ตอนที่ 179 ปักนางเข็มหนึ่ง ก็เฉือนเจ้าดาบหนึ่ง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

เหล่าพระสนมถึงแม้ไม่ได้ชื่นชอบนาง แต่ตอนนี้ตู๋กูซิงหลันก็คือศัตรูร่วมกันของทั้งหมด ดังนั้นต่างก็พากันเข้าข้างนาง 

 

 

” ขอฝ่าบาททรงเห็นแก่ประเทศชาติ อย่าได้ถูกเสน่ห์ล่อลวง “ 

 

 

เหล่าพระสนมกล่าวแล้ว ก็พากันคุกเข่าลงไป 

 

 

ซูเม่ยก็คิดจะยื่นมือเข้าไปจัดการเรื่องนี้ด้วย แต่กลับถูกหย่งเฉิงอ๋องสามีภรรยารั้งตัวเอาไว้ ลากเขาออกไปจากสถานที่ในทันที 

 

 

พวกเขาเกรงว่าเจ้าลูกทรพีจะสบโอกาสตบตีกับไทเฮาขึ้นมา ดังนั้นรีบเอาเจ้าตัวปัญหานี้ออกไปให้ไกลๆ เป็นดีที่สุด 

 

 

ก่อนหน้านี้เจ้าลูกตัวร้ายก็สวมหมวกเขียวใบโตให้ฝ่าบาทไปแล้ว หากว่าวันนี้ฝ่าบาทจะกระทำบ้าง ก็ถือว่าเสมอกันไป 

 

 

………………………… 

 

 

พระตำหนักจิ่นซิ่ว 

 

 

จีเฉวียนกวาดพระเนตรมองดูเหล่าสนมอย่างเย็นชา สุดท้ายก็ทอดพระเนตรไปยังอันหว่านจือ ” ดูท่าเจ้าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา “ 

 

 

ขณะที่ทรงตรัสเรื่องนี้ ตู๋กูซิงหลันยังคงซุกไซร้อยู่ในอ้อมพระอุระอย่างไม่รับรู้เรื่องราวใดๆ อ๋ายย่าห์ ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่เคยรู้สึกว่าจีเฉวียนนั้นงดงามและน่าหลงใหลถึงเพียงนี้? 

 

 

นี่เขากำลังพูดคุยกับใครกัน? 

 

 

ไม่สนใจแล้ว เอาเป็นว่าอย่ามาร้ายกาจกับนางก็พอ 

 

 

วิญญาณทมิฬเกาะอยู่บนบ่าของนาง มันเรียกนางให้ ‘ตื่น’ อยู่หลายรอบแล้ว แต่ก็ยังไม่สำเร็จ 

 

 

สตรีผู้นี้ ยามปกติรู้ดีไปหมดทุกเรื่อง มาคราวนี้โดนน้ำพลิกเรือคว่ำ ถูกเจ้าฮ่องเต้สุนัขนั่นยัดเยียดสิ่งของให้นางกินเข้าไป! 

 

 

คราวนี้ถึงคราวต้องซวยแน่! 

 

 

รอจนนาง’ตื่น’ขึ้นมา พอได้รู้ว่าเมื่อคืนตนเองทำอะไรลงไป เกรงว่าคงต้องสำนึกเสียใจจนอยากเอาหัวโขกกำแพง 

 

 

อันหว่านจือคุกเข่าอยู่บนพื้น ในใจของนางมีแต่ความพลุ่งพล่าน ไยฝ่าบาทจึงไม่ทรงเชื่อนางกัน? 

 

 

ยาเสน่ห์นี้ท่านย่าปรุงขึ้นด้วยตนเอง ใครก็ไม่มีทางตรวจรู้ได้ เรื่องอะไรนางจะต้องไปกลัว? 

