บทที่ 505: การทดสอบศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย 6

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

“90 วินาทีรึ นั่นเป็นไปไม่ได้”

 

เมื่อผู้คนที่นั่นได้ยินเงื่อนไขใหม่ของซูหยางสำหรับคนที่เคยเป็นศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยมาก่อนและต้องการที่จะคืนกลับมา พวกเขาต่างพากันรู้สึกสงสารสำหรับอดีตศิษย์เหล่านี้

 

ต้านทานเม็ดยาจิตมารเป็นเวลา 30 วินาทีก็ถือว่ายากพอแล้ว แต่พวกเขาในตอนนี้ต้องทนให้ได้นานถึงสามเท่ากว่าผู้เข้าร่วมคนอื่น

 

ในสายตาสำหรับคนเหล่านี้ ซูหยางมีเจตนาที่จะทำให้มันเป็นไปไม่ได้เพราะว่าเขาเองก็ไม่ต้องการให้อดีตศิษย์เหล่านี้กลับคืนสู่นิกาย ไม่ว่าอย่างไรก็ตามจินยูโบเกือบตายก่อนที่เขาจะสามารถอยู่ได้ถึงสามสิบวินาที

 

อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะดูเหมือนว่ามีโอกาสเพียงเล็กน้อย เหล่าอดีตศิษย์ต่างพากันโล่งอกที่รู้ว่าพวกเขายังได้รับโอกาสที่สองที่จะกลับมาเป็นศิษย์นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย

 

“90 วินาทีรึ นั่นค่อนข้างโหดร้าย” ซุนจิงจิงหัวเราะเบาๆ ข้างตัวเขา

 

“หือ เจ้าเองก็คิดว่าข้ากำลังรังแกพวกเขาด้วยสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อย่างนั้นรึ” ซูหยางเลิกคิ้ว

 

“เอ๋ ท่านคิดจริงรึว่าจะเป็นไปได้ที่มีใครสักคนที่สามารถอยู่ได้นานถึงสามสิบวินาที” เธอถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ

 

“ถ้าพวกเขายอมรับความผิดพลาดของตนเองและต้องการกลับเข้ามายังนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยจริงๆจากส่วนลึกของใจพวกเขา ก็ย่อมมิมีเหตุผลที่ทำไมพวกเขาจึงจะไม่สามารถทนได้ถึง 90 วินาที แม้ว่าจริงที่มันอาจจะมิใช่สิ่งที่ประสบความสำเร็จได้ง่ายๆแม้กระทั่งผู้ที่มีวิถีจิตอันแข็งแกร่งก็ตาม แต่นั่นย่อมไม่ยุติธรรมสำหรับผู้ที่เสี่ยงชีวิตเพื่อที่จะอยู่ในนิกายถ้าพวกเรายอมให้พวกเขากลับคืนมาง่ายๆ ใช่ไหม”

 

ข่าวที่นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยให้โอกาสที่สองแก่อดีตศิษย์นั้นแพร่กระจายไปเข้าหูของผู้ที่ทอดทิ้งนิกายไปในวันนั้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้อดีตศิษย์หลายคนปรากฏตัวเพื่อทำการทดสอบในวันต่อๆไป

 

บ้าแล้ว กระทั่งคนที่ไปเข้าสำนักอื่นก็ยังตัดสินใจที่จะแสดงตัวและใช้โอกาสของตนเองอีกครั้ง

 

ในวันที่ห้าของการทดสอบ ซูลี่ชิงสังเกตเห็นกลุ่มของสาวสวยอยู่ภายในฝูงชน และดวงตาของเธอก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ

 

กลุ่มของสาวสวยเหล่านี้ครั้งหนึ่งเคยทำงานที่ตำหนักโอสถกับเธอ และพวกเธอก็ยังเคยเรียกเธอว่าอาจารย์

 

