ตอนที่ 591 ยกเลิกคุณสมบัติ

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

เสี่ยวหงระลึกถึงวิหคเพลิงตัวนี้มานานแล้ว แม้เรื่องที่เกิดขึ้นในป่าทมิฬ มู่เฉียนซีและชิงฮุ้ยจะไม่ได้พบกันเลยก็ตาม ทว่าในตอนนี้พวกนางทั้งสองถูกพวกมันพามาให้เจอกันจนได้

“อ๊าก!”

“อ๊าย!”

เสียงร้องโหยหวนของทั้งคนทั้งสัตว์ดังลั่น เมื่อเหล่านักเรียนของสำนักศึกษาหนานเฟิงเงยหน้าขึ้นมองไปยังด้านบน ก็ได้เห็นกลุ่มเงาดำกำลังร่วงลงมาจากท้องฟ้า “คุณหนูรอง!” หนึ่งในเหล่าผู้อารักขาของชิงฮุ้ยตะโกน

เพื่อคุ้มกันคุณหนู เหล่าผู้อารักขาพวกนั้นรีบพุ่งเข้าไปช่วย แต่ปรากฏว่าเมื่อพวกเขาได้เจอเข้ากับชิงฮุ้ย เสื้อผ้าของนางถูกเผาเสียจนหลุดลุ่ยไปหมด อีกทั้งเส้นผมของนางก็ไหม้ไปหมดจนกลายเป็นคนหัวโล้นไปเสียแล้ว

ต่อหน้านักเรียนหลายคน ชิงฮุ้ยได้สติกลับคืนมา นางแหกปากกรีดร้องออกมาด้วยเสียงอันดัง

“อ๊ายยยย!”

“ฟืดดดด!” เหล่าผู้คนที่เห็นเหตุการณ์สูดลมหายใจไปเข้าเฮือกหนึ่งอย่างพร้อมเพรียงกัน ด้วยเพราะสิ่งที่ทำให้ใจของทุกคนกระโดดโลดเต้นได้เหมือนวานรนั้นมิใช่เพราะทิวทัศน์ที่สวยงาม หากแต่เป็น…

ร่างกายสะโอดสะองที่ทำให้เกิดอารมณ์เร่าร้อนได้นั้น นึกไม่ถึงเลยว่ามันจะมีรอยแผลเป็นลายเส้นสลับพาดกันไปมาหลากหลายแบบดูแปลกตาพิกล

องครักษ์ของหอชิงลั่วรีบคลุมร่างคุณหนูใหญ่ของพวกเขาด้วยผ้า สายตาชิงฮุ้ยในตอนนี้เบิกกว้าง นางตะลึงจนแทบกลืนกินสวรรค์เข้าไปได้ทั้งหมดแล้ว

หากไม่ใช่เพราะเขา นางก็คงไม่มีรอยแผลน่าเกลียดน่ากลัวมากมายเช่นนี้ ‘ไอ้บัดซบเอ๊ย!’

ดูเหมือนว่าเทียนฉีจะไม่รู้สึกเสียใจแม้แต่น้อย สตรีผู้นี้ถูกผู้อื่นเห็นเรือนร่างจนหมดตัวแล้ว เมื่อนึกขึ้นได้ว่านางเป็นว่าที่ภรรยาของเขา เขาก็รู้สึกเหมือนไอ้โง่เง่าที่โดนสวมเขานับไม่ถ้วน ทันใดนั้นเอง สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนกลายเป็นหม่นคล้ำขึ้นมาในทันใด ขณะนี้ชิงฮุ้ยไม่มีเวลามามัวคิดบัญชีกับเทียนฉี นางกล่าวขึ้นด้วยความเกรี้ยวโกรธ “เป็นใครกันแน่ที่กล้าทำอย่างนี้กับข้า ? กล้ามากนะที่มาลอบทำร้ายข้า ใคร! จงออกมาเดี๋ยวนี้!”

เสียงเย็นชาเสียงหนึ่งลอยออกมา “จะเสียงดังทำไม ? ข้ามาตั้งแต่แรกแล้วเจ้าตาบอดรึ ?”

บัดนี้ พวกเขาทั้งหลายที่อยู่ ณ ตรงนั้นรู้สึกถึงบางอย่างอยู่ด้านบนหัวของพวกเขา นกอินทรีตัวใหญ่สีดำสนิทปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศเหนือสำนักศึกษาอย่างน่าเกรงขาม

“สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม! นั่นมันนกอิทรีที่ปีกสองข้างเป็นสีดำนี่” ผู้ที่รู้จักสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นกล่าวออกมาด้วยความตื่นตะลึง

“น่าทึ่ง! มันเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามตัวจริง” บนหลังของอินทรีปีกดำตัวนั้นมีเงาร่างสีม่วงนั่งอยู่อย่างสง่า ผมสีดำสนิทของนางพลิ้วปลิวไสว ใบหน้างดงามของนางก็ทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงความอึดอัดกดดัน นางนั่งอย่างผ่าเผยราวกับฮ่องเต้ผู้มากล้นไปด้วยอำนาจ

ดวงตากระจ่างใสคู่นั้น ทอแสงเย็นยะเยือกแลดูฉลาดหลักแหลม ก่อนจะเหลือบมองไปยังชิงฮุ้ยผู้น่าสมเพชที่ไม่เหลือผมอยู่แม้เพียงเส้นเดียว

“เป็นเจ้า… นางบ้ามู่เฉียนซี ทำไมถึงได้เป็นเจ้า ?! ทะ… ทำไมเจ้าถึงยังมีชีวิตอยู่ได้ ?” ชิงฮุ้ยร้องตะโกนเสียงแหลม ทำให้ผู้คนที่อยู่โดยรอบได้สติขึ้นมาราวกับเพิ่งหลุดออกมาจากภวังค์

— ฟึ่บ! —

“เฮ้ย! นั่นคือสหายมู่เฉียนซี”

“สวรรค์โปรด! เป็นนางจริง ๆ” เวลาที่มู่เฉียนซีอยู่ในสำนักศึกษาซวนเสีย แม้บางครั้งนางจะฝึกซ้อมกับฉินปาอยู่บ้าง แต่นางก็ได้เก็บงำความสามารถของตัวเองไว้อย่างมากที่สุด

และตอนนี้ ชิงฮุ้ยทำให้นางโกรธอย่างถึงที่สุด วันนี้นางจึงได้กลับมาอย่างเอิกเกริก หึ ๆ ๆ ถึงเวลาคิดบัญชีให้ละเอียดถี่ถ้วนแล้ว

“เจ้า… เจ้าไม่น่าจะยังมีชีวิตอยู่ได้มิใช่รึ ?” เมื่อเห็นมู่เฉียนซีมาปรากฏตัว ชิงฮุ้ยยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเป็นเรื่องจริง

เมื่อต้องเผชิญกับยอดฝีมืออย่างเจ้าบ้าเช่นนั้น เหตุใดนางถึงยังรอดมาได้ ?

ทุกคนยังอึ้งไม่หาย มังกรวารีตัวหนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ และด้วยแสงแดดสีทองเฉิดฉาย ทำให้ปรากฏสายรุ้งขึ้นสายหนึ่ง มู่เฉียนซีเหยียบบนตัวมังกรตัวนั้นและลงมาจากกลางอากาศอย่างสง่างาม ร่างสีม่วงค่อย ๆ เคลื่อนกายบางมาหยุดอยู่ตรงหน้าชิงฮุ้ย

มุมปากของนางยกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะกล่าว “แน่นอนว่าข้ายังมีชีวิตอยู่ มิเช่นนั้นแล้วจะเป็นใครเล่าที่ย่างวิหคเพลิงตัวน้อยนั่น ?”

“เจ้ามันขี้โกง… ลอบทำร้ายข้า!”

