แดนนิรมิตเทพ บทที่ 800
สำหรับตัวเฉินโม่แล้ว เจี่ยจวินซื่อไม่อยากแสดงความคิดเห็น เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตรวจพบสถานะที่แท้จริงของเฉินโม่ได้

“ดูสิ หยุนเทียนหลิงมาแล้ว!” ห่าวเจี้ยนกล่าวเบา ๆ ด้วยดวงตาเป็นประกาย

เขามักจะรู้สึกว่าบนร่างกายของหยุนเทียนหลิงมีพลังที่น่าสะพรึงกลัว ซึ่งทำให้เขาไม่กล้ามองโดยตรง

ภายใต้สายตาของหลายคน หยุนเทียนหลิงแสดงสีหน้าเย็นชา และเดินไปนั่งอยู่ด้านหลังเล่หรูหั่วอย่างเงียบ ๆ สายตาของเขาราวกับสัตว์ร้ายที่จ้องเหยื่อ ทำให้คนรู้สึกสั่นสะท้าน

เจี่ยจวินซื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “อย่าไปยั่วยุเขา บุคคลนี้อันตรายมาก”

จี๋ต๋าจิ่วตูและห่าวเจี้ยนหดคอ และอดไม่ได้ที่จะถอนสายตา

งานมิตรภาพเทศกาลไหว้พระจันทร์ไม่มีพิธีกร นักศึกษาจัดกิจกรรมตามอัธยาศัย

รายการแรกเป็นการเปิดโอกาสให้ทุกคนพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ หลังจากผ่านไปสักพัก ก็จะมีคนเปิดดนตรีและเข้าสู่งานเต้นรำ

ยุคปัจจุบันที่มีผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ทำให้สาวสวยที่อยู่ที่นี่กลายเป็นที่ต้องการอย่างมาก

ผู้ชายจะเป็นฝ่ายเริ่ม โดยอาศัยอารมณ์ขันหรือสถานะครอบครัวที่ไม่ธรรมดา ดึงดูดความสนใจของผู้หญิง

มู่หรงยานเอ๋อร์และเล่หรูหั่วกลายเป็นเป้าหมายของผู้ชายทุกคนอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ความจริงกลับตรงกันข้าม ตอนนี้ข้างกายของหรงยานเอ๋อร์และเล่หรูหั่วไม่มีผู้ชายสักคน

สาเหตุเป็นเพราะมู่หรงยานเอ๋อร์เปิดเผยในงานเลี้ยงต้อนรับว่าตนเองมาที่นี่เพื่อตามจีบผู้ชาย แล้วยังแสดงภาพลักษณ์ของผู้หญิงที่รักปักใจอีกด้วย ดังนั้นจึงไม่มีใครอยากหาเรื่องใส่ตัว

ส่วนเล่หรูหั่วเป็นเพราะหยุนเทียนหลิงที่นั่งอยู่ข้างหลัง ความเย็นชาที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของหยุนเทียนหลิง ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้ชายที่ต้องการเข้าใกล้เล่หรูหั่วรู้สึกตกใจกลัว

แต่นอกจากมู่หรงยานเอ๋อร์กับเล่หรูหั่วแล้ว งานมิตรภาพดำเนินไปด้วยความคึกคัก นักศึกษามากมายกำลังพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ บางกลุ่มเป็นสมาชิกในหอพักเดียวกัน ส่วนบางกลุ่มเป็นสมาชิกต่างหอพัก และงานมิตรภาพคราวนี้เป็นโอกาสดีสำหรับนักศึกษา ในการสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน

รายการแรกผ่านไปอย่างรวดเร็ว จี๋ต๋าจิ่วตูและห่าวเจี้ยนกำลังสนทนากับสองสาวห้องเดียวกัน ด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความสุข

แม้แต่เหวินถิงอี้ก็สนทนากับสาวแว่นด้วยความสนุกสนานเช่นกัน

ทันใดนั้น เสียงดนตรีที่ไพเราะก็ดังขึ้น งานมิตรภาพเข้าสู่รายการที่สองแล้ว

หลังจากเสียงดนตรีดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ห้องเงียบลงอย่างรวดเร็ว ชายหญิงจำนวนมากที่พูดคุยถูกคอ ต่างพากันเดินเข้าไปในฟลอร์เต้นรำ

ผู้ชายบางส่วนเริ่มยืนขึ้น แล้วเดินไปหาผู้หญิงที่สนิทคุ้นเคย โค้งตัวเพื่อเชิญผู้หญิงไปเต้นรำด้วยกัน

ขณะนี้ มีผู้ชายที่แกว่งเท้าเข้าหาเสี้ยนคนหนึ่งเดินมาหาเล่หรูหั่ว เขายื่นมือให้เล่หรูหั่วและกล่าวว่า “สาวสวย หวังว่าผมจะโชคดีสามารถเชิญคุณออกไปเต้นรำสักเพลง!”

เล่หรูหั่วรู้สึกเกรงใจที่จะปฏิเสธ และกล่าวด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “ค่ะ!”

นักศึกษาที่อยู่รอบ ๆ ต่างอิจฉาความโชคดีของผู้ชายคนนั้น

ขณะที่มือของเล่หรูหั่วที่ยื่นออกไปกำลังจะสัมผัสมือของผู้ชายคนนั้น

ทันใดนั้น มือหนึ่งก็คว้ามือของเล่หรูหั่วไว้ทันที

“ถ้าจะเต้นรำ คุณก็ต้องเต้นรำกับผมเท่านั้น!” หยุนเทียนหลิงจ้องเล่หรูหั่วด้วยความเย็นชา ราวกับว่าเขาเป็นราชาที่เผด็จการและไร้ความปรานี

เมื่อผู้ชายคนนั้นเห็นว่าตนเองกำลังจะได้เต้นรำกับสาวสวย แต่กลับถูกหยุนเทียนหลิงชิงตัดหน้าเสียก่อน เขาจึงกล่าวด้วยความโกรธว่า “เพื่อนนักศึกษา โปรดปฏิบัติตามกฎด้วย ผมเป็นคนเชิญเธอก่อน”

หยุนเทียนหลิงหันไปมองผู้ชายคนนั้น สายตาเย็นชาของเขาทำให้ผู้ชายคนนั้นอดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปหนึ่งก้าว “คำพูดของผมก็คือกฎ ไสหัวออกไป!”

“คุณ…..” ขณะที่ผู้ชายคนนั้นกำลังจะโต้ตอบ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงพลังที่น่าสะพรึงกลัวที่ปะทุออกมาจากร่างกายของหยุนเทียนหลิง ซึ่งทำให้เขาตกใจจนหน้าซีด ไม่มีเวลาคำนึงถึงหน้าตาแล้ว และรีบจากไปอย่างรวดเร็ว

ใบหน้าที่สวยงามของเล่หรูหั่วเต็มไปด้วยความโกรธ จ้องหยุนเทียนหลิงและกล่าวว่า “หยุนเทียนหลิง คุณอย่ามากเกินไป!”