กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 928

กู้ชูหน่วนแตะสัมผัสแก้มของตัวเอง

ทักษะวิชาการปลอมตัวของนางเกิดข้อผิดพลาดขึ้นอย่างนั้นหรือ?

กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นมึนงงและจ้องมองไปยังเหวินเส่าอี๋

จากนั้นแววตาที่น่ามองของเขาคู่นั้นกลับไม่มีความสงสัยเลยสักนิด ทว่าเป็นการยืนยันอย่างเชื่อมั่น

จะเถียงต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร

“ต่อให้ข้าคือมู่หน่วน จุดประสงค์ที่พวกท่านต้องการจะฆ่าข้า ก็ไม่ต่างไปจากตระกูลและสำนักอื่นๆ เพียงแค่ต้องการได้ครอบครองดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีและเวทมนตร์กลืนสวรรค์”

“ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีถูกเซี่ยวอวี่เซวียนกินเข้าไปตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือ? ส่วนเวทมนตร์กลืนสวรรค์นั้น……วรยุทธ์อันชั่วร้ายเช่นนั้น ข้าไม่คิดที่จะฝึกฝนหรอก”

เขารู้ได้อย่างไรว่าเซี่ยวอวี่เซวียนได้กินดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีเข้าไป?

รูม่านตาของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไปเล็กน้อย และกล่าวออกมาอย่างมั่นใจ “เจ้าคือเสี่ยวหูเตี๋ย?”

หากนางบอกว่าคือเหวินเส่าอี๋ก็ว่าไปอย่าง

ทว่านางกลับบอกว่าคือเสี่ยวหูเตี๋ย

บรรดาผู้อาวุโสทั้งแปดต่างพากันหันไปมองเหวินเส่าอี๋ และไม่เข้าใจว่าเหตุใดผู้หญิงคนนี้ถึงเรียกผู้นำของพวกเขาว่าเสี่ยวหูเตี๋ย

หัวหน้าเผ่าเกี่ยวข้องอะไรกับผีเสื้ออะไรนั้นหรือ? (หูเตี๋ย หมายถึง ผีเสื้อ)

หรือเพราะหน้ากากผีเสื้อ?

อาจเป็นเพราะนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตต่างๆ นานา ทำให้แววตาแห่งความอาฆาตสังหารของเหวินเส่าอี๋ปรากฏออกมา

กู้ชูหน่วนสัมผัสได้อย่างชัดเจน

นางกล่าว “ต่อให้ข้าได้เคยทำอะไรไว้กับเจ้า แต่ทว่าอย่างน้อยข้าก็ได้เคยช่วยชีวิตของเจ้าเอาไว้ เจ้าคงไม่ตอบแทนข้าด้วยการฆ่าสังหารข้าหรอกใช่หรือไม่?”

“ข้าต้องการให้เจ้าช่วยอย่างนั้นหรือ?”

“แต่ทว่าข้าก็ได้ช่วยชีวิตของเจ้าเอาไว้แล้วไม่ใช่หรือ?”

รอยยิ้มของเหวินเส่าอี๋ค่อยๆ เจือจางลง จากนั้นความกดขี่กดดันชนิดหนึ่งก็ได้รายล้อมกู้ชูหน่วนไปทั่วบริเวณ

“เรื่องของเรายังไม่ต้องพูดในตอนนี้ ทว่าอาม่อเป็นคนบริสุทธิ์ไร้เดียงสาและไม่มีพิษมีภัย เจ้าก็พูดออกมาแล้วว่าเขาคือเพื่อนของเจ้า ปล่อยเขาไปก่อนได้หรือไม่”

ผู้อาวุโสสวี่กล่าวขึ้นมา “เขาเป็นคนที่มีพลังหยินอันบริสุทธิ์ ต่อให้ตอนนี้เขาจะสูญเสียวรยุทธ์ไปทั้งหมด ทว่าเมื่อก่อนเขาก็เคยเป็นยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งระดับหกขั้นสูงสุด เพียงแค่สามารถนำเขาไปกลั่นสกัด เช่นนั้นก็สามารถช่วยให้วรยุทธ์ของผู้นำตระกูลพวกข้าพุ่งขึ้นไปถึงระดับเจ็ดได้ภายในระยะเวลาอันสั้น เช่นนั้นแล้วพวกข้าจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร”

กู้ชูหน่วนหันไปมองซือม่อเฟยที่ดูโง่เขลาและไร้เดียงสา

ยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งระดับหก? หรือร่างกายที่มีพลังหยินอันบริสุทธิ์?

