ตอนที่ 594 เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

นักเรียนของสํานักศึกษาเฉินซียังลอยกันอยู่กลางอากาศ นักเรียนของสํานักศึกษาหนานเฟิงที่ขี่วิหคสี่ปีกมาก็ได้ลงจอดถึงประตูเมืองเสียแล้ว

อาจารย์ใหญ่ยิ้ม เขากล่าวอย่างอารมณ์ดี “เมื่อครู่นี้เหมือนจะเป็นกลุ่มของสํานักศึกษาเฉินซี ทุกครั้งที่มาสมัครเรียน พวกเขาจะอาศัยสัตว์วิญญาณทางอากาศขั้นสูงของสํานักศึกษาพวกเขา และมักจะมาถึงเป็นกลุ่มแรกเพื่อหัวเราะเยาะพวกเราที่ชักช้าเสมอ”

“หึ ๆ ๆ แต่คราวนี้ดูเหมือนว่าพวกเราจะเป็นกลุ่มแรกที่มาถึง สุดยอดมาก ตาแก่ที่แสร้งทําเป็นอวดดีผู้นั้น ข้าจินตนาการได้เลยว่าสีหน้าตอนนี้คงจะดูไม่จืดมากแน่ ๆ พวกเรารอเขาอยู่ที่นี่ก่อนก็แล้วกัน”

มาถึงได้เร็วกว่าสํานักศึกษาเฉินซี ตอนนี้อาจารย์ใหญ่รู้สึกดีใจอย่างยิ่งยวด เขาลืมเรื่องน่าสมเพชที่ถูกมู่เฉียนซีหลอกไปเสียสนิท

‘การทําให้ตาแก่สํานักศึกษาเฉินซีนั่นโกรธได้ สูญเสียสมุนไพรวิญญาณไปไม่กี่ต้นจะเป็นไรไปเล่า ?’ อาจารย์ใหญ่คิดกับตัวเองอย่างครึ้มใจ

สัตว์วิญญาณทางอากาศของสํานักศึกษาเฉินซีค่อย ๆ ร่อนลงสู้พื้น

อาจารย์ใหญ่หนานเฟิงยิ้ม “อืม! สํานักศึกษาเฉินซีของพวกเจ้ามาเร็วมาก ไม่เหมือนพวกข้าที่ตะวันขึ้นสูงถึงกลางท้องฟ้าแล้วเพิ่งจะรีบมา โชคดีที่ไม่พลาดเวลาลงชื่อเข้าสมัครเรียน”

เพิ่งจะออกเดินทางตอนตะวันขึ้นถึงกลางฟ้า… เที่ยงวัน!

สีหน้าของอาจารย์ใหญ่เฉินซีเริ่มหม่นคล้ำลง เจ้าตาแก่นี่อวดดีนัก

อาจารย์ใหญ่หนานเฟิงกล่าว “ข้าไม่คุยกับเจ้าแล้ว ข้าพานักเรียนไปลงชื่อก่อนดีกว่า รอลงชื่อเสร็จสิ้นแล้วค่อยมาเล่าเรื่องเก่า ๆ กันทีหลังเถอะ”

อาจารย์ใหญ่ที่หลงระเริงอย่างภาคภูมิใจ พานักเรียนของสํานักศึกหนานเฟิงเดินเข้าไปในเมืองเสีย ก่อนจะมุ่งหน้าต่อไปยังสถานที่ลงชื่อของสํานักศึกษาซวนเสีย

สำนักศึกษาหนานเฟิงมาถึงก่อน สํานักศึกษาเฉินซีจึงต้องเข้าแถวรอที่ด้านหลัง

สำนักศึกษาเฉินซีมาถึงเป็นลำดับแรกมาโดยตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่ต้องมาต่อแถวรอ สีหน้าอาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาเฉินซีค่อย ๆ ห่อเหี่ยวลง ห่อเหี่ยวลงเรื่อย ๆ…

การลงสมัครของสำศึกษาซวนเสียจะมีการตรวจสอบชื่อและอายุการทดสอบ หากอายุเกินยี่สิบห้าปี นั่นถือว่าไม่ผ่านคุณสมบัติ

