นอกเขตแดนร้อยสงคราม

แสงอาทิตย์ดูหม่นไป กองทัพทั้งสองฝ่ายมารวมตัวกันที่นี่ ผู้คนจำนวนมากกระจายไปทั่วบริเวณ คลื่นหลิงนับไม่ถ้วนพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ทำให้กระทั่งอากาศยังหยุดการไหลเวียน

นี่เป็นการเผชิญหน้ากันของสองขั้วอำนาจใหญ่แท้จริง

เมื่อการต่อสู้ระเบิดออก ก็จะสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วพร้อมกับการล่มสลายของจอมยุทธ์จำนวนมาก เลือดฉาบย้อมไปทั่วท้องฟ้าจนเป็นสีแดง ฉายความโหดร้ายดังกล่าวชวนให้หนาวเยือกไปจนถึงกระดูก

มู่เฉินนำหน่วยรบวิหคโลกันตร์ไปรวมกับกองทัพอาณาเขตกงเวทสวรรค์ เขามองเงาร่างจำนวนมากที่ปกคลุมท้องฟ้าในทิศทางของแดนร้อยสงคราม ก็มีสีหน้าเคร่งเครียดลง จนตอนนี้เขาถึงได้พบว่าแดนร้อยสงครามทรงพลังเพียงใด แม้จะด้อยกว่ากองทัพชั้นยอดอย่างอาณาเขตกงเวทสวรรค์ แต่พลังของพวกเขาก็สามารถกวาดล้างทวีปเป่ยชางได้สบายๆ

“ถ้าการต่อสู้ครั้งสุดท้ายนี้เริ่มขึ้น คงจะเป็นสภาวะมืดมิดและโกลาหลไปหมด” มู่เฉินพึมพำกับตัวเอง แม้แต่อาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็ยังต้องจ่ายราคาแพงระยับ หากต้องการโค่นล้มแดนร้อยสงคราม

“การต่อสู้ครั้งสุดท้ายคงไม่เกิดขึ้นง่ายๆ หรอก” ถังปิงที่ยืนข้างมู่เฉินเอ่ยขึ้นเบาๆ

“หือ?” มู่เฉินอึ้งไป

“ต่อให้แดนร้อยสงครามเตรียมตัวมาดี แต่พวกเขาก็ไม่มีความกล้าพอที่จะตายอย่างสมเกียรติแทนที่จะมีชีวิตอย่างน่าอับอาย สงครามครั้งนี้หากไม่ใช่เพราะตำหนักสุดนภาคอยชักใยอยู่เบื้องหลังละก็ พวกเขาไม่กล้าแม้แต่แหย่อาณาเขตกงเวทสวรรค์หรอก”

สายตาของถังปิงวูบไหวขณะคลี่ยิ้ม “ถ้าเป็นในเวลาปกติ อาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็สามารถทนได้ แม้จะต้องจ่ายบางอย่างไปบ้างเพื่อล้างบางแดนร้อยสงคราม นอกจากนี้เราก็สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วและเติบโตอย่างแข็งแกร่งขึ้น ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดี เนื่องจากสงครามล่าใกล้เข้ามาแล้ว ถ้าเราจะเปิดศึกใหญ่ในตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเรา”

“ทั้งสองฝ่ายต่างไม่มีความคิดที่จะสู้ตายกันไปข้าง ดังนั้นการต่อสู้ชี้ชะตานี้ คงยากจะเริ่มขึ้น”

มู่เฉินมองถังปิงที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจก็อดไม่ได้ที่จะถูจมูก “สรุปแล้วเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเล่นปาหี่กันรึ? แดนร้อยสงครามว่างมากรึไงถึงมาประกาศสงครามกับอาณาเขตกงเวทสวรรค์ของเรา?”