 

 

อันหร่วนถึงแม้จะหงุดหงิดที่อันหว่านจือพูดมากเกินไป แต่อย่างไรยังคงต้องช่วยหลาน นางกล่าวอย่างสำรวมว่า ” ฝ่าบาท พระองค์ทรงใส่ความหว่านจรือแล้ว “ 

 

 

” นางถวายการดูแลฝ่าบาทด้วยความใส่ใจ มิว่าเรื่องใดๆ ล้วนแล้วแต่คำนึงถึงพระองค์ก่อน ทุกสิ่งที่นางนำมาถวายพระองค์ไหนเลยจะมีข้อผิดพลาดได้ “ 

 

 

” ฝ่าบาท หากพระองค์มิทรงเชื่อ ก็สามารถเรียกหมอหลวงมาตรวจสอบดูได้เพคะ “ 

 

 

พูดแล้ว อันหร่วนก็จดจ้องไปยังตู๋กูซิงหลันที่อยู่ในอ้อมพระกร กราบทูลต่อไปว่า ” ไทเฮาน้อยผู้นี้ นับตั้งแต่ที่ได้รับการแต่งตั้งมาก็เป็นเหตุให้อดีตฮ่องเต้สิ้นพระชนม์ ตอนที่ฝ่าบาทเสด็จขึ้นครองราชย์นางก็บังอาจปีนเตียงมังกร นี่แสดงว่านางมีใจใฝ่ฝันในพระองค์มากเพียงไร คราวนี้พอดื่มสุราลงไปถึงได้สำแดงออกมาจนหมด “ 

 

 

” อันกูกู ที่ก่อนหน้านี้เรื่องที่ไทเฮาทรงปีนเตียงบรรทมได้รับการพิสูจน์จนชัดแจ้งแล้ว นั่นเป็นแผนการให้ร้ายของเสียนไท่เฟยและเต๋อเฟย ” มีสนมบางคนเตือนนาง 

 

 

นี่มันคนละเรื่องกัน หากคิดจะคุ้ยคดีเก่าขึ้นมาละก็ ควรต้องเอาที่มีประโยชน์หน่อยจึงจะใช้ได้ 

 

 

ข่าวสารของอันกูกูนับว่าล้าหลังไปแล้ว 

 

 

อันหร่วนก็มิได้เร่งร้อน นางเพียงกราบทูลจีเฉวียนว่า ” บ่าวมีวิธีการอยู่อย่างหนึ่ง ขอเพียงฝ่าบาททรงทดลองดู ก็จะทราบได้ว่าเสี่ยวไทเฮาทรงแกล้งเมาสุราเพื่อล่อลวงฝ่าบาทหรือไม่ “ 

 

 

พูดแล้ว ก็เห็นนางล้วงเอาเข็มเล่มดำๆ ทื่อๆ ออกมาจากในอกเสื้อ 

 

 

เหล่าสนมต่างก็เข้าใจในความหมายของนางขึ้นมา ใครบ้างจะไม่กลัวเจ็บกัน? หากว่าโดนเข็มเช่นนี้แทงเข้าไปครั้งหนึ่ง ต่อให้แกล้งเป็นเมาอยู่ก็ต้องรีบสร่างขึ้นมาแน่ 

 

 

” ขอฝ่าบาททรงประทานอนุญาตให้บ่าวได้ทดลองดูสักครั้ง จะได้ทำให้พระองค์ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง ” อันหร่วนกราบทูลอย่างชี้แนะ 

 

 

ผู้ที่โดนยานี้เข้าไป หากไม่ได้กระทำเรื่องดังว่าแล้ว ก็มีแต่การฝังเข็มของนางเท่านั้นจึงจะแก้ไขได้ 

 

 

ต่อให้พวกหมอหลวงมีฝีมือสูงส่งเพียงไร ก็มิอาจตรวจเจอปัญหาในน้ำแกงสร่างเมาได้ ขอเพียงตอนนี้นางใช้เข็มแทงจนตู๋กูซิงหลัน’ตื่น’ขึ้นมาได้ ความเสี่ยงของหว่านจรือก็จะคลี่คลายไปเอง 

 

 

อีกทั้งยังสามารถทำให้ฝ่าบาททรง ‘ได้เห็น’ โฉมหน้าที่แท้จริงของตู๋กูซิงหลัน นับว่ากระสุนนัดเดียวยิงนกได้สองตัว 

 

 

พอถึงตอนนั้นค่อยให้อันหว่านจือทำท่าน่าสงสาร ฝ่าบาทย่อมบังเกิดความเสียใจสำนึกผิดต่ออันหว่านจือ เช่นนี้ต่อไปในภายหน้าเรื่องที่อันหว่านจือวาดหวังเอาไว้ก็ย่อมจะสำเร็จได้อย่างแน่นอน 

 

 

” ขอฝ่าบาททรงประทานอนุญาตให้อันกูกูได้ทดลองด้วยเถอะเพคะ ” เหล่าพระสนมต่างพากันขอร้อง 