หลังจากลงชื่อ ตรวจสอบคุณสมบัติ และกรอกข้อมูลเสร็จ ทุกคนจะได้รับป้ายหยกประจําตัว

ในวันพรุ่งนี้จะเป็นวันเริ่มการทดสอบของสํานักซวนเสีย พวกเขาต้องพักอยู่ในเมืองเสียสักวันก่อน

หลังจากจองโรงเตี๊ยมเพื่อพักผ่อนเสร็จ โม่ซางคงเรียกขึ้น “เสี่ยวซี มีเรื่องหนึ่งที่ข้าลืมบอกเจ้า นักล่าเงินรางวัลในป่าทมิฬดูเหมือนจะกำลังตามหาเจ้า พวกนั้นต้องการให้เจ้ามอบยาแก้พิษให้”

มู่เฉียนซีนิ่งอึ้ง “โอ๊ะ! ข้าลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท ถ้าเช่นนั้นเจ้าส่งคนไปส่งยาแก้พิษให้พวกเขาหน่อยสิ”

“ไม่มีปัญหา”

“เอ้อ แล้วเนื้อหาการทดสอบของสํานักศึกษาซวนเสียในวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไงกันแน่ล่ะ ?” มู่เฉียนซีถาม

“การทดสอบของสํานักซวนเสียทุกครั้งล้วนไม่เหมือนกัน เสียใจด้วยที่ข้าต้องบอกว่าไม่มีผู้ใดคาดเดาได้”

“อืม วันนี้เจ้าเหนื่อยมามากแล้ว รีบไปพักผ่อนเร็วเข้าเถอะ”

“อืม”

เหล่านักเรียนกําลังพักผ่อน ทว่าอาจารย์ใหญ่หนานเฟิงกลับดื่มสุราไปพลาง คุยโม้กับอาจารย์ใหญ่อีกเก้าท่านไปพลาง

ในครั้งนี้ สํานักศึกษาหนานเฟิงใช้วิหคปีกดำเป็นสัตว์พาหนะในการเดินทางมาถึงเสียโจว แน่นอนว่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ย่อมแย่งชิงความโดดเด่นอย่างมาก ทุกคนจึงเล่าลือกันว่าสํานักศึกษาหนานเฟิงนั้นร่ำรวยอย่างยิ่ง

……

อรุณรุ่งวันต่อมา นักเรียนทั้งหมดถูกเรียกไปรวมตัวที่ลานกว้างของเมืองเสีย

อาจารย์ใหญ่หนานเฟิงกล่าวขึ้น “ไปที่ลานกว้าง เมื่อพวกเจ้าก้าวเข้าสู่ลานนี้ การทดสอบจะเริ่มขึ้น จงสู้เพื่อสํานักศึกษาหนานเฟิงของพวกเรา สู้ตาย!”

“ขอรับ!” เหล่านักเรียนขานรับพร้อมเพรียงกัน

ในขณะนั้นเอง เสียงแปลก ๆ ดังออกมา “ไม่ว่าพวกเจ้าจะสู้ยังไง สํานักศึกษาหนานเฟิงของพวกเจ้าก็จักต้องอยู่อันดับล่างอยู่วันยังค่ำ และเฉินซีของเรา ครั้งนี้ก็จะเป็นนักเรียนใหม่อันดับหนึ่งอีกเช่นเคย”

ผู้ที่กล่าววาจาเกทับคือรองอาจารย์ใหญ่ของสํานักเฉินซี เมื่อวาน ด้วยเพราะสํานักศึกษาหนานเฟิงมาถึงก่อน ซึ่งเป็นการแย่งชิงสถิติที่พวกเขาสำนักศึกษาเฉินซีทำมาหลายปี จึงอดไม่ได้ที่จะพูดจาทําลายความมั่นใจในตนเองของพวกเขา