“น่าจะไปทำสัญญาอะไรกับตำหนักสุดนภาไว้มั้ง” ถังปิงเอ่ยหลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็คลี่ยิ้มออกมา “แต่ต่อให้ไม่ใช่การสู้รบแบบหมดหน้าตัก เรื่องราววันนี้ก็ไม่จบง่ายๆ หรอก เพราะไม่ว่าอย่างไรก็มีสายตามากมายกำลังมองมายังที่นี่”

มู่เฉินพยักหน้ากำลังจะพูด สายตาก็เหลือบเห็นลำแสงสามสายวาบตรงหน้าฝั่งกองทัพแดนร้อยสงคราม ดึงดูดสายตาเทิดทูนนับไม่ถ้วนจากจอมยุทธ์แดนร้อยสงครามไปในทันที

ในบรรดาคนทั้งสาม คนหนึ่งเป็นชายชราสวมชุดสีฟ้าอมเขียว พาดฝักดาบไว้บนหลัง สายตาคมกริบอัดแน่นด้วยรัศมีกระบี่คลื่นหลิง เมื่อกวาดตามอง ก็ไม่มีใครกล้าสบสายตากับเขา

ที่ยืนด้านซ้ายเป็นชายชราผอมบางสวมชุดสีดำ เขาดูราวกับถุงบรรจุกระดูก มองเหมือนซากศพตากแห้งอย่างไรอย่างนั้น รัศมีน่าขนลุกที่แผ่ปกคลุมรอบกายทำให้คนมองรู้สึกไม่สบายอย่างยิ่ง

ส่วนที่ยืนอยู่ด้านขวาเป็นชายหัวล้าน เขาดูบอบบางประสานมือไว้ตรงหน้า รูปลักษณ์ไม่มีอะไรพิเศษเลย แต่ดวงตาทั้งคู่กลับดูราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอยู่ภายใน ช่างดูลึกลับและยากหยั่งถึง

เมื่อทั้งสามปรากฏตัว ขวัญกำลังใจของแดนร้อยสงครามก็พุ่งทะยานขณะที่เสียงโห่ร้องดังอื้ออึง ทำให้แม้แต่ฟ้าดินยังสั่นสะเทือนเบาบาง

“พวกเขาคือสามผู้นำแห่งแดนร้อยสงคราม ชายชราชุดฟ้าคือเจ้าหุบเขาหมื่นศาสตราฉายาเฒ่าเร้นกระบี่ที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ด ชายชราผอมแห้งก็คือเจ้าสำนักศพปีศาจคนปัจจุบันฉายาปีศาจภูเขาศพ… ส่วนคนสุดท้ายคือผู้ก่อตั้งพิลาลสสวรรค์ฉายาอสูรพิลาลส เขามาจากพิภพเขตล่าง แต่พลังยากเกินหยั่งถึง ว่ากันว่าเขาอาจจะเป็นจอมยุทธ์ที่ยากหยั่งมากที่สุดในบรรดาผู้นำทั้งสามคน” ถังปิงมองทั้งสามด้วยสีหน้าเคร่งเครียดลงหลายส่วน

พอได้ยินคำพูดของถังปิง มู่เฉินก็อดมองชายหัวล้านไม่ได้ แม้ว่าพิภพเขตล่างจะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับมหาพันภพ แต่เพราะเหตุนี้จึงทำให้เหล่าจอมยุทธ์ที่สามารถผ่านระนาบมิติของพิภพเขตล่างเข้าสู่มหาพันภพได้ต่างเป็นจอมยุทธ์ทรงพลังอำนาจทั้งสิ้น ส่วนจอมยุทธ์ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือสุดที่มีต้นกำเนิดมาจากพิภพเขตล่าง ก็คือเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม…

อสูรพิลาลสเบื้องหน้าสายตาก็เป็นจอมยุทธ์ที่ถือกำเนิดในพิภพเขตล่างเช่นกัน นอกจากนี้ยังสร้างขั้วอำนาจของตนขึ้นมาได้ จอมยุทธ์เช่นนี้ต้องมีทักษะมหัศจรรย์อย่างแน่นอน

มู่เฉินพยักหน้าเบาๆ ประมุขทั้งสามไม่อ่อนแอไปกว่าจอมพลทั้งสามแห่งอาณาเขตกงเวทสวรรค์ของพวกเขาเลย พลังที่มีนับว่าทรงพลังมาก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกเขาถึงสามารถคุมแดนร้อยสงครามได้

“ฮ่าๆ สหายเก่าแก่ ตาเฒ่าจอมพล พวกเจ้ายังไม่คิดที่จะแสดงตัวอีกหรือ?” หลังจากที่สามประมุขแดนร้อยสงครามเผยตัวออกมาแล้ว ชายชราชุดสีฟ้าอมเขียวที่สะพายฝักกระบี่ข้างหลังก็หัวเราะเบาๆ เสียงดังก้องไปทั่วทุกซอกมุม

“ฮ่าๆ ในเมื่อเจอกันในสนามรบ ก็ไม่นับว่าเป็นสหายกันได้กันหรอกมั้ง” เสียงมากวัยคุ้นหูดังออกมา ตรงหน้าเบื้องหน้ากองทัพอาณาเขตกงเวทสวรรค์ จากนั้นชายสามคนก็ปรากฏตัวออกมา พวกเขาคือเหล่าจอมพลแห่งอาณาเขตกงเวทสวรรค์ และคนที่พูดออกมาก็คือเทียนจิ้วนั่นเอง

เมื่อเหล่าจอมพลปรากฏตัว ขวัญกำลังใจของกองทัพอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็ฮึกเหิมมากขึ้นเช่นกัน

“คึๆ อาณาเขตกงเวทสวรรค์ฟื้นฝอยหาตะเข็บ แดนร้อยสงครามก็แค่ยึดเมืองชายแดนกระจึ๋งเดียวเอง แต่พวกเจ้าก็ถึงกับยกกองทัพใหญ่มา” ชายชราชุดดำที่ดูราวกับมัมมี่หัวเราะเสียงแหบพร่าเสียดแก้วหู

“นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กตราบใดที่เกี่ยวกับชื่อเสียงของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ในเมื่อแดนร้อยสงครามกล้าท้าทายกันละก็ พวกเจ้าก็ต้องรับผลของการกระทำที่เกิดขึ้นด้วย” หลิงถงเอ่ยเสียงเรียบ

เมื่อเหล่าคนใหญ่โตจากทั้งสองกองทัพสาดโคลนใส่กัน ทั่วบริเวณก็เงียบกริบปล่อยให้พวกเขาพูดกันให้พอใจ

“แม้ชื่อเสียงของอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะยิ่งใหญ่ แต่แดนร้อยสงครามก็ไม่อ่อนด้อยถึงขนาดที่ต้องก้มหัวให้หรอก” เฒ่าเร้นกระบี่แห่งหุบเขาหมื่นศาสตราเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นอกจากนี้ถ้าประมุขพวกแกไม่ลงมือ แค่พวกเจ้าสามคนก็ไม่พอที่จะล้างบางแดนร้อยสงครามได้หรอก ดังนั้นข้าคิดว่าพวกแกรีบเรียกประมุขออกมาดีกว่านะ”

เทียนจิ้วขมวดคิ้วขณะที่ไอเย็นเยือกไหลในดวงตา

“ดูเหมือนว่าเจ้าอยากเจอข้ามากสินะ?” แต่ก่อนที่เทียนจิ้วจะตอกกลับ เสียงแหบพร่าก็ดังขึ้นไปทั่วบริเวณ ขณะที่เสียงสะท้อนก้อง ทุกคนก็รู้สึกถึงแรงกดดันน่ากลัวกดลงมาจากชั้นฟ้า ปกคลุมไปทั่วรัศมีหมื่นลี้เกือบจะในทันที

ทุกคนเบนสายตาตกตะลึงไป ที่ตรงหน้าเหล่าจอมพลแสงพร่างพราวรวมตัวกัน ก่อร่างเป็นบัลลังก์ทองคำพร้อมกับร่างเงาร่างหนึ่งที่ปกคลุมไปด้วยแสงนั่งอยู่ นี่เป็นเงาร่างที่ไม่อาจบรรยายได้ว่าคุกคาม แต่กลับทำให้จอมยุทธ์นับไม่ถ้วนตกตะลึงจนถึงจุดที่ไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักแอะเดียว

“ขอต้อนรับท่านประมุข!”

