1709 vs 1710 โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 1709

คุณเคยเกิดความรู้สึกเช่นนี้บ้างไหม ลำคอตีบตันที่ไม่ได้มาจากความเสียใจ แต่เพราะซาบซึ้งต่างหาก

ไม่ว่าจะเป็นคนทั่วไปหรือกระทั่งสมาชิกทีมที่อยู่บนสนามแข่ง ล้วนแต่เกิดปฏิกิริยาเดียวกันเมื่อเห็นคลิปที่ว่า

หลินเฟิงสวมเสื้อสเวตเตอร์ยืนดูคลิปบนหน้าจอยักษ์อยู่หน้าร้านขายสินค้าเฉพาะทาง มือถือถ้วยกาแฟที่ดื่มหมดแล้วจนแน่น “ถ้าเจ้าแบล็กรู้ว่ามีคนรอเขามากมายขนาดนี้ ไม่รู้ว่าจะกลับมาไหม”

อวิ๋นหู่ยืนด้านหลังเพื่อน สองมือซุกในกระเป๋าเสื้อกันลม มองไปยังจุดเดียวกัน

หลินเฟิงขมวดคิ้วพลางพึมพำ “ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กนี่ไปที่ไหน ติดต่อไม่ได้เลย”

หากเทียบกับหลินเฟิงแล้ว อวิ๋นหู่คิดลึกกว่านั้น ในหัวใจของเขา เด็กนั่นไม่ธรรมดา ถ้าหากติดต่อไม่ได้ก็แสดงว่าน่าจะมีปัญหา

“ห้าโมงแล้ว ถ้าไม่ไปอีก คนที่มาซูเปอร์มาร์เก็ตจะเยอะขึ้น” ไม่ผิดหรอก ทั้งสองออกมาเดินซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ต หลินเฟิงไม่รู้จริงๆ ว่า ใครกันที่เป็นลูกแท้ๆ ของแม่เขา เพราะนับตั้งแต่อวิ๋นหู่กลับมา ก็ถูกเลี้ยงดูอุ้มชูด้วยอาหารสารพัดอย่าง แถมยังบอกว่า เดี๋ยวพวกเขาต้องแข่งอีก ต้องบำรุงเสียหน่อย อุตส่าห์เลี้ยงดูกันสามวันติดๆ แล้วนะ ถึงกับไล่หลินเฟิงออกไปซื้อกระดูกหมูมาต้มซุปทุกวี่ทุกวัน ท่านเทพแห่งวงการอีสปอร์ตอย่างเขาต้องมาแย่งซื้อกระดูกกับพวกแม่บ้านเหมือนเป็นมืออาชีพ

วันนี้แม่เขาไม่ทำอะไรที่เว่อร์เกินไป บอกเพียงว่าอวิ๋นหู่ขับรถมา ให้ไปซื้อหม้อใบใหม่กับเขา ซึ่งตอนแรกหลินเฟิงก็ดีอกดีใจ แต่พอออกมาจริง กลับไม่ใช่อย่างที่คิด เพราะมาซูเปอร์มาเก็ตกันสองคน…มันพิลึกแฮะ แถมพวกเขายังมาซื้ออาหารสดอีกต่างหาก มันเป็นเขตที่พวกผู้ชายไม่ค่อยมากันหรอก

ทว่าอวิ๋นหู่กลับทีท่าทีเป็นธรรมชาติ เขาผลักรถเข็นเดินอยู่ด้านหน้า โดยเจ้าตัวในชุดเสื้อกันลมที่มีกระดุมเรียวแถวสองข้าง ทำให้ดูอ่อนโยนกว่ายามปกติ

หลินเฟิงกลัวว่าคนจะจำได้ แล้วอาจจะไปโพสรูปไปลงในเพจคู่จิ้นอะไรทำนองนี้ จึงสวมผ้าปิดปากสีดำ ซึ่งผ้าปิดปากที่ว่าแม้จะใหญ่มาก แต่กลับใช้ไม่ได้ผลตามที่ควรจะเป็น เพราะทั้งรูปร่างและออร่าของทั้งสองที่แม้จะไม่เผยโฉมหน้าออกมา แต่ก็เด่นเหลือเกิน เมื่อมาเดินยังเขตอาหารสด ย่อมเป็นที่จับตามอง

ก็หล่อลากดินจะตาย แต่กลับมาเดินในเขตนี้?

สาวๆ หลายคนเผลอมองมายังพวกเขา ส่งผลให้หลินเฟิงที่แบกรับความเป็นไอดอล รีบสาวเท้ายาวไปเร่งอวิ๋นหู่ “รีบหน่อย”

“โอเค” อวิ๋นเฟิงรับปาก แต่กลับเดินอย่างเรื่อยเฉื่อย แต่พอเดินมาอยู่ข้างหลินเฟิงก็หันตัวเล็กน้อย “เอามันฝรั่งไหม?”

หลินเฟิงพยักหน้าไปงั้นๆ แหละ หันกลับมามองแบบ อย่าสนฉันเลย รีบซื้อให้เสร็จแล้วเผ่นดีกว่า

อวิ๋นหู่เหลือบมองเพื่อนแวบหนึ่ง แล้วหันไปดูสาวๆ ที่อยู่ไม่ไกล จากนั้นก็หันมายกถุงมันฝรั่งมาดันหน้าหลินเฟิง “เอาไปชั่งสิ”

“หา? อ้อ ชั่งน้ำหนัก ชั่งน้ำหนัก” หลินเฟิงไม่เคยเสียวสันหลังมาก่อน หากมีพาดหัวข้อว่าด้วยการที่เขาสองคนมาช้อปปิ้งที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแบบนี้ มันอ่อนไหวอยู่นา

อวิ่นหู่มองท่าทีเพื่อนด้วยแววตาขรึม รอจนหลินเฟิงเดินกลับมา ก็ก้มศีรษะถาม “จะกินส้มไหม?”

หลินเฟิงรู้สึกว่าท่ากระซิบแบบนี้ดูจะสนิทสนมมากเกินไป รู้สึกหวั่นไหวต่อการที่ลมหายใจของอีกฝ่ายรดหน้าตัวเอง จึงหันไปทางซ้ายเล็กน้อย “นายก็เลือกซื้อเอาเหอะ”

“งั้นเอาซักนิดหนึ่งแล้วกัน” อวิ๋นหู่ทำเหมือนไม่เห็นอาการหลบของเพื่อน รู้สึกธรรมดาจะตาย

กระทั่งหลินเฟิงยังประหลาดใจ เพราะจำได้ว่าอวิ๋นหู่ไม่เหมือนคนที่ซื้อกับข้าวเป็นสักนิด ทำไมไปเมืองนอกแล้วเปลี่ยนไปมาก

………………………………………

ตอนที่ 1710

อวิ๋นหู่ไม่เหมือนเดิมจริงๆ  หากบอกว่าเมื่อก่อนเขายังลังเลว่าจะทำให้หลินเฟิงเป็นเกย์ดีไหม แต่หลังจากที่เพื่อนร้องไห้ที่เขาไปเมืองนอก เขาก็ไม่ลังเลอีกต่อไป ถ้าจะมาคิดว่าทำให้เพื่อนเป็นเกย์ดีไหม ไม่สู้จะหาทางทำให้เพื่อนเป็นเกย์ไปเสียเลยจะดีกว่า

อวิ๋นหู่หันเหสายตา มองดูเจ้าคนที่มีผ้าปิดปากติดหน้าเดินตามข้างตัว มาถึงขั้นนี้แล้ว จะย้อนกลับไปเป็นเพื่อนซี้ได้อย่างไร รุกเลยดีกว่า ซึ่งหลินเฟิงไม่รู้ว่าเพื่อนคิดอะไรอยู่ มองดูของที่วางในรถเข็น “เยอะพอสมควรแล้ว กลับกันเลยไหม?”

“ไปเดินตรงขนมกันหน่อย” อวิ๋นหู่เป็นคนเข็นรถ เส้นทางที่เดินไปล้วนแต่ถูกควบคุมโดยตัวเขา

หลินเฟิงมองดูสาวๆ อีกหน “นายไม่กินขนมจุบจิบนี่หว่า”

“ช่วงนี้รสนิยมเปลี่ยนน่ะ” อวิ๋นหู่พูดไปเรื่อย “มันฝรั่งทอดที่นายชอบที่สุดเป็นยี่ห้อนี้ใช่ไหม? รสอะไรอร่อย”

หลินเฟิงหันไปก็เห็นขนมที่เขาชอบกินเป็นประจำอยู่ในมืออวิ๋นหู่ “บาบีคิว” ในเมื่อหยิบมาอันหนึ่งแล้ว ก็เอามาเพิ่มสักนิด

ในขณะที่คิดเช่นนี้ เมื่อกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบ กลับได้ยินเสียงถ่ายรูปผ่านมือถือขึ้น เป็นแม่สาวสองคนเมื่อครู่นั่นเอง!

ชายหนุ่มถึงกับผงะ ท่าทางของเขาน่าชม เพราะอวิ๋นหู่ยืนที่หน้าชั้นขนมไม่ขยับ แต่ยื่นมือก็พยุงหลังอีกฝ่ายด้วยท่าทีที่เหมือนจะกักร่างไว้ที่กำแพง

เข้าใจผิดไปกันใหญ่แน่!

หลินเฟิงหันร่างไป กะจะวิ่งไปหาสาวๆ ให้พวกเธอลบรูป ทว่าอวิ๋นหู่กลับรั้งข้อมือเขาไว้ เอ่ยเสียงปกติ นายอยากให้ทุกคนที่นี่รู้เหรอว่าตัวเองเป็นหลินเฟิง พวกนั้นแค่ถ่ายรูปไปงั้นๆ แหละ ไม่รู้หรอกว่านายกับฉันเป็นใคร”

หลินเฟิงหันไปมองฝั่งนั้นอีกครั้ง สาวๆ สองคนไม่ได้มาขอลายเซ็น แล้วก็ไม่ได้ไล่ถ่ายต่อ ราวกับว่าแค่เห็นผู้ชายสองคนมาซื้อของด้วยกัน จึงถ่ายเก็บไว้ พวกเธอรู้เช่นกันว่า ที่ทำไปเสียมารยาทมาก พอเห็นหนุ่มหล่อที่สวมผ้าปิดปากหันมามองตัวเอง  จึงตัดสินใจเดินเข้าไปเพื่อขอโทษ “ขอโทษนะคะ ฉันแค่เห็นว่าพวกคุณรักกันมาก เลยถ่ายภาพไว้” ผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้น ยื่นมือถือออกมา “ฉันจะลบนะคะ”

หลินเฟิง…รักกันมาก รักกันมาก?

อวิ๋นหู่เข็นรถพลางจำมือคนบางคน แถมยังยิ้มมุมปาก “ไม่เป็นไรฮะ”

 “เห็นไหม ฉันเดาไม่พลาด ไม่ค่อยเห็นผู้ชายสองคนมาซื้อของกลับไปทำกับข้าวเลยนะเนี่ย เห็นไหม มีแต่แฟนเท่านั้นแหละที่ทำได้” หญิงสาวดีใจจนยิ้มขึ้น

หลินเฟิง…เขาเถียงไม่ออกเลย

ไม่รู้ว่าอวิ๋นหู่พูดอะไรอีก สาวสองคนนั่นถึงหันมามองเขา เมื่อเห็นเขามีผ้าปิดปากติดหน้าก็ไม่คิดจะมาคุยด้วย พูดยิ้มๆ “ฝ่ายรับขี้อายจัง”

หลินเฟิงอยากถอดผ้าปิดปากออก ฝ่ายรับขี้อาย? เขาเนี่ยนะ? ทว่าดูเหมือนอวิ๋นหู่จะเดาความคิดเขาออก จึงเอ่ยเสียงต่ำ “ระวังนะ มีพวกแฟนคลับด้วย”

หลินเฟิงขลุกขลักกับคำว่า “ฉัน” จนอีกฝ่ายเดินจากไป อันที่จริงเขารู้ว่า โทษแม่สองคนนั้นไม่ได้หรอก คุณหญิงแม่เขานี่แหละตัวดี ทำไมไม่คิดบ้างว่า การให้ผู้ชายสองคนมาซื้อกับข้าวด้วยกันมันพิลึกกึกกือขนาดไหน แถมยังซื้อตั้งเยอะตั้งแยะอีกต่างหาก

ทว่าอวิ๋นหู่ยังไม่คิดจะกลับ

เดี๋ยว นี่มัน “เอ่อ…”

……………………………………………….