 

 

จีเฉวียนทรงสดับฟังแล้ว ก็พระสรวลเสียงเย็น ดวงเนตรหงส์คู่นั้นบังเกิดรังสีอำมหิตขึ้นมา 

 

 

สายพระเนตรนั้นทอดลงบนร่างของอันหร่วน ชั่วขณะนั้นเองอันหร่วนก็พลันรู้สึกเหมือนตกอยู่ในความเหน็บหนาวขึ้นมา ” หมัวมัว เจ้าคิดว่ารับผิดชอบเรื่องนี้ไหวหรือ? “ 

 

 

อันหร่วนสงบจิตใจลง ” เพื่อฝ่าบาท เพื่ออดีตฮองเฮา แม้บ่าวเฒ่าผู้นี้จะต้องสละชีวิตก็ขอรับผิดชอบอย่างสุดกำลังเพคะ “ 

 

 

จีเฉวียนทรงหรี่พระเนตรลง พลุไฟหยุดลงไปแล้ว ท้องฟ้าเหลือเพียงแสงดาวกระจ่างเท่านั่น สองพระหัตถ์ของพระองค์โอบอุ้มตู๋กูซิงหลันเอาไว้ ตรัสด้วยพระสุรเสียงเย็นยะเยือกอย่างที่สุดว่า ” ไทเฮาทรงศักดิ์ล้ำค่ากว่าทองคำ หากจะให้นางหลั่งโลหิตพบกับความเจ็บปวด ก็จงหาสิ่งที่ทัดเทียมมาแลกเปลี่ยน “ 

 

 

” อย่าเช่น เจ้าแทงนางเข็มหนึ่ง เราก็จะเฉือนอันหว่านจือดาบหนึ่ง ทางที่ดีเจ้าจงภาวนาให้สามารถแทง ‘ปลุก’ ไทเฮาสำเร็จในครั้งเดียว มิเช่นนั้นเราจะให้ร่างของอันหว่านจือต้องเผชิญกี่ดาบ ก็ยังไม่รู้ “ 

 

 

ใบหน้าชราของอันหร่วนถึงกับระงับอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ นางยังคงถือเข็มดำเอาไว้ในมือ แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้ทูลตอบฮ่องเต้ อันหว่านจือก็ระเบิดคำพูดออกมาก่อนแล้ว 

 

 

” ฝ่าบาท เพราะอะไรพระองค์จะทรงทำเช่นนี้กับหม่อมฉันได้กัน? “ 

 

 

อันหว่านอยากจะตบปากของนางนัก นี่เป็นเพราะว่าตั้งแต่ยังเล็ก ตนตามใจนางมากไปแท้ๆ ….. 

 

 

จีเฉวียนพระสรวลเสียงเย็น ” เพราะว่าเจ้าเป็นบ่าวคนหนึ่ง หมัวมัว อายุมากแล้ว คงจะทนได้ไม่กี่ดาบ ในเมื่อนางมีบุญคุณเลี้ยงดูเจ้ามา เจ้าก็สมควรจะรับดาบแทนนาง ถือเป็นความกตัญญู “ 

 

 

อันหว่านจือพูดไม่ออกไปชั่วขณะ 

 

 

บ่าว……บ่าว……ในสายพระเนตร นางก็เป็นเพียงแค่บ่าวเท่านั้นหรือ? 

 

 

แม้แต่เส้นผมสักเส้นของตู๋กูซิงหลันก็ยังคงเทียบไม่ได้อย่างนั้นรึ! 

 

 

เพียงแค่จะแทงนางสักเข็มหนึ่ง ถึงกับจะเฉือนนางดาบหนึ่ง? 

