ตอนที่ 580: ก็แค่สุนัขรับใช้ตัวหนึ่ง

Crazy Leveling System

ตอนที่ 580: ก็แค่สุนัขรับใช้ตัวหนึ่ง

 

“อืม ต้องขอบใจมหาจักรพรรดิเฉียนหยวนมากที่มาเยือน และสนใจในงานปราบดาภิเษกนี้ถือว่าเป็นเกียรติของข้ามาก”

 

อี้เทียนหยุนแม้แต่ขนสักเส้นก็ไม่กระดิก จะสายเลือดเทพโบราณอะไรนั่น หรือจะระดับราชาวิญญาณขั้นที่ 6 ตราบเท่าที่ไม่มาหาเรื่องเขา เขาก็คร้านที่จะสนใจ และก็ต้องขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่ง เพราะต่อให้เป็นสายเลือดเทพโบราณ สําหรับเขาแล้ว เมื่อต้องสู้ก็สามารถต่อยจนร่างแห ลกได้อยู่ดี

 

“อืม” มหาจักรพรรดิเฉียนหยวนพยักหน้า แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก พร้อมกับนั่งลงในตําแหน่งใกล้ๆ ขณะที่มีผู้คนรีบกุลีกุจอตามเขาไป โดยที่ทุกคนไม่ได้มีระดับที่ต่ำเลย

 

ท่าทางตอบสนองแบบนี้เห็นได้ชัดเลยว่า การที่เขาเข้าร่วมงานปราบดาภิเษกนี้ ถือว่าเป็นเกียรติของเจ้าแล้ว!

 

อี้เทียนหยุนขมวดคิ้ว แค่เขาสุภาพหน่อย ก็คิดว่าตัวเองไร้เทียมทาน? ยังไงก็ตาม เขาก็มีสิทธิ์ที่จะทําเช่นนั้น กับอาณาจักรที่ยืนยงมาหลายปีโดยไม่มีปัญหา แม้ว่าเขาจะในปัจจุบันจะนับว่าแข็งแกร่ง แต่สําหรับพวกเขานั้น การจะจัดการกับสี่อาณาจักรก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เช่นกัน

 

ดังนั้น พวกเขาจึงมีสิทธิ์ที่จะทําตัวอวดดีเช่นนั้น โดยไม่จําเป็นต้องทําตัวประจบสอพลอเหมือนกับอาณาจักรอื่นๆ

 

ที่มาคราวนี้ก็คงไม่ใช่อะไรอื่น คงอยากจะเห็นถึงความร้ายกาจของมหาจักรพรรดิคนใหม่ ดูว่ามีพลังระดับไหน

 

ยังไงก็ตาม อี้เทียนหยุนก็คร้านที่จะไปต่อล้อต่อเถียงด้วย ตราบเท่าที่อีกฝ่ายไม่หาเรื่องเขาก็พอแล้ว

 

หลังจากที่มหาจักรพรรดิเฉียนหยวนนั่งลง คนที่อยู่ใกล้ๆ ก็รีบรินน้ำชาให้กับเขาทันที พร้อมกันนั้น เขาก็ใช้จังหวะนี้มองมาที่อี้เทียนหยุน หลังจากมองสํารวจจนพอใจแล้วก็ส่ายหัวออกมา “ยังเด็กนัก ไม่รู้ว่าระดับจะแข็งแกร่งอย่างที่ลือกันหรือเปล่า ได้ยินว่ามีคาถาประหลาดกลัว ว่าน่าจะเป็นของคนที่เบื้องหลังมากกว่า?”

 

มหาจักรพรรดิเฉียนหยวนไม่คิดว่าอี้เทียนหยุนจะมีความสามารถนี้ บางทีอาจจะมีสุดยอดผู้เชี่ยวชาญอยู่เบื้องหลังก็เป็นได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถสยบมหาจักรพรรดิทั้งหลายเหล่านั้นได้

 

อี้เทียนหยุนดูเหมือนจะเด็กเกินไป แม้ว่ายิ่งระดับสูงก็จะยิ่งทําให้ตัวเองดูอ่อนเยาว์ลง แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่สามารถปกปิดได้ก็คือเลือดฉี!

 

เขาสัมผัสได้ว่าอี้เทียนหยุนนั้นยังเด็กอยู่จริงๆ ไม่ใช่การจงใจทําให้รูปลักษณ์ของตนอ่อนเยาว์เพื่อแสร้งทําเป็นเด็ก แม้จะมีผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังจํานวนมากชอบที่จะทําให้ตัวเองดูเด็กอยู่ก็ตาม

 

หมายความว่าเขายังไม่ควรหาเรื่องอีกฝาย ต้องจับตาดู ดูว่าอี้เทียนหยุนซ่อนอะไรเอาไว้

 

“มหาจักรพรรดิ ดูเหมือนว่าทางฝั่งอาณาจักรชื่อหลงจะไม่มาแล้ว…” ชายชราที่อยู่อีกฝั่งกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ่ม

 

“อาณาจักรชื่อหลง……” มหาจักรพรรดิเฉียนหยวนตาเป็นประกาย พวกเขาต้องการที่จะทัดเทียมกับมหาจักรพรรดิชื่อหลงมาโดยตลอด แต่ว่าความห่างระหว่างทั้งสองนั้นยากที่จะตามทัน

 

อาณาจักรห้าจักรพรรดิไม่ง่ายที่จะไล่ตาม พวกเขาแค่มีสี่จักรพรรดิก็ถือว่าดีแล้ว ที่นี่ไม่ใช่โลกใต้พิภพ ความยากในการฝึกตนจึงไม่ใช่น้อยๆ แค่สามารถมีผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณได้เกินสี่คน แค่นี้ก็ถือว่าท้าทายสวรรค์มากพอแล้ว

 

ที่สําคัญคือระดับของพวกเขายังไม่แข็งแกร่งพอด้วย ยังอยู่เพียงระดับราชาวิญญาณขั้นที่ 1 เท่านั้น ซึ่งถือว่าน่าผิดหวังอย่างแท้จริง ส่วนอีกฝ่ายนั้นกลับมีระดับที่ไม่ต่ำเลย อย่างน้อยก็ต้องเป็นระดับราชาวิญญาณขั้นที่ 5 ที่ 6 กลัวว่าแม้แต่ขั้นสูงสุดก็ยังมี

 

และในขณะที่พวกเขากําลังคุยกันอยู่นั้น ที่ด้านนอกก็มีเสียงประกาศดังมา

 

“ทูตแห่งอาณาจักรชื่อหลงมาถึงแล้ว!” ผู้คุ้มกันที่อยู่ด้านนอกประกาศเสียงดัง

 

ทูตของอาณาจักรชื่อหลงอย่างงั้นเหรอ?

 

ผู้คนพากันมีสีหน้าเปลี่ยนไป เมื่อได้ยินชื่ออาณาจักรชื่อหลง พวกเขาคิดว่ามหาจักรพรรดิของอาณาจักรชื่อหลงจะมาด้วยตนเอง แต่ไม่คิดว่าจะส่งทูตมา นี่มันไม่ไว้หน้ากันเกินไปหน่อยเหรอ?

 

จากนั้นก็ได้มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามา ระดับของเขาก็ไม่ได้สูงจริงๆ ยังอยู่แค่ระดับวิญญาณเที่ยงแท้เท่านั้น แต่ว่าสีหน้าของอีกฝ่ายกลับเต็มไปด้วยความอวดดี พร้อมกับกวาดตามองรอบข้างอย่างไม่แยแส ยกเว้นตอนที่เห็นมหาจักรพรรดิเฉียนหยวนเท่านั้นที่นัยน์ตาของเขาจะเผยความแปลกใจออกมา ราวกับไม่คิดว่ามหาจักรพรรดิเฉียนหยวนจะมาด้วยตัวเอง

 

“คารวะมหาจักรพรรดิเฉียนหยวน!”

 

ทูตคนนี้เดินมาคารวะมหาจักรพรรดิเฉียนหยวนก่อน ส่วนมหาอาณาจักรอื่นๆ เขาล้วนแต่ไม่สนใจ ต่อให้มหาจักรพรรดิผู้นั้นเป็นระดับราชาวิญญาณเขาก็ไม่สน

 

“อืม มหาจักรพรรดิชื่อหลงไม่มา แต่ส่งเจ้ามาร่วมงานปราบดาภิเษกนี้แทนอย่างงั้นเหรอ?” มหาจักรพรรดิเฉียนหยวนคิดในใจว่ามหาจักรพรรดิชื่อหลงนี้ช่างหยิ่งผยองจริงๆ แต่อีกฝ่ายก็มีสิทธิ์ที่จะหยิ่งผยองจริงๆ แต่การทําอย่างนี้ก็เหมือนกับการไม่ไว้หน้าอาณาจักรเทียนหลง ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ไม่ดีจริงๆ

 

แม้ว่าเขาจะไม่กลัวเหมือนกัน แต่ว่าการมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกันก็ไม่เสียหาย ทั้งเขายังต้องตรวจสอบสถานการณ์ของที่นี่อีกมาก

 

“เรื่องนี้พระองค์จะทราบในภายหลัง” ทูตแห่งอาณาจักรชื่อหลงผู้นี้ยิ้ม หลังจากทักทายเสร็จแล้ว เขาก็เดินเข้ามาตามทางเดินระหว่างโต๊ะที่วางไว้ โดยที่ไม่สนใจมหาจักรพรรดิพระองค์อื่นเลย นี่ทําให้ในใจของมหาจักรพรรดิทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะอารมณ์เสียต่อความหยิ่งผยองนี้

 

แต่ก็ทําได้เพียงกล้ำกลืนความโกรธนี้เอาไว้ ใครใช้ให้พวกเขาอ่อนแอเองล่ะ? มีเพียงแค่มหาจักรพรรดิเฉียนหยวนพระองค์นี้เท่านั้นที่จะทําให้อาณาจักรชื่อหลงปรายตามอง ส่วนอาณาจักรอื่นๆ นั้นล้วนแต่ไม่สามารถ ไม่เห็นเหรอว่าทูตจากอาณาจักรชื่อหลงผู้นี้อวดดีแค่ไหน แม้แต่พวกเขาก็ยังไม่สนใจ

 

นี่เป็นเพราะมหาอาณาจักรนี้ตั้งอยู่เป็นเวลานาน บ่มเพราะให้เกิดเป็นความผยองขึ้น แน่นอนว่าเบื้องหลังย่อมต่างกันเป็นธรรมดา

 

หลังจากอี้เทียนหยุนเห็น ขนสักเส้นก็ไม่กระดิก แต่ก็อดที่จะไม่พอใจเล็กๆ ในใจ

 

จากนั้น ทูตจากอาณาจักรชื่อหลงนี้ก็มองมาที่อี้เทียนหยุนด้วยท่าทีที่ไร้ซึ่งความเคารพ เทียบกับท่าทีที่มีต่อมหาจักรพรรดิเฉียนหยวนแล้ว เรียกว่าไร้มารยาทเลยทีเดียว แต่ว่าระหว่างทั้งสองก็ไม่สามารถเอามาเทียบกันได้ มหาจักรพรรดิเฉียนหยวนนั้นเป็นมหาจักรพรรดิที่แท้จริง ส่วนอี้เทียนหยุนนั้นเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้เหมือนกับตนเท่านั้น

 

จากนั้น ทูตผู้นี้ก็หยิบราชสาสน์ออกมา พร้อมกับเปิดออกต่อหน้าเขา พร้อมกับประกาศออกมาว่า “นี่คือคําสั่งจากมหาจักรพรรดิชื่อหลง วันนี้เจ้าไม่สามารถปราบดาภิเษกได้ จําเป็นต้องได้รับความยินยอมจากพวกเราก่อน อาณาจักรชื่อหลงจะเป็นผู้เลือกฤกษ์งามยามดีเอง หลังจากได้รับการยอมรับจากพวกเราแล้ว จากนั้นถึงจะทําการปราบดาภิเษกได้!”

