ตอนที่ 593 รีดไถอาจารย์ใหญ่

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

“อันดับสอง เทียนฉี หนึ่งแสนเก้าคะแนน!”

“อันดับหนึ่ง มู่เฉียนซี หนึ่งแสนเก้าหมื่นคะแนน!”

“นะ นี่……”

ทุกคนตกใจจนแทบจะเป็นลมไป นี่พวกเขาจัดการกับสัตว์วิญญาณในป่าโยวอ้านหมดแล้วหรือไงถึงได้คะแนนมากมายถึงเพียงนี้ ?

เทียนฉีกล่าว “เป็นไปได้ยังไง ? อันดับหนึ่งไม่ใช่ข้าได้ยังไง ?”

เขามองไปที่มู่เฉียนซีและกล่าวว่า “สหายมู่เฉียนซี เจ้าคงจะไม่ใช่ไปหาซื้อแกนวิญญาณที่อื่นมาเพิ่มหรอกกระมัง!”

นึกไม่ถึงว่าจะมีคนกล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับพี่ใหญ่ของเขา เขากล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “เจ้าพูดจาซี้ซั้ว พี่ใหญ่มู่จะทำเรื่องเช่นนั้นได้ยังไง ว่าแต่เจ้าเถอะ……”

“คะแนนมากถึงเพียงนี้ ช่างน่าสงสัยยิ่งนัก!”

“ข้าจะทำเรื่องเช่นนั้นได้ยังไง ข้าทะลวงพลังขั้นจักรพรรดิแล้ว ฆ่าสัตว์วิญญาณมากมายเช่นนี้ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน” เทียนฉีกล่าวแก้ตัว

มู่เฉียนซีกล่าว “หากเจ้าคิดว่าข้าโกงแล้วล่ะก็ เช่นนั้นตอนนี้ก็ให้ท่านอาจารย์ตรวจสอบ ว่าตกลงแล้วใครกันแน่ที่เป็นคนโกง ?”

เทียนฉีกล่าว “การตรวจสอบนี้มันค่อนข้างยุ่งยาก พวกเรากำลังรีบเดินทางอยู่ด้วย ช่างเถอะ ให้แม่นางมู่ได้อันดับหนึ่งไปก็ไม่เป็นไร”

ถึงอย่างไรความฝันที่เทียนฉีคิดอยากจะได้อันดับหนึ่งก็พังทลายลงแล้ว อีกอย่างคะแนนของมู่เฉียนซีนั้นนำห่างไปไกลมาก

มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “อาจารย์ใหญ่บอกเอาไว้ว่ามีรางวัลจะให้ด้วย ไม่ทราบว่ารางวัลนั้นคือสิ่งใด ?”

ดวงตาของโม่ซางคงเปล่งประกายขึ้น เขากล่าวว่า “อาจารย์ใหญ่ ในฐานะที่เสี่ยวซีออกมือได้อย่างใจกว้างเช่นนี้ รางวัลอันดับหนึ่งของอาจารย์ใหญ่คงจะไม่ใช่ของกระจอกนั้นหรอกกระมัง”

ทุกคนต่างก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

สีหน้าของอาจารย์ใหญ่ขมขื่น วันนี้สาวน้อยผู้นี้ใจกว้างเช่นนี้ นึกไม่ถึงว่าถึงคราวที่เขาต้องกระอักเลือดแล้ว

รางวัลของคนอื่น ๆ นั้นได้แจกไปเรียบร้อยแล้ว รางวัลนั้นล้วนเป็นยาวิญญาณและเคล็ดวิชาอันล้ำค่า สำหรับรางวัลที่ได้ให้เทียนฉีนั้น อาจารย์ใหญ่ค่อนข้างที่จะตระหนี่ถี่เหนียวเล็กน้อย

พลังความแข็งแกร่งของเทียนฉีเป็นเช่นไร เขานั้นรู้ดี การเพิกเฉยต่อกฎเกณฑ์และการโกงการสอบเช่นนี้ มอบของรางวัลที่ไม่มีราคาให้เขาเช่นนี้นับว่าเป็นการเตือนเขา คิดจริง ๆ เหรอว่าอาจารย์ในสำนักศึกษาหนานเฟิงนั้นจะโง่เง่าดูไม่ออก ?

ทว่า เมื่อมาถึงรางวัลอันดับหนึ่งแล้ว เขากลับรู้สึกอับอายเล็กน้อย หากให้รางวัลไปแล้วนางไม่ชอบขึ้นมา มันคงจะน่าอับอายขายหน้าเป็นอย่างมาก

มู่เฉียนซีหรี่ตายิ้มพลางกล่าวว่า “อาจารย์ใหญ่ ข้าหน่ะ ไม่สนใจในของสิ่งใดหรอก ข้าสนใจเพียงแค่สมุนไพรล้ำค่าเท่านั้น หากท่านมีแล้วล่ะก็ นำมันมาเป็นรางวัลอันดับหนึ่งข้าจะดีใจมากเลย”

อาจารย์ใหญ่รีบกำแหวนมิติของตัวเองไว้แน่น แน่นอนว่าเขามีสมุนไพรวิญญาณอยู่ แต่ว่า……

เขารู้สึกเสียดายมาก!

ทว่า มีนักเรียนดูอยู่เป็นจำนวนมาก หากเขาไม่ให้รางวัลไปแล้วล่ะก็ จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกันล่ะ!

อาจารย์ใหญ่ที่ขี่หลังเสือและยากที่จะลง ตอนนี้ทำได้เพียงแค่เอาสมุนไพรวิญญาณอันล้ำค่าออกมาแต่โดยดี เขากล่าวว่า “นักเรียนมู่เฉียนซี หญ้าหัวใจสวรรค์แปดใบหนึ่งต้น สมุนไพรวิญญาณระดับปฐพี เป็นเช่นไร ?”

มู่เฉียนซีกล่าว “อาจารย์ใหญ่ แค่ต้นเดียวเหรอ ท่านเพิ่มให้อีกหน่อยจะได้หรือไม่! ข้าทำการสอบอย่างตั้งใจและกระตือรือร้นมาก ล่าสัตว์อย่างสุดชีวิตกว่าจะได้คะแนนนี้มา”

ฉินปาก็ทวงความยุติธรรมกับพี่ใหญ่เขาเช่นกัน เขาผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงบึกบึนนั้น ไม่เข้าใจถึงคุณค่าของสมุนไพรวิญญาณต้นเดียวเลยแม้แต่น้อย

เขากล่าวว่า “อาจารย์ใหญ่ ท่านชักจะตระหนี่ถี่เหนียวเกินไปแล้ว เอาหญ้าสมุนไพรเล็ก ๆ น้อย ๆ โบกสะบัดมาให้พี่ใหญ่ข้าแค่ต้นเดียว ไม่ได้ ไม่ได้ พี่ใหญ่มู่ของข้าได้อันดับหนึ่ง หญ้าสมุนไพรเช่นนี้ต่อให้เอามาร้อยต้นพันต้นก็ไม่พอ!”

อาจารย์ใหญ่ได้ยินคำพูดนี้ของฉินปาก็โกรธจนแทบจะกระอักเลือด เจ้าเด็กผู้นี้ไม่รู้สิ่งใดก็มากล่าววาจาซี้ซั้ว สมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีนี้มีค่ามากกว่ารางวัลของพวกเจ้ารวมกันทั้งหมดเสียอีก

ถึงอย่างไรแล้วก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจถึงสมุนไพรวิญญาณ ดังนั้นถูกฉินปาเกลี้ยกล่อมเช่นนี้ นักเรียนคนอื่น ๆ ต่างก็มองมาที่เขาด้วยสายตาแปลก ๆ คิดว่าอาจารย์ใหญ่ช่างตระหนี่ถี่เหนียวยิ่งนัก!

คะแนนหนึ่งแสนเก้าหมื่นนั้นได้มายากนัก นี่ต้องฆ่าสัตว์วิญญาณไปมากเท่าไหร่กว่าจะได้คะแนนที่สูงลิ่วเช่นนี้มา อาจารย์ใหญ่ก็ให้รางวัลเพียงแค่นี้

ตอนนี้อาจารย์ใหญ่ก็น้ำท่วมปาก มีทุกข์อยู่ในใจก็มิอาจกล่าวออกมาได้ สุดท้ายก็เอาสมุนไพรวิญญาณเหล่านั้นออกมาเพิ่ม และกล่าวเสียงต่ำว่า “แม่นางน้อย! ข้ามีแค่นี้แล้วจริง ๆ ได้โปรดเถอะ”

มู่เฉียนซีก็ไม่อยากทำให้อาจารย์ใหญ่ลำบากใจแล้ว นางพยักหน้าพลางกล่าว “ได้”

หลังจากที่แจกรางวัลเสร็จสิ้นแล้ว ทุกคนก็พักผ่อนต่อ

มู่เฉียนซีกระซิบข้างหูโม่ซางคงและฉินปาเบา ๆ ว่า “เมื่อครู่ข้าต้องขอบใจเจ้าทั้งสองมากที่ขุดหลุมพรางอาจารย์ใหญ่ไปเช่นนั้น ดอกผลที่ได้มานั้นไม่เลวเลย!”

คนอื่นนั้นดูไม่ออก แต่นางนั้นรู้ดีว่าสมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีนั้นมีค่ามากเพียงใด!

ถึงแม้สีหน้าท่าทางจะดูนิ่งสงบ ทว่า ภายในใจนั้นกลับดีอกดีใจเป็นอย่างมาก อาจารย์ใหญ่สมกับที่เป็นอาจารย์ใหญ่แห่งสำนักศึกษาระดับหนึ่งจริง ๆ เก็บสะสมสมุนไพรวิญญาณเหล่านี้ได้ไม่เลวเลย

โม่ซางคงกล่าวว่า “เสี่ยวซี เจ้าชอบก็ดีแล้ว”

ฉินปายังคงกล่าวอย่างไม่พอใจ “ตาเฒ่านั่นช่างตระหนี่ถี่เหนียวเสียจริงให้มาน้อยนิดแค่นี้ พี่ใหญ่ท่านเสียเปรียบแล้ว!”

เสียงของฉินปาที่เปล่งออกมานั้นไม่ได้เบาเลย อาจารย์ใหญ่ที่ได้ยินคำพูดนี้ก็ยิ่งทวีความเจ็บปวดใจมากขึ้น เจ้าเด็กผู้นี่บัดซบเสียจริง!

เมืองเสีย เป็นเมืองหลักของเสียโจว สามารถเดินทางข้ามผ่านไปยังดินแดนทวีปอื่น ๆ ได้โดยใช้ค่ายกลส่ง อยู่ในเมืองเสียก็จะถูกปกป้องโดยผู้ที่เป็นยอดฝีมือ

ถึงอย่างไรแล้ว ค่ายกลส่งนี้เป็นสิ่งที่ล้ำค่ามาก ตอนนี้ไม่มีผู้ใดที่สามารถสร้างค่ายกลส่งที่มีพลังของมิติได้ หากค่ายกลส่งถูกทำลาย เสียโจวของพวกเขาก็จะถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเป็นแน่

จุดจบของการถูกตัดจากโลกภายนอกนั้นไม่สามารถติดต่อกับผู้อื่นได้ และหากไม่รู้ข่าวสารของโลกภายนอก ก็จะกลายเป็นกบในกะลานั่นเอง

ต้องรู้เอาไว้เลยว่าการเดินทางจากเสียโจวไปยังทวีปอื่นนั้น ไม่ได้ใกล้เหมือนกับการเดินทางจากเซี่ยโจวมาเสียโจว ระยะทางนั้นต่อให้เป็นยอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิที่ทุ่มเทอย่างสุดกำลังก็ต้องใช้เวลาครึ่งปีกว่าจะถึง

กลุ่มนักเรียนและสัตว์วิญญาณบินได้ระดับสูงตัวหนึ่งกำลังจะมาถึงเมืองเสีย พวกเขาทั้งหมดล้วนแต่ใช้สัตว์วิญญาณระดับสูงทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าจะเทียบกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ แต่ความเร็วในการเดินทางนั้นก็เร็วมากเช่นกัน

“อาจารย์ใหญ่ ดูเหมือนว่าครั้งนี้ก็ยังคงเป็นสำนักศึกษาเฉินชีของพวกเราที่มาถึงเมืองเสียเป็นกลุ่มแรก และเป็นกลุ่มแรกที่ได้สมัครเรียน!” เมื่อเห็นเมืองเสียอยู่ด้านหน้า รองอาจารย์ใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างอาจารย์ใหญ่แห่งสำนักศึกษาเฉินชีกล่าวขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ

อาจารย์ใหญ่กล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “มาถึงเป็นกลุ่มแรกทุกปี ก็ไร้ความหมาย! สัตว์วิญญาณของสำนักศึกษาอื่น ช่างอ่อนแอเกินไปจริง ๆ ข้าก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มาถึงเป็นกลุ่มแรก”

“ก็นั่นหน่ะสิ จะมีสำนักศึกษาใดที่จะออกมืออย่างใจกว้างเช่นเดียวกับสำนักศึกษาเรา จ้างสัตว์วิญญาณที่เร็วที่สุด และดีที่สุด แต่ก็ไม่ได้โทษพวกเขาหรอกนะ ก็ใครใช้ให้พวกเขาอัปยศเช่นนั้นกันเล่า”

สิบสำนักศึกษาแห่งเสียโจว สำนักศึกษาเฉินชีอาจจะไม่ใช่สำนักศึกษาที่แข็งแกร่งที่สุด แต่เป็นสำนักศึกษาที่มั่งคั่งที่สุด ก็ใครใช้ให้อาจารย์ใหญ่ของพวกเขาเป็นนักปรุงยากันล่ะ!

ทว่า ในตอนนี้เอง นักเรียนของสำนักศึกษาเฉินชีของพวกเขารู้สึกได้ถึงท้องฟ้าแปรเปลี่ยนมืดครึ้ม นี่ฝนกำลังจะตกงั้นเหรอ ?

ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าไม่ใช่ฝนจะตกแต่อย่างใด แต่มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ตัวหนึ่งกำลังบินมาอยู่บนท้องฟ้าในตอนนี้

“นะ นั่น ดูเหมือนจะเป็นวิหคสี่ปีก!”

“พระเจ้า! ช่างเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ใหญ่มากจริง ๆ!”

“วิหคสี่ปีก หรือว่าสำนักศึกษาซวนเสียจะมีแขกคนสำคัญมาเยือน ?”

พวกเขาต่างก็เงยหน้าขึ้นมอง อยากรู้ว่าผู้ที่นั่งอยู่บนวิหคสี่ปีนั้นคือผู้ใดกันแน่ แต่เป็นเพราะว่าวิหคสี่ปีกนั้นตัวใหญ่มาก อีกอย่างมันก็อยู่ด้านบน ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามแหงนมองเพียงใดก็ไม่อาจมองเห็นได้

ความเร็วของวิหคสี่ปีกนั้นเร็วมาก ภายในชั่วพริบตาเดียวก็แซงหน้าพวกเขาไปแล้ว ในที่สุดพวกเขาก็ได้เห็นกลุ่มคนเหล่านั้นที่นั่งอยู่บนวิหคสี่ปีกตัวนี้

“ห๊ะ! คนมากมายถึงเพียงนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นนักเรียนกระมัง!”

“นี่เป็นสำนักศึกษาใดกันแน่ นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะใช้วิหคสี่ปีกนำนักเรียนมาเมืองเสียเช่นนี้”

รองอาจารย์ใหญ่เฉินชีผงะไปครู่หนึ่ง และกล่าวอย่างอ้ำอึ้งว่า “อาจารย์ใหญ่ ดูเหมือนว่าข้าจะเห็นตาเฒ่านั่นของสำนักศึกษาหนานเฟิงนะ คนกลุ่มนี้ เป็นคนของสำนักศึกษาหนานเฟิง”

อาจารย์ใหญ่เฉินซีขมวดคิ้วพลางกล่าว “ข้ามีตา ข้าเห็นแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าพูดมาก”

“แต่นี่มันเป็นไม่ได้! สำนักศึกษาหนานเฟิง ไม่ว่าจะเป็นทางด้านความแข็งแกร่งหรือจะเป็นทรัพยากรทางการเงินก็ดูเหมือนว่าจะอยู่ในจุดที่ต่ำที่สุด จะเป็นไปได้ยังไงที่จะจ้างวิหคสี่ปีกพานักเรียนมาสมัครเรียนเช่นนี้ หรือว่าเจ้านั่นจะเก็บสมบัติล้ำค่าได้ แล้วมั่งคั่งไปแล้ว ?”