บทที่ 37 เวร่าที่กัดนิ้วมือ โดย Ink Stone_Fantasy
การประมูลภาพ ‘สุภาพสตรีนิรนาม’ ที่แท้จริง?
ตอนที่ยูริพูดประโยคนี้ออกมา พวกนักสะสมที่ได้รับเชิญมาก็พากันตกใจ ไม่ได้น้อยไปกว่าตอนที่เขาสาดเหล้าบนเวทีเมื่อกี้เลย ถึงขนาดตกใจมากกว่าเดิมอีก
ส่วนการต่อสู้ยิงปืนที่เพิ่งเกิดขึ้นล่ะ?
ก็คงเหมือนเรื่องสัพเพเหระสำหรับคนพวกนี้ ไม่ได้มีอะไรน่าแปลกใจเลย
“ยังมีภาพ ‘สุภาพสตรีนิรนาม’ ภาพที่สองเหรอ?หรือว่าภาพที่คุณเพิ่งทำลายไปเมื่อกี้นี้เป็นภาพปลอมจริงๆ?”
ในเมื่อเจ้าบ้านี่เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของตนออกมาแล้ว แถมยังทำท่าชิวๆ อีก ผู้คนย่อมเชื่อคำพูดของเขาสนิทใจ
เขาแค่ดื่มเหล้าไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง ไม่ได้เสพกัญชาแล้วสติเลอะเลือน คงไม่ถึงกับเอาชื่อเสียงของทั้งตระกูลมาล้อเล่นที่นี่หรอก
“เกิดอะไรขึ้น? F&C เป็นคนเอาภาพมา งานประมูลนี้เขาก็เป็นคนริเริ่ม…แต่ว่าภาพกลับเป็นของปลอม แถมมาอยู่ในมือคุณอีก? โอ๊ย ผมสับสนไปหมดแล้ว!”
“เป้าหมายของทุกท่านก็แค่ต้องการภาพนั้นเท่านั้น ส่วนระหว่างนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทุกท่านสนใจจริงๆ เหรอครับ?” ยูริกลับย้อนถามอย่างใจเย็น อีกทั้งยังพูดต่ออีกว่า “ส่วนภาพ…สองวันให้หลัง พวกคุณจะได้เห็นแน่ ส่วนสถานที่ เดี๋ยวคุณพ่อบ้านของผมจะบอกพวกคุณเอง”
หลังจากยูริป่วนงานประมูลนี้อย่างกับคนบ้าแล้ว ตอนนี้เขากำลังโค้งคำนับต่อหน้าฝูงชนด้วยลักษณะไม่คล้ายกับผู้มีอิทธิพลเลยสักนิด “อย่างนั้นขอตัวลาทุกท่านนะครับ…”
เขาหันตัวเดินไปทางประตูเพียงก้าวเดียวเท่านั้น ก็หันตัวกลับมาทันที เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ “ใช่แล้ว ผมกำชับคนของผมเอาไว้แล้ว ให้โฟกัสเฉพาะฝ่ายจัดงานประมูลครั้งนี้เท่านั้น พวกคุณดูสิ คนของผมบาดเจ็บไปไม่น้อยเลย ส่วนคนของพวกคุณเหรอ เหมือนยังดีๆ อยู่เลย ผมเลยคิดว่า ทุกท่านคงไม่ทำให้ผมลำบากใจหรอกล่ะมั้งครับ?”