“คำพูดไร้สาระเช่นนี้เจ้าอย่าได้พูดออกมาให้มากนักเลย ข้าสงสัยยิ่งนักว่าทำไมคุณหนูรองชิงถึงได้สนใจในการที่ข้าจะกลับมาหรือไม่นัก ทำไมถึงได้มั่นใจเสียเหลือเกินว่าข้าตายไปแล้ว”

ชิงฮุ้ย “ก็ข้าเดาไงเล่า ถ้าหากเจ้ายังมีชีวิตอยู่ทั้ง ๆ ที่ผ่านไปตั้งนานขนาดนี้ ไหนจะยังไม่มีใครตามหาเจ้าพบอีก เป็นใครก็ต้องเดาว่าเจ้าม่องเท่งไปแล้ว แต่ข้า… ข้านั้นไม่ได้ทำอะไรเจ้าเลยนะ!”

ทว่าทันใดนั้นเอง มู่เฉียนซีเอ่ยออกมา “งั้นรึ ? แต่ข้าได้ยินประโยคที่น่าสนใจจากปากของเนตรอำมหิตมา” “เนตรอำมหิตรึ ?” นักเรียนหลายคนที่เฝ้าดูอยู่เลิกคิ้ว

“ทำไมชื่อนี้ถึงได้คุ้นหูข้านัก”

ใครคนหนึ่งกล่าว “ข้านึกออกแล้ว นั่นมิใช่ชื่ออันเลวร้ายของเจ้าบ้าที่มีชื่อเสียงแห่งทวีปเสียโจวของพวกเราหรอกหรือ ?”

“ข้าได้ยินมาว่าเขาชอบทรมานคน เอาหญิงสาวใบหน้างามไปทรมานจนตายทั้งเป็น หรือว่าเขาก็ได้ไปในป่าทมิฬ”

ทุกคนต่างพึมพำกับตนเอง เพราะชื่อของเนตรอำมหิตนั้นมีผลกระทบต่อจิตใจอย่างมาก แม้แต่อาจารย์ใหญ่ก็ยังขมวดคิ้ว เขาอยากรู้มาตลอดว่าชายผู้นั้นเป็นใคร หากเป็นเนตรอำมหิตจริง เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ได้ถูกอธิบายทุกอย่างอย่างกระจ่างแล้ว

“ถึงต่อให้เจ้าไปรู้อะไรมาก็ไม่มีใครเขาเชื่อเจ้า ข้านั้นเป็นถึงคุณหนูใหญ่แห่งหอชิงลั่ว” ชิงฮุ้ยกล่าวอย่างมาดมั่น

“ถ้าหากไปถามเหล่าอาจารย์จากหอชิงลั่วที่ได้มาร่วมคุมการสอบในครั้งนี้สักหน่อย คาดว่าคงจะรู้อะไรอยู่บ้าง” เสียงต่ำเสียงหนึ่งลอยมา โม่ซางคงก้าวเดินมาตรงหน้าของชิงฮุ้ย เขามองมู่เฉียนซีพลางคิดในใจ ‘นึกไม่ถึงเลยว่าในตอนนั้นที่ข้ากับนางแยกกันจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา’

นางนั้นหลอกล่อศัตรูออกไปด้วยตัวคนเดียว เลือกที่จะผจญอันตรายด้วยตนเอง มิเช่นนั้นพวกเขาคงได้ถูกเนตรอำมหิตฆ่าไปแล้วเป็นแน่ ถ้าหากว่าเขาไม่ทำอะไรเลยแม้สักนิด เช่นนั้นก็คงจะเป็นที่ทนไม่ได้จริง ๆ

โม่ซางคงกล่าว “อาจารย์ใหญ่ บางทีข้าอาจจะไปช้าเล็กน้อยนะขอรับ”

อาจารย์ใหญ่ “อืม เรื่องนี้มิใช่เรื่องเล็ก ๆ เลย ต้องทำให้ชัดเจนถึงจะดี”

“เจ้า มานี่! ไปนำตัวเหล่าผู้อาวุโสของหอชิงลั่วที่เข้าร่วมคุมสอบของสำนักศึกษาในครั้งนี้มาหาข้า ข้านั้นมีเรื่องสำคัญต้องถามพวกเขา”