 

 

คราวนี้ในใจของนางถึงกับเกิดความรู้สึกเหน็บหนาวเข้าไปถึงแก่นกระดูก สายตาสาดประกายเคียดแค้นออกมา 

 

 

ความอับอายที่ถูกดูถูกว่าเป็นเพียงบ่าวไพร่อยู่ตลอดหลายวันมานี้ก็ปะทุออกมา ” นังตู๋กูซิงหลันเป็นนังมาร ดูสิว่ามันยั่วยวนฝ่าบาทจนหลงใหลหัวปักหัวปำถึงเพียงไหนแล้ว? “ 

 

 

” พวกคนตระกูลตู๋กูก็ล้วนแต่มิใช่ตัวดี ฝ่าบาท หม่อมฉันทูลพระองค์ตามตรงเลยก็แล้วกัน ปีนั้นแม้แต่อดีตฮองเฮาก็ทรงสิ้นประชนม์ด้วยน้ำมือของพวกตระกูลตู๋กู แต่ว่าวันนี้พระองค์กลับทรงปกป้องหลานสาวของผู้ที่ฆ่าพระมารดาหรือ? ช่างน่าขำนัก! “ 

 

 

” อ๋อ พระองค์มิทรงทราบละมั้งว่า ยามที่อดีตฮองเฮาเริ่มทรงพระครรภ์ ทุกๆ วันต่างถูกคนวางยาพิษ เป็นยาพิษกำเริบช้า ที่ซึมซาบเข้าไปในร่างของพระนางอยู่ทุกๆ วัน ดังนั้นยามที่พระองค์ทรงประสูติออกมา พระนางถึงได้ตกพระโลหิตอย่างรุนแรง เพียงไม่กี่ปีก็ต้องสิ้นไป “ 

 

 

อันหว่านจือกล่าวออกมาจนหมดในลมหายใจเดียว ทั้งยังยืนขึ้นมาอย่างไม่กลัวตาย ” อดีตฮองเฮาทรงทราบพระองค์ดี แต่เพราะยามนั้นตระกูลตู๋กูมีอำนาจเทียมฟ้า จึงได้แต่ฝืนพระทัยกล้ำกลืนความทุกข์นี้ลงไป พอพระนางสิ้นไปแล้ว ท่านย่าของหม่อมฉันก็นำความลับนี้หนีไปอยู่เขาจงหลิง ตลอดหลายปีมานี้เพียงเล่าให้หม่อมฉันฟังแต่ผู้เดียว! “ 

 

 

นางหอบหายใจจนอกกระเพื่อม ท่าทางราวกับสูญเสียความมีเหตุผลไปหมดแล้ว ” ก็นังเสียนไท่เฟยอะไรนั่น มิใช่ว่ายังไม่ตายหรอกหรือ? หากว่าฝ่าบาทไม่ทรงเชื่อ ก็เรียกนางมาสอบความดูสิเพคะ ยาพิษที่ถวายให้กับฮองเฮา ล้วนเป็นนางส่งมาด้วยตนเองทั้งนั้น! พระองค์สมควรจะทราบว่า เสียนไท่เฟยนั่นกลายมาเป็นนางกำนัลประจำพระองค์ของอดีตไทเฮาได้อย่างไรกระมัง? “ 

 

 

” แม้ทุกวันนี้ท่านย่ากับหม่อมฉันมีใจจะปกป้องพระองค์ แต่ฝ่าบาทกลับทรงถูกนังมารนี้ปิดพระเนตร ช่างทำร้ายจิตใจของพวกเราเหลือเกิน! “ 

 

 

คำพูดของอันหว่านจือ พระสนมที่อยู่ในที่นั่นล้วนได้ยินอย่างชัดเจน แต่ละคนต่างเบิกตาโตขึ้นมา ตระหนกตกใจไปตามๆ กัน 

 

 

ฉางซุนฮองเฮาทรงถูกพวกตระกูลตู๋กูทำร้ายจนสิ้นพระชนม์? 

 

 

มิน่าเล่า…. นับตั้งแต่ฝ่าบาททรงขึ้นครองราชย์มาก็ทรงเป็นปรปักษ์กับตระกูลตู๋กู เดิมทียังเข้าใจว่าเป็นเพราะพระองค์ทรงโกรธแค้นที่ตระกูลตู๋กูเคยสนับสนุนอี้อ๋อง ที่แท้ก็เป็นเพราะมีเรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้น่ะเอง 

 

 

เรื่องเช่นนี้มัน…….เป็นปัญหาใหญ่เกินไปแล้ว 

 

 

อันหว่านจือรู้สึกสะใจยิ่งนัก นางคิดว่าในเมื่อเปิดเผยเรื่องนี้ออกมาแล้ว ต่อให้ฮ่องเต้จะทรงลำเอียงอย่างไร ก็ย่อมไม่อาจจะเข้าข้างอีกฝ่ายที่มีความแค้นฆ่าพระมารดาได้เป็นแน่