พูดไปก็ไม่สนใจสีหน้าของบรรดาแขกในงาน ยูริพยักหน้าให้ลูกน้องที่สวมชุดสูทสีขาวทั้งหลาย ซึ่งหนึ่งในนั้นฟาดสันมือไปที่หลังคอของแอนนา หลังจากแอนนาสลบไปแล้วถึงพาเดินจากไปพร้อมกับยูริ
“ขออภัยจริงๆ ที่ทำลายบรรยากาศสนุกสนานของทุกท่าน สองวันหลังจากนี้ พวกเราจะต้องต้อนรับทุกท่านอย่างดีแน่นอน” คุณพ่อบ้านเอดการ์ทำหน้าที่เน้นย้ำ
ถึงแม้ว่าน้ำเสียงตลอดจนการกระทำล้วนดูสมบูรณ์แบบ แต่กลับเป็นการพูดด้วยท่าทางแข็งกร้าว
“ส่วนเรื่องสถานที่…”
เอดการ์พูดที่อยู่แห่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว ทั้งยังยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ว่ายังไง ตระกูลดีคาปี้ก็ยังยินดีอย่างยิ่งที่จะคบหากับทุกท่าน”
และในตอนนี้เอง ลูกน้องในชุดสูทสีขาวสามคนกลับชี้ปืนไปทางเด็กเสิร์ฟสองคน แล้วนำตัวไปอยู่ข้างๆ เอดการ์ “สองคนนี้หลบอยู่บนเครนทำความสะอาดกระจกด้านนอกตลอดเลยครับ…”
เขาเดินไปข้างๆ เอดการ์ ก้มหน้าพูดเสียงเบาๆ ว่า “เป็นตำรวจครับ”
สายตาของเอดการ์หรี่ลงเพื่อมองสังเกตเยียร์เกอร์และวิคเตอร์เล็กน้อย เขาพบว่าตอนนี้ตำรวจทั้งสองที่ไม่รู้ว่าลอบเข้ามาได้อย่างไรกลับมีท่าทีสงบเยือกเย็น
พวกเขาคงจะรู้ว่าการพูดหรือทำอะไรที่มากเกินไป ย่อมทำให้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายยิ่งขึ้น
“เอาตัวไปก่อน อย่าตีโพยตีพายไป”
เอดการ์พูดอย่างเฉยเมย และยังคงรักษาความใจเย็นเอาไว้…พ่อบ้านผู้อาวุโสคนนี้ยังดูมีทีท่าเหมือนบอสใหญ่ยิ่งกว่าใครบางคนเสียอีก เขามองทุกคนแวบเดียว พร้อมทำความเคารพตามมาตรฐาน “เช่นนั้นผมขอตัวก่อนนะครับทุกท่าน”
…
“ไม่เข้าท่า! เฮอะ!!”
หลังจากคนตระกูลดีคาปี้ออกไปหมดแล้ว ชายร่างใหญ่คนหนึ่งในมุมหนึ่งของงานเลี้ยง ก็ตบโต๊ะอย่างแรง “ตระกูลดีคาปี้! ไม่ใช่แค่ไอ้หนุ่มที่ขายอาวุธเป็นอย่างเดียวเหรอ มีอะไรดี! ฮึ!”
ถึงแม้จะพูดแบบนี้ แต่ว่าชายร่างใหญ่ก็เหมือนไม่ได้คิดจะอยู่ที่นี่ต่อ จึงโบกมือแล้วออกจากโถงจัดงานไปพร้อมกับคนของตัวเอง
พอแขกที่เหลือก็มองดูชายร่างใหญ่คนนี้จากไป ต่างก็พากันทยอยออกจากที่นี่ไปโดยไม่พูดไม่จา อย่าล้อเล่นน่าหลังเกิดเหตุการณ์ยิงกันที่นี่ไปแล้วย่อมไม่สามารถอยู่ในที่เกิดเหตุได้ ยิ่งอยู่ห่างๆ ความยุ่งยากก็ยิ่งน้อยลง
ตอนนี้คนของทางเยฟิมไม่กล้าทำอะไรส่งเดช หลังจากแอนนาถูกนำตัวไปแล้ว ลูกน้องอีกคนก็เข้าควบคุมงานแทนทันทีด้วยคำสั่งของเยฟิม
เยฟิมไม่ได้เจตนาจะล่วงเกินแขกที่ไม่พอใจอีก จึงไม่ได้คิดขวางทางแขกเอาไว้
เหมือนไม่มีใครสังเกตเห็นโต๊ะที่เงียบมากๆ โต๊ะนั้น…บางทีพวกเขาอาจจะสังเกตเห็นแล้ว เพียงแค่ไม่ได้คิดว่ามีอะไรผิดปกติ
“ประมูลภาพ ‘สุภาพสตรีนิรนาม’ ที่แท้จริง” ตอนนี้ลั่วชิวกำลังมองไปนอกหน้าต่างที่ลูกกระสุนทำให้แตกกระจายไปหมด
ครั้งนี้ลั่วชิวไม่ได้ทำอะไร แต่เขากำลังรอดูว่ายูริในฐานะลูกค้าคนใหม่ จะเดินไปสู่จุดจบแบบไหน เหมือนเป็นสิ่งที่ไม่อาจคาดเดาได้
ลั่วชิวเหม่อลอยอยู่แบบนี้พักหนึ่ง แล้วเขาก็ยื่นมือไปเคาะโต๊ะเบาๆ จากนั้นก็พูดอย่างเฉยเมยว่า “ยังคิดไม่ออกอีกเหรอครับ? พวกเราจะไปแล้ว”
เงาคนคนหนึ่งคลานออกมาจากใต้โต๊ะที่ผ้าคลุมเปิดออกนี้
ผู้หญิงคนนี้ต่างกับตอนที่เห็นก่อนหน้านี้เล็กน้อย เธอฉีกกระโปรงยาวของตัวเองออกไปแล้ว กระโปรงยาวขาดวิ่น แต่กลับมีความรู้สึกที่ลงตัวยิ่งกว่าเดิม
เวร่ามองดูโถงจัดงานก่อนแวบหนึ่ง เธอพบว่าทั้งโถงจัดงานไม่มีใครอยู่สักคนเดียว นอกจากคนสองคนที่อยู่ตรงโต๊ะนี้…อืม รวมเธอด้วยก็เป็นสามคนถึงจะถูก
เธอนั่งลงบนโต๊ะทันที สองมือค้ำไปด้านหลัง อยู่ในท่าอกผายไหล่ผึ่ง “หาฉันเจอตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ?”