เหล่าจอมพลตกตะลึงกับการปรากฏตัวของประมุขเช่นเดียวกัน จากนั้นพวกเขาก็รีบโค้งคำนับประสานมือเข้าด้วยกัน ที่เบื้องหลังจอมยุทธ์นับไม่ถ้วนจากอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็คำนับด้วยความเคารพพร้อมกับเปล่งเสียงดังก้องฟ้า

เทียบกับภาพน่าเกรงขามกองทัพอาณาเขตกงเวทสวรรค์ กองทัพแดนร้อยสงครามก็เงียบกริบลงในทันใด แววหวาดกลัวแรงกล้าวาบขึ้นในดวงตาของจอมยุทธ์นับไม่ถ้วน เพราะพวกเขารู้ดีว่าประมุขลึกลับแห่งอาณาเขตกงเวทสวรรค์ตรงหน้าเป็นจอมยุทธ์ที่แม้แต่ประมุขทั้งสามแห่งดินแดนร้อยสงครามยังไม่กล้ากระทำการบุ่มบ่าม

สีหน้าของเฒ่าเร้นกระบี่ฝืดเคืองไปเล็กน้อย โดยเฉพาะตอนที่เขาสัมผัสได้ถึงสายตาไม่แยแสและไร้อารมณ์ที่มองมาจากบนบัลลังก์ กระทั่งเขาที่มีพลังยังรู้สึกหนาวเยือกขึ้นมาจากปลายเท้า

แม้เขาจะมีขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ด แต่เมื่อเทียบกับประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ที่บรรลุขุมพลังตี้จื้อจุนแล้วละก็ ช่างแตกต่างราวฟ้ากับเหว

“ฮ่าๆ ประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ไม่เจอกันตั้งนาน เจ้าก็ยังเหมือนเดิมอยู่นะ”

ทว่าขณะที่ตาเฒ่าเร้นกระบี่ถูกปกคลุมไปด้วยแรงกดดันน่ากลัวจนรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาในใจ เสียงหัวเราะเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นบนท้องฟ้า

มิติฝั่งแดนร้อยสงครามฉีกเปิดออกพร้อมกับร่างร่างหนึ่งก้าวออกมา เขาเป็นชายวัยกลางคนสวมชุดสีฟ้าอมเขียว ท่าทางสง่าผ่าเผย ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับราวกับท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาว ทำให้คนอื่นๆ รู้สึกมอมเมาโดยไม่รู้ตัว

เขายืนอยู่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่ทุกคนสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่แผ่มาจากประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ที่ถูกต้านกลับไป

เมื่อเฒ่าเร้นกระบี่เห็นชายวัยกลางคนชุดฟ้าอมเขียว ก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก

“ประมุขตำหนักสุดนภา—หลิ่วเทียนเต้า!” ถังปิงเอ่ยเสียงขรึมขณะจ้องมองร่างที่ยืนกลางอากาศ คนผู้นี้สามารถสยบเหล่าจอมยุทธ์ทั้งสองฝ่ายได้อย่างเด็ดขาด

“ตำหนักสุดนภา หลิ่วเทียนเต้า?” หัวใจของมู่เฉินกระตุก ขณะสายตาวูบไหว หลิ่วหมิงน่าจะเป็นบุตรชายของเขานะสิ? ถ้าชายวัยกลางคนรู้ว่าหลิ่วหมิงถูกกักขังเพราะเขาจะคลุ้มคลั่งหรือเปล่า?

