ส่วนที่ 4 ตอนที่ 29 ใครเป็นตัวละครนำของใคร

ความลับแห่งจินเหลียน

ซีเหมินจินเหลียนนวดขมับของตัวเองที่ปวดตุบๆ ทั้งหมดนี่มันเรื่องอะไรกัน? เดิมทีเธอคิดว่าบ้านของหวังหมิงเหยาก็ทำให้เกลียดเกินพอแล้ว แต่ตอนนี้กลับพบว่า คนเราเมื่ออยากไปจุดสูงสุด ไม่ว่าจะร่ำรวยหรือยากจน ไม่ว่าจะหญิงชายคนแก่หรือเด็กต่างก็ไม่มีความแตกต่าง 

 

 

“คุณทั้งสองคนมาที่นี้ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรเหรอคะ” ซีเหมินจินเหลียนถามเสียงใส 

 

 

ลู่เฟยอวี๋จ้องไปที่เธอ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ส่วนทางด้านอวิ๋นเจียได้แต่กอดฉินเฮ่าร้องห่มร้องไห้ไม่หยุด ร้องจนซีเหมินจินเหลียนรู้สึกหวาดผวา ราวกับว่าเธอเป็นผู้หญิงชั่วช้า แย่งแฟนของชาวบ้านก็ไม่ปาน 

 

 

“คุณอวิ๋นเจีย…” ซีเหมินจินเหลียนเดินเข้าไปประคองให้อวิ๋นเจียนั่งลงที่โซฟา 

 

 

ในที่สุดฉินเฮ่าก็ผ่อนคลายลงมา เดินไปนั่งที่โซฟาอีกฝั่ง ซีเหมินจินเหลียนหยิบกระดาษทิชชู่จากบนโต๊ะแล้วส่งให้อวิ๋นเจีย “ฉันรู้ว่าคุณตั้งใจมาหาฉัน” 

 

 

อวิ๋นเจียเงยหน้าขาวซีดนิดหน่อยขึ้นมา รูปหน้าสวยได้รูป ถึงจะร้องไห้จนสภาพดูไม่ได้ แต่เธอก็ยังคงความสวยไว้อยู่ ซีเหมินจินเหลียนคิดในใจว่า ไม่แปลกใจที่เป็นสาวแห่งเมืองเจียงหนาน สวยอย่างที่เขาว่ากัน! 

 

 

 “คุณกังวลว่าฉันจะแย่งฉินเฮ่าไปใช่ไหม?” ซีเหมินจินเหลียนถาม 

 

 

 อวิ๋นเจียเช็ดคราบน้ำตาที่อยู่บนใบหน้า ใบหน้าขาวซีดนั่นก็เริ่มแดงระเรื่อขึ้นมาแล้วก็พยักหน้าลง “ฉันมีแค่พี่ฉินคนเดียว นอกจากเขาแล้ว ฉัน…ก็ไม่เหลือใครอีกแล้ว…” 

 

 

ไม่รู้ว่าทำไม ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกเจ็บจี๊ดเหมือนมีอะไรมากระแทกใจ ภายในใจของหญิงสาวคนนี้ เหลือไว้ให้แค่ฉินเฮ่าคนเดียว ไม่มีเหลือให้ใครอื่นแล้ว ผู้หญิงประเภทนี้มักจะพบเจอแต่ความเสียใจ 

 

 

“คุณอวิ๋นคะ ฉันกับฉินเฮ่าเราเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ คุณลองดูสิ ฉันก็มีแฟนแล้ว!” พูดไปเธอก็เงยหน้าหันไปทางจ่านป๋าย 

 

 

อวิ๋นเจียมองจ่านป๋ายตามซีเหมินจินเหลียนแล้วพูดว่า “คุณหมายถึง จ่านป๋ายเหรอ?” 

 

 

“ค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า เวลานี้รู้แค่ว่าถ้าใช้จ่านป๋ายมาเป็นโล่กำบัง ช่างเหมาะสมที่สุดแล้ว “คุณดูสิ พวกเราอยู่ด้วยกันแล้ว หญิงชายสองต่อสองภายในบ้านเดียวกัน ฉันไม่พูดคุณคงเข้าใจ” 

 

 

จ่านป๋ายยังคงไม่ได้สติกลับมา เขารู้ว่าซีเหมินจินเหลียนกำลังใช้เขาเป็นโล่บังหน้า แต่ว่านี่ก็ตรงไปไหมนะ 

 

 

อวิ๋นเจียเงยหน้าไปมองเธอและพูดด้วยเสียงอ่อนแรง “จริงเหรอคะ?” 

 

 

“จริงแน่นอนค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “เมื่อกี้ฉันไปกินข้าวกับจ่านป๋าย และบังเอิญเจอเพื่อนอีกสองคน เขาเลยไปส่งเพื่อนฉันกลับบ้าน ส่วนพี่ฉิน เขาก็พาฉันไปแนะนำร้านซิ่วฟางของบ้านคุณให้รู้จัก” เธอพูดถึงเรื่องที่ไปซื้อเสื้อผ้าใหม่เล่าให้อวิ๋นเจียฟัง “คุณดูสิคะ ฉันยังสั่งตัดชุดโบราณที่ร้านคุณอีกสองชุด คุณต้องลดราคาให้ฉันยี่สิบเปอร์เซ็นต์นะคะ!” 

 

 

อวิ๋นเจียสายตาเหลือบไปมองถุงใส่ของร้านซิ่วฟางแล้วพยักหน้า “ขอโทษค่ะพี่จินเหลียน ฉันทำอะไรบุ่มบ่ามเกินไป!” 

 

 

ลู่เฟยอวี๋คิดในใจ ความสัมพันธ์ระหว่างซีเหมินจินเหลียนกับฉินเฮ่าต้องไม่ใช่เพื่อนทั่วไปแน่ สำหรับผู้หญิงแล้วถ้าเรื่องแค่นี้ยังมองไม่ออก ก็ถือว่าแพ้ราบคาบ 

 

 

เธอเพียงแค่ล้มเหลวในการทายใจของหลินเสวียนหลาน ส่วนเรื่องอื่นๆ เธอยังคงมั่นใจ อย่างไรฉินเฮ่าก็เห็นซีเหมินจินเหลียนไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดาคนหนึ่งแน่ๆ… 

 

 

อวิ๋นเจียจับมือของจินเหลียนอย่างอ่อนแรง “พี่จินเหลียนคะ รอให้ชุดโบราณทำเสร็จแล้ว ฉันจะให้คนมาส่งให้พี่ พี่ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเงิน ถือซะว่าเจียเจียชดใช้ให้กับพี่ พี่อย่าโกรธนะคะ” 

 

 

“ฉันไม่ได้โกรธค่ะ พี่ฉินเขาเป็นผู้ชายที่ดี คุณจะชอบเขาก็ไม่แปลก” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม บางครั้งโกหกแบบเจตนาดี กับผู้หญิงที่บอบบางยังกับสายน้ำเช่นนี้ นั่นก็ถือว่าเป็นการทำบุญ เธอเป็นเหมือนเจ้าหญิงที่อยู่ในทุ่งลาแวนเดอร์ เมื่อเจอเรื่องบนโลกที่เลวร้ายหรือจิตใจคนที่ต่ำช้าก็มักจะทำอะไรไม่ถูก เธอชอบฉินเฮ่าเลยคิดว่าฉินเฮ่าก็อาจจะชอบเธอ… 

 

 

ฉินเฮ่าได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมา เขารู้ว่าซีเหมินจินเหลียนแค่ปลอบใจอวิ๋นเจีย และยังรู้ว่าซีเหมินจินเหลียนก็ไม่ได้พูดผิด เพียงแค่ตอนที่เธอบอกว่าจ่านป๋ายเป็นแฟนของเธอ ทั้งสองอยู่บ้านเดียวกัน เขาก็รู้สึกอยากจะฉีกจ่านป๋ายออกมาเป็นชิ้นๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่าซีเหมินจินเหลียนพูดเป็นข้ออ้าง แต่ทำไมในใจของเขาถึงได้อึดอัดใจเช่นนี้? 

 

 

“คุณเจียเจีย ให้พี่ฉินไปส่งคุณกลับบ้านเถอะนะคะ นี่ก็ดึกมากแล้ว” ซีเหมินจินเหลียนพูดหว่านล้อมให้เธอกลับไป 

 

 

อวิ๋นเจียเงยหน้าขึ้นมองไปทางฉินเฮ่าอย่างน่าสงสาร ซีเหมินจินเหลียนก็มองไปทางเขา ฉินเฮ่าจึงได้แต่พยักหน้า เขาไม่ได้มองไปที่อวิ๋นเจียแต่กลับหันไปทางซีเหมินจินเหลียน เขาไม่สามารถให้อวิ๋นเจียอยู่ก่อเรื่องที่บ้านของเธอต่อไป เช่นนั้นจึงลุกขึ้นประคองอวิ๋นเจียเดินออกไปข้างนอก 

 

 

“จินเหลียน ขอโทษด้วยนะครับ” ฉินเฮ่าพูดขอโทษเธออยู่หน้าประตู 

 

 

“คุณขอโทษแทนคุณอวิ๋นเจียเหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม 

 

 

ฉินเฮ่ารู้สึกสับสน ทันใดนั้นก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา จะพยักหน้าก็ไม่ใช่ จะส่ายหัวก็ไม่ใช่ “ผมต้องไปส่งเจียเจียกลับบ้านแล้ว จินเหลียน ไว้เจอกันนะครับ!” 

 

 

รถเบนซ์สีบลอนเงินได้ขับออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับสาวงามแห่งเมืองเจียงหนาน 

 

 

ซีเหมินจินเหลียนหันหลังเดินเข้ามาในบ้าน เห็นภายในห้องรับแขกยังมีลู่เฟยอวี๋อยู่ ลู่เฟยอวี๋รู้สึกแปลกใจ ซีเหมินจินเหลียนพูดแค่สองสามประโยคก็ทำให้อวิ๋นเจียถอนทัพกลับไปได้ ความโง่เง่าบ้าคลั่งของอวิ๋นเจีย เธอเคยสอนให้กับเธอ เรียกได้ว่าเธอและอวิ๋นเจียก็เหมือนลงเรือลำเดียวกัน แต่ทำไมตอนที่อวิ๋นเจียกลับไปถึงไม่ทักทายบอกกล่าวเธอสักคำ 

 

 

ถึงจะรู้ว่าอวิ๋นเจียเป็นคนแบบนั้น ขอแค่มีฉินเฮ่าอยู่ด้วย เธอก็คิดว่าเขาเหมือนโลกทั้งใบ สายตาของเธอไม่มีที่ว่างให้กับใคร เพียงแต่วันนี้เธอรู้สึกไม่สบายใจและละอายใจ 

 

 

เมื่อเผชิญหน้ากับซีเหมินจินเหลียน เธอก็มีอะไรอยากจะพูด แต่ว่าไม่รู้ว่าจะปริปากออกมาอย่างไร เดิมทีคิดไว้ว่าจะอาศัยเวลาอวิ๋นเจียอาละวาดสักหน่อย อวิ๋นเจียเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลอวิ๋น ถึงเธอจะเป็นโรค ถึงเธอจะไม่มีอะไร แต่เธอก็ยังมีผู้สนับสนุนใหญ่ตระกูลอวิ๋นอยู่เบื้องหลัง ตระกูลอวิ๋นมีแค่ลูกสาวที่น่ารักเพียงแค่คนเดียว เลยรักเสมือนไข่ในหิน แน่นอนย่อมทนไม่ได้ที่จะเห็นเธอถูกกลั่นแกล้งรังแก 

 

 

ขอแค่ซีเหมินจินเหลียนรับโทษจากอวิ๋นเจีย ก็ไม่มีที่ยืนในเมืองเซี่ยงไฮ้อีกต่อไป เธอไม่มีแผนการอะไร แม้ว่าเธอจะแต่งงานกับใครก็เหมือนกัน ในที่สุดก็หลีกเลี่ยงไม่ได้กับการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ของครอบครัว สิ่งที่คาดหวังเอาไว้ บางครั้งก็ไม่สำคัญ 

 

 

แต่เธอก็ไม่อยากจะให้ซีเหมินจินเหลียนเป็นสาเหตุให้หลินเสวียนหลานเลิกกับเธอ 

 

 

เธอยิ่งไม่เข้าใจว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าก็เป็นเพียงแค่ผู้หญิงบ้านนอกธรรมดาคนหนึ่ง ไม่เคยเห็นโลกที่กว้างใหญ่ แต่ทำไมกลับมีลักษณะบางอย่างที่ทำให้คนใจเต้นแรงได้ 

 

 

“คุณลู่เฟยอวี๋คะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มและถามเธอไปว่า “คุณมาเป็นเพื่อนคุณอวิ๋นเจียหรือมาเพราะเรื่องของตัวเอง?” 

 

 

“เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมีคนมาช่วย ฉันมาเพื่อตัวเองอยู่แล้ว” ลู่เฟยอวี๋เงยหน้าขึ้นมาพูด “ในเมื่อคุณซีเหมินมีแฟนแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันก็สบายใจ” 

 

 

“นี่ก็ดึกแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่รั้งคุณให้อยู่ต่อไปแล้วนะคะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด 

 

 

“ฉันเตรียมตัวจะแต่งงานก่อนปีหน้า ถึงเวลานั้นจะเรียนเชิญคุณซีเหมินมาร่วมในวันงานด้วยนะ!” ลู่เฟยอวี๋ลุกขึ้นพูด 

 

 

“อืม ยินดีด้วยนะคะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มให้เธอ “ถ้าหากคุณลู่ต้องการเครื่องประดับหยก ก็สามารถมาดูที่ฉันได้นะคะ ราคาถูกกว่าในตลาดแน่นอน” 

 

 

“แน่นอนค่ะ!” ลู่เฟยอวี๋ยิ้ม เพียงแต่รอยยิ้มนั่นมีแต่ความเจ็บปวดและสิ้นหวัง หยก สมควรจะตายไปซะ ภายในใจของหลินเสวียนหลานก็มีแต่หยก… 

 

 

คนงามเหมือนหยก แต่คนงามก็ไม่ใช่หยก! เพราะฉะนั้นคนงามก็ไม่สามารถเข้าไปในใจแทนที่ของหยกนั่นได้ หยกบ้าแกสมควรตายจากไป… 

 

 

อีกทั้งซีเหมินจินเหลียน ไม่ใช่แค่คนสวยอย่างเดียว เธอยังมีหยก! 

 

 

สายตาของลู่เฟยอวี๋มองไปที่ข้อมือของเธอที่สวมใส่กำไลประกายดาวไว้ แสงระยิบระยับนั่นสะท้อนไปที่ผิวสีขาวใสของเธอ เปล่งประกายแพรวพราว คนสวยเหมือนหยกจริงๆ ด้วย! 

 

 

หยกชั้นดี ก็ไม่ใช่แค่ใช้เงินจ่ายมาก็สามารถครอบครองได้ จากประโยคที่เคยได้ยินบ่อยๆ ว่า ทองคํามีราคามาตรฐาน แต่หยกไม่มีราคามาตรฐาน หยกที่ไม่มีราคามาตรฐานตายตัวนี้ กลับมีแรงดึงดูดเขาอย่างไร้ขีดจำกัด แต่อย่างไรเธอก็ไม่ได้มีเงินมากมายที่จะซื้อหยกที่ไม่มีราคาตายตัวเช่นนี้… 

 

 

หรือว่าเธอควรจะปล่อยวาง? ทายใจผู้ชายคนนั้นมันช่างเหนื่อยเหลือเกิน ขมขื่นเหลือเกิน แต่ภายนอกของเขาเป็นผู้ชายสุภาพอ่อนโยน ใครจะไปรู้จิตใจของเขาคิดอย่างไรกันแน่? หลายปีที่ผ่านมานี้ อาการไม่รู้ร้อนรู้หนาวของเขาก็ทำให้เธอเจ็บใจอยู่ตลอด 

 

 

“คุณซีเหมิน ในฐานะเจ้าของบ้าน คุณก็ไม่คิดจะออกไปส่งฉันหน่อยเหรอคะ?” ลู่เฟยอวี๋เดินออกไปหน้าประตูเรียบร้อย จากนั้นรีบหันกลับมาถามไปยังซีเหมินจินเหลียน 

 

 

ซีเหมินจินเหลียนได้แต่สับสน แต่ก็ยังเดินไปส่งที่หน้าประตู ลู่เฟยอวี๋มองไปที่จ่านป๋ายที่จับมือเธออย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับเพื่อนสนิทกัน เลยเดินออกไป 

 

 

เมื่อเดินไปถึงสวนข้างหน้า ลู่เฟยอวี๋ก็หยุดฝีเท้าลงถามว่า “ผู้ชายคนนั้น ไม่ใช่แฟนคุณใช่ไหม?” 

 

 

ซีเหมินจินเหลียนทำได้แค่ยิ้มกลับไป ใช่ไม่ใช่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ เธอไม่ใช่คนที่เธอสนิทอะไรสักหน่อย? 

 

 

 “ถึงฉันไม่รู้ว่าหลินเสวียนหลานเป็นอะไรสำหรับคุณ แต่ฉันรู้ว่าอย่างน้อยคุณก็ใส่ใจเขา ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่เกลียดหวังเซียงฉินขนาดนั้น มันไม่เหมือนลักษณะนิสัยของคุณ!” ลู่เฟยอวี๋ยิ้มอย่างเจ็บปวดเคียดแค้น ภายใต้รอยยิ้มแฝงไปด้วยความสิ้นหวัง 

 

 

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจเบาๆ “คืนวันนั้นฉันกับแฟนเลิกกัน รักขื่นขมมาสามปี สุดท้ายก็เลิกกันแบบไม่ไยดี แม้แต่ประโยคสักประโยคยังไม่พูดออกมา ความรู้สึกของมนุษย์บางครั้งไม่ตรงกับความเป็นจริงที่แสนโหดร้าย คืนวันนั้นฉันรู้สึกว่าฉันไม่เหลืออะไร เหมือนโลกทั้งใบทิ้งไว้ให้ฉันอยู่คนเดียว…” 

 

 

ไม่รู้ทำไมซีเหมินจินเหลียนรู้สึกว่าในใจเธอรู้สึกปิดกั้น ในใจของเธอมีร่องรอยของเขาเหลือไว้อยู่อย่างนั้นเหรอ? ถ้าไม่มีเขาเธอก็ยังใช้ชีวิตอย่างมีความสุข อย่างน้อยตอนที่เธอได้ยินเรื่องที่ลู่เฟยอวี๋จะแต่งงาน เธอก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไร ชีวิตคนก็เหมือนเกม ทุกคนล้วนอยู่ในนั้น เพียงแค่ใครเป็นตัวละครนำก็แค่นั้น 

 

 

เธอไม่ใช่ของเขา เขาก็ไม่ใช่ของเธอ เขาจะแต่งงานกับใคร ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอเลยสักนิด 

 

 

เพียงแต่ฤดูใบไม้ร่วงช่วงแรกของพลบค่ำที่ฝูงนกโผบินกลับรังกันอลหม่าน ความรู้สึกของเธอรู้สึกสับสน ไม่สามารถหาหนทางระบายออกมาได้ เธอเพียงแค่ต้องการหาคนที่สามารถเข้าใจเธอ และพร้อมจะรับฟังเธอ ถึงแม้ลู่เฟยอวี๋ไม่ใช่คนที่เธอคิดไว้… 

 

 

“เขาทำร้ายฉัน และพาฉันมาเดิมพันหยกด้วยกัน จากนั้นก็เปลี่ยนชีวิตของฉันทั้งหมด!” ซีเหมินจินเหลียนพูดอย่างสงบนิ่ง “ฉันกับเขาเป็นเพื่อนกันทั่วไป ก็เหมือนฉันกับคุณ บางทีแค่เพื่อนกันก็อาจไม่จำเป็นต้องพูด”