิศก็ต่อแถวเรียงรายตามลำดับเข้าไปทักทายกโยรยูน ขณะที่แทจา ดึกวอล กับพระชายาแทจาโอรันกำลังเดินเข้าไปที่เตียง แทฮวางกุน มูที่เดินตามมาข้างหลังก็เข้ามาแทรกระหว่างเขาทั้งสอง แทฮวางกุน มูทิ้งตัวลงบนหัวเตียง แล้วหันไปพูดกับฮเยจิน

 

 

“พระชายาเซจา พระชายาเซจา กระหม่อมอยากลองอุ้มกโยรยูนดูพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

ดึกวอลกับโอรันรู้สึกงงงวยในการกระทำที่หุนหันของแทฮวางกุน มู ทั้งคู่จึงตีมือของแทฮวางกุน มูที่ยื่นไปหาฮเยจิน ดึกวอลรีบยกตัวแทฮวางกุน มูขึ้นมา ทว่าแทฮวางกุน มูก็ยื่นมือทั้งสองข้างออกไปหากโยรยูนแล้วขอร้องอย่างแน่วแน่

 

 

“ให้แต่ฮวางแทจาอุ้ม กระหม่อมก็อยากอุ้ม อยากอุ้มกโยรยูนพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

ดึกวอลส่งตัวแทฮวางกุน มูให้กับโอรัน โอรันรับมาล็อคตัวไว้ และนางก็พูดสั่งสอนอย่างเคร่งครัด

 

 

“ไม่ได้นะแทฮวางกุน แทฮวางกุนยังเด็กเกินไปที่จะอุ้มกโยรยูน และถ้าหากทำกโยรยูนตกก็จะเกิดเรื่องใหญ่ได้”

 

 

“จะไม่ทำให้ตกเลยพ่ะย่ะค่ะ ท่านแม่ กระหม่อมอยากลองอุ้มบ้าง นะท่านแม่” แทฮวางกุน มูรบเร้างอแงอยู่ในอ้อมกอดของโอรัน ไม่ว่าจะว่ากล่าวตักเตือนเพียงใดแต่เขาก็ยังคงดื้อรั้น โอรันตีมูที่งอแงไปทีหนึ่งแล้วก็ถอนหายใจ

 

 

ฝ่ายที่รับรู้และดูเอาใจใส่กับการตั้งครรภ์ของฮเยจินมากที่สุดก็คือวังตะวันตก แม้ว่าเขาจะเป็นองค์รัชทายาทอันดับที่สี่ แต่หากบินซองมีโอรสก็จะเป็นอุปสรรคขัดขวางต่อการเลื่อนตำแหน่งเป็นฮวางแทซนของแท

 

 

ฮวางกุน มู ฉะนั้นจึงได้มีการใช้กลอุบายเล่ห์เหลี่ยมด้วยวิธีการที่ไม่โปร่งใสด้วยเช่นกัน ครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้นนั่นก็คือการป้อนยาพิษให้เด็กชายกินหมายเอาอวัยวะเพศออกไป เหตุร้ายในพระราชวังเหนือนี้ทำให้ทั้งราชสำนักวุ่นวายไปหมด ดึกวอลและโอรันรู้สึกเสียดายที่เด็กในท้องกับฮเยจินนั้นปลอดภัยดี และในที่สุดฮเยจินก็คลอดบุตร แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสวรรค์ช่วยหรืออย่างไร ลูกของนางจึงออกมาเป็นผู้หญิง เป็นเรื่องที่ทางวังตะวันตกยินดีเป็นอย่างยิ่ง

 

 

ทั้งที่วางใจถึงเพียงนั้นแล้วแท้ๆ ทว่ากลับเกิดการกระทำที่ไม่คาดคิดของมูขึ้นมา ด้วยเพราะไม่มีเด็กที่อยู่ในลำดับวงศ์สกุลเดียวกัน จึงทำให้องค์จักรพรรดิกับฮวังฮู และฮวังบีทั้งสองต่างพากันตามใจเขาจนทำให้เขาดื้อรั้น โอรันทำความเคารพคนจากวังตะวันตกแล้วพามูที่ร้องไห้งอแงเดินออกไป ดึกวอลที่กำลังเฝ้าดูแม่ลูกคู่นั้นอยู่พูดกับฮเยจินด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเล็กน้อย

 

 

“โปรดอภัยให้กับพฤติกรรมที่มิรู้จักโตแบบนี้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

“มิเป็นไรเพคะ ฝ่าพระบาทแทจา เขาเพียงแค่เอ็นดูรักใคร่ลูกของหม่อมฉันเท่านั้นเพคะ”

 

 

“ขอบพระทัยที่ทรงเข้าใจ บินซอง เช่นนั้นเรา แทฮยองต้องขอตัวลาแล้ว”

 

 

ดึกวอลรีบเลื่อนสายตาไปที่บินซอง รอยยิ้มบนหน้าของเขานั้นไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิดเดียว บินซองที่ในวันนี้กำลังมีความสุขที่สุดในโลกตอบรับการทำความเคารพของดึกวอลอย่างมีความสุข

 

 

“เดินทางกลับอย่างปลอดภัยนะพ่ะย่ะค่ะ แทฮยอง มูร้องไห้อยู่อย่าดุรุนแรงไปเลย”

 

 

ดึกวอลไม่มีคำตอบใดให้กับบินซองและเดินออกไปก่อนที่บินซองจะพูดจบ เขาก้มศีรษะทำความเคารพบีพาอันแล้วเดินออกไปทางประตู กโยซึลที่กำลังมองดึกวอลเดินออกไปอย่างเหม่อลอยได้หันไปสบตากับดึกวอลที่ยังคงรักษาใบหน้าที่ยิ้มแย้มนั้นไว้ แต่เพราะหางตาของเขาที่ชี้ขึ้นจึงทำให้ไม่สามารถสบตาได้อย่างชัดเจน ทว่านางก็รู้สึกขนลุกซู่เมื่อได้เห็นดวงตาสีดำที่อยู่ในเปลือกตารูปพระจันทร์เสี้ยวนั้นเป็นประกายขึ้น กโยซึลสะดุ้งเฮือก ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง บีพาอันที่ยืนอยู่ข้างๆ กโยซึลหันไปมองดึกวอล

 

 

“เกิดเหตุอันใดขึ้น”

 

 

ดึกวอลหันไปผงกศีรษะให้กับบีพาอันหนึ่งครั้ง และให้กับกโยซึลหนึ่งครั้งด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

 

 

“กระหม่อมตั้งใจว่าจะมาทำความเคารพพระชายาฮวางแทจา แต่เห็นว่าทรงประชวร กระหม่อมก็ขอให้หายประชวรโดยเร็วไวพ่ะย่ะค่ะ