 

คําพูดนี้พลันสร้างความแตกตื่นขึ้นมาในทันที อาณาจักรชื่อหลงนี้จะไม่อวดดีเกินไปเหรอ? ผู้อื่นจะสร้างอาณาจักร จําเป็นต้องผ่านการรับรองจากเจ้าก่อน ถึงจะสามารถขึ้นครองราชย์ได้?

 

มหาจักรพรรดิทั้งหลายต่างก็มองหน้ากัน พวกเขาไม่เคยเผชิญกับเหตุการณ์นี้มาก่อน การที่อี้เทียนหยุนจะขึ้นครองราชย์ จําเป็นต้องให้อาณาจักรชื่อหลงมายุ่งด้วย? เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการสร้างความอับอายให้แก่อี้เทียนหยุน ไม่ต้องการให้เขาขึ้นครองราชย์ในทันที

 

“ หมายความว่า หากข้าต้องการขึ้นครองราชย์ ก็ต้องได้รับความยินยอมจากอาณาจักรชื่อหลงของเจ้าก่อนสินะ?” อี้เทียนหยุนมองลงมายังทูตคนนี้ด้วยสีหน้าเฉยชา มองไม่เห็นถึงความดีใจ โกรธ หรืออารมณ์ใดๆ

 

“ใช่ นี่เป็นคํากล่าวที่มหาจักรพรรดิชื่อหลงกล่าวด้วยตัวเอง ท่านต้องการให้เจ้าไปยังอาณาจักรชื่อหลงก่อน จากนั้นค่อยตัดสินใจอีกครั้ง! หากว่าเจ้าไม่ไป ก็อย่ามาโทษว่าอาณาจักรชื่อหลงเราไม่ไว้หน้าเจ้า!” สีหน้าของทูตผู้นี้ไม่แยแส แม้ว่าจะยืนอยู่ต่ำกว่า แต่ก็เหมือนกับว่าอยู่ระดับเดียวกัน วางตัวเองไว้สูงนัก

 

นี่เป็นการไม่ไว้หน้าอย่างแท้จริง มหาจักรพรรดิทั้งหลายต่างก็พากันมาร่วมยินดี แต่อาณาจักรชื่อหลงกลับบอกว่าไม่ยอมรับการปราบดาภิเษกนี้ ทั้งยังไม่ไว้หน้าอีกด้วย

 

เทียนหยุนเงื้อมือขึ้น พร้อมกับฟาดลงไปในอากาศ ส่งพลังที่มองไม่เห็นออกไป “เพี้ยะ” ตบทูตคนนั้นจนปลิวกระเด็นไป หลังจากกระแทกใส่โต๊ะไม่กี่ตัวแล้ว จึงพอจะหยุดตัวเอาไว้ได้

 

“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร กล้าดียังไงถึงได้พูดกับข้าอย่างนี้?” อี้เทียนหยุนมองเขาแล้วพูดอย่างเย็นชา

 

“เจ้า เจ้ากล้าตบข้า? ข้า ข้าเป็นทูตของอาณาจักรชื่อหลง เป็นตัวแทนของอาณาจักรชื่อหลง…”

 

“เพี้ยะ!”

 

อี้เทียนหยุนตบอีกฝ่ายลงกับพื้น จนยากที่จะลุกขึ้น

 

“อย่าว่าแต่ทูตสวะอย่างเจ้า ต่อให้เป็นเจ้านายเจ้ามายืนที่นี่ด้วยตัวเอง หากกล้าพูดกับข้าอย่างนี้ ข้าก็จะตบให้หน้าทิ่มพื้นอยู่ดี!” เสียงอี้เทียนหยุนเย็นชา “อย่าว่าแต่เจ้าที่เป็นแค่สุนัขรับใช้อาณาจักรชื่อหลงตัวหนึ่งเลย!”