ซีเหมินจินเหลียนส่งลู่เฟยอวี๋เสร็จก็ส่ายหัวถอนหายใจออกมา ผู้หญิงทั้งสองคนนี้ไม่ใช่คนที่จะมาก่อเรื่องเคาะประตูอยู่หน้าบ้าน แต่กลับถูกเธอจัดการออกไปอย่างง่ายดาย? หรือเธอจะมีความสามารถพิเศษอะไร
ดูยังไงก็เหมือนฉากตลกในละคร แล้วเธอก็เป็นตัวละครตลกในนั้น
หลังจากส่ายหัวไปมา ซีเหมินจินเหลียนก็หันหลังเดินกลับไป เมื่อเห็นจ่านป๋ายกำลังเตรียมทำความสะอาดห้อง ซีเหมินจินเหลียนก็พูดว่า “เสี่ยวป๋าย คุณหยุดเลย ไม่ต้องขยับ!”
“อ้อ…” จ่านป๋ายยิ้มอย่างเก้ๆ กังๆ
ซีเหมินจินเหลียนหยิบที่โกยขยะมาจากเขา ก่อนที่เธอจะหัวเราะเมื่อเห็นจ่านป๋ายเตรียมตัวจะทำงานบ้าน แต่ตอนนี้เมื่อเธอเห็นเขาท่าทางงุ่มง่าม นั่นก็เสมือนเป็นบาปกรรมของเธอ ถึงจะไม่รู้ว่าประวัติของจ่านป๋ายเป็นอย่างไร แต่คนคนนี้น่าจะไม่เคยทำงานบ้านมาก่อน
บางคนเกิดมาก็เพื่อให้คนมาดูแล จ่านป๋ายเหมือนจะเป็นอย่างนั้น
เมื่อโกยเศษแก้วที่แตกละเอียดไว้ในที่โกยขยะเป็นที่เรียบร้อย ซีเหมินจินเหลียนเห็นจ่านป๋ายนั่งมึนงงอยู่ที่โซฟาเลยถามไปว่า “คุณเป็นอะไร”
“ไม่มีอะไรครับ” จ่านป๋ายยิ้ม
“จ่านป๋าย ไม่ใช่ว่าคุณจัดการผู้หญิงทั้งสองคนไม่ได้ เลยโทรมาหาฉันหรอกนะ?” ซีเหมินจินเหลียนรีดถามความจริงแล้วหัวเราะ
“ผม…” จ่านป๋ายไม่รู้จะพูดอะไร เขายอมรับว่าเขาตั้งใจ เมื่อเห็นว่าเธอกับฉินเฮ่าไปเดินเล่นด้วยกัน เขาก็ไม่สบายใจ ไม่มีข้ออ้างก็แล้วไป แต่ในเมื่อมีข้ออ้าง ถ้าไม่ให้เธอกลับมาก็ต้องโทษตัวเองแน่ๆ “ผมเป็นแฟนที่อยู่บ้านเดียวกันกับคุณ ผมเห็นคุณเดินไปเดินมากับผู้ชายคนอื่น ผมจะยังมีความสุขได้เหรอครับ”
“อะไรนะ?” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้น อยากจะยิงระเบิดจู่โจมไปยังเขา
“จินเหลียน ถ้าคุณอยากเล่นบท SM ผมก็ยอมเล่นเป็นเพื่อนได้นะ!” จ่านป๋ายเห็นนัยตาซีเหมินจินเหลียนคล้ายกับระเบิดจะลง เลยตั้งใจพูดประโยคนั้นออกมา
“หือ? SM?” ซีเหมินจินเหลียนไม่เข้าใจ มันคืออะไร?
“คุณอยากได้แส้หรือว่าเทียนดีครับ?” จ่านป๋ายถาม ขณะนั้นก็ถอยหลังอีกก้าวเพื่อความปลอดภัย
ซีเหมินจินเหลียนเข้าใจแล้วว่าเขากำลังพูดเรื่องอะไร เช่นนั้นจึงพยักหน้า “หรือว่าคุณก็มีงานอดิเรกเป็นสิ่งนี้? งั้นก็ดี คุณไปห้องใต้ดินเจียระไนหินให้ฉัน รอฉันทำความสะอาดห้องเสร็จ ฉันจะหาเชือกสักเส้นมามัดคุณไว้ แล้วลิ้มรสชาติของการหวดแส้”
“สำหรับการเจียระไนหิน ผมรู้สึกให้ความสนใจมาก!” จ่านป๋ายพูด “คุณอยากจะเจียระไนชิ้นไหน?”
“เอาชิ้นที่ใหญ่ที่สุดที่ซื้อจากบ้านผู้อาวุโสหูมาเจียระไนออกให้หมด หยกในงานประมูลที่ซื้อมาสองชิ้นอย่าเพิ่งแตะต้องนะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม
“ข้างในมีหยกสีเขียวมรกตเหรอ? อย่าทำให้ผมต้องเจียระไนแบบว่างเปล่านะ”
“ไม่มี!” ซีเหมินจินเหลียนไม่ทันได้คิดก็พูดออกมา หินหยกใหญ่ชิ้นนั้นมีแต่หยกสีเลือด ไม่มีสีเขียวมรกตอย่างที่บอกสักนิด
“ถ้าไม่มีแล้วจะให้ผมเจียระไนออกมาทำไมกัน” จ่านป๋ายบ่นพึมพำ “คุณกำลังแกล้งผม!” ปากก็พูดออกไป แต่ร่างกายก็เดินลงไปที่ห้องใต้ดิน
ซีเหมินจินเหลียนทำความสะอาดห้องเสร็จแล้ว เธอขึ้นไปอาบน้ำด้านบน แต่ยังอาบน้ำไม่เสร็จก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังเข้า เธอหยิบขึ้นไปดูเห็นว่าเป็นจ่านป๋ายโทรเข้ามา
“ฉันอยู่ที่บ้าน อย่าโทรมาไร้สาระแบบนี้ โทรฟรีหรือยังไง?” ซีเหมินจินเหลียนบ่นรัว
“ผมรู้ ผมเรียกคุณ คุณก็ไม่ตอบ เลยได้แต่โทรมา จินเหลียน คุณ…กำลังอาบน้ำอยู่เหรอ?” เสียงต้นสายได้ยินเสียงน้ำไหลเลยถาม
ใบหน้าซีเหมินจินเหลียนเหมือนกับถูกอบไอน้ำร้อนผ่าว “มีเรื่องอะไรว่ามา?”
“จินเหลียน หินหยกชิ้นนั้น” จ่านป๋ายมองไปทางหินหยกที่อยู่ตรงหน้า ไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกนี้อย่างไร
“เห็นสีเขียวมรกตแล้วเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนตั้งใจถามออกไป เธอแน่ใจว่าหยกก้อนนั้นไม่ใช่สีเขียวมรกตแน่ มีแต่สีแดงสดของหยกสีเลือด
“ไม่ใช่ครับ…” จ่านป๋ายตอบ
“ถ้างั้นคุณไม่มีเรื่องอะไร แล้วจะโทรหาฉันมาทำไม”
“ไม่ใช่สีเขียว แต่เป็นสีแดง สีแดงสด จินเหลียนคุณต้องชอบแน่ๆ”
ซีเหมินจินเหลียนตกอกดีใจ “จริงเหรอ? คุณรอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวฉันลงไปหา!” พูดไปเธอก็เร่งรีบตัดสาย เมื่อรู้ว่าเป็นหยกสีแดงก็เป็นข่าวที่ดี แต่พอตัดออกมาจริงๆ มันก็เป็นอีกเรื่อง
เปลี่ยนมาสวมใส่เสื้อหลวมสบาย ชุดนอนจากผ้าฝ้ายธรรมชาติทั้งตัว ซีเหมินจินเหลียนใช้ผ้าขนหนูผืนใหญ่เช็ดไปที่ผมที่เปียกโชกให้แห้งลง จากนั้นรีบลงไปยังห้องใต้ดิน
“จินเหลียน คุณรีบมาดูสิ สีช่างสดใสเหลือเกิน!” ห้องใต้ดินมีแสงสว่างเพียงพอ แต่จ่านป๋ายเกรงว่ายังเห็นไม่ชัดเลยหยิบไฟฉายขึ้นมาส่องประกอบฉากเพิ่ม
ซีเหมินจินเหลียนเดินเข้าไปดูใกล้ๆ เพราะว่าเธอบอกให้เขาเจียระไนหิน จ่านป๋ายก็เลยเจียระไนหินตามที่เธอสั่ง ไม่ได้ใช้อุปกรณ์ผ่าแต่อย่างใด ผิวของหินถูกเปิดออกเพียงแค่เล็กน้อย แต่สีแดงสดนั่นช่างสว่างไสวยิ่งนัก ราวกับเลือดสดที่ก็ไม่ปาน ต้องค่อยๆ เจียระไนออกมาถึงจะเห็น
สีแดงสดนั่นถูกแสงของไฟฉายส่องเข้าไปยิ่งทำให้สีสันสดใสมากขึ้น
ซีเหมินจินเหลียนยื่นมือไปสัมผัส หยกมีคุณสมบัติที่ละเอียดอ่อนเมื่อสัมผัสไปยังนิ้วมือก็ราวกับลงไปที่ก้นบึ้งขอหัวใจ ถึงจะรู้เป็นอย่างดีว่าต้องเป็นหยกสีแดงแน่นอน แต่เมื่อเห็นกับตาตัวเอง เธอก็ควบคุมจิตใจลำบากอยู่เอาการ
“สวยมากเลย!” ซีเหมินจินเหลียนเอ่ยชม
จ่านป๋ายพับแขนเสื้อขึ้นพยักหน้าแล้วพูดว่า “จินเหลียน คุณถอยไปก่อนครับ เพิ่งอาบน้ำเสร็จเดี๋ยวจะเลอะเอา เดี๋ยวผมจะเจียระไนออกให้หมดเลย” หยกแบบนี้ เขาไม่กล้ารับประกันความอันตราย จึงค่อยๆ ใช้เครื่องเจียระไนผิวให้เปิดออกมาทีละนิดยังจะดีกว่า
“ค่อยไปอาบอีกรอบก็ได้ มาฉันเอง!”
“อย่า…” จ่านป๋ายปฏิเสธ การเจียระไนต้องใช้กำลัง เรื่องแบบนี้ให้เขาจัดการเถอะ
เพราะว่าการดึงดันของจ่านป๋าย ซีเหมินจินเหลียนจึงหมดหนทาง ทำได้แค่ดู จ่านป๋ายเจียระไนไปพร้อมกับถามเธอว่า “จินเหลียน สีแดงนี่คุณตั้งใจจะทำอะไรครับ”
“แน่นอนว่าต้องทำเครื่องประดับแน่ แต่หยกนี้ชิ้นใหญ่ ถ้าหากเจียระไนผิวออกมาทำเครื่องประดับทั้งหมด คงจะเสียดายของแย่…” ซีเหมินจินเหลียนลูบคางแล้วหันไปมองหยกสีแดงก้อนนั้นอย่างพินิจพิเคราะห์
“ผมก็คิดแบบนั้น” จ่านป๋ายพูด “แต่ให้คิดตอนนี้ก็คิดไม่ออกว่าจะทำอะไร”
ซีเหมินจินเหลียนเพ่งมองไปที่หินหยกสีแดงชิ้นใหญ่นั่น ในใจก็เต้นแรงขึ้น ขมวดคิ้วถามจ่านป๋าย “จ่านป๋าย คุณว่าถ้าเอามันมาแกะสลักเป็นฐานรองนั่งดอกบัว จะดีไหม”
“ฐานรองนั่งดอกบัว?” จ่านป๋ายไม่เข้าใจ คิดอยู่สักพักถึงพูดว่า “เกรงว่านี่จะเป็นฐานรองนั่งดอกบัวที่หรูหราที่สุดในโลก แม้แต่พระพุทธเจ้ายังนั่งไม่ได้เลย”
“ฉันนั่งได้ก็พอแล้ว!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “คุณลองช่วยฉันดูว่าถ้าเอามาทำฐานรองนั่งจะสวยจริงไหม?”
“ตำนานกล่าวไว้ว่า ในนรกมีไฟแห่งความชั่วร้ายอยู่ในดอกบัวสีแดง สามารถเผาบาปที่ก่อเอาไว้ได้ทั้งหมด ถ้าอย่างนั้นฐานรองนั่งดอกบัวของคุณก็เรียกว่าไฟชั่วร้ายแห่งดอกบัวแดง!” จ่านป๋ายพูด สำหรับตำนานดอกบัวสีแดงในนรกที่เล่าขานกันมานี้ ย่อมเป็นเรื่องปลอมแปลงแต่งเติมขึ้นมา ไม่มีอยู่จริง เพียงแค่ถูกแต่งตั้งให้เป็นตำนานขึ้นเล่าขานต่อๆ กันมา