“หลิ่วเทียนเต้า ในที่สุดก็เสนอหน้าออกมา” ไม่มีริ้วอารมณ์ใดๆ ในคำพูดของประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ เห็นชัดว่าการปรากฏตัวของหลิ่วเทียนเต้าเป็นไปตามที่คิดไว้

หลิ่วเทียนเต้ายิ้มบางขณะดวงตาที่ราวท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวจับจ้องอยู่ที่ร่างนั้นพลางขมวดคิ้วอย่างไม่เป็นที่สังเกต จากข่าวที่ได้รับมาประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์เคยได้รับบาดเจ็บหนักจนต้องเก็บตัวมาหลายปี ตามหลักการตอนนี้เขาน่าจะอยู่ในสภาพอ่อนแอที่สุด ทว่าเขายังกล้าแสดงตัวอีกหรือ?

หรือประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะทำเป็นแข็งแกร่งภายนอก แต่ที่จริงข้างในคืออ่อนล้าเหี่ยวแห้งไปหมดแล้ว?

แสงวาบขึ้นในดวงตาของหลิ่วเทียนเต้า จากนั้นเขาก็ยกฝ่ามือ ทุกคนเงยหน้าก็เห็นคลื่นหลิงในบริเวณนี้มารวมตัวกันอย่างป่าเถื่อน ภูเขาหลากสีคลื่นหลิงปรากฏออกมาบนอากาศ

แม้ภูเขาจะดูธรรมดา แต่ก็หนักราวกับภูเขานับล้านชั่ง เป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้ายังต้านรับไม่ได้ เพราะนี่เกิดจากคลื่นหลิงบริสุทธิ์ระหว่างฟ้าดิน

กลยุทธ์รูปแบบฟ้าดิน

หมายความว่ามีเพียงจอมยุทธ์ที่ก้าวสู่ขุมพลังตี้จื้อจุนเท่านั้นจึงจะสามารถทำได้ รวมคลื่นหลิงจากทั้งฟ้าดินไว้ได้เพียงการสะบัดมือครั้งเดียว

“ประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ นี่คือของขวัญมอบให้เจ้า!”

หลิ่วเทียนเต้าสะบัดแขนเสื้อ ขณะภูเขาทอดเงาขนาดใหญ่ปกคลุมเหล่าจอมยุทธ์อาณาเขตกงเวทสวรรค์ไว้ทั้งหมด เป็นเรื่องง่ายหากเขาต้องการรู้ว่าประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์แข็งแกร่งภายนอก อ่อนล้าเหี่ยวแห้งภายในหรือไม่ แค่ลองทุกอย่างก็จะกระจ่างเอง

หากเป็นอย่างที่หลิ่วเทียนเต้าเดาเอาไว้ว่าประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์อยู่ในสภาพอ่อนแอที่สุดในตอนนี้ วันนี้ก็จะเป็นวันที่อาณาเขตกงเวทสวรรค์พังพินาศ เหตุผลที่เขาให้แดนร้อยสงครามท้าทายอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ก็เพื่อบีบให้ประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์แสดงตัวออกมาเท่านั้น…

ตู้ม!

เงาปกคลุมลงมา จอมยุทธ์อาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็มีสีหน้าซีดเผือดลง เผชิญกับการโจมตีในระดับนี้ พวกเขาไม่มีทางหลบหนีได้เลย พลังที่มีห่างไกลกว่าระดับตี้จื้อจุนไปหลายโยชน์

ดังนั้นสายตาจำนวนมากจึงพุ่งตรงไปที่ร่างซึ่งนั่งนิ่งอยู่บนบัลลังก์

มู่เฉินก็มองไปอย่างกังวลใจ ฝ่ามือของเขาชื้นไปด้วยเหงื่อ หากเขาถูกสังหารที่นี่ ก็เป็นเรื่องตลกร้ายเกินไปแล้ว

ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน ในที่สุดร่างบนบัลลังก์ก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นสูดหายใจลึก สวรรค์และโลกสั่นสะเทือน ภูเขาคลื่นหลิงที่ดิ่งลงมากลายเป็นแนวแสงพุ่งเข้าไปในปากร่างที่อยู่บนบัลลังก์ ถูกกลืนกินไว้จนหมดสิ้น

ซื้ดดด!

จอมยุทธ์นับไม่ถ้วนอ้าปากตาค้างไปเลยทีเดียว