บทที่ 1689 - ผู้หญิงคือปัญหา

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่1689 – ผู้หญิงคือปัญหา?
  …….
  หลังจากการตายของปรมาจารย์ที่สามครึ่งเดือนก็ได้ผ่านพ้นไป แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ได้มีวี่แววของคนจากพระราชวังหมาป่ามังกรเลยแม้แต่น้อย
  เรื่องนี้ทำให้ชิงสุ่ยค่อนข้างตกใจนั้นเพราะปรมาจารย์ที่สามถูกเขาสังหารไปกับมือ มีหรือที่อีกฝ่ายจะไม่โกรธแค้น ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายได้กลัวเขาเลย แต่ที่แปลกใจทำไมพวกเขาถึงไม่ได้ปรากฏตัวในตอนนี้
  ในความเป็นจริงแล้วชิงสุ่ยก็ไม่ได้อยากจะต้องตัวเป็นอริกับอีกฝ่ายเพียงแค่สถานการณ์มันบังคับเท่านั้น
  หากเป็นตัวเขาในอดีตชิงสุ่ยคงไล่กวาดล้างพวกเขาทั้งหมด แต่ตอนนี้เขาค้นพบว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นยังไม่เพียงพอที่จะทำเรื่องดังกล่าว แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหนในตอนนี้ ก็เป็นเรื่องยากที่จะต่อสู้กับผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งในระดับเดียวกับพร้อมๆกันหลายคน มันคงดีกว่าถ้าเขาไม่เคลื่อนไหวสุ่มสี่สุ่มห้า นอกจากนี้แต่ละนิกายก็มีความสัมพันธ์กันนิกายอื่นๆ มันเป็นเรื่องยากที่จะเป็นศัตรูกับคนทั้งโลก
  หลังจากเหตุการณ์นี้ชื่อเสียงของพระราชวังสุริยาก็ได้แพร่ก็จายออกไปเป็นวงกว้างมีเผ่ามากมายที่มาของอยู่ร่วมกับพวกเขาในตอนนี้ ซึ่งชิงสุ่ยก็ไม่ได้ใส่ใจมันมากนัก เพราะนี่คือวิถีแห่งธรรมชาติ คนอ่อนแอย่อมมาหาคนแข็งแกร่งก่อนเสมอ นี่คือวิถีของโลกใบนี้
  อย่างไรก็ตามตอนนี้นายหญิงนั้นก็ไม่ไดรับทุกคนเขามามีแต่บางเผ่าเท่านั้นที่มีโอกาส ยกตัวอย่างเช่นเผ่าที่ได้หนีออกไปจากพระราชวังมังกรอุดรในตอนแรก หลังจากที่ได้ยินว่าพระราชวังสุริยาได้ย้ายถิ่นฐานมาพวกเขาก็พยายามเขามาตีสนิท เพื่อผลประโยชน์ เมื่อนายหญิงไดฟังเรื่องนี้ เธอก็ไล่พวกเขาไปทันที คนที่ไม่มีสัจจะไม่เหมาะที่จะอยู่ร่วมกับใครๆ
  อำนาจคือกฎความแข็งแกร่งคือความถูกต้อง นี่คือสัจจะธรรมขิงโลกใบนี้ ดังนั้นในเวลานี้พวกชิงสุ่ยจึงไม่จำเป็นต้องไว้หน้าใคร
  หนึ่งเดือนได้ผ่านพ้นไปอีกครั้งตอนนี้เจี้ยนเก้อตั้งท้องได้สามเดือนแล้ว อย่างไรก็ตามท้องของเธอก็ยังคงเรียบเนียนอยู่
  แม้ว่าตอนนี้พระราชวังหมาป่ามังกรจะไม่ได้เคลื่อนไหนแต่ก็ใช่ว่าชิงสุ่ยจะนิ่งเฉย เนื่องจากการบาดเจ็บของนายหญิงหายดีแล้ว ชิงสุ่ยจึงจำเป็นต้องทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้น หลังจากการบาดเจ็บ เธอไม่ได้รับผลกระทบใดๆ โชคดีของเธอที่ตันเถียนของเธอไม่ถูกทำลายจากการอาการบาดเจ็บในครั้งนั้น ยิ่งไปกว่านั้นความแข็งแกร่งของเธอกลับเพิ่มขึ้นเกือบตัวหลัวจากหายดี นี่เห็นเหมือนโชคของเธอหลังจากผ่านเหตุการณ์เสี่ยงตายมาได้  อย่างไรก็ตามท่าทางเธอของยังคงเหมือนเก่า แต่ท่าทางของเธอกลับดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นเมื่ออยู่กับชิงสุ่ย ราวกับว่าเธอสามารถปล่อยวางได้แล้ว อย่างไรก็ตามเธอก็ยังคงรักเขาอยู่ เพียงแค่เธอไม่ได้ต้องการครอบครองเขาอีกต่อไป
  ชิงสุ่ยได้ช่วยเธอเอาไว้ถึงสองครั้งผู้ชายที่เธอรักได้ปรากฏตัวขึ้นสองครั้งและช่วยเธอเอาไว้ในสถานการณ์ที่อันตรายที่สุด มันคงเป็นเรื่องยากที่จะบอกให้เธอลืมเขา และตัดสินเธอตัดใจจากเขา ทุกอย่างต้องให้เธอเป็นคนตัดสินใจเอง
  ชิงสุ่ยเองก็สามารถบอกได้ว่าเธอนั้นยังคงรักเขาออยู่แต่ถึงอย่างไรราวกับว่าเธอก็สามารถปล่อยว่าได้เช่นเดียวกัน มันทำให้เขามีความสุขอย่างมากเมื่อเห็นการเติบโตของเธอ เธอเป็นคนที่มีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่อย่างมาก และเป็นคนที่ใจกว้างที่สุดคนหนึ่งเท่าที่ชิงสุ่ยเคยพบมา ชิงสุ่ยสงสัยว่าหากเขาไม่มีเจี้ยนเก้อข้างๆกายในตอนนี้ เขาจะสามารถอดต่อความงามของเธอได้หรือไม่?
  ในตอนนี้เจี้ยนเก้อไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะเธอรู้จักนิสัยของชิงสุ่ยดี แม้เขาจะเจ้าชู้แต่เขาก็มีจุดยืนของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นผู้หญิงของเขาทุกๆคนอื่นคนที่เขารัก ดังนั้นเธอจะไม่บังคับให้เขาของใคร เพราะมันเป็นสิทธิของเขา หากวันหนึ่งชิงสุ่ยชอบท่านหญิงขึ้นมามันก็ดี แต่ถ้าไม่ไชอบ เธอก็ยังคงอยู่เคียงข้างเขา ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็ยังสามารถมองหน้ากับท่านหญิงได้โดยไม่ละอายใจ เรื่องของความรักนั้นเป็นสิ่งละเอียดอ่อน มันเป็นเรื่องของหัวใจ
  เช่นเดียวกันมู่หยุนชิงเฉิงมักจะแสดงออกอย่างเงียบ ๆบนใบหน้าของเธอซึ่งคล้ายกับเจี้ยนเก้ออย่างมาก เรื่องเช่นนี้มันเป็นเรื่องของคนสองคนคนอื่นๆไม่มีสิทธิ
  อย่างไรก็ตามเมื่อมองไปที่มู่หยุนชิงเฉิงทุกๆครั้งชิงสุ่ยมักจะรู้สึกแปลกใจในบ้างครั้งเขาก็รู้สึกว่าเธอคิดอะไรกับเขา บางครั้งก็ไม่สนใจเขา มันให้เขาสับสนตลอดว่าลึกๆแล้วเธอรู้สึกอย่างไร
  ชิงซุยส่ายหัวของขณะคิดเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ เขาไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้ และไม่สามารถอธิบายได้ด้วยเหตุผลที่เขามี มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอารมณ์และมีความนึกคิดที่ซับซ้อน ซึ่งเกิดมาจากห่วงอารมและความสัมพันธ์ที่เกิดมากจาจากจิตใจ ดังนั้นแล้วจึงเป็นเรื่องยากที่จะใช้สมองในการอธิบายเหตุเหล่านี้
  นี่คือความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับสัตว์อสูร
  ”เจ้าคิดอะไรอยู่?ให้ข้าเดาดูมั้ย? “เจี้ยนเก้อยิ้มให้เขา
  “ก็ลองดูสิ” ชิงสุ่ยหัวเราะ แม้จะผ่านมาหลายวันแล้ว แต่ก็ความวุ่นวายของการรวมเผ่าก็ยังดำเนินต่อไป
  “เจ้ากำลังคิดถึงบ้านใช่มั้ย?” ดวงตาของเจี้ยนเก้อเปล่งประกายด้วยความงาม ขณะนี้เธอยิ้มพร้อมกล่าวออกมาด้วยเสียงที่ไพเราะ  เขาเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้ม“ก็เล็กน้อย เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดมากหรอ”
  “จริงสิในช่วงนี้เจ้าอยากให้ข้าทอะไรให้หรือไม่หากมีอะไรที่ต้องการเจ้าสามารุบอกข้าได้เลย”
  เจี้ยนเก้อยิ้มหัวเราะขณะที่เธอพูดออกมา“ เจ้าอยากแต่งกับพี่ชิงเฉิงหรือ? หากต้องการข้าจะไม่คัดค้าน นางคงจะช่วยสนองความต้องการของเจ้าได้อย่างแน่นอน”
  ชิงสุ่ยมองไปที่เธอและส่ายหัว“หญิงโง่ในหัวของเจ้าคิดแต่เรื่องเช่นนี้หรอ? เมื่อคืนเราไม่ได้ทำอย่างนั้นกันเหรอ? นี่เจ้าเห็นว่าขาเป็นหมาป่าที่หิวโหยขนาดนั้นเชียวรึ?”
  “แล้วเจ้าเป็นรึป่าวละ แม้ว่ากำลังท้องอยู่ เจ้าก็ยังไม่ยอมหยุดเลย?” เธอกล่าวออกมาพร้อมหยิบไปที่แก้มของเขา