แน่นอนว่าผู้อาวุโสเหล่านี้มิกล้าขายความลับของคุณหนูใหญ่ของพวกเขา มู่เฉียนซีจึงกล่าวขึ้น “ไม่มีเวลามาเปลืองไปกับพวกเขาแล้ว อาจารย์ใหญ่ นำพวกเขาแต่ละคนแยกไว้ในห้องเดี่ยวแล้วข้าจะไปสอบถามเขาเอง ไม่นานหรอก ได้เห็นผลอย่างแน่นอน” “เช่นนั้นก็ได้”

ในที่สุดอาจารย์ใหญ่ก็ได้เห็นวิธีสอบสวนอันทรงพลังของมู่เฉียนซี ตอนแรกพวกเขาไม่ยอมพูดอะไรทั้งสิ้น ทว่าสุดท้ายก็ยอมพูดออกมาแต่โดยดี

“พวกเราไม่ได้ทำอะไรเลยจริง ๆ เพียงแต่คุณหนูรองบอกพวกเราว่าจะให้คนผู้หนึ่งเข้าไปในนั้นเพื่อแก้แค้นให้นาง ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าคนผู้นั้นคือเนตรอำมหิต ถ้าหากรู้ว่าเป็นเจ้าบ้านั่น พวกเราจะต้องรายงานไปแน่”

“ทั้งหมดนั้นเป็นคำสั่งของคุณหนูรองที่สั่งพวกเรา เป็นนางเพียงคนเดียว”

สีหน้าของอาจารย์ใหญ่เครียดคล้ำลงเรื่อย ๆ ถึงแม้ชิงฮุ้ยจะเป็นคุณหนูรองแห่งหอชิงลั่ว นางก็ถือว่าเป็นนักเรียนในสำนักศึกษาของเขาด้วยเช่นกัน นึกไม่ถึงเลยว่านางจะใจร้ายใจดำได้ถึงเพียงนี้ แม้แต่ฆาตรกรบ้าคลั่งโหดร้ายเช่นนั้นก็ยังสามารถติดต่อไปจ้างวานสังหารได้ อีกทั้งผู้ที่จะให้มาทำร้ายคือสหายร่วมสถาบันเดียวกัน

ที่ด้านนอกนั้นยังมีนักเรียนกลุ่มหนึ่งรออยู่ เมื่ออาจารย์ใหญ่ออกมาก็ประกาศว่า “นับแต่วันนี้ไป ชิงฮุ้ยมิใช่นักเรียนของสำนักศึกษาหนานเฟิงอีกต่อไป และนางถูกยกเลิกคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมสอบเข้าสำนักศึกษาซวนเสีย”

ชิงฮุ้ยกล่าวอย่างร้อนรนใจ “ไม่นะเจ้าคะอาจารย์ใหญ่ เรื่องนี้จะต้องเป็นมู่เฉียนซีที่ใส่ร้ายข้าแน่นอน ท่านจะยกเลิกสิทธิ์ในการสอบเข้าสำนักซวนเสียของข้ามิได้ ทำไมท่านถึงทำเช่นนี้ ? ข้าจะต้องสอบเข้าที่สำนักศึกษาซวนเสียได้อย่างแน่นอน”

ถ้าหากนางพลาดโอกาสในครั้งนี้ไป เกรงว่าตลอดชีวิตของนางก็คงไม่เหลือโอกาสอีกแล้ว

อาจารย์ใหญ่กล่าวด้วยสีหน้าเยือกเย็น “ชิงฮุ้ย สิ่งที่เจ้าได้ทำไปนั้นตัวเจ้าเองรู้ดีที่สุด ผู้อาวุโสของหอชิงลั่วเล่าออกมาหมดแล้ว”

“ต่อให้ข้าทำแล้วเช่นไรเล่า ? ข้านั้นเป็นถึงคุณหนูรองแห่งสำนักนิกายระดับหนึ่ง มู่เฉียนซีเป็นแค่นังเด็กป่าที่ไม่รู้โผล่มาจากที่ไหน เหอะ! หรือว่าพวกเจ้าสำนักศึกษาหนานเฟิงอยากล่วงเกินหอชิงลั่วเพราะนางเช่นนั้นหรือ ?” ชิงฮุ้ยตะโกน