ตอนที่ 592 ความแค้นส่วนตัว

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

อาจารย์ใหญ่กล่าว “ข้อแรก คุณหนูรองชิง เจ้าไม่สามารถเป็นตัวแทนทั้งหมดของหอชิงลั่วได้”

“ข้อสอง สำนักศึกษาหนานเฟิงของพวกเราก็เป็นสำนักระดับหนึ่งเช่นกัน หากมีเรื่องขึ้นมาจริง ๆ ข้าก็ไม่เกรงกลัวต่อหอชิงลั่วของพวกเจ้า”

“ข้อสาม ถึงแม้ว่ามู่เฉียนซีจะไร้อำนาจ คนที่สามารถเอาชีวิตรอดมาจากกำมือของเฮยถูได้ ทั่วทั้งแดนใต้ เกรงว่าจะมีแค่นางผู้เดียว”

ทุกคนต่างก็ตกใจสะดุ้งเล็กน้อย ใช่! หนีเอาชีวิตรอดมาจากเงื้อมมือของมหาจักรพรรดิบ้านั่นได้ มู่เฉียนซีทำได้ยังไงกัน

สีหน้าของชิงฮุ้ยซีดขาวราวกระดาษ ถูกอาจารย์ใหญ่โต้แย้งจนพูดไม่ออก

อาจารย์ใหญ่กล่าว “นับจากนี้ต่อไป สำนักศึกษาหนานเฟิงของพวกเราจะไม่รับคนของหอชิงลั่วอีก และเชิญนักเรียนของหอชิงลั่วคนอื่น ๆ ไปหาสำนักศึกษาอื่นเรียนเถอะ!”

การทดสอบเสมือนจริงเป็นข้อเสนอของเขา แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เขาต้องตัดสินใจทำสิ่งใดสักอย่าง

อาจารย์ใหญ่หนานเฟิงดูเหมือนจะเห็นศักยภาพของมู่เฉียนซีแล้ว อีกทั้งยังมีการปกป้องจากโม่ซางคง เขายืนข้างมู่เฉียนซีอย่างมีเหตุผล และปกป้องมู่เฉียนซีอย่างถึงที่สุด

ชิงฮุ้ยก็คิดไม่ถึงว่านางจะถูกตัดชื่อออก จนกระทั่งหอชิงลั่วกับสำนักศึกษาหนานเฟิงได้ขีดเส้น

เผชิญหน้ากับหายนะครั้งใหญ่เข้าแล้ว ต่อให้ต้องล้มและมีคนเห็นใจนางสักกี่ครั้ง ครั้งนี้ก็ไม่ปล่อยนางไปแน่

มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “อาจารย์ใหญ่ เรื่องของท่านจัดการเสร็จเรียบร้อยหรือไม่ ?”

อาจารย์ใหญ่กล่าว “เรียบร้อยแล้ว ไม่รู้ว่านักเรียนมู่เฉียนซียังมีสิ่งใดอยากจะเพิ่มเติมอีกหรือไม่”

มู่เฉียนซีกล่าว “สำหรับการตัดสินใจของอาจารย์ใหญ่แล้ว ข้าไม่เข้าไปแทรกแซงแน่นอน เพียงแต่ว่าลำดับต่อไป ข้าอยากจะสะสางความแค้นส่วนตัวสักหน่อย”

มู่เฉียนซีมองไปที่ชิงฮุ้ย และค่อย ๆ เอ่ยปากกล่าวอย่างช้า ๆ ว่า “ครั้งก่อน ข้าได้ให้บทเรียนที่น่าจดจำแก่เจ้าไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่พิจารณาตัวเองเลยแม้แต่น้อย เจ้าคิดจริง ๆ เหรอว่าข้าจะไม่กล้าล่วงเกินสำนักนิกายระดับหนึ่งอย่างหอชิงลั่ว ?”

หอหมอปีศาจยังไม่ได้พัฒนาอย่างสมบูรณ์ในเสียโจว นางก็ไม่อยากจะล่วงเกินหอชิงลั่วรุนแรงจนเกินไป ทว่า ครั้งนี้นางถูกยั่วยุให้โกรธจนสุดที่จะทนแล้ว

จวินโม่ซีก็กลับมาแล้ว ต่อให้ต้องมีเรื่องกับหอชิงลั่วขึ้นจริง ๆ ใครกันแน่ที่ต้องกลัว!

“จะ เจ้า นี่เจ้าจะทำอะไร ?” ชิงฮุ้ยในตอนนี้กล่าวอย่างตะกุกตะกักแล้ว

“วางใจเถอะ! ข้าไม่ฆ่าเจ้าหรอก!”