และในเมื่อไม่มีคนมากนักที่ผ่านมาถึงการทดสอบที่สามได้ ซูลี่ชิงจึงออกมาจากเวทีชั่วขณะและตรงไปยังซูหยางและกล่าวว่า “ซูหยาง… ศิษย์ของข้า… พวกเธอก็มาที่นี่เช่นกัน…”

 

“หือ ศิษย์ของเจ้ารึ… เช่นนั้นเด็กสาวพวกนั้น” แน่นอนว่าซูหยางจำเหล่าศิษย์ที่ร่าเริงเหล่านี้จากตำหนักโอสถที่จะต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้มสดใสเสมอได้

 

“นี่อาจจะฟังดูเห็นแก่ตัวมาก แต่ว่าข้า…”

 

ก่อนที่เธอจะทันได้พูดจบประโยค ซูหยางก็พูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “ทำตามที่เจ้าต้องการ”

 

“เจ้าแน่ใจนะ…” เธอมองดูเขาจากนั้นก็มองไปที่โหลวหลานจีด้วยสีหน้าเป็นกังวล

 

“ถ้าซูหยางได้ให้สิทธิ์แก่เจ้าแล้ว ก็มิจำเป็นต้องตั้งคำถามอีกต่อไป” โหลวหลานจีพลันกล่าวขึ้น “แม้ว่าการตัดสินใจของพวกเขาในวันนั้นสร้างความผิดหวังให้แก่ข้าถึงที่สุด แต่ก็ใช่ว่าข้านั้นเกลียดพวกศิษย์ ยิ่งไปกว่านั้นในเมื่อพวกเธอเป็นศิษย์ของเจ้า ผู้อาวุโสหลาน ข้ามั่นใจว่าพวกเธอมิใช่ศิษย์ที่เลว ดังนั้นข้ายินดีที่จะยกโทษให้พวกเธอ”

 

“ข-ขอบคุณท่านผู้นำนิกาย” ซูลี่ชิงคำนับเธอก่อนที่จะเข้าไปหากลุ่มสาวสวยในฝูงชน

 

เมื่อฝูงชนสังเกตเห็นซูลี่ชิงตรงเข้าไปหาพวกเขา พวกเขาต่างก็พางกันงงงันเป็นอย่างมาก

 

อย่างไรก็ตามผู้คนที่นั่นต่างก็ไม่กล้าที่จะขวางทางเธอและสร้างเป็นช่องทางว่างเปล่าให้เธอเดินผ่าน

 

“อ-อาจารย์…”

 

เมื่อซูลี่ชิงได้มายืนอยู่ต่อหน้าของอดีตศิษย์ของเธอ พวกเธอทุกคนต่างก็พากันมองดูเธอด้วยสีหน้าละอายใจบนใบหน้าและไม่มั่นใจว่าควรจะกล่าวกับเธออย่างไร ราวกับกลุ่มของเด็กๆที่รู้ว่าตนเองทำผิดและกำลังจะเผชิญกับการดุด่า

 

“เอาล่ะ พวกเจ้ามีอะไรจะพูดเพื่อตัวเจ้าเองหรือไม่ อย่างน้อยก็ให้คำแก้ตัวกับข้าสักอย่างสองอย่าง” ซูลี่ชิงถามพวกเธอด้วยสีหน้าเยือกเย็น

 

“พ-พวกเรามิมีคำแก้ตัวใดๆ อาจารย์… พวกเราต่างพากันกลัวนิกายล้านอสรพิษและทุกคนต่างก็พากันจากไป ดังนั้นพวกเราจึงวิ่งหนีไปเช่นเดียวกับคนขลาด”

 

ซูลี่ลิงถอนหายใจเบาๆและกล่าวว่า “ พวกเจ้าเหล่าหญิงสาว มิใช่เพียงพวกเดียวที่กลัวในเมื่อตัวข้าเองก็ยังสั่นสะท้านเช่นกัน ดังนั้นข้าจึงเข้าใจความรู้สึกของเจ้า แต่อย่างไรก็ตามพวกเจ้าก็ได้สาบานตนที่จะปกป้องนิกายแม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตเมื่อตอนที่เจ้ากลายมาเป็นศิษย์ตั้งแต่แรกแล้ว”

 

“…”

 

เหล่าเด็กสาวต่างพากันเงียบในเมื่อพวกเธอไม่ต้องการที่จะทำให้สถานการเลวร้ายลงไปกว่านั้น

 

“พวกเจ้าเหล่าหญิงสาวต้องการที่จะกลับมาสู่นิกายหรือไม่” ซูลี่ชิงกล่าวกับพวกเธอ

 

บรรดาเด็กสาวต่างพากันพยักหน้าด้วยสีหน้าสับสน

“พวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้าสามารถทนเม็ดยาจิตมารได้ถึง 90 วินาทีหรือไม่” เธอถามพวกเธอ

 

“ร-เรามิรู้จนกว่าพวกเราจะพยายาม ถึงแม้ว่าโอกาสจะมีเพียงริบหรี่ พวกเราก็ต้องพยายาม”

 

ซูลี่ชิงถอนหายใจและกล่าวว่า “แม้ว่าพวกเจ้าจะมิรู้ตัว แต่ข้าก็เป็นหนี้พวกเจ้าไว้มากในการขออาสาสมัครทำงานที่ตำหนักโอสถเมื่อมิมีใครเลยต้องการทำงานที่นั่น และข้าก็มิเคยได้มีโอกาสในการขอบคุณพวกเจ้า”

 

“ข้าได้รับสิทธิ์จากผู้นำนิกายเรียบร้อยแล้วในการที่จะยอมให้พวกเจ้าหญิงสาวกลับคืนสู่นิกาย ดังนั้นจึงมิมีความจำเป็นสำหรับพวกเจ้าที่จะเข้าร่วมการทดสอบ”

 

“อ-อะไรนะ”

 

เหล่าเด็กสาวต่างพากันมองดูเธอด้วยสีหน้าตกตะลึง ดูเหมือนกับว่าไม่เชื่อ

 

“ครั้นเมื่อนิกายกลับมาคึกคักอีกครั้ง พวกเรายังคงต้องการคนทำงานในตำหนักโอสถ และข้าก็จักต้องการศิษย์จำนวนหนึ่งเพื่อช่วยข้า และมิใช่ว่าพวกเจ้าได้หลุดพ้นความผิดทั้งปวงแล้ว แน่นอนว่าข้าจักใช้งานพวกเจ้าให้ถึงแก่นเป็นการลงโทษ” ซูลี่ชิงกล่าว

 

“ข-ขอบคุณอาจารย์ พวกเราจักมิลืมหนี้บุญคุณครั้งนี้ตราบชั่วชีวิตของพวกเรา”

 

เหล่าเด็กสาวเริ่มร้องไห้กันทีละคนสองคน

 

“ข้ามิใช่คนที่พวกเจ้าควรจะขอบคุณ ถ้ามิใช่เป็นเพราะว่าคำอนุญาตของผู้นำนิกาย แม้กระทั่งข้าก็มิอาจจะช่วยพวกเจ้าได้ มากับข้าเพื่อทักทายผู้นำนิกาย”

 

เหล่าเด็กสาวพยักหน้าและติดตามซูลี่ชิงในขณะที่ผู้คนที่รายล้อมพวกเธอต่างพากันจ้องมองด้วยสายตาอิจฉา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าอดีตศิษย์

 

ครั้นเมื่อพวกเธอไปยืนต่อหน้าซูหยางและโหลวหลานจีแล้ว เหล่าเด็กสาวต่างพากันคุกเข่าบนพื้นและกล่าวด้วยเสียงอันดังชัดเจนว่า “ขอบพระคุณท่านผู้นำนิกายสำหรับความยินยอมที่มีต่อพวกเราเหล่าศิษย์ที่อสัตย์นี้ พวกเราจักมิทอดทิ้งนิกายอีกเป็นครั้งที่สอง และพวกเราจักพิทักษ์นิกายถึงแม้ว่านั่นจะต้องจ่ายด้วยชีวิตของพวกเราเองก็ตาม”