อาจารย์ใหญ่หนานเฟิงกล่าว “อันดับหนึ่งงั้นรึ ?! เฉินซีของพวกเจ้ายังจะกล้าพูดอีกจริง ๆ หรือ ? เมื่อถึงเวลานั้น นักเรียนใหม่อาจตกเป็นของหนานเฟิงของพวกเรา พวกเจ้าเฉินซีก็อย่าร้องไห้ขี้มูกโป่งล่ะ”

“หนานเฟิงของพวกเจ้ามีใครเก่งจนสามารถได้ที่หนึ่งบ้าง ?” ฝ่ายตรงข้ามยิ้มเหยียดหยาม สายตาของเขาจับจ้องไปที่โม่ซางคง

“เจ้าเด็กนี่ของตําหนักโม่อวี่ไม่เลวเลย แต่มันก็แค่นั้น ที่หนึ่งต้องเป็นเฉินซีของพวกเราแน่นอนอยู่แล้ว ฮิ ๆ ๆ”

อาจารย์ใหญ่หนานเฟิงกล่าวโต้ “พูดดีไปเถอะ เจ้าคอยดูแล้วกัน”

สิ่งที่เขาคาดหวังไม่ใช่นายน้อยโม่ซางคงแห่งตําหนักโม่อวี่ แต่เป็นมู่เฉียนซีสตรีอายุน้อยลึกลับ สาวน้อยผู้นี้รอดมาจากน้ำมือของเนตรอำมหิตได้ บางทีนางอาจสังหารเนตรอำมหิตไปแล้วด้วยซ้ำ

ไม่พอเท่านั้น นางยังฆ่าสัตว์วิญญาณไปมากมายจนได้รับคะแนนสูงอย่างน่าตกใจ ไพ่ตายของนางย่อมยากที่จะจินตนาการ มันต้องเป็นอะไรที่ ‘เจ๋งมาก ๆ’ แน่นอน

“อืม แล้วจะคอยดู!”

ศิษย์เกือบสามหมื่นคนจากสิบสํานักศึกษาใหญ่เดินตรงไปยังลานกว้างของเมืองเสีย ทันใดนั้นป้ายประจําตัวของพวกเขาเปล่งแสงออกมาห่อหุ้มร่างพวกเขาทั้งหมดเอาไว้

การทดสอบเริ่มต้นขึ้นแล้ว

ณ ตอนนี้ มู่เฉียนซีพบว่าตัวเองยืนอยู่ในห้องที่ผนังดูเหมือนเป็นโลหะสีดําสนิท บริเวณรอบด้าน นอกจากนางแล้วไม่มีใครอยู่ด้วย

ในตอนนั้นเอง เสียงชราเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “อะแฮ่ม! การทดสอบการรับเข้าเรียนของสํานักศึกษาซวนเสียกําลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ณ ตอนนี้เข้าสู่ด่านแรก เจ้ามีเวลาเพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้นในการหาทางออกไปจากช่องทางนั้นให้ได้โดยไม่ใช้พลังลมปราณและพลังวิญญาณของเจ้า”

“เอาล่ะ ข้าอธิบายเนื้อหาการทดสอบเสร็จแล้ว มีคําถามอะไรอีกหรือไม่ ?”

“ไม่มี ข้าจะเริ่มการทดสอบเดี๋ยวนี้แหละ”

เมื่อมือของมู่เฉียนซีแตะลงไปบนประตูบานนั้น พลันรู้สึกว่าพลังลมปราณและพลังวิญญาณของตนไม่สามารถใช้ได้ …นี่มันไม่สามารถโกงได้เลย!

มู่เฉียนซีพยายามใช้พลังผลักอย่างแรง กลับต้องพบกับความเป็นจริงที่ว่าประตูบานนี้หนักมากจริง ๆ แต่อย่างไรก็ต้องผลักมันออกไปให้ได้ มันเปิดออกเพียงน้อยนิดแล้วปิดเองอีกครั้ง มันหนักมากเสียจนด้วยความแข็งแกร่งทางร่างกายที่นางมีในเวลานี้ไม่เพียงพอให้มันเปิดออกได้

มู่เฉียนซีตัดสินใจถอยหลังไป ก่อนจะใช้ความเร็วแบบถึงขีดสุดของตัวเอง รวบรวมพลังขาทั้งสองข้างเตะประตู

— ปัง! —

ในที่สุดพละกำลังอันตั้งใจนี้ก็เตะประตูบานตรงหน้าจนเปิดออกได้สำเร็จ เพียงแต่ขาทั้งสองข้างมันชาไปหมดเลยให้ตายเถอะ!

“บัดซบ! แข็งเกินไปแล้ว” นางสบถ

จะหงุดหงิดเพียงใดก็ต้องมุ่งหน้าต่อไป นางก้าวไปและพบว่าข้างในมีทางเดินสีดําสนิทให้เดินเข้าไป ทันใดนั้น ลมพายุรุนแรงพัดเข้ามาใส่อย่างแทบไม่ทันได้ตั้งตัว เคราะห์ดีที่นางระแวดระวังอยู่ตลอดเวลาจึงรีบขยับตัวพร้อมตะโกนอย่างเย็นชา

“มังกรวารีพิฆาต!”

เมื่อเข้าไปในมิตินี้ ก็สามารถใช้พลังวิญญาณได้

แต่ความวัวเพิ่งจะหาย ความควายก็เข้ามาแทรก พ้นประตูมาได้กลับต้องมาเจอหุ่นเชิดเหล็กสีดําเป็นมันเงาตัวหนึ่งยืนรออย่างท้าทายอยู่เบื้องหน้า หากว่าต้องการออกไปได้อย่างปลอดภัย ดูเหมือนว่าจะต้องเอาชนะเจ้าหุ่นนี่ให้ได้

นางคิดไม่ถึงเลยว่าด่านแรกในการทดสอบของสํานักศึกษาซวนเสียจะไม่ใช่การทดสอบพรสวรรค์หรือพลังวิญญาณของนักเรียน แต่เป็นการทดสอบสมรรถภาพทางกายและความสามารถในการแสดงออกมา

มุมปากมู่เฉียนซียกขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้มพึงพอใจ การต่อสู้ไม่ใช่จุดอ่อนของนางแน่นอน ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เสียเวลาแล้ว จัดการเจ้าหุ่นเชิดให้เสร็จ ๆ ดีกว่า!

“ผนึกมังกรวารี!” สิ้นเสียงนาง มังกรวารีสีฟ้าพุ่งออกไป

— ตูม! —

เสียงระเบิดดังสนั่น ทว่าหุ่นเชิดเหล็กสีดําตรงหน้านี้กลับไม่เป็นอะไร

‘อะไรกันเจ้าหุ่นบ้านี่! พลังป้องกันแข็งแกร่งมาก’ มู่เฉียนซีคิดกับตัวเองพลางขยับกายเข้ามาใกล้เจ้าหุ่น แล้วใช้กระบวนท่าอื่นโจมตีออกไป

“ทักษะตี้ซวน!”

— แกร๊ก! แกร๊ก! —

มันแตกไปในทันที แต่เมื่อมู่เฉียนซีหันหลังกลับ ชิ้นส่วนมันกลับลอยมารวมเข้าด้วยกันใหม่

“อะไรกัน ?! ไม่ได้การ ข้าต้องรีบออกไป” มู่เฉียนซีตะโกน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเจ้าสิ่งที่กลับสู่สภาพเดิมได้นี้ หากสู้กับมันต่อไปเกรงว่าคงสิ้นเปลืองเวลามาก

แต่หุ่นเชิดเหล็กสีดําไม่ยอม มันไล่ตามมู่เฉียนซีอย่างไม่ลดละ

ดวงตาของมู่เฉียนซีทอประกายกล้า ชักเริ่มสนุกขึ้นมาแล้วสิ การทดสอบนี้ไม่เพียงแต่ทดสอบการต่อสู้จริง ทว่ายังทดสอบความเร็วอีกด้วย

มู่เฉียนซีวิ่งไปได้ไม่ไกลนัก ตรงหน้าก็ปรากฏหุ่นเชิดเหล็กดําอีกสองตัวขวางทางอยู่

ให้มันได้อย่างนี้สิ!