แสงสีเงินเปล่งประกายขึ้น ชิงฮุ้ยรับรู้ได้ว่าเจ็บปวดที่คอ ทันทีที่ร่างของมู่เฉียนซีกะพริบ เข็มยานั้นก็ถูกดึงกลับมาแล้ว

“เจ้า เจ้าวางยาพิษข้า เจ้าวางพิษอะไรข้า ?”

“ใจเย็น ๆ เถอะ เดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง”

ชั่วครู่หนึ่ง ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงก็ถาโถมเข้ามา ดวงตาของชิงฮุ้ยเจ็บปวดจนแทบจะถลนออกมา!

อ๊าย! อ๊าย! นางอยากจะตะโกนกรีดร้องดัง ๆ แต่นางกลับไม่มีเสียง

นางกลายเป็นคนใบ้ไปในทันที ดวงตาจ้องมองไปที่มู่เฉียนซี เสียงพรวดดังขึ้นครั้งหนึ่ง นางกระอักเลือดคำโตออกมา จากนั้นก็เป็นลมหมดสติไป

“คุณหนูรอง!”

และแล้วเรื่องนี้ก็ได้จบลง

มู่เฉียนซีกล่าว “ต้องขอโทษเพื่อนนักเรียนทุกคนด้วย ที่ทำให้เสียเวลาเดินทางไปเมืองเสีย ข้าได้ให้คนเตรียมวิหคสี่ปีก สัตว์ที่บินเร็วที่สุดมาแล้ว สามารถเดินทางไปเมืองเสียได้เร็วที่สุด”

“ว่าไงนะ ? วิหคสี่ปีกงั้นเหรอ!”

“สัตว์ศักดิ์สิทธิ์!”

“……”

ทุกคนต่างก็ตกตะลึงขึ้น รวมไปถึงอาจารย์ใหญ่ด้วย

วิหคสี่ปีก! ทั่วทั้งเสียโจวดูเหมือนว่าจะมีแค่สามตัวเท่านั้น มีคนสามารถจ้างได้ แต่ราคานั้นสูงจนน่ากลัวเชียวล่ะ

ถึงแม้ว่าสำนักศึกษาของพวกเขาจะเป็นสำนักศึกษาระดับหนึ่ง การที่ส่งนักเรียนไปรายงานตัว ก็ไม่กล้าใช้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ราคาสูงเหยียดฟ้าเช่นนี้

โดยปกติแล้วสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับนี้สามารถใช้ได้ก็ต่อเมื่อสำนักนิกายระดับหนึ่งไปทำภารกิจสำคัญเท่านั้น!

ไม่นานนัก บนท้องฟ้าก็ถูกเงาบดบังไว้ วิหคสีขาวขนาดใหญ่ตัวหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นอยู่บนท้องฟ้า

อาจารย์ใหญ่กล่าว “มู่เฉียนซี นะ นี่ นี่มันแพงเกินไปแล้ว!”

“ใช่วิหคสี่ปีกจริง ๆ ด้วย นึกไม่ถึงเลยว่าชีวิตนี้ข้าจะได้นั่งบนหลังสัตว์ศักดิ์สิทธิ์!”

“ยอดเยี่ยมไปเลย!”

มู่เฉียนซีกล่าว “เป็นเพราะข้าทำให้ทุกคนเสียเวลาสมัครเรียน การชดเชยนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว ทุกคนขึ้นไปเถอะ!”

ทุกคนส่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีว่า “สหายมู่เฉียนซีแข็งแกร่งยิ่งนัก!”

“สหายมู่เฉียนซีแข็งแกร่งยิ่งนัก”

“……”

เมื่อครู่นี้ชิงฮุ้ยยังมองมู่เฉียนซีด้วยความดูถูกเหยียดหยามว่าไร้อำนาจ ไร้ผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง แต่ตอนนี้มู่เฉียนซีได้จ้างวิหคสี่ปีกเช่นนี้มา แน่นอนว่าชิงฮุ้ยไม่สามารถทำได้

นางก็เป็นแค่คุณหนูรองที่เป็นลูกเมียน้อยของสำนักนิกายระดับหนึ่งเท่านั้น ไม่มีอำนาจในทางการเงินแน่นอน

ทุกคนนั่งอยู่บนหลังวิหคสี่ปีกด้วยความตื่นเต้น วิหคสี่ปีกได้พานักเรียนเหล่านี้ของสำนักศึกษาหนานเฟิงไปยังสถานที่สมัครเรียนของสำนักศึกษาซวนเสีย เมืองเสีย

ถึงแม้ว่าวิหคสี่ปีกจะเป็นพาหนะให้กับนักเรียนทั้งหมดของสำนักศึกษาหนานเฟิง แต่มิติโดยรอบนั้นก็ใหญ่มาก

โม่ซางคงนั่งข้างมู่เฉียนซี เขากล่าวถามขึ้นมาว่า “เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม!”

มู่เฉียนซียักไหล่พลางกล่าว “เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้เช่นนี้ มันอันตรายมาก แต่สุดท้ายก็กลับมาได้อย่างปลอดภัย เจ้าวางใจได้”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างราบเรียบ แต่โม่ซางคงนั้นรู้ดีว่ามันไม่ได้ง่ายเช่นนั้น อีกทั้งเขาก็เคยได้ยินถึงความชื่นชอบของเฮยถู รู้ว่าเขาเป็นคนที่อันตรายมาก

ทันใดนั้นเอง เสียงที่ไร้กังวลก็ดังขึ้น “พี่ใหญ่มู่ ท่านสมกับเป็นพี่ใหญ่ที่ทำให้ข้า ฉินปาเคารพนับถือจริง ๆ! หนีรอดออกมาจากเงื้อมมือของเฮยถูได้ ท่านคือผู้กล้าอย่างแท้จริง!”

โม่ซางคงกล่าว “ข้ารับปากอาจิ่นเอาไว้แล้วว่าอยู่ในสำนักศึกษาข้าจะดูแลเจ้าให้ดี แต่คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ครั้งหน้าเจออาจิ่น เขาคงไม่ปล่อยข้าแน่”

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “เรื่องนั้นเจ้าวางใจเถอะ ช่วงนี้เขายุ่งเหมือนลูกข่าง ไม่มีเวลามารบกวนเจ้าหรอก”

ในตอนนี้เอง ฉินปากล่าวว่า “อาจารย์ใหญ่ ก่อนที่พี่ใหญ่มู่จะมา คะแนนการสอบเสมือนจริงครั้งนี้ยังไม่ออกเลยนี่! แล้วเมื่อไหร่คะแนนจะออกล่ะ แต่ถึงยังไงพี่ใหญ่ข้าก็ได้อันดับหนึ่งอยู่แล้ว”

“อันดับหนึ่ง!” ทุกคนต่างก็หันมองไปที่มู่เฉียนซี พวกเขาต่างก็แปลกใจว่าสหายมู่เฉียนซีผู้โหดร้ายผู้นี้ ตกลงแล้วได้แกนวิญญาณมาเท่าไหร่

อาจารย์ใหญ่กล่าว “ถึงแม้ว่าวิหคสี่ปีกจะบินเร็วมาก แต่มันก็บินอย่างมั่นคง ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เรามานับคะแนนกันระหว่างทางเลยดีกว่า! เอาหล่ะ พวกเจ้าเอาแกนวิญญาณที่ได้ออกมา อาจารย์ทุกท่านเตรียมพร้อม!”

“ขอรับ!”

สัตว์วิญญาณระดับหนึ่งถึงระดับเจ็ด นับเป็นหนึ่งถึงเจ็ดคะแนน!

สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งนับเป็นหนึ่งร้อยคะแนน สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสองนับเป็นหนึ่งพันคะแนน สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามนับเป็นหนึ่งหมื่นคะแนน

ไม่นานนักคะแนนก็ออกมาเป็นที่เรียบร้อย และเริ่มจัดอันดับ!

“อันดับห้า หวังฝาน เก้าร้อยคะแนน!”

“อันดับสี่ ฉินปา เก้าหมื่นคะแนน!”

ทุกคนต่างก็ตกใจเป็นอย่างมาก “นะ นี่ ความแตกต่างระหว่างหนึ่งระดับนั้นแตกต่างกันเป็นร้อยเท่า นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?”

“มีสิ่งใดผิดพลาดไปหรือไม่! ฉินปาก็ช่างโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว”

“นี่แค่อันดับสี่นะ เป็นไปได้ว่าคะแนนที่อยู่อันดับต้น ๆ นั้นจะยิ่งสูงขึ้นอีก พวกเขายังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่! พวกข้าได้เป็นสิบคะแนนก็นับว่าทุ่มสุดตัวแล้ว”

อาจารย์ใหญ่ประกาศต่อว่า “อันดับสาม โม่ซางคง หนึ่งแสนคะแนน!”

“หนึ่งแสน! นี่นายน้อยโม่เป็นสัตว์วิญญาณในร่างมนุษย์หรือไม่ ? นึกไม่ถึงว่าจะฆ่าสัตว์ได้มากมายเช่นนี้”

“อันดับสองและอันดับหนึ่งจะเป็นใครกัน ?”