เขาเคยมีวรยุทธ์ถึงระดับหกขั้นสูงสุดเชียวหรือ?

เช่นนั้นอีกนิดเดียวก็สามารถไปถึงระดับเจ็ดได้แล้วนะสิ?

นางเคยคิดว่าเมื่อก่อนเขาต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน ทว่ากลับคาดไม่ถึงว่าจะเก่งกาจมากถึงเพียงนี้

ถึงว่าเขาสามารถเข้าใจเรื่องค่ายกลได้

ถึงว่าเหตุใดเขาถึงรู้ทักษะวิชาการต่อสู้

กู้ชูหน่วนหันไปมองเหวินเส่าอี๋ “เจ้าจับเขามา เพียงเพื่อต้องการกลั่นสกัดเขา เพื่อทำให้วรยุทธ์ของตัวเองเพิ่มไปถึงระดับเจ็ดอย่างนั้นหรือ?”

“ไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”

“เจ้าคงไม่ทำเช่นนั้นหรอก”

“เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่มีทางทำเช่นนั้น?”

“เพราะข้าเคยได้ยินเจ้าดีดฉิน แม้ว่าเสียงฉินของเจ้าจะเต็มไปด้วยความโกรธแค้น แต่ทว่าเสียงดีดฉินของเจ้านั้นสะอาดบริสุทธิ์และก้องกังวาน เจ้าไม่ได้เป็นคนที่ทำทุกวิถีทางเพียงเพื่อบรรลุเป้าประสงค์ของตัวเองเช่นนั้น”

“ข้าเคยเป็นคนที่มีจิตใจดีเกินไป จึงทำให้ต้องสูญเสียทุกอย่างไปจนหมด ทว่าตอนนี้……ขอเพียงวรยุทธ์ของข้าสามารถไปถึงระดับเจ็ดได้ ขอเพียงข้าสามารถล้างแค้นได้ด้วยมือของข้า เช่นนั้นยังจะมีอะไรที่ข้าไม่สามารถทำได้อีก”

อีกทั้ง……

เขาและจอมมารไม่ได้ผูกพันกันอย่างลึกซึ้งเช่นนั้น

“ข้าให้โอกาสเจ้าหนึ่งครั้ง เพียงแค่เจ้าพูดออกมาว่าเหตุใดดวงวิญญาณของนางถึงเลือกที่จะเข้ามาอยู่ในตัวของเจ้า ดวงวิญญาณที่เหลือและรวมไปถึงเยี่ยจิ่งหานและเซี่ยวอวี่เซวียนอยู่ที่ใด เช่นนั้นข้าจะไตร่ตรองดูอีกครั้งว่าจะทำอย่างไรเพื่อจบชีวิตของเจ้าไปอย่างไม่ต้องรู้สึกเจ็บปวดเท่าไร”

“พูดไปพูดมาถึงอย่างไรข้าก็ต้องตาย เงื่อนไขนี้ไม่เป็นที่น่าสนใจ”

“เช่นนั้นก็จัดการนำซือม่อเฟยมากลั่นสกัดเสียก่อน”

เหวินเส่าอี๋นั่งอยู่ในตำแหน่งผู้นำและยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาอย่างผ่อนคลาย จากนั้นค่อยๆ ทำการจิบชาทีละนิด

ผู้อาวุโสต่างพากันปล่อยกำลังภายในออกมาพร้อมกัน เพื่อต้องการบังคับดูดจอมมารไป ไม่ว่ากู้ชูหน่วนจะห้ามปรามอย่างไรก็ไม่เป็นผล

“ตึ่ง……”

จอมมารตกลงตรงกลางของกระจกแปดเหลี่ยม

กู้ชูหน่วนคิดอยากจะเข้าไปช่วยเขา ทว่าร่างกายของนางกลับถูกจี้จุดเอาไว้ ไม่ว่านางจะพยายามคลายอย่างไรก็ไม่สามารถคลายได้

และทำได้เพียงมองดูผู้อาวุโสทั้งแปดพากันระดมกำลังภายในออกมา และแผดเผาเขาทีละนิด จอมมารเจ็บปวดจนร้องออกมาอย่างโอดครวญ

“พี่หญิง……เจ็บ……เจ็บปวดเหลือเกิน……”

“เหวินเส่าอี๋ มีอะไรเจ้าก็จัดการกับข้า ลงมือกับผู้ชายที่อ่อนแอและไม่มีกำลังต่อสู้เลยสักนิดจะได้ประโยชน์อะไร”