“ความจริงผมก็แค่ลองเคาะดู”
เธอไม่คิดเลยว่า เจ้าของสมาคมจะพูดประโยคที่คาดไม่ถึงแบบนี้
ลั่วชิวทำไม้ทำมือแล้วพูดว่า “ไม่เคยดูหนังเหรอครับ?คนที่อยู่เป็นคนสุดท้ายก็ใช่ว่าจะเป็นคนสุดท้ายจริงๆ แค่เคาะๆ แกล้งก็ยังคงมีอีกคนโผล่ออกมาเลย”
เวร่าพูดเยาะเย้ยว่า “คุณเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่เป็นหนังเหรอคะ?”
ลั่วชิวตอบกลับเสียงเบาว่า “ผมคิดว่าน่าดูกว่าหนังอีกครับ”
“คุณเป็นใคร?”
เวร่าก้มหัวมองจากมุมที่สูงกว่าลั่วชิวและโยวเย่ที่นั่งเก้าอี้ “ทำไมเมื่อกี้ยูริถึงมานั่งคุยกับคุณอยู่ตรงนี้?”
“คุณผู้หญิงไม่คิดว่าการเข้าใกล้มากจนเกินไปจะไม่สุภาพเหรอคะ?” โยวเย่พูดเตือนด้วยน้ำเสียงธรรมดา
เวร่ายักไหล่ แต่ก็ไม่ได้ลงมาจากโต๊ะ
“คุณเวร่า วันนี้พอเท่านี้ก่อนเถอะครับ”
ลั่วชิวยืนขึ้นมา พูดว่า “ผมเป็นเพียงพ่อค้าคนหนึ่งเท่านั้น ถ้าคุณเวร่าอยากทำธุรกิจกับผม พวกเราก็ยินดีต้อนรับตลอดเวลาครับ”
เธอตกใจที่อีกฝ่ายเรียกชื่อเธอตรงๆ
เธอแอบคาดเดาที่มาที่ไปของคนคนนี้ ก่อนถามด้วยน้ำเสียงและสีหน้าสงบนิ่งที่สุด “จริงเหรอคะ? ขนาดคุณทำธุรกิจอะไรฉันก็ยังไม่รู้เลย แล้วยิ่งไม่รู้ที่อยู่ด้วย การต้อนรับแบบนี้ออกจะไม่จริงใจไปหน่อยนะคะ?”
“ถ้ามีความปรารถนา คุณเวร่าก็จะหาผมเจอ” ลั่วชิวพูดเสียงเบาๆ ว่า “ขอแค่คุณคิดถึงผมอยู่ในใจ ผมก็จะปรากฏตัวตรงหน้าคุณ”
แววตาของเวร่าสั่นไหว ทั้งรู้สึกน่าสนใจทั้งรู้สึกแปลกๆ เธอไม่ได้สนใจผู้ชายคนนี้ เพียงแค่สนใจคำพูดของเขาเท่านั้น
เหมือนมีกลิ่นอายลึกลับลอยฟุ้งอยู่รอบตัวคนคนนี้ตลอด สำหรับเธอผู้มีสัญชาตญาณค้นหาที่แทบเหมือนโรคจิต นี่ไม่ต่างกับอะไรกับแรงดึงดูดอันมหาศาล
ฉับพลันเธอก็อยากทำลายบรรยากาศแบบนี้
สัญชาติญาณของเธอก็เป็นแบบนี้ ไม่ชอบอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำตลอด เธอจึงลงมาจากโต๊ะ เดินมาตรงหน้าคนลึกลับผู้นี้แล้วกระซิบที่ข้างหูของเขาว่า “จริงเหรอคะ?แม้ว่าฉันอยู่ในห้องของฉัน คุณก็จะมาเหรอคะ?”
“ใช่ครับ แม้ว่าคุณเวร่าจะอยู่ในห้องของคุณ ขอแค่คุณต้องการผม…พวกเราจะมาปรากฏตัวต่อหน้าคุณ” ลั่วชิวไม่ได้คิดจะขยับ
มีเรื่องบางเรื่องที่เขาไม่ยินดีจะอธิบายให้ละเอียดที่นี่…แต่ก็มีเรื่องบางเรื่อง ที่เขากลับสนใจพูดออกไปมาก “เพราะว่าบนตัวคุณเวร่ามีความสวยงามที่ทำให้ผมหลงใหล”
“ขอบคุณที่ชม”
เวร่าสร้างระยะห่างระหว่างคนทั้งสองอย่างเฉยเมย
เธอสะอิดสะเอียนคำว่า ‘สวย’ ที่ใช้พูดถึงตัวเธอตามสัญชาตญาณ
…
ในขณะที่ประตูโถงจัดงานเลี้ยงเปิดขึ้นอีกครั้ง วิคก้าถึงได้โผล่มาจากที่ซ่อน แล้วรีบวิ่งไปข้างๆ เวร่า เขาถามอย่างประหลาดใจว่า “ชายหญิงคู่เมื่อกี้นี้เป็นใครกัน?”
“คนประหลาด”
‘อีกทั้งยังเป็นคนประหลาดที่รู้ฐานะของฉัน’ เวร่าไม่ได้พูดประโยคนี้ออกมา
ความใจเย็นในตอนที่คุยกันได้หายไป
น้อยนักที่วิคก้าจะได้เห็นเวร่าพยายามปกปิดสีหน้าไม่สบายใจของตัวเองไว้เช่นนี้ ไม่ต้องสงสัยเลย เวร่ามีขาเรียวยาวได้สัดส่วนจนสมบูรณ์แบบ อีกทั้งฉีกชายกระโปรงออกก็ยิ่งน่าดึงดูดใจ แต่สำหรับวิคก้า ความละลานตานี้เทียบไม่ได้กับการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าเธอเลย
พระเจ้า…นอกจากพวกคนแก่ดื้อดึงที่อยู่ในบ้านแล้ว ไม่นึกเลยว่ายังมีคนทำให้คุณหนูใหญ่คนนี้ปวดหัวได้ ผมตาฝาดไปหรือเปล่า…ความคิดพวกนี้เริ่มปรากฏขึ้นในหัวของวิคก้า
“แม้ว่าแพ้ไปแล้วหนึ่งครั้ง แต่เมื่อกี้นี้ฉันน่าจะลองติดเครื่องติดตามไว้บนตัวหมอนั่น…” เวร่ากัดเล็บมือของตัวเองเบาๆ แล้วพูดพึมพำกับตัวเอง
ไหนเลยจะรู้ว่าการกระทำแบบนี้ยิ่งทำให้วิคก้าเหนือคาด
เป็นความรู้สึกประมาณไหนน่ะเหรอ?
ประมาณว่า…อายุจะสั้นน่ะ!!!
“นายกำลังมองอะไร?” ตอนนี้จู่ๆ เวร่าก็ขมวดคิ้วมองวิคก้า
วิคก้ารีบส่ายหน้าแล้วพูดว่า “รอคำสั่งคุณไงล่ะ คุณต่างหากที่เป็นเจ้านายจ่ายเงินเดือนผม”
เวร่ามองตาขวาง…จากนั้นเธอก็เอามือไปลูบกลางหน้าอกของตัวเอง แล้วล้วงกระจกแต่งหน้าเล็กๆ อันหนึ่งออกมาจากชุดราตรีเกาะอก
ตลับกระจกที่เปิดออกมาไม่ใช่บานกระจก แต่เป็นของที่คล้ายกับหน้าจอ เวร่าหัวเราะเบาๆ แล้วจึงยัดมันลงในมือของวิคก้า “จ้องมันเอาไว้ ลองดูว่าหยุดอยู่ที่ไหน”
“นี่คือ…”
“ตำแหน่งของเจ้าของตระกูลดีคาปี้” เวร่าพูดอย่างเฉยเมยว่า “ฉันแอบติดตั้งไว้ในพื้นรองเท้าของเขา”