1711 vs 1712 vs 1713-1 โดย Ink Stone_Romance
ตอนที่ 1711
“ลองกินบะหมี่นี้ ดีไหม?” อวิ๋นหู่พูดราวกับเป็นเรื่องธรรมดา ฝ่ายหลินเฟิงกลับเป็นงง เจ้าบ้านี่ดึงดึงผ้าปิดปากของเขาลง เพื่อจะได้ลองชิมบะหมี่ในซุปเปอร์ เกิดคนอื่นมาเห็นเข้าแล้วจะทำไง? แถมพนักงานที่ยืนโปรโมทสินค้ายังยิ้มอย่างเอ็นดูให้อีกด้วย เดาว่าคงไม่เคยเห็นผู้ชายคู่ไหนที่สนิทชิดเชื้อเช่นนี้
หลินเฟิงรีบกลืนบะหมี่เข้าไป ก่อนจะตอบไปงั้นๆ “อร่อยดี”
“ซื้อหลายห่อหน่อยละกัน จะได้เอาไว้กินตอนกลางคืนที่คลับ” อวิ๋นหู่ปฏิบัติอย่างเป็นธรรมชาติ จับผิดไม่ได้สักนิด
หลินเฟิงกลับร้อนที่หน้า ความร้อนที่ว่าทำให้เขาอยากกลับไปให้เร็ว “ซื้อเสร็จแล้วก็กลับกันเถอะ” เพราะขืนอยู่ต่อไป เดาว่าพวกเขาคงกลายเป็นคู่รักในสายตาคนอื่น
เจ้าหู่มีแฟนแล้ว แม้ว่าสองวันนี้จะไม่เห็นมือถือของอวิ๋นหู่ดัง น่าจะเพราะซ้อมหนักเลยทำให้ไม่มีเวลาติดต่อ แต่ถ้าพวกเขาถูกจำได้ขึ้นมา แล้วมีคนแต่งเติมนั่นนี่เข้าไปอีก แฟนของเจ้าหู่อาจเข้าใจผิดได้ หลินเฟิงคิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าการอยู่ที่นี่ต่อไปคงไม่เหมาะแน่ ทว่าอวิ๋นหู่กลับคิดว่าอุตส่าห์ได้อยู่ตามลำพังแล้ว ยิ่งทอดเวลาให้นานขึ้นได้ก็ยิ่งดี แต่เขารู้ซึ้งว่า ไม่ควรเร่งรัดอีกฝ่ายจนเกินไป “ยังไม่ได้ซื้อไอติมเลย เมื่อกี้นายบอกว่าอยากกินไม่ใช่เหรอ”
อวิ๋นหู่ว่ามามีเหตุผล หลินเฟิงพินิจครู่หนึ่ง เขาทำท่าน่าเกลียดเกินไป แค่ซื้อไอติมแล้วค่อยกลับก็ได้
ทว่าพอเขาเปิดตู้เย็นเลือกไอติม เจ้านั่นกลับย่อตัวลงเลือกไอติมมาแท่งหนึ่งทั้งๆ ที่เขายืนกั้นไว้อยู่ “สินค้าใหม่ของในประเทศ?”
หลินเฟิงอือๆ อาๆ ตอบรับอย่างมาใส่ใจ พยายามเลี่ยงที่จะสัมผัสอีกฝ่าย เขาเป็นถึงลูกผู้ชายตัวจริง ทำไมช่วงนี้ถึงถูกรุกเสียอย่างนี้ล่ะ
“มีรสอะไรบ้าง?” อวิ๋นหู่ถามต่อ
หลินเฟิงพยายามเข้มแข็ง “สตรอเบอร์รี่กับลูกพีช”
“อ้อ น่าจะใช้ได้” อวิ๋นหู่เลือกๆ อีก ก่อนจะหยิบรสลูกพีชออกมาวางในรถเข็น ระหว่างที่หลุบตาลง ก็ได้เห็นสีชมพูบริเวณต้นคอขาวผ่องของเพื่อน
ล่อใจจริง ๆ
อวิ๋นหู่ชะงัก แววตาหนักอึ้งขึ้น
ส่วนอีกด้นหนึ่ง หลินเฟิงที่บื้อแบ๊วรู้สึกอยู่นั่นแหละว่า เพื่อนรักจงใจถ่วงเวลา หากคิดให้ดี กับอีแค่เลือกไอติม ไม่เห็นจำเป็นต้องใช้เวลานานเลย
หลินเฟิงปฏิเสธความคิดของตัวเอง มองดูอวิ๋นหู่ที่ไปเลือกนมเปรี้ยวจากตู้เย็นอีกตู้ อดถอนหายใจไม่ได้ ว่าแล้วก็ชะโงกเข้าไปเลือกไอติมรสที่ตัวเองชอบ แล้ววางไว้ในรถเข็น
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม?” อวิ๋นหู่เดินกลับมามองเพื่อนแวบหนึ่ง เห็นไหมล่ะว่าจะรุกอีกฝ่ายมากนักไม่ได้
หลินเฟิงพยักหน้า
อวิ๋นหู่เอ่ย “งั้นฉันไปต่อแถวนะ”
“โอเค”
ในที่สุดก็ไปได้สักที ต่อไปเขาจะมาซื้อคนเดียวดีกว่า หลินเฟิงคิดพลางจะไปรออวิ๋นหู่จ่ายเงินที่จุดที่ไม่ไกลจากเคาเตอร์จ่ายเงิน แต่ตำแหน่งที่ยืนอยู่มันชอบกลแฮะ
คนที่มาซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างเข้าใจการแปลนสินค้าดี
พวกถุงยางอนามัยมักถูกนำมาวางไว้ใกล้ๆ เคาน์เตอร์ ทั้งยังเรียงอย่างสวยงาม มีบรรจุภัณฑ์ทุกสีให้เลือกสรร แถมยังเหมือนลูกอมกับช็อกโกแลตอีก
ตอนแรกหลินเฟิงไม่ได้สังเกต แต่พอมายืนรอและเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องอะไร จึงถึงบางอ้อในที่สุด
…………………………………………………..
ตอนที่ 1712
เดิมหลินเฟิงกะจะเดินจากไปอย่างเด็ดเดี่ยว เพราะของจำพวกถุงยางอนามัย ถ้าหากเราไม่ใส่ใจก็ไม่เท่าไร แค่มองผ่านๆ เหมือนเป็นลูกกวาดอมยิ้มก็เท่านั้น
แต่ใครจะรู้ว่าเขายังไม่ถอนสายตาจากสินค้าพวกนั้น ก็มีท่อนแขนคนอื่นมาวางไหล่ เป็นของอวิ๋นหู่ที่บอกว่าจะไปจ่ายเงินเมื่อกี้นี่เอง ผู้ชายจะเกาะบ่าชนไหล่กันเป็นเรื่องปกติจะตาย
“ฉันไม่ได้เอากระเป๋าเงินมา” อวิ๋นหู่พูดเช่นนี้ ก่อนจะต่อด้วยสายตาที่เลื่อนไปจับจ้องสิ่งนั้น ทำให้หลิงเฟิงรู้ตัวว่าตัวเองเสียหน้าอย่างแรง “ที่แท้นายก็ดูไอ้นี่”
หลินเฟิงกำลังจะบอกว่ามันแค่บังเอิญน่ะ แต่ไม่ทันจะได้พูด เสียงของอวิ๋นหู่พลันลอยผ่านหู ลมหายใจพาดผ่านริมหู “คิดหรือยังว่าจะซื้อยี่ห้ออะไร?”
“ยี่ ยี่ห้อ อะ อะไร ยังไงวะ” เขาไม่มีประสบการณ์ จะไปรู้ได้ไง
อวิ๋นหู่เลิกคิ้ว “ก็ยี่ห้อของถุงยางไง นายชอบอันไหน?”
หลินเฟิงถึงกับไอ จะปล่อยให้อีกฝ่ายคิดว่าเขากระจอกไม่ได้ ต้องรู้นะว่าลูกผู้ชายเรากลัวเรื่องนี้ที่สุด ต้องแสดงรักษาหน้าไว้ให้ได้ จึงเอ่ยอย่างเป็นเรื่องธรรมดา “ยี่ห้ออะไรก็ได้ ขอแค่คุณภาพดี เพราะฉันใช้นาน”
ในระหว่างที่พูด อวิ๋นหู่ก็มองเขาแวบหนึ่งด้วยแววตาลึกซึ้ง จนเขาโมโห “มองฉันอย่างนี้หมายความว่าไงวะ?”
“เปล่า” อวิ๋นหู่หัวเราะ เบือนสายตาเล็กน้อย “เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้ว่านายใช้เวลา ‘นาน’ ”
หลินเฟิงมองใบหน้าอีกฝ่ายที่อยู่ใกล้แค่คืบ สบถด้วยใบหน้าที่ร้อนฉ่า “ไปตายซะไป๊” เป็นเพื่อนซี้กันก็ไม่ดีตรงนี้แหละ เพราะรู้หมดว่าใส้มีกี่ขด
“ซื้ออันนี้เหอะ” อวิ๋นหู่กลับมาเรื่องเดิม “ยี่ห้อนี้ดี แถมยังมีให้เลือกหลายกลิ่น นายชอบสตรอเบอร์รี่ไม่ใช่เหรอ ตรงนี้มีพอดีเลย”
อวิ๋นหู่พูดพลาง ยื่นมือแตะกล่องบรรจุภัณฑ์สวยๆ แล้วหยิบมาโยนเข้าไปในรถเข็นสองสามอัน
เดี๋ยว! เขาบอกตอนไหนว่าจะซื้อไอ้นี่ แล้วทำไมต้องซื้อหลายอันด้วย หลินเฟิงถึงกับตาเบิกโพลง แต่น้ำเสียงแบบให้ปรึกษาของอวิ๋นหู่ทำให้เขาพูดไม่ออก เพราะเขาเป็นฝ่ายยืนตรงนี้ก่อน
ทว่าเขาก็รู้สึกว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ จนกระทั่งเขาเงยหน้าขึ้นมาเห็นสาวๆ แอบมองอยู่ พวกเธอปิดปากอย่างขวยเขิน แถมตื่นเต้นอีกต่างหาก ถึงขั้นที่พอจะได้ยินว่า “ไม่ได้แค่ซื้อกับข้าวด้วยกันนะ ยังซื้อถุงยางอนามัยด้วย ท่าทางคงอยู่ด้วยกันแล้วล่ะสิ พวกเธอได้ยินไหม เมื่อกี้ฝ่ายรุกยังบอกว่าฝ่ายรับชอบรสสตรอเบอร์รี่อ่ะ สตรอเบอร์รี่นะ รสสตรอเบอร์รี่อ่า ท่าทางภูมิใจมาก”
หลินเฟิง “…” เขารู้แล้วล่ะว่าผิดปกติที่ตรงไหน ทำไมเขาต้องยืนตรงนี้กับเจ้าหู่นานๆ ด้วย แถมยังคุยกันถึง ‘กลิ่น’ ที่ชอบอีกต่างหาก อย่าว่าแต่พวกสาวๆ เลย หากเป็นเขาเองที่เห็นผู้ชายสองคนไปซื้อถุงยางอนามัยด้วยกัน ย่อมคิดเช่นเดียวกับพวกเธอ
ต่อให้กระโดดแม่น้ำฮวงโห ก็คงล้างมลทินนี้ไม่หมด
แต่ในเมื่อหยิบมาแล้ว จะวางกลับไปคงไม่ได้ ช่างเหอะ รีบจ่ายเงินดีกว่า จ่ายแล้วจะได้รีบไป
โชคดีที่พวกเขาสวมผ้าปิดปาก ไม่งั้นหากภาพหน้าของพวกเขาถูกโพสต์ลงในอินเทอร์เน็ตอย่างหมดจดล่ะก็ ไม่แน่ล่ะว่าจะกลายเป็นข่าว ‘คาว’ อะไรอีก
หลังจากที่รู้ว่าอวิ๋นหู่ไม่ได้พกกระเป๋าเงินมา หลินเฟิงก็ไปเข้าแถว พอถึงตาเขาก็เห็นแคชเชียร์กวาดตามองสิ่งนั้น แววตาของเขาถึงกับเดือด
อวิ๋นหู่ยืนข้างๆ เก็บรายละเอียดสีหน้าของเขาไว้ในก้นบึ้งนัยน์ตาจนหมดด้วยแววตาขรึมลง…
………………………………………….
ตอนที่ 1713-1
สีหน้าที่แสดงออกมาไม่เหมือนกับคนที่มีประสบการณ์ อวิ๋นหู่ยังจำได้ดีจนถึงตอนนี้ถึงสีหน้าของเพื่อนเขาในวันถัดมา หลังจากที่นัดกับสาวน้อยที่มอบจดหมายรักเมื่อในอดีต ตอนนั้นเขายังไม่มีใบขับขี่ ขับรถของที่บ้านไม่ได้ จึงต้องให้โชเฟอร์ขับรถพาเขาตระเวนหาหลินเฟิงจนทั่ว ทว่ากลับหาไม่เจอ
วันนั้นเป็นวันที่เขาเสียใจมากที่สุด ไม่มีใครเข้าใจความเจ็บปวดของหัวใจที่ถูกกรีด เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้ร้อนรนและทุกข์ทรมาน ได้แต่ลืมตาโพลงจนฟ้าสว่าง แล้วหยิบกระเป๋าไปโรงเรียน เห็นเจ้านั่นคุยสนุกสนานอยู่ในห้องเรียน มีคนถามเจ้านั่นว่า เมื่อวานไปทำอะไรกับดาวคนสวยห้องข้างๆ มา หลินเฟิงกลับโยนหนังสือใส่ ด่ากลั้วยิ้ม “อย่าถามดิ ฉันโกรธนะเว้ย” ทว่าเขามองออกว่า หลินเฟิงหน้าแดงแค่ไหน
วันนั้น เขาไม่คุยกับอีกฝ่าย เพราะกลัวว่า หากพูดออกไปจะระเบิดอารมณ์ออกมาแน่ แต่เจ้านั่นกลับพูดต่อหน้าเขาว่า ผู้หญิงไม่เหมือนกับผู้ชาย เธอนุ่มเหมือนดอกฝ้ายเลยทีเดียว
เขาทำสงครามเย็นกับเพื่อนรักอย่างที่น้อยครั้งจะทำ เขาไม่อยากได้ยิน ไม่อยากฟังเจ้านั่นบรรยายเรื่องในคืนนั้น เขาไม่คุยกับอีกฝ่ายเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม ทั้งยังเข้าใจในเวลาเดียวกันว่า ความริษยาเป็นอย่างไร เพราะริษยามากจึงอยากเห็นหน้าเธอ
จนกระทั่งคุณเธอชวนเขาไปทำการบ้านที่ร้านกาแฟด้วยใบหน้าแดงก่ำ อวิ๋นหู่จึงยิ้มรับ
ใช่ เขาอยากให้เจ้านั่นรู้ว่า บางคนก็ไม่มีค่าพอที่จะให้อาวรณ์
หลังจากนั้นไม่นาน หลินเฟิงก็ต่อยเขาด้วยแรงหนักหน่วง จนนึกได้ในตอนนี้แล้วถามตัวเองว่าตอนนั้นเขาคิดจะทำอะไรกันแน่
คงเพราะริษยามาก ริษยาที่เธอคนนั้นได้ครอบครองเพื่อนรักทั้งคืน แต่เขากลับไม่มีวันได้ ทั้งๆ ที่อยู่ใกล้มากที่สุด
เมื่อพินิจในเวลานี้ จากนิสัยของเพื่อน บางทีวันนั้นอาจไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะหากเป็นอย่างที่หลินเฟิงพูดจริงๆ ว่า ตัวเองผ่านประสบการณ์มามากมาย แล้วจะอธิบายสีหน้าในเวลานี้ว่าอย่างไรล่ะ?
อวิ๋นหู่กวาดตามองหน้าเพื่อน จึงได้เห็นอีกฝ่ายกวาดสามกล่องนั่นเข้าไปในถุงพลาสติกอย่างไม่ปกติ หลินเฟิงสวมสเวตเตอร์ตัวดำที่หนาเป็นพิเศษ แต่กลับหล่อกว่าใครเพื่อน แถมยังดูเป็นชายเจ้าชู้ ทว่าเพื่อนรักเป็นคนอย่างไร เขารู้ดีที่สุด
ไม่มีประสบการณ์สักนิด
อวิ๋นหู่นึกถึงสิ่งที่สรุปได้ มุมปากก็ค่อยๆ หยัดยิ้ม ฝ่ายหลินเฟิงยังเอาแต่บ่นว่า ต่อไปจะไม่มาซุปเปอร์กันสองคนอีกแล้ว ซวยจริงๆ
คนที่บื้อแบ๊วกลับไม่ระวังว่า คำพูดของตัวเองทำให้คนอื่นรู้เท่าทันหมด
รถถูกจอดอยู่ชั้นใต้ดิน ตัวรถเป็นสีดำทึบ จึงไม่สะดุดตาเมื่อจอดที่ตรงนั้น ทว่าคนที่เชี่ยวชาญเรื่องรถล้วนแต่รู้หมดว่า มันเป็นรถปอร์เช่ไม่ใช่รถที่ครอบครัวคนทั่วไปจะซื้อไหว ซึ่งหลินเฟิงชินมานานแล้ว เพราะตระกูลอวิ๋นมรสถานะเป็นอย่างไร เขารู้ดีแก่ใจ
ฝ่ายอวิ๋นหู่กำลังหันไปอัดข้อความเสียง ไม่ได้ส่งให้คนอื่นหรอก แต่เป็นคุณแม่หลินอย่างไรล่ะ “ฮะ ผมกับหลินเฟิงซื้อเสร็จแล้ว กำลังจะกลับ แต่เวลาอย่างนี้รถน่าจะติดน่ะฮะ”
หลังจากที่รายงานจบสิ้น อวิ๋นหู่ก็วางมือถือไว้ข้างๆ มองหลินเฟิงครู่หนึ่ง ก่อนจะโน้มตัวเข้าหา โดยหลินเฟิงยังถือของในมือ “จะทำอะไรวะ?”
“รัดเข็มขัดนิรภัย” ท่าทีอวิ๋นหู่เป็นธรรมชาติจะตาย
หลินเฟิงกลับอึดอัด เพราะอยู่ใกล้กันมากเกิน “ฉันรัดเอง”
อวิ๋นหู่ก็ไม่ได้บังคับเพื่อน หลังจากที่ถอนตัวออกมา ก็ถามอย่างเป็นเรื่องปกติ “ของที่นายซื้อมา กะจะใช้กับใคร ยังไม่มีแฟนไม่ใช่เหรอ?”
หลินเฟิงสะอึก เสหัวเราะแทน “ใครว่าฉันไม่มี”
“ทำไม? จะทำเหมือนว่ามีงั้นสิ?” อวิ๋นหู่บังคับพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียว มุมปากหยัดยิ้ม “ตอนที่ออกมา ยังบอกคุณน้าว่าจะตั้งใจเตรียมแข่ง ไม่สนใจเรื่องส่วนตัวนี่นา ทำไมลืมเร็วจัง?”
หลินเฟิงได้ยินก็รู้ว่าตัวเองโม้ต่อไปไม่ไหว จึงเอียงศีรษะจุดบุหรี่ พูดออกไปดื้อๆ “ฉันซื้อเก็บไว้ไม่ได้เรอะ?”
“ได้ดิ” อวิ๋นหู่ฉวยจังหวะที่หยุดรอสัญญาณไฟแดงงับบุหรี่มวนหนึ่ง แววตาลุ่มลึกขึ้นมาทันที “จะได้สะดวก”
…………………………………………….