เหวินเส่าอี๋ไม่สนใจและยังคงจิบชาชั้นดีของเขาอย่างใจเย็น

จอมมารดิ้นทุรนทุรายอยู่ที่พื้นไม่หยุด เมื่อมองจากภายนอกแล้ว ไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าจอมมารได้รับบาดเจ็บอะไรภายนอกบ้าง ทว่าเขาเจ็บปวดจนใบหน้าบิดเบี้ยว คิ้วที่ขมวดเข้าหากันนั้น ท่าทางความเจ็บปวดที่ปรากฏออกมา ได้ทิ่มแทงเข้าไปลึกในหัวใจของกู้ชูหน่วน

“หยุดเดี๋ยวนี้ ข้าบอกว่าให้พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้ พวกเจ้าไม่ได้ยินหรือ”

เหตุใดบรรดาผู้อาวุโสทั้งแปดจะต้องเชื่อฟังคำพูดของเขา พวกเขาเพียงต้องการรีบกลั่นสกัดจอมมารให้ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อจะได้นำเลือดจากเขา ผู้ซึ่งมีพลังหยินอันบริสุทธิ์ออกมา จากนั้นเพื่อช่วยให้วรยุทธ์ของหัวหน้าเผ่าของพวกเขาทะลุไปถึงระดับเจ็ดให้ได้โดยเร็ว

หัวหน้าเผ่าต้องเสียเวลาไปหลายปีโดยไม่สามารถเพิ่มระดับวรยุทธ์ได้เลย หากไม่ใช่เป็นเพราะผู้หญิงคนนี้ที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมกลอุบายแย่งชิงดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีไป เช่นนั้นวรยุทธ์ของหัวหน้าเผ่าคงสามารถทะลุไปได้ถึงระดับเจ็ดไปแล้ว

เมื่อคิดเช่นนี้ บรรดาผู้อาวุโสทั้งแปดจึงรีบเร่งการกระทำของพวกเขา

“อั่ก……”

จอมมารกระอักเลือดสีแดงสดออกมา

เสียงของเขาเปลี่ยนจากเสียงที่บีบคั้นหัวใจกลายเป็นเสียงทุ้มต่ำ ลมหายใจของเขาก็อ่อนล้าลงเรื่อยๆ

หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน

กู้ชูหน่วนรู้สึกเจ็บปวดหัวใจขึ้นเป็นขณะ

ไม่รู้ว่านางเอาพละกำลังและเรี่ยวแรงมาจากไหน เหตุใดถึงได้สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการและกระโดดออกไปเพื่อปกป้องจอมมารได้

พลังของบรรดาผู้อาวุโสทั้งแปดได้ปะทะจู่โจมเข้าไปสู่ร่างกายของนาง เจ็บปวดจนนางแทบอยากปลิดชีวิตของตัวเอง

เมื่อถูกผู้อาวุโสทั้งแปดสกัดเอาไว้ กู้ชูหน่วนรู้สึกเพียงแค่เลือดของนางเหมือนกับน้ำมันที่เดือดพล่าน และกระดูกของตัวเองก็เหมือนถูกกดทับให้แตกหักลงอย่างละเอียด เจ็บปวดจนเรียกได้ว่าแทบตายทั้งเป็น

“แม่สาวน้อย เดิมทีพวกข้าคิดที่จะกลั่นสกัดเขาก่อน จากนั้นค่อยนำดวงวิญญาณที่หน้าผากของเจ้าออกมา ในเมื่อเจ้าหาที่ตายเอง เช่นนั้นพวกข้าก็จะกลั่นสกัดเจ้าพร้อมกันไปด้วยเลย”

ผู้อาวุโสทั้งแปดต่างพากันตกตะลึงเล็กน้อย

ผู้หญิงคนนี้มีวรยุทธ์เพียงระดับสี่เท่านั้น ทว่ากลับสามารถทำลายและหลุดพ้นจากพันธนาการของพวกเข้าไปได้

“พี่หญิง……ท่านรีบหนีไป”

หยาดเหงื่อขนาดเท่าเม็ดถั่วของจอมมารหยดย้อยลงบนพื้น เขาผลักกู้ชูหน่วนออกไปด้วยความเป็นห่วง และไม่ยอมให้กู้ชูหน่วนต้องทนรับความเจ็บปวดนี้แทนเขา

กู้ชูหน่วนเจ็บปวดจนอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าอย่างต่อเนื่อง

นางรู้ดีเหลือเกินว่า หากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางและอาม่อต่างก็ต้องตายลงอย่างแน่นอน

กู้ชูหน่วนอดทนกับความเจ็บปวดและกล่าวขึ้นมาว่า “พวกเจ้าอยากรู้เบาะแสของดวงวิญญาณที่เหลือทั้งสี่ว่าอยู่ที่ใดไม่ใช่หรือ? หยุดการกระทำของพวกเจ้าก่อน จากนั้นข้าจะบอกพวกเจ้า”

ผู้อาวุโสทั้งแปดต่างพากันมองไปยังเหวินเส่าอี๋

เหวินเส่าอี๋โบกมือจากนั้นผู้อาวุโสทั้งแปดจึงยอมวางมือลง

หลังจากที่พวกเขาหยุดการกระทำลง ความเจ็บปวดของกู้ชูหน่วนและจอมมารก็ดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย

“แม่สาวน้อย รีบพูดมาเดี๋ยวนี้ พวกข้าไม่ได้มีความอดทนมากมายเช่นนั้นหรอกนะ”

“ดวงวิญญาณดวงหนึ่งอยู่ที่ตระกูลไปหลี่ อีกดวงหนึ่งอยู่ในมือของจักรพรรดินี ส่วนที่เหลืออีกสองดวงนั้น ข้าก็กำลังค้นหาอยู่เช่นกัน”

“พวกข้าจะเชื่อได้อย่างไรว่าสิ่งที่เจ้าพูดออกมาคือความจริง?”

“ข้าก็อยู่ในเงื้อมมือของพวกเจ้าแล้ว เช่นนั้นข้ายังสามารถพูดจาหลอกลวงอะไรได้อีก?”

“แม่สาวน้อย พวกข้าไม่ได้ใจอ่อนเหมือนคนอื่นหรอกนะ หากเจ้าตอบกลับมาไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ เช่นนั้นพวกข้าจะกลั่นสกัดซือม่อเฟยเสียก่อน”

“ดวงวิญญาณทั้งสามของนางอยู่ในตัวของข้า ข้าสามารถรับรู้ได้ถึงตำแหน่งของดวงวิญญาณที่เหลืออื่นๆ หากพวกเจ้าฆ่าข้า แม้ว่าพวกเจ้าจะได้ครอบครองดวงวิญญาณทั้งสามในร่างกายของข้า แต่ก็ไม่มีทางค้นหาดวงวิญญาณที่เหลือทั้งสี่ได้ ทว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับอาม่อ เช่นนั้นข้าก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไปเพียงลำพังได้”

“ไม่สามารถมีชีวิตอยู่เพียงลำพัง? ฮึ……คนของตระกูลมู่ถูกฆ่าตายไปอย่างอนาถ หากเจ้าไม่คิดล้างแค้น เช่นนั้นเจ้าคิดว่าจะตายไปอย่างสงบได้อย่างนั้นหรือ?”

ตาแก่คนนี้ถึงแม้ว่าเขาจะมีอายุมากปูนนี้แล้ว ทว่ากลับมีความคิดที่เฉลียวฉลาดเพียงนี้

รู้ว่านางยังไม่สามารถตายได้ในตอนนี้ และรู้ว่านางไม่คิดฆ่าตัวตายอย่างแน่นอน

“ไม่ยอมแล้วจะมีประโยชน์อะไร ข้าไม่สามารถปกป้องคนของตระกูลมู่ได้ทั้งหมด ทว่าข้าสามารถปกป้องอาม่อได้ หากพวกเจ้าคิดว่าดวงวิญญาณทั้งสามดวงนั้นมีความสำคัญมากกว่าข้า เช่นนั้นพวกเจ้าก็ลงมือได้ตามสบาย”

บรรดาผู้อาวุโสทั้งแปดพากันครุ่นคิดไตร่ตรอง

ตระกูลไป๋หลี่มีความถนัดในด้านการควบคุมสัตว์ร้าย และสัตว์ร้ายเหล่านั้นก็ถูกควบคุมโดยผ่านกระแสจิตวิญญาณของพวกเขา

และแม้ว่าดวงวิญญาณจะเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น และโปร่งแสง ทว่าก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าปรมาจารย์ผู้ควบคุมสัตว์ร้ายจะไม่ใช้กระแสจิตเพื่อค้นหาดวงวิญญาณ และได้ดวงวิญญาณไปครอบครอง

อีกทั้งจักรพรรดินีก็ยิ่งดูลึกลับซับซ้อนไปอีก

พระนางมีวรยุทธ์และความสามารถเช่นนั้น

การได้ครอบครองดวงวิญญาณก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร