บทที่ 4 บทที่ 36 งานประมูลอีกงานหนึ่ง

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

บทที่ 36 งานประมูลอีกงานหนึ่ง โดย Ink Stone_Fantasy

 

วิคก้าย่อตัวลง เคลื่อนไหวไปตามใต้โต๊ะที่ใช้วางอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ ด้านข้างโถงจัดงานเลี้ยง

เขารู้สึกว่าถึงแม้จะทำแบบนี้ก็ไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย ด้วยเหตุนี้เขาจึงแอบยัดจานสีเงินใบหนึ่งไว้ใต้ชุดของตัวเอง

“แบบนี้มันช่วยได้เหรอ?” เวร่าที่อยู่ข้างๆ มองค้อน

วิคก้าพูดอย่างรวดเร็วว่า “มือถือโนเกียไม่ได้ผลิตมานานแล้ว ยังไงเอาอันนี้ไปด้วยก็ดีกว่าไม่มี…เจ้าพวกตระกูลดีคาปี้นี่บ้าไปแล้วหรือยังไง?”

เวร่าชะโงกหัวออกไปมองแวบหนึ่ง แล้วพูดรัวๆ ว่า “พวกเขาบ้าหรือเปล่าฉันไม่รู้ ฉันแค่รู้ว่านายนั่นแหละบ้า นึกไม่ถึงว่าจะซื้อชุดแบบนี้ให้ฉันใส่ นายรู้หรือเปล่าว่าลำบากขนาดไหน?”

“อ้อ ครั้งหน้าผมจะระวัง…ไม่สิ มันจะไม่เกิดขึ้นอีก!”

ตอนนี้เวร่ากลับขมวดคิ้ว ในช่วงโกลาหล เธอมองเห็นคนที่สาดเหล้าใส่ภาพ ‘สุภาพสตรีนิรนาม’ คนนั้นนั่งลงแล้ว…

ตรงโต๊ะที่เขานั่ง มีคนที่ดูสุขุมเด่นชัดสองคนนั่งอยู่ตั้งนานแล้ว “พวกคุณเองเหรอ?”

เวร่าพูดขึ้นอย่างงงงัน

วิคก้าที่ไม่กล้ายื่นหัวออกมา ก็ได้แต่ถามอย่างตื่นเต้นว่า “พวกเขาพวกเธออะไรกันเหรอ?”

เวร่าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงย่อตัวลงมาถอดรองเท้าส้นสูง จากนั้นก็ฉีกชายกระโปรงยาว แหวกออกจนเกือบถึงสุดขาอ่อน ก่อนมองวิคก้าแวบหนึ่ง “อาวุธของนายล่ะ?”

“อ้อ! ใช่ๆ อาวุธของผม!” วิคก้ารีบล้วงเสื้อผ้าที่อยู่บนตัว “หาเจอแล้ว!”

สิ่งที่สองมือเขาล้วงออกมาอย่างร้อนรนคือ…รีโมต!

เหมือนจะรู้ตัวแล้วว่าของที่ตัวเองหยิบออกมาดูค่อนข้างแย่ วิคก้าเลยรีบยัดกลับไปในเสื้อหลายครั้งอย่างยากลำบาก แล้วถึงได้ล้วงปืนพกสั้นๆ กระบอกหนึ่งออกมา ขนาดใหญ่ไม่ถึงฝ่ามือเลยด้วยซ้ำ

“เป็นไงล่ะ! อันนี้ไหวไหม?”

เวร่าถอนหายใจ แล้วยื่นมือมาคลำหาถาดเหล็กอีกถาดบนโต๊ะ ก่อนส่งไปถึงมือของวิคก้า เธอพูดราวกับอวยพรว่า “ผู้บุกเบิกการปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่อย่างวลาดิเมียร์จะปกป้องนายเอง”

“ผมไม่เคยไปจตุรัสเลนิน่าเพื่อแสดงความรำลึกถึงเขาเลยนะ! เวร่า เวร่า เว…”

ฉับพลันนั้นเวร่าก็กลิ้งม้วนตัวออกไปจากที่นี่

แต่วิคก้าไม่กล้าออกไปจากตรงนี้ เขาคิดว่าถึงแม้เวร่าจะให้ถาดเหล็กเขาอีกถาดก็ยังไม่ปลอดภัยอยู่ดี

ดังนั้นเขาจึงหยิบเพิ่มอีกถาด แล้วยัดทั้งสามถาดไว้ด้วยกันในเสื้อ

เขาคิดว่าตัวเองฉลาดโครตๆ เลย!

“ทำไมถึงรู้สึกสนใจเรื่องพวกนี้?” ยูริพูดถามพร้อมกับมองอีกฝ่ายทันที

คนที่ใส่หน้ากากตัวตลกตรงหน้าแย้มยิ้ม ยูริจึงอดคิดบางอย่างไม่ได้ ว่าคำพูดต่อไปของเจ้าของสมาคมต้องเป็นการล้อเขาเล่นแน่

“นั่งอยู่ในที่อุ่นๆ ฟังเรื่องเศร้าชวนให้หดหู่จับใจ ได้รู้สึกถึงความหนาวเหน็บชวนทอดถอนใจอยู่หน้าเตาผิง…” ลั่วชิวพูดช้าๆ “นี่เป็นคำพูดที่คุณยูริพูดไว้ก่อนหน้านี้ ผมคิดว่ามันดีมากเลย”

นี่จะพูดล้อกันจริงๆ ใช่ไหม? แถมยังใช้คำพูดที่เขาเคยพูดเอาไว้อีก…แต่ยูริกลับไม่ได้รู้สึกโกรธ บางทีในใจของเขาอาจจะเชื่อว่า ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้ใช้คำพูดติดล้อเล่น ก็จะไม่ใช้วิธีนี้มาทำให้ความปรารถนาของตัวเขาเป็นจริง

“ผมยังไม่รู้จักชื่อของคุณเลย” ยูริส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วก็หัวเราะเยาะตัวเอง

ในขณะเดียวกันเขาก็ดูสถานการณ์รอบๆ ตัว ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่และอันตรายแบบนี้ คนธรรมดาคงจะหวาดกลัว แต่เขาคิดว่าตัวเองไม่ได้กลัว

เขารู้แค่ว่าชีวิตตัวเองไม่ยืนยาว แล้วเขาก็รู้ว่าตัวเองได้ตายไปแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นทุกวินาที ทุกนาทีที่ผ่านไป เหมือนว่าไม่มีเรื่องไหนที่น่ากลัวอีกแล้ว

แต่เขายังไม่ทันได้คำตอบจากอีกฝ่าย ก็มีเสียงคุ้นเคยเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นระหว่างการสนทนาของเขาและเจ้าของสมาคม

ยูริรู้สึกว่ากำลังมีคนกดบ่าของเขาไว้อย่างรวดเร็ว แล้วใช้มือล็อกคอของเขาเอาไว้ไม่ให้ขยับเขยื้อนได้

ไม่แน่นมากแต่ก็ไม่ได้หลวม เป็นการรัดแน่นๆ เหมือนแค่มาขู่เท่านั้น

ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกได้ว่าถูกของเย็นๆ จ่อเอาไว้ที่ขมับของตน

“หยุดการกระทำของคุณเดี๋ยวนี้…ก่อนจะสายเกินแก้”

คนที่ล็อกคออยู่ด้านหลังยูริ ก็คือแอนนานี่เอง

ยูริกลับหลับตาลง ด้วยคิดจะลบรอยยิ้มของหน้ากากตัวตลกตรงหน้าออกไปจากสมองของเขา ในขณะเดียวกันก็พูดว่า “แอนนา คุณไม่คิดจะดูหน่อยเหรอ ว่าผมเป็นใคร?”

“คุณเป็นใคร?”

แอนนาขมวดคิ้วแน่นตอนที่ถูกเรียกชื่อตรงๆ

ยูริพูดอย่างเฉยเมยว่า “ผมถอดหน้ากากออกแล้ว คุณแค่ดูแป๊บเดียวก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ?”

ยูริยืนขึ้น ยื่นมือไปตบข้อมือของแอนนาที่ล็อกคอเขาไว้เบาๆ “ทำตัวสบายๆ หน่อย คุณเป็นผู้หญิงที่ใจเย็น มั่นใจ และสวยที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น ทำไมต้องใช้ความน่าเกลียดแบบนี้มาทำลายความสวยของคุณล่ะ?”

แอนนาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงมองรอบๆ เธอพบว่าตั้งแต่เธอเริ่มจับตัวเจ้านี่ไว้ พวกที่ใส่ชุดสีขาวพวกนั้นก็ยั้งมือ อีกทั้งยังทยอยเข้ามาใกล้เธอ

ทันใดนั้นสถานการณ์การยิงกันในโถงจัดงานเลี้ยงก็หยุดชะงัก

แอนนาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง หลังจากปากกระบอกปืนย้ายจากขมับไปที่หลังหัวของอีกฝ่าย เธอก็พูดเสียงทุ้มต่ำว่า “คุณหันมาได้แล้ว”

ยูริหันตัวมา

ตาของแอนนาพลันเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย แล้วอ้าปากค้างทันที

ยูริยกมือทั้งสองข้างของตัวเองให้สูงขึ้นเล็กน้อย ผิวปากหนึ่งครั้งแล้วพูดด้วยเสียงเบาๆ ว่า “แอนนา คุณดูสิ ผมทรยศถูกไหม? ทำไม จำผมไม่ได้แล้วเหรอ? หรือจะบอกว่าแค่โกนหนวดเครา คุณก็ลืมหน้าตาของผมไปแล้ว? เมื่อก่อนคุณไม่ได้ช่วยผมโกนหนวดเคราเหรอ?”

“เป็นไปไม่ได้…”

แอนนาพูดเบาๆ อย่างหวาดกลัว แต่นิ้วมือของเธอเกือบลั่นไกปืนไปโดยสัญชาตญาณแล้ว!

ชู่*!*

ทว่ามือของเธอกลับเจ็บขึ้นอย่างรุนแรงทันที มีดเล็กแวววับเล่มหนึ่งปักอยู่ที่หลังมือของเธอ…จนเกือบจะแทงทะลุหลังมือเธอไป!

แอนนาร้องโอดครวญ ปืนหล่นลงพื้น แล้วผู้ชายในชุดสูทสีขาวคนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาใกล้ ก่อนกดแอนนาลงบนพื้น จากนั้นก็จับข้อมือทั้งสองของเธอมาไพล่ไว้ด้านหลัง กำราบเธอได้โดยสิ้นเชิง

“ท่านครับ เมื่อครู่ทำแบบนั้นอันตรายมากนะครับ”

หลังจากพ่อบ้านชราขยับชุด และคลุมมีดเล่มเล็กที่เสียบอยู่ตรงเอวนั้นเรียบร้อยแล้ว ก็เดินไปข้างๆ ยูริ ก่อนขมวดคิ้วพูด

ยูริตะลึงค้าง เขาคาดไม่ถึงว่าชายชราคนนี้จะคล่องแคล่วว่องไวมาก เขาได้แต่ส่ายหน้า แล้วเดินไปข้างหน้าแอนนาที่มองเขาอย่างหวาดกลัว

เขายื่นมือไปลูบไล้หน้าของเธอ แล้วพูดเบาๆ ว่า “ผมกลับมาแล้ว…คุณบอกว่าคุณจะไม่ลืมผม ตอนนี้จำแม่นเลยหรือเปล่า”

แอนนาส่ายหน้าเล็กน้อยอย่างไม่อยากเชื่อ…เป็นเขาจริงๆ ยูริที่มีพรสวรรค์ด้านวาดรูป แต่กลับยากจนระหกระเหินอยู่บนท้องถนนคนนั้น

เขา…เป็นคนตระกูลดีคาปี้ได้อย่างไร?

ที่สำคัญก็คือ ทำไมเขายังไม่ตาย?

“ท่านครับ จัดการสองคนนี้ยังไงดีครับ?”

ทันใดนั้น ก็มีเสียงของลูกน้องประจำตระกูลดีคาปี้ดังขึ้นจากด้านหลังยูริ เขาหันตัวกลับไปมองก็เห็นลูกน้องกำลังจ่อปืนใส่เจ้าของสมาคมที่มอบทุกอย่างนี้ให้กับตัวเขา

“หัดเกรงใจกันหน่อย สองท่านนี้เป็นเพื่อนคนสำคัญของฉัน” ยูริโบกมือ

ปังๆๆๆๆ*!*

เขารับปืนมาจากมือเอดการ์ ก่อนยิงสาดกระสุนไปทางฝ้าเพดานจนหมด แล้วเริ่มพูดสิ่งที่ชวนให้คนตกใจว่า “ฟังนะ สองวันให้หลังผมจะจัดการประมูลภาพ ‘สุภาพสตรีนิรนาม’ ขึ้นจริงๆ! เรื่องวันนี้ที่ทำให้พวกคุณทั้งหมดต้องตกใจ ผม!ยูริผู้สืบทอดตระกูลดีคาปี้จะชดเชยให้